ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 459 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 9161 - 9180 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9161 | การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร | นร.08 | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ
รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่
๙) และร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ข้อกำหนด
ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๓.
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9162 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ การทำ วิธีแสดง และการใช้เครื่องหมายมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ
การทำ วิธีแสดง และการใช้เครื่องหมายมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการบังคับใช้กฎกระทรวงกำหนดลักษณะ การทำ
วิธีแสดง และการใช้เครื่องหมายมาตรฐานกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๖๓
เฉพาะการแสดงรายละเอียดใบอนุญาตและข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
(QR Code) ตามข้อ ๕ วรรคสุดท้าย
ออกไปอีกหนึ่งร้อยแปดสิบวัน (มีผลใช้บังคับวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔) เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเตรียมความพร้อมในการดำเนินการแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับใบอนุญาตและข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมนั้นในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
(QR Code) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9163 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น อำเภอกุดรัง อำเภอบรบือ อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม อำเภอศรีสมเด็จ อำเภอเมืองร้อยเอ็ด อำเภอจังหาร อำเภอเชียงขวัญ อำเภอโพธิ์ชัย อำเภอโพนทอง อำเภอเมยวดี อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร อำเภอนิคมคำสร้อย อำเภอเมืองมุกดาหาร อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร และอำเภอธาตุพนม อำเภอเรณูนคร อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่ - มหาสารคาม - ร้อยเอ็ด - มุกดาหาร - นครพนม พ.ศ. .... | คค. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น อำเภอกุดรัง อำเภอบรบือ
อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม อำเภอศรีสมเด็จ อำเภอเมืองร้อยเอ็ด
อำเภอจังหาร อำเภอเชียงขวัญ อำเภอโพธิ์ชัย อำเภอโพนทอง อำเภอเมยวดี อำเภอหนองพอก
จังหวัดร้อยเอ็ด อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร อำเภอนิคมคำสร้อย อำเภอเมืองมุกดาหาร
อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร และอำเภอธาตุพนม อำเภอเรณูนคร อำเภอเมืองนครพนม
จังหวัดนครพนม เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางรถไฟ
เครื่องประกอบทางรถไฟ ทาง และสิ่งจำเป็นอื่น
ตามโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม
ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่อำเภอบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม
ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น อำเภอกุดรัง อำเภอบรบือ
อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม อำเภอศรีสมเด็จ อำเภอเมืองร้อยเอ็ด
อำเภอจังหาร อำเภอเชียงขวัญ อำเภอโพธิ์ชัย อำเภอโพนทอง อำเภอเมยวดี อำเภอหนองพอก
จังหวัดร้อยเอ็ด อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร อำเภอนิคมคำสร้อย อำเภอเมืองมุกดาหาร
อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร และอำเภอธาตุพนม อำเภอเรณูนคร อำเภอเมืองนครพนม
จังหวัดนครพนม
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9164 | ผลการประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค เรื่อง การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ผ่านระบบการประชุมทางไกล | กษ. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค
เรื่อง การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม
๒๕๖๓ ซี่งประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพการประชุม และมีผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วยรัฐมนตรี/ผู้แทนจากเขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปคทั้ง
๒๑ เขต (ยกเว้นปาปัวนิวกินี)
โดยที่ประชุมได้รับรองแถลงการณ์รัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค เรื่อง
การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ (ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม
๒๕๖๓) โดยไม่มีการปรับปรุงแก้ไขแถลงการณ์ฯ
ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญหรือนัยสำคัญที่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
รวมทั้งไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมายและสมาชิกสามารถพิจารณาให้ความร่วมมือตามความสมัครใจ
โดยแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญ เช่น (๑)
มีการกล่าวถึงผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โรคโควิด ๑๙) ที่มีต่อชีวิตความเป็นอยู่
ความมั่นคงอาหาร การเกษตร การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและประมง ห่วงโซ่อาหารในภูมิภาค
รวมถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมทั่วโลก (๒)
เน้นย้ำการเสริมสร้างความร่วมมือที่ต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าระบบอาหารทั่วโลกยังคงเปิดกว้าง
มีนวัตกรรม เชื่อถือได้ มีความยืดหยุ่น เข้าถึงได้ และยั่งยืน (๓)
การให้ความสำคัญของการทำงานร่วมกับองค์การระหว่างประเทศอื่น ๆ (๔)
สนับสนุนให้มีการแบ่งปันข้อมูลและความร่วมมือระหว่างเขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปคและคณะทำงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยให้มั่นใจว่าอาหารเพียงพอ
ปลอดภัย ราคาไม่แพง และมีคุณค่าทางโภชนาการ
ยังคงมีอยู่และเข้าถึงได้สำหรับประชาชนทุกคน และ (๕)
เพิ่มบทบาทภาคเอกชนและมุ่งมั่นส่งเสริมความร่วมมือและการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9165 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานลูกเสือแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9166 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ตช. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พ.ศ. ๒๕๕๔
เพื่อกำหนดให้ปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชานิติศาสตร์เพิ่มขึ้น
รวมทั้งกำหนดสีประจำสาขาวิชาดังกล่าว ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9167 | ร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง พ.ศ. .... | นร.05 | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง
พ.ศ. .... (ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔)
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9168 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 1/2564 | นร.04 | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่
๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๔ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ (๑)
ข้อกำหนดและประกาศที่เกี่ยวข้อง (๒) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ
(๓) การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามแนวชายแดน
(๔) ความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนโรคโควิด-19 เพิ่มเติม (๕)
ความคืบหน้าการจัดการแข่งขันแบดมินตัน BWF World Tour (๖)
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่
๙) (๗) ความคืบหน้าการตรวจคัดกรองแรงงานต่างด้าว และ (๘) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9169 | วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๓,๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตและความเห็นของที่ประชุมเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การลงทุนของประเทศในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ควรพิจารณาให้ครอบคลุมการลงทุนจากทุกแหล่งเงิน ประกอบด้วย
การลงทุนจากเงินงบประมาณของภาครัฐ การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public
Private Partnership : PPP) การลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
การลงทุนโดยใช้เงินจากกองทุน เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand
Future Fund : TFF) และการลงทุนจากต่างประเทศ
เป็นต้น ๑.๒
ควรมีการกำหนดเงื่อนไขของการใช้จ่ายเงินงบประมาณ
โดยเฉพาะการใช้จ่ายที่มีลักษณะเป็นการโอนเงินให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) เช่น
การให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่ากับผู้ถูกเลิกจ้างหรือผู้ที่อยู่ระหว่างหางานทำ
ควรมีการกำหนดเงื่อนไขให้มีการฝึกอบรมทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ถูกเลิกจ้างในการหางานทำต่อไป
และทำให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นต้น ๑.๓
เพื่อเป็นการสร้างศักยภาพของประเทศและความยั่งยืนในระยะต่อไปตามแผนการคลังระยะปานกลาง
เห็นควรให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการลงทุนมากขึ้น
และชะลอรายจ่ายประจำปีที่สามารถดำเนินการได้ ๒.
ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9170 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2563 | กค. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๓ ปี ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) ภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจ ได้แก่ เศรษฐกิจโลก
เศรษฐกิจไทยและเงินเฟ้อ และเสถียรภาพของระบบการเงินไทย และ (๒) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาส
๓ ปี ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9171 | รายงานผลการดำเนินโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิตฤดูการผลิตปี 2562/2563 | อก. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
โครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิตฤดูการผลิตปี
๒๕๖๒/๒๕๖๓ กรอบวงเงินช่วยเหลือ ประกอบด้วย (๑)
วงเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่ส่งอ้อยเข้าโรงงานทุกรายที่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย
พ.ศ. ๒๕๒๗ จำนวน ๖,๕๐๐ ล้านบาท และ (๒) วงเงินช่วยเหลือเฉพาะชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดเข้าโรงงานทุกตันอ้อย
จำนวน ๓,๕๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ได้จ่ายเงินช่วยเหลือเสร็จเรียบร้อยแล้ว ณ วันที่ ๓๐
กันยายน ๒๕๖๓ โดยมีชาวไร่อ้อยได้รับการช่วยเหลือรวมทั้งสิ้นจำนวน ๑๙๐,๑๐๔ ราย วงเงินที่จ่ายช่วยเหลือรวมทั้งสิ้นจำนวน
๙,๗๗๙.๔๘ ล้านบาท วงเงินคงเหลือจำนวน ๒๒๐.๕๒ ล้านบาท ๒.
การช่วยเหลือปัจจัยการผลิตเฉพาะชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดในฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓
ส่งผลให้สามารถลดพื้นที่การเผาอ้อยง ๑.๒ ล้านไร่
ปริมาณอ้อยไฟไหม้ลดลงคิดเป็นร้อยละ ๑๑.๔๖ เมื่อเทียบกับฤดูการผลิตปี ๒๕๖๑/๒๕๖๒
อยู่ที่ร้อยละ ๖๑.๑๑ โดยในฤดูการผลิตปี ๒๕๖๒/๒๕๖๓ มีปริมาณอ้อยเข้าหีบรวมทั้งสิ้น
๗๔.๘๙ ล้านตัน ประกอบด้วย ปริมาณอ้อยสด ๓๗.๗๑ ล้านตัน และปริมาณอ้อยไฟไหม้ ๓๗.๑๘
ล้านตัน (หรือคิดเป็นร้อยละ ๕๐.๓๕ และ ๔๙.๖๕ ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมดตามลำดับ)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9172 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับนั่งร้านและค้ำยัน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้าง พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับนั่งร้านและค้ำยัน พ.ศ. .... ) | รง. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร
จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย
และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับนั่งร้านและค้ำยัน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยสำหรับการทำงานเกี่ยวกับนั่งร้านและค้ำยัน
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการทำงานของลูกจ้างมากขึ้น ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร
จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้าง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยสำหรับการทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้าง
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการทำงานของลูกจ้างมากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9173 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับนั่งร้านและค้ำยัน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้าง พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้าง พ.ศ. ....) | รง. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร
จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย
และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับนั่งร้านและค้ำยัน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยสำหรับการทำงานเกี่ยวกับนั่งร้านและค้ำยัน
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการทำงานของลูกจ้างมากขึ้น ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร
จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้าง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยสำหรับการทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้าง
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการทำงานของลูกจ้างมากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9174 | รายงานผลดำเนินงานตามมาตรการลดภาระค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม กรณีอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง เมื่อสิ้นสุดโครงการ ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2562 - 23 มิถุนายน 2563 ระยะเวลารวม 1 ปี | พม. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลดำเนินงานตามมาตรการลดภาระค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
กรณีอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
เมื่อสิ้นสุดโครงการ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒-๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ ระยะเวลารวม
๑ ปี ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
ผลการดำเนินงานตามมาตรการฯ เมื่อสิ้นสุดโครงการ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒-๒๓
มิถุนายน ๒๕๖๓ รวมระยะเวลา ๑ ปี สามารถช่วยลดภาระและเพิ่มกำลังซื้อให้กับกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่ไม่สูงมากนักและมีความสามารถในการผ่อนชำระได้
ได้ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยได้เร็วขึ้น ได้เข้าถึงในกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย
จำนวน ๑๑๑,๖๓๕ ราย สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๙๑.๓๕ ของเป้าหมายรวม ๑๒ เดือน จำนวน
๕๘,๓๔๐ ครัวเรือน (จำนวนผู้อยู่อาศัยเฉลี่ยต่อครัวเรือนของประเทศเท่ากับ ๓ ราย
คิดเป็นประชาชนเป้าหมายรวม ๑๗๕,๐๒๐ ราย) ๒. ผลกระทบต่อรายได้การเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมซี่งเป็นรายได้ของรัฐ
โดยกรมที่ดินเป็นผู้จัดเก็บให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นลดลง
เมื่อสิ้นสุดโครงการ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒-๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ ระยะเวลารวม
๑ ปี จำนวน ๑,๕๑๒.๓๖๗ ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย ร้อยละ ๑๑.๐๔
จากการคาดการณ์ที่รัฐต้องสูญเสียรายได้ จำนวน ๑,๗๐๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9175 | โครงการเตรียมงานฉลองครบรอบ 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (6 พฤษภาคม 2566) | อว. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพจัดงานเฉลิมฉลองวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี วันประสูติ
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (๖
พฤษภาคม ๒๕๖๖) โดยให้มีแผนการดำเนินงานและกิจกรรมการเฉลิมฉลองระหว่างปี พ.ศ.
๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๖ และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ
ภาคประชาชน ภาคเอกชน และมูลนิธิต่าง ๆ ในพระอุปถัมภ์ ร่วมจัดกิจกรรมตลอดปี พ.ศ. ๒๕๖๖
โดยไม่ขอผูกพันงบประมาณ เช่น
การจัดประชุมวิชาการนานาชาติเพื่อสดุดีพระเกียรติคุณสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ในด้านภาษาฝรั่งเศสศึกษาในบริบทของสังคมพหุวัฒนธรรม
การผลิตสื่อและวีดิทัศน์เผยแพร่พระกรณียกิจสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ
เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ กับงานด้านพัฒนาสังคมและสังคมสงเคราะห์
และนิทรรศการเผยแพร่พระกรณียกิจด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม ณ
สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส
รวมทั้งนิทรรศการหรือสื่อการนำเสนอเกี่ยวกับ Education for All ณ สำนักงานสหประชาชาติ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เป็นต้น
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9176 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2562 และประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ 2563 ของการรถไฟแห่งประเทศไทยและองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | กค. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๒ และประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ซี่งได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแล้ว
และในคราวประชุมคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่
๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ ที่ประชุมได้มีมติรับทราบและมีข้อสังเกตเกี่ยวกับรายงานผลการให้บริการสาธารณะดังกล่าว
เช่น หากในระหว่างปีเกิดเหตุสุดวิสัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐวิสาหกิจที่ขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจดังกล่าว เช่น การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
เห็นควรกำหนดเป็นแนวทางให้รัฐวิสาหกิจสามารถนำเสนอสาเหตุและผลกระทบที่เกิดขึ้นพร้อมรายละเอียดเหตุผลสนับสนุนในการขอปรับปรุง/เปลี่ยนแปลงดัชนีชี้วัดหรือค่าเป้าหมายตามที่กำหนดไว้
เพื่อคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะพิจารณาภายในสิ้นปีงบประมาณนั้น ๆ ต่อไป
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9177 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง ค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | สธ. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบโครงการเตรียมความพร้อมรับมือและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอกใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และอนุมัติการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จำนวน
๔,๖๖๑,๑๑๖,๒๐๓ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอกใหม่
รวมทั้งการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของแผนงาน/โครงการอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9178 | ผลการประชุมด้านเศรษฐกิจในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 | พณ. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมด้านเศรษฐกิจในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๓๗ ซี่งประกอบด้วยการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๑๙
การประชุมหารือระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนไตรภาคีแบบเปิดกับสวิตเซอร์แลนด์
และการประชุมเตรียมการรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
เมื่อวันที่ ๑๐-๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์
(นายสรรเสริญ สมะลาภา) เข้าร่วมการประชุม
และการประชุมสุดยอดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ครั้งที่ ๔
เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
การประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๑๙
ที่ประชุมได้รับทราบประเด็นสำคัญ เช่น
รับทราบการทบทวนแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๕ ระยะกลางฉบับเบื้องต้น
โดยมีข้อเสนอแนะสำคัญ เช่น การสนับสนุนยุทธศาสตร์อาเซียนในประเด็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่
๔ การส่งเสริมวาระการมีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าโลกแบบองค์รวม
และการมีกลยุทธ์ความสัมพันธ์กับภายนอกภูมิภาคเชิงรุกและเชิงยุทธศาสตร์มากขึ้น
และรับทราบความคืบหน้าการจัดทำแผนยุทธศาสตร์อาเซียนในประเด็นการปฏิวัติอุตสาหกรรม
ครั้งที่ ๔
โดยจะดำเนินการแล้วเสร็จและเสนอผู้นำอาเซียนพิจารณาให้การรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียนช่วงเดือนพฤศจิกายน
๒๕๖๔ เป็นต้น ๒.
การประชุมหารือระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนไตรภาคีแบบเปิดกับสวิตเซอร์แลนด์
ที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนมุมมองและข้อมูลในประเด็นด้านเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์
เช่น การเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการระบาดใหญ่ของโควิด-๑๙
การส่งเสริมความร่วมมือด้านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล
และการให้ภาคธุรกิจโดยเฉพาะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม
และรายย่อยมีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศและระบบการค้าดิจิทัลมากขึ้น
เป็นต้น ๓. การประชุมเตรียมการรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและการประชุมสุดยอดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
ครั้งที่ ๔ ที่ประชุมได้เห็นชอบการแปลงสถานะของคณะกรรมการเจรจาจัดทำความตกลง Regional
Comprehensive Economic Partnership (RCEP) เป็นคณะกรรมการร่วม
RCEP ชั่วคราว
เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการเตรียมการสำหรับการมีผลใช้บังคับของความตกลง และปฏิญญาของรัฐมนตรี
RCEP เรื่องการเข้าร่วมความตกลง RCEP ของอินเดีย
โดยมีสาระสำคัญ คือ สมาชิก RCEP จะเริ่มการเจรจากับอินเดียเมื่ออินเดียยื่นแสดงเจตนารมณ์เป็นลายลักษณ์อักษรหลังการลงนามโดยสามารถเข้าร่วมความตกลงได้ทันทีที่ความตกลงมีผลใช้บังคับและเปิดให้อินเดียเข้าร่วมการประชุม
RCEP ในฐานะผู้สังเกตการณ์และเข้าร่วมกิจกรรมความร่วมมือทางเศรษฐกิจตามเงื่อนไขที่รัฐผู้ลงนามความตกลงกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9179 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ รัฐเตลังคานา สาธารณรัฐอินเดีย | พณ. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์
รัฐเตลังคานา สาธารณรัฐอินเดีย (Memorandum of Understanding between
Ministry of Commerce, Royal Thai Government and Department of Industries and
Commerce, Government of Telangana, Republic of India) และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
(จะมีการจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจฯ รูปแบบออนไลน์ในช่วงเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔)
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน
รวมทั้งแลกเปลี่ยนด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีภายใต้ขอบเขตความร่วมมือ ได้แก่
การแลกเปลี่ยนข้อมูลการตลาด การสนับสนุนเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของภาคธุรกิจ
การส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงทางธุรกิจระหว่างกัน
การอำนวยความสะดวกในการจัดกิจกรรมทางธุรกิจประเภทต่าง ๆ
การเชื่อมโยงแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อสร้างโอกาสในการเจรจาการค้า การแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านสตาร์ทอัพผ่านศูนย์บ่มเพาะธุรกิจ
การให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนต่าง ๆ
และการให้สิทธิประโยชน์หรือสิทธิพิเศษทางภาษีแก่นักลงทุนที่ใช้ไม้ยางพาราจากไทย
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑)
หากในอนาคตมีการดำเนินงานส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกทางการค้าให้แก่สินค้าจากอินเดีย
ฝ่ายไทยก็ควรพิจารณาขอรับการอำนวยความสะดวกดังกล่าวเช่นกัน (๒) กระทรวงพาณิชย์ควรเน้นย้ำความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในการแลกเปลี่ยนสตาร์ทอัพระหว่างกันเพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์และทักษะด้านการบริหารจัดการให้กับสตาร์ทอัพไทย
รวมทั้งการเชื่อมโยงนักลงทุนและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่อินเดียมีศักยภาพและใช้เทคโนโลยีสูงเพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีให้กับบุคลากรไทย
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ และ (๓)
กระทรวงพาณิชย์ควรประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งรัดการอำนวยความสะดวกและสงเสริมให้ผู้ประกอบการไทยใช้สิทธิประโยชน์จากความร่วมมือดังกล่าว
โดยเฉพาะการขยายตลาดการค้าและการลงทุนในกลุ่มสินค้าเกษตรที่ไทยมีศักยภาพ อาทิ
ไม้ยางพารา และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งรวมถึงอาหารและผลิตภัณฑ์ฮาลาล
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9180 | ผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2563 | ดศ. | 05/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ โดยคณะกรรมการฯ ได้รับทราบเรื่องต่าง
ๆ ที่สำคัญ เช่น การเปิดให้บริการโครงข่ายเน็ตประชารัฐ
การจัดทำแพลตฟอร์มกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพทั่วประเทศ การฝึกอบรมให้เกษตรกรมีทักษะการใช้โดรนและพัฒนาเป็นสมาร์ทฟาร์ม
และร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๔ ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ รวมทั้งเห็นชอบ (ร่าง)
พระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. .... ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ไทยมีองค์กรกลางในการกำหนดนโยบายและแผนกิจการอวกาศของประเทศในภาพรวมอย่างมีเอกภาพ
และให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)
เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป และเห็นชอบแนวปฏิบัติจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งมีองค์ประกอบ
เช่น ความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ความโปร่งใสและความรับผิดชอบ
ความมั่นคงและความ เป็นส่วนตัว และความเท่าเทียม หลากหลาย ครอบคลุม และเป็นธรรม
และเห็นควรเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|