ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 453 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 9041 - 9060 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9041 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพรายปี พ.ศ. .... | สธ. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพรายปี
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพรายปีเป็นระยะเวลาหนึ่งปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการประเภทกิจการสปา
ปีละ ๑,๐๐๐ บาท และกิจการนวดเพื่อสุขภาพหรือเพื่อเสริมความงาม ปีละ ๕๐๐ บาท
นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ เพื่อเป็นการลดภาระและบรรเทาผลกระทบให้แก่ผู้ประกอบการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้แก่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้อง
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9042 | ร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564)] | ปสส. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๔
ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9043 | ร่างพระราชบัญญัติอาหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติอาหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาหาร
พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยเพิ่มเติมมาตรการควบคุมอาหารเพื่อควบคุมอาหารตามระดับความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายหรือผลกระทบต่อผู้บริโภค
เพิ่มหมวดกระบวนการพิจารณาอนุญาตอาหาร กำหนดมาตรการในการควบคุมการโฆษณาอาหาร
กำหนดให้มีผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ
หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรเอกชนทั้งในและต่างประเทศ
เพื่อทำหน้าที่ในกระบวนการพิจารณาอนุญาตอาหาร
และแก้ไขบทกำหนดโทษและอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9044 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสถาน และตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | คค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลสถาน และตำบลเวียง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลสถาน และตำบลเวียง
อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๔๒๓
สายเสี่ยงเมืองเชียงของ
เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรที่หนาแน่นและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
๑๐๒๐ และ ๑๒๙๐ และเพื่อให้ผู้ใช้ทางในการคมนาคมขนส่ง การค้า
และการท่องเที่ยวมีความสะดวกและปลอดภัย รวมทั้งเป็นการขยายพื้นที่ทางเศรษฐกิจ
ตลอดจนเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ที่กำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติกรณีการตราร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพื่อก่อสร้างถนนหรือขยายถนน
โดยต้องพิจารณาความสอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนและต้องมีผลเป็นการกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติเพียงเท่าที่จำเป็น
รวมทั้งต้องสร้างระบบการระบายน้ำที่เพียงพอต่อการขยายตัวของชุมชนหรือเมืองในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องอีก
๑๐-๑๕ ปี ข้างหน้าไปพร้อมกันด้วย เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาถนนกีดขวางทางน้ำและทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วม
อันส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว
และเห็นควรให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาจัดลำดับความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในพื้นที่ดังกล่าวตามความจำเป็นและความเหมาะสม
นอกจากนี้
เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมกำชับให้กรมทางหลวงและหน่วยงานภายใต้สังกัดที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เรื่อง
แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการตราร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพื่อก่อสร้างหรือขยายถนนอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9045 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2563 และครั้งที่ 6/2563 | ทส. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ และครั้งที่ ๖/๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๓ รวม ๗ เรื่อง ได้แก่ (๑)
รายงานประจำปี ๒๕๖๒ กองทุนสิ่งแวดล้อม (๒)
ร่างแนวทางปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนการจัดการพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน (๓)
การเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด
และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบินจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นพื้นที่เครือข่ายนกอพยพ
ภายใต้โครงการความร่วมมือพันธมิตรสำหรับการอนุรักษ์นกและใช้ประโยชน์ถิ่นที่อยู่อย่างยั่งยืนในเส้นทางการบินเอเชียตะวันออก-ออสเตรเลีย
(East
Asian-Australasian Flyway Partnership : EAAFP) (๔) กรอบและแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อมธรรมชาติบึงโขงหลง
อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (๕)
แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๕ (๖)
โครงการเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในไร่นาเพื่อสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางอาหาร
ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จังหวัดสุพรรณบุรี
ของมูลนิธิข้าวขวัญ และ (๗)
รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(EIA) โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
(โครงการปรับปรุงกายภาพและก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่)
ของกรมท่าอากาศยาน ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๖/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ รวม ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช-เมืองทองธานี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (๒) รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-นครราชสีมา (ช่วงชุมทางบ้านภาชี-นครราชสีมา) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และ (๓) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย จังหวัดเพชรบุรี (โพไร่หวาน) ของการเคหะแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9046 | การดำเนินการจัดทำอนุบัญญัติอันเนื่องมาจากการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 | อก. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการจัดทำอนุบัญญัติออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ในส่วนที่ได้ดำเนินการแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้แล้ว
และรายงานเหตุผลและความจำเป็นในส่วนของอนุบัญญัติที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
การดำเนินการจัดทำอนุบัญญัติออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๖๒ รวมทั้งสิ้น ๑๙ ฉบับ โดยเป็นอนุบัญญัติที่มีผลบังคับใช้แล้ว จำนวน ๓ ฉบับ
และอนุบัญญัติที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่พระราชบัญญัติโรงงาน
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ มีผลใช้บังคับ จำนวน ๑๖ ฉบับ เนื่องจากอยู่ระหว่างดำเนินการนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลใช้บังคับ
จำนวน ๓ ฉบับ (ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๔ แล้ว)
อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จำนวน ๓ ฉบับ
(ปัจจุบันอยู่ระหว่างการนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมลงนามเพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา)
อยู่ระหว่างการพิจารณายกร่าง จำนวน ๙ ฉบับ และจะต้องดำเนินการจัดทำเมื่อมีเหตุการณ์จำเป็นเพื่อนำไปบังคับใช้ในสถานการณ์นั้น
ๆ จำนวน ๑ ฉบับ ๒. สำหรับการดำเนินการจัดทำอนุบัญญัติดังกล่าวนั้น
ปัจจุบันได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วบางส่วน โดยในส่วนอนุบัญญัติที่ออกไว้เดิมนั้นยังคงดำเนินการตรวจสอบว่าขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติโรงงาน
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ อยู่ เนื่องจากอนุบัญญัติดังกล่าวมีจำนวนมากกว่า ๓๐๐ ฉบับ
โดยการดำเนินการดังกล่าวนี้จะต้องใช้ระยะเวลามากพอสมควร
ประกอบกับในช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมยังคงต้องจัดทำอนุบัญญัติที่จะต้องออกตามพระราชบัญญัติโรงงาน
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้แล้วเสร็จ กรณีนี้จึงยังไม่อาจดำเนินการในอนุบัญญัติให้แล้วเสร็จภายใน
๑ ปี ตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9047 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้ เกิน 12 เดือน ซึ่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาชำระหนี้เกิน
๑๒ เดือน ซึ่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
กระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ)
ได้ดำเนินการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ของรัฐบาลภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ
วงเงินรวม ๕๔๓,๔๕๕.๔๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๗
ของวงเงินตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน
๑๒ เดือน จำนวน ๔๘๓,๔๕๕.๔๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๙ ของวงเงินที่ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่าง ๆ เช่น
เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ เงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
และเงินกู้ไทยเข้มแข็ง เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9048 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อโครงการอาหารนักเรียนในโรงเรียน พ.ศ. .... | ศธ. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อโครงการอาหารนักเรียนในโรงเรียน พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งกองทุนเพื่อโครงการอาหารนักเรียนในโรงเรียน
โดยปรับปรุงพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนประถมศึกษา พ.ศ.
๒๕๓๕
และให้โอนบรรดากิจการของกองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนประถมศึกษาที่สังกัดกระทรวงการคลัง
เป็น จัดตั้งกองทุนเพื่อโครงการอาหารนักเรียนในโรงเรียน ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
เพื่อให้การบริหารงานเกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
และกำหนดวัตถุประสงค์การจัดตั้งกองทุนให้ครอบคลุมอาหารนักเรียนนอกเหนือจากอาหารกลางวันและให้รวมถึงโรงเรียนที่จัดการศึกษาภาคบังคับด้วย
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน
เช่น เมื่อได้ตั้งกองทุนเพื่อโครงการอาหารนักเรียนในโรงเรียนแล้ว
ก็สมควรยกเลิกพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวันโรงเรียนประถมศึกษา พ.ศ.
๒๕๓๕ เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อน และสมควรที่คณะรัฐมนตรีจะมีมติเป็นหลักการด้วยว่า
การจัดตั้งทุนหมุนเวียนให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารทุนหมุนเวียนเท่านั้น
เพื่อประโยชน์ในการรักษาวินัยการเงินการคลังของภาครัฐ เป็นต้น
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๓.
ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
การดำเนินกิจกรรมในภาพรวมเพื่อสนับสนุนโครงการอาหารนักเรียนในโรงเรียน
กระทรวงศึกษาธิการจะต้องคำนึงถึงความครอบคลุมของแหล่งเงินที่จะนำมาใช้จ่าย
ความเหมาะสมของกลุ่มเป้าหมาย อัตราค่าใช้จ่ายต่อหัว
ความซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับการจัดหาอาหารให้นักเรียนโดยหน่วยงานอื่น
และจัดหาอาหารให้กับนักเรียนสังกัดต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง และควรมีการบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วนระหว่างโรงเรียน
ส่วนภาคราชการ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง และชุมชนในพื้นที่นั้น ๆ
ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการวิเคราะห์วางแผนและพัฒนาโรงเรียนเพื่อพัฒนาทักษะความรู้และส่งเสริมภาวะโภชนาการให้แก่นักเรียน
รวมถึงโรงเรียนสามารถเป็นต้นแบบในการพัฒนาภาวะโภชนาการของชุมชนในพื้นที่นั้น ๆ
ได้อีกทางหนึ่ง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดเกี่ยวกับการจัดตั้งทุนหมุนเวียน
โดยให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารทุนหมุนเวียน
เพื่อประโยชน์ในการรักษาวินัยการเงินการคลังของภาครัฐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9049 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศเป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รวมพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้กับร่างพระราชกฤษฎีกาฯ
ที่เป็นเรื่องทำนองเดียวกัน
ซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาให้เป็นฉบับเดียวกัน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9050 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. 2558 รวม 2 ฉบับ | ทส. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่
ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ท้องที่ในตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่
ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม
และกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่ดังกล่าว
เพื่อคุ้มครองระบบนิเวศของต้นยางนาและต้นขี้เหล็กที่เป็นเอกลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ในท้องที่ดังกล่าว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับประเด็นข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับการกำหนดให้มีคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของจังหวัดเชียงใหม่
และของจังหวัดลำพูน โดยมีหน้าที่กำกับ ดูแล ติดตาม
ตรวจสอบการบังคับใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
และให้ความเห็นชอบกับการนำแผนงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไปปฏิบัติ
ไม่ใช่การกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมหรือกำหนดหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบตามมาตรา
๔๔ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕
และไม่สอดคล้องกับมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๕
แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒
รวมทั้งมีความซ้ำซ้อนกับภารกิจของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดให้มีคณะกรรมการดังกล่าวให้เกิดความซ้ำซ้อนอีก
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
ยกเลิกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย
อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี
จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. ๒๕๕๘
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฯ พ.ศ. ๒๕๕๘
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงคมนาคมที่เห็นว่า
การกำหนดเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ควรพิจารณาไม่ให้ส่งผลกระทบต่อแผนการบริหารจัดการน้ำตามแผนยุทธศาสตร์กรมชลประทาน
๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๘๐) ตลอดจนโครงการพื้นที่ชลประทานและระบบชลประทานที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และการดำเนินงานตามร่างกฎกระทรวงฯ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล
และเกิดผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ นอกจากนี้
ในกรณีที่มีการดำเนินการกิจกรรมใด ๆ
เกี่ยวกับการบำรุงหรือดูแลรักษาต้นยางนาและต้นขี้เหล็ก หรือกิจกรรมอื่น ๆ
บนทางหลวงหมายเลข ๑๐๖ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานกับหน่วยงานของกรมทางหลวงในพื้นที่เพื่อทราบด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9051 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดไม้ทรงคุณค่า พ.ศ. .... | ทส. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดไม้ทรงคุณค่า
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะและชนิดของไม้ทรงคุณค่า
เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9052 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ปปง. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.
๒๕๔๒ โดยกำหนดเพิ่มเติมการคุ้มครองผู้เสียหายให้ครอบคลุมทุกความผิดมูลฐาน
รวมทั้งกำหนดการคุ้มครองสิทธิผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินที่พนักงานอัยการร้องขอให้ตกเป็นของแผ่นดิน
ตลอดจนกำหนดกระบวนการดำเนินการบังคับคดีกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดซึ่งถูกรวมเข้ากับทรัพย์สินอื่น
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9053 | กรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ | อว. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๒๔,๔๐๐ ล้านบาท
และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์
รวมทั้งยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ เรื่อง
แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติเสนอ และให้สภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ๒.
ให้สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงบประมาณ และข้อเสนอแนะของสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น
ควรมุ่งให้ความสำคัญกับการจัดสรรทุนวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการและแก้ไขปัญหาวิกฤตในอนาคตของประเทศ
ควรกำหนดมาตรการในการสร้างแรงจูงใจหรือสร้างความร่วมมือจากภาคเอกชนและกลุ่มวิสาหกิจเพื่อสังคมที่เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
และควรมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการวิจัยที่มีคุณภาพและปริมาณเพียงพอสำหรับรองรับในการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมที่มีคุณภาพสูงในอนาคต
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9054 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 2/2564 | นร.11 | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๔
ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติให้นำวงเงินกู้เพื่อการตามมาตรา ๕ (๓) มาใช้เพื่อการตามมาตรา
๕ (๒) เพิ่มเติม จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อรองรับการให้ความช่วยเหลือ เยียวยา
ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ระลอกใหม่ในประเทศ
อนุมัติโครงการเราชนะ ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
และมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ ดำเนินการ
รวมทั้งอนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ ๑ และโครงการคนละครึ่ง
ระยะที่ ๒ ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง และโครงการ ๑ ตำบล ๑
กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และอนุมัติให้มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ยกเลิกการดำเนินโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และส่งเสริมการขายในรูปแบบตลาดออนไลน์ของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปปลา
บ้านท่าดินแดง จังหวัดนครสวรรค์
ตลอดจนรับทราบผลการพิจารณาข้อเสนอโครงการขององค์กรภาคประชาชนผ่านหน่วยงานของรัฐเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
การพิจารณากลุ่มเป้าหมายของโครงการ ควรพิจารณาให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ระลอกใหม่
และกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ก่อนเป็นลำดับแรก รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรับรู้ ความเข้าใจให้ถูกต้องครบถ้วน
ถึงสิทธิและข้อจำกัดของการเข้าร่วมโครงการ ที่กลุ่มเป้าหมายจะได้รับในครั้งนี้
ตลอดจนให้ความสำคัญกับศักยภาพและความสามารถของหน่วยงานเจ้าของโครงการ
โดยจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9055 | การขอความเห็นชอบต่อรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการอาเซียน ว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก (ASEAN Commission on the Promotion and Protection of the Rights of Women and Children : ACWC) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิสตรี | พม. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบในการเสนอชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกลำดับแรก (นางสาวรัชดา ไชยคุปต์)
เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยในคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก
(ASEAN Commission on the Promotion and Protection of the Rights of
Women and Children : ACWC) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสตรี
โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง ๓ ปี (นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ–๖
ตุลาคม ๒๕๖๖) โดยหากผู้ได้รับคัดเลือก (นางสาวรัชดา ไชยคุปต์) ถูกเพิกถอนรายชื่อ
หรือ สละสิทธิ หรือมีเหตุอื่นที่ทำให้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยใน ACWC
หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาเรียกผู้ได้รับการคัดเลือกในลำดับถัดไปเพื่อดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยใน
ACWC โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก
และหลังจากนั้นให้รายงานผลเพื่อคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๑.๒
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ในฐานะรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนาของไทย มีหนังสือแจ้งรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยใน
ACWC ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิสตรี
ไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียน
ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ๒.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยใน ACWC เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว
ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
เห็นควรให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ในครั้งต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เร่งรัดการดำเนินการเสนอเรื่องการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยใน
ACWC ให้สอดคล้องกับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งในแต่ละวาระ
เพื่อให้ผู้ดำรงตำแหน่งสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่องและเป็นไปตามข้อกำหนดของคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและเด็กด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9056 | การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปเพื่อแก้ไขความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงิน สำหรับโครงการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดการพื้นที่คุ้มครองในอาเซียน | ทส. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียนเพื่อแก้ไขความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป
สำหรับโครงการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดการพื้นที่คุ้มครองในอาเซียน [Biodiversity
Conservation and Management of Protected Areas in ASEAN : (BCAMP)] เนื่องจากเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรป ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์
เสนอให้จัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อแก้ไขความตกลงดังกล่าวให้มีการขยายระยะเวลาการบริหารโครงการในภาพรวม
จากเดิม ๙๐ เดือน เป็น ๑๐๒ เดือน (ขยายเพิ่มอีก ๑๒ เดือน)
เพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมที่ล่าช้าจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ได้ ๑.๒
อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียนฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งความเห็นชอบของประเทศไทยต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป
(กระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน
ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ภายในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๔) ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียนฯ
ในส่วนของที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9057 | การกำหนดให้การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติ | นร. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
รัฐบาลมีเป้าหมายในการพัฒนาประเทศไทยให้มีรายได้สูงเพื่อให้พ้นจากกับดักรายได้ปานกลางได้โดยเร็วภายใต้แนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG
Model) : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยได้จัดทำยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ
BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๙
เพื่อเป็นกรอบในการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีการพัฒนาต่อยอดจากจุดแข็งของประเทศเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
(Sustainable Development Goals : SDGs)
และสอดรับกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy : SEP) โดยส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจ
BCG และใช้ศักยภาพของประเทศไทยในเรื่องต่าง ๆ เช่น การเกษตร
การสาธารณสุข และการท่องเที่ยว มาขับเคลื่อนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้มากขึ้น
ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) :
โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติ ตั้งแต่ปี ๒๕๖๕ เป็นต้น
และให้คณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG
Model) ส่วนราชการ
และหน่วยงานของรัฐพิจารณากำหนดและดำเนินแผนงาน/โครงการต่าง ๆ
ตามอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบให้ถูกต้อง เหมาะสม สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ
BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๙ เพื่อให้การขับเคลื่อนวาระแห่งชาติในเรื่องนี้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วและยั่งยืนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9058 | การบริจาคเงินสมทบกองทุนเสริมสร้างสันติภาพ (Peacebuilding Fund) ของสหประชาชาติ | กต. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการการบริจาคเงินสมทบกองทุนเสริมสร้างสันติภาพ
(Peacebuilding Fund : PBF) ประจำปี
๒๕๖๕ เพื่อสนับสนุนบทบาทการเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการเสริมสร้างสันติภาพ (Peacebuilding
Commission : PBC) ของสหประชาชาติ
และการเสริมสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนของประเทศไทย
สำหรับค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ
หรือประมาณ ๓,๐๓๗,๐๐๐ บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๐.๓๗ บาท)
เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9059 | รายงานผลการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563 ของกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดศรีสะเกษ
เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๓ ของกระทรวงพาณิชย์
รวมทั้งเสนอประเด็นปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาของจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดศรีสะเกษ
เช่น การแก้ปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย การสร้างถนนเชื่อมเส้นทางการค้าชายแดน
และการแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตร เป็นต้น
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และความเห็นของกระทรวงมหาดไทยที่เห็นควรส่งเสริมด้านการตลาด
โดยจัดหาแหล่งจำหน่ายผลผลิตและผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น
เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและผลกระทบในสภาวะวิกฤตอื่น
ๆ ได้มากขึ้น
รวมทั้งพิจารณาทบทวนการมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับประเด็นไปพิจารณาดำเนินการให้ครอบคลุมทุกมิติและภารกิจ
ตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด โดยการบูรณาการความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนครอบคลุมทุกมิติ เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม
และรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9060 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 17 | กต. | 19/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาอังการา
ร่างแผนงานกรอบความร่วมมือเอเชีย ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๓๐ และร่างหลักการจัดตั้งสำนักเลขาธิการถาวรของกรอบความร่วมมือเอเชีย
รวม ๓ ฉบับ ซึ่งเป็นร่างเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนาม
ในการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ ๑๗ ที่จะจัดขึ้นในวันที่
๒๑ มกราคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างเอกสารดังกล่าว
โดยสาระสำคัญของร่างปฏิญญาฯ
เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีประเทศสมาชิกและกล่าวถึงสถานะของกรอบความร่วมมือเอเชียในภาพรวม
ส่วนร่างแผนงานฯ
เป็นเอกสารที่กำหนดเป้าหมายในการขับเคลื่อนความร่วมมือของกรอบความร่วมมือร่วมกันของประเทศสมาชิกในอนาคต
และร่างหลักการฯ เป็นเอกสารกำหนดโครงสร้างและแนวทางการบริหารงานของสำนักเลขาธิการกรอบความร่วมมือเอเชีย
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าว
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามร่างเอกสารดังกล่าว
เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|