ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 22 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 421 - 440 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
421 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม | กห. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐาน
(แม่น้ำปิง และแม่น้ำกก) ระยะเร่งด่วน ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๕๕,๓๓๔,๑๐๐ บาท ให้กองบัญชาการกองทัพไทย ต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
422 | ขอความเห็นชอบการต่ออายุกรอบข้อบังคับของกลุ่มต่อต้านการฟอกเงินเอเชียแปซิฟิก (Asia/Pacific Group on Money Laundering: APG) แบบไม่มีกำหนด | ปปง. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
423 | การเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา | นร. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่
๒๓ - ๒๔ เมษายน ๒๕๖๘ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ ๗๕ ปี
แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา
ขอเสนอคณะรัฐมนตรีทราบและมอบหมายการดำเนินการต่าง ๆ
ที่ได้จากการหารือร่วมกับฝ่ายกัมพูชา ดังนี้ ๑.
ประเด็นความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์
ทั้ง ๒ ประเทศยืนยันที่จะร่วมมือกันใน ๔ ด้าน ได้แก่ (๑)
ร่วมกันแบ่งปันข้อมูลหลักฐานหรือข้อมูลต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ในการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าว (๒)
ร่วมมือกันปิดกั้น (Block) สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตที่มาจากเครือข่ายของผู้ก่ออาชญากรรมออนไลน์
(๓) ยกระดับมาตรการตรวจสอบและควบคุมชายแดนของทั้ง ๒ ฝ่ายให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น
เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้า/ส่งออกสิ่งของผิดกฎหมายข้ามแดน และ (๔)
ร่วมมือกันในการตรวจสอบคนต่างชาติที่เดินทางเข้าไปทำงานในประเทศของอีกฝ่ายหนึ่งให้มีใบอนุญาตทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ดังนั้น จึงมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง
เพื่อบูรณาการการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของแต่ละหน่วยงาน
รวมทั้งประสานความร่วมมือกับบริษัทเอกชนที่ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมในการดำเนินการป้องกัน
แก้ไขและปราบปรามปัญหาอาชญากรรมดังกล่าวให้บรรลุผลอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนของทั้ง ๒ ประเทศมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
รวมทั้งสามารถยกระดับความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น ๒. ประเด็นความร่วมมือในกรอบอาเซียน (ASEAN) ทั้ง ๒
ประเทศเห็นพ้องกันว่าความร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้นและเป็นเอกภาพของประเทศสมาชิกอาเซียนจะเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้
รวมทั้งช่วยเพิ่มศักยภาพในการเจรจาต่อรองทางการค้ากับประเทศคู่ค้าที่สำคัญของอาเซียนได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง
และคณะทำงานนโยบายการค้าที่เกี่ยวข้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายและรวบรวมข้อมูล/มาตรการร่วมกันของอาเซียน
เพื่อพิจารณาใช้ประโยชน์ในการเจรจาต่อรองทางการค้าต่อไป ๓. ประเด็นการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วม (Mini Joint Cabinet Meeting) ไทย - กัมพูชา ทั้ง
๒ ประเทศเห็นชอบให้มีการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมฯ ขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีหารือและร่วมกันกำหนดแนวทางในการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้น ในพื้นที่ชายแดนของทั้ง ๒ ประเทศ เช่น ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Call
Center) ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งคาดว่าจะมีการจัดการประชุมดังกล่าวภายในเดือนกรกฎาคม
๒๕๖๘ ณ จังหวัดสระแก้ว ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน กระทรวงยุติธรรม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งประสานความร่วมมือในการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น
รวมทั้งจัดเตรียมข้อมูลและประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อใช้ประโยชน์ในการจัดการประชุมดังกล่าวข้างต้นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
424 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 1/2568 และครั้งที่ 2/2568 | นร.04 | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่
๒๓ - ๒๔ เมษายน ๒๕๖๘ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ ๗๕ ปี
แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา
ขอเสนอคณะรัฐมนตรีทราบและมอบหมายการดำเนินการต่าง ๆ
ที่ได้จากการหารือร่วมกับฝ่ายกัมพูชา ดังนี้ ๑.
ประเด็นความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์
ทั้ง ๒ ประเทศยืนยันที่จะร่วมมือกันใน ๔ ด้าน ได้แก่ (๑)
ร่วมกันแบ่งปันข้อมูลหลักฐานหรือข้อมูลต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ในการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าว (๒)
ร่วมมือกันปิดกั้น (Block) สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตที่มาจากเครือข่ายของผู้ก่ออาชญากรรมออนไลน์
(๓) ยกระดับมาตรการตรวจสอบและควบคุมชายแดนของทั้ง ๒ ฝ่ายให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น
เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้า/ส่งออกสิ่งของผิดกฎหมายข้ามแดน และ (๔)
ร่วมมือกันในการตรวจสอบคนต่างชาติที่เดินทางเข้าไปทำงานในประเทศของอีกฝ่ายหนึ่งให้มีใบอนุญาตทำงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ดังนั้น จึงมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง
เพื่อบูรณาการการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของแต่ละหน่วยงาน
รวมทั้งประสานความร่วมมือกับบริษัทเอกชนที่ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมในการดำเนินการป้องกัน
แก้ไขและปราบปรามปัญหาอาชญากรรมดังกล่าวให้บรรลุผลอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนของทั้ง ๒ ประเทศมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
รวมทั้งสามารถยกระดับความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น ๒. ประเด็นความร่วมมือในกรอบอาเซียน (ASEAN) ทั้ง ๒
ประเทศเห็นพ้องกันว่าความร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้นและเป็นเอกภาพของประเทศสมาชิกอาเซียนจะเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้
รวมทั้งช่วยเพิ่มศักยภาพในการเจรจาต่อรองทางการค้ากับประเทศคู่ค้าที่สำคัญของอาเซียนได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง
และคณะทำงานนโยบายการค้าที่เกี่ยวข้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายและรวบรวมข้อมูล/มาตรการร่วมกันของอาเซียน
เพื่อพิจารณาใช้ประโยชน์ในการเจรจาต่อรองทางการค้าต่อไป ๓. ประเด็นการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วม (Mini Joint Cabinet Meeting) ไทย - กัมพูชา ทั้ง
๒ ประเทศเห็นชอบให้มีการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมฯ ขึ้น
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีหารือและร่วมกันกำหนดแนวทางในการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้น ในพื้นที่ชายแดนของทั้ง ๒ ประเทศ เช่น ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (Call
Center) ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งคาดว่าจะมีการจัดการประชุมดังกล่าวภายในเดือนกรกฎาคม
๒๕๖๘ ณ จังหวัดสระแก้ว ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน กระทรวงยุติธรรม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งประสานความร่วมมือในการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น
รวมทั้งจัดเตรียมข้อมูลและประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อใช้ประโยชน์ในการจัดการประชุมดังกล่าวข้างต้นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
425 | การเข้าร่วมงาน International Horticultural Expo 2027 | กต. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
426 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อปรับปรุงเงื่อนไขอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภทประหยัดพลังงาน แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้าที่สามารถเสียบปลั๊กประจุไฟฟ้าได้ (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) | กค. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อปรับปรุงเงื่อนไขอัตราภาษีรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน
๑๐ คน ประเภทประหยัดพลังงาน
แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้าที่สามารถเสียบปลั๊กประจุไฟฟ้าได้ (Plug-in Hybrid Electric Vehicle : PHEV) โดยยกเลิกเงื่อนไขขนาดถังน้ำมัน (Fuel
Tank) และให้คงพิจารณาเฉพาะระยะทางการวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าต่อการประจุไฟฟ้า
๑ ครั้งเท่านั้น เพื่อให้รถยนต์ PHEV ที่ผลิตในประเทศไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการพัฒนาเทคโนโลยีและสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยของรถยนต์
PHEV ในระดับสากล และช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมยานยนต์ประเภทสันดาปภายในไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต
(Future Mobility) โดยยังคงจัดเก็บอัตราภาษีสรรพสามิตตามมูลค่าร้อยละ
๕ และร้อยละ ๑๐ และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๙ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
427 | รายงานผลการเข้าร่วมพิธีพระศพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกและนครรัฐวาติกัน | นร. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายชูศักดิ์ ศิรินิล) รายงานว่า
ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชามอบหมายกระผมเป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทยเข้าร่วมพิธีพระศพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส
ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกและนครรัฐวาติกัน เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๘ ณ จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน
นั้น ขอรายงานผลการร่วมพิธีพระศพสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิสดังกล่าว โดยสรุป
ดังนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๖ เมษายน
๒๕๖๘ กระผมในฐานะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทย พร้อมด้วยนายธเนศ กิตติธเนศวร เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
และนางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ (ว่าที่) เอกอัครราชทูตประจำนครรัฐวาติกัน
ได้เข้าร่วมพิธีพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันชิส ณ จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์
นครรัฐวาติกัน โดยมีนายธัชสิทธิ์ ประสิทธิรัตน์ อุปทูตรักษาราชการแทนเอกอัครราชทูต
ประจำนครรัฐวาติกันและคณะ เข้าร่วมพิธีในส่วนของคณะทูตานุทูตด้วย พิธีพระศพจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ
โดยเริ่มขึ้นในเวลา ๑๐.๐๐ น. ด้วยการเคลื่อนย้ายโลงพระศพ จากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ออกมายังหน้ามหาวิหาร
ตามด้วยการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายพระศพไปฝังที่มหาวิหารซันตามาเรียมัจโจเร
(Santa Maria Maggiore Basilica) ณ กรุงโรม
และเสร็จสิ้นเมื่อเวลา ๑๒.๑๐ น. โดยมีพระคาร์ดินัลโจวานนี บัตตีสตา เร (Cardinal
Giovanni Battista Re) ประธานคณะคาร์ดินัลทั่วโลก (Dean of
the College of Cardinals) เป็นประธานในพิธีพระศพ
และมีผู้แทนระดับสูงจากนานาประเทศเข้าร่วมกว่า ๑๕๐ ประเทศ/องค์การระหว่างประเทศ
รวมถึงเชื้อพระวงศ์ ประมุขของรัฐ และผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ
จำนวนมาก รวมทั้งยังมีประชาชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมงาน และผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลประเทศต่าง
ๆ จำนวนมาก รวมทั้งยังมีประชาชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมงานอีกกว่า ๒๐๐,๐๐๐ คน ในโอกาสนี้
กระผมและคณะได้เข้าพบพระคาร์ดินัลปิเอโตร ปาโรลิน (Pietro
Parolin) เลขาธิการสันตะสำนักในสมัยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส
และพระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ที่นครรัฐวาติกันด้วย ประเทศไทยและนครรัฐวาติกันได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อวันที่
๒๘ เมษายน ๒๕๑๒ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับนครรัฐวาติกันเป็นไปอย่างราบรื่น
โดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิสได้เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่
๒๐ - ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี รวมทั้งได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกด้วย การที่ประเทศไทยมีผู้แทนพิเศษระดับรัฐบาลเข้าร่วมพิธีพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส
เป็นการแสดงมิตรไมตรีและความเคารพอย่างสูงต่อคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก
และแสดงให้เห็นว่าถึงแม้ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ
แต่ก็ยังให้คุณค่าและความเคารพต่อศาสนาอื่น ๆ และพิธีกรรมทางศาสนา
โดยการเข้าร่วมพิธีพระศพในครั้งนี้ยังเป็นการส่งเสริมแนวคิดการอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวระหว่างศาสนาต่าง
ๆ บนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน
ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับนครรัฐวาติกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
428 | ปัญหาการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดสกลนครและนครพนม | นร. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการในจังหวัดสกลนครและนครพนม
เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๘ พบว่า การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ยังมีปัญหาในด้านการบูรณาการและการติดตามผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนที่ได้กำหนดไว้
ทั้งในส่วนของการบริหารจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค
การบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรกรรม และการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง
ที่ยังไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุผลได้อย่างเป็นรูปธรรมเท่าที่ควร ดังนั้น
จึงขอมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) รับเรื่องนี้ไปประสาน/กำกับให้หน่วยงานด้านการบริหารจัดการน้ำที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
เร่งรัดการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติแล้ว
ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
เพื่อให้ความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งในพื้นที่จังหวัดสกลนครและและนครพนม
รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงหมดสิ้นไปโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
429 | โครงการสลากการกุศล | กค. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบให้ยกเลิกโครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมต่อต้านการทุจริตแห่งประเทศไทย
ของมูลนิธิต่อต้านการทุจริตแห่งประเทศไทย วงเงิน ๒๕๐ ล้านบาท
เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าว ล่วงเลยระยะเวลาตามที่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๗ มีนาคม ๒๕๖๖ เห็นชอบ เนื่องจากปัจจุบันมูลนิธิฯ ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับกรมธนารักษ์เพื่อขอเช่าที่ดินแปลงอื่น ๑.๒ เห็นชอบให้มีการออกสลากการกุศลเพื่อสนับสนุนโครงการที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการฯ
จำนวน ๗ โครงการ วงเงิน ๕,๓๐๘.๑๔ ล้านบาท ๑.๓
มอบหมายให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบบาล ดำเนินการดังนี้ ๑.๓.๑
เป็นผู้จัดพิมพ์ จัดจำหน่าย และจ่ายเงินรางวัลสลากการกุศลตามข้อ ๑.๒ ๑.๓.๒
ประสานงานกับหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับการสนับสนุนตามข้อ ๑.๒
เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการออกสลากการกุศล การขออนุญาตการออกสลากการกุศล โดยปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และการนำส่งเงินให้หน่วยงานเจ้าของโครงการตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ
โดยให้ผู้รับใบอนุญาตการออกสลากการกุศลเสียภาษีการพนันเหลือร้อยละ ๐.๕
แห่งยอดราคาสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่ายตามข้อ ๑๒ (๔) ของกฎกระทรวงมหาดไทย
ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๐๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติพนัน พ.ศ. ๒๔๗๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ ๔๓ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ๑.๓.๓
จัดทำแผนการออกสลากการกุศลและแผนการใช้เงินของแต่ละโครงการและรายงานต่อคณะกรรมการฯ
เพื่อประโยชน์ในการกำกับ ติดตามการดำเนินโครงการที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ ๑.๔
มอบหมายให้คณะกรรมการฯ ดำเนินการดังนี้ ๑.๔.๑
ให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจในการกำหนดระยะเวลาผูกพันวงเงินขยายระยะเวลาผูกพันวงเงิน
หรือขยายระยะเวลาดำเนินการตามแผนเบิกจ่ายตามเหตุผลความจำเป็นแล้วแต่กรณี ทั้งนี้
หากคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศลพิจารณาแล้วเห็นว่า
โครงการดังกล่าวสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกการสนับสนุนเงินจากการออกสลากการกุศลให้โครงการดังกล่าว
๑.๔.๒ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดการใช้เงินภายในโครงการที่ได้รับการสนับสนุน โดยจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงเป็นกิจกรรมที่แตกต่างจากโครงการที่ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ
โดยโครงการที่ได้รับการสนับสนุนตามข้อ ๑.๒ เป็นในส่วนของทุนการศึกษา
จึงเห็นควรให้ดำเนินการสนับสนุน ตามจำนวนผู้รับทุนการศึกษาที่หน่วยงานเสนอขอรับการสนับสนุนเท่านั้น
โดยให้นำเงินเหลือจ่ายโอนเข้ารายได้แผ่นดิน ทั้งนี้
ในกระบวนการคัดเลือกผู้มีสิทธิรับทุน ควรดำเนินการอย่างโปร่งใส ชัดเจน รอบคอบ
และรัดกุม โดยยึดหลักธรรมาภิบาล ความถูกต้อง และความเป็นธรรม เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการในการลดความเหลื่อมล้ำ
ตลอดจนเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมได้รับทุนอย่างเท่าเทียมตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าในการคัดเลือกผู้มีสิทธิรับทุนการศึกษา
หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ
อย่างโปร่งใส โดยยึดหลักธรรมาภิบาล ความถูกต้อง และความเป็นธรรม
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการในการลดความเหลื่อมล้ำ และเปิดโอกาสให้ผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมได้รับทุนการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เห็นควรให้ทุกหน่วยงานร่วมวางแผนวิจัยติดตามประเมินผลความคุ้มค่าหรือวิเคราะห์ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมของการดำเนินการโครงการสลากการกุศลดังกล่าวเพื่อนำไปสู่การกำหนดมาตรการระยะยาวของรัฐบาลที่เหมาะสมต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการคลังประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดให้การเบิกจ่ายเงินเพื่อดำเนินโครงการที่ขอรับการสนับสนุนจากโครงการสลากการกุศลแล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งให้ดำเนินการประเมินผลโครงการที่ขอรับการสนับสนุนจากโครงการสลากการกุศล
ทั้งในด้านประสิทธิภาพและประสิทธิผลด้วย เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมของการดำเนินโครงการต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องในโอกาสต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
430 | ผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๒ (นครพนม สกลนคร และมุกดาหาร) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน 2568 และวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2568 | นร.11 สศช | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||
431 | นายกรัฐมนตรีลาป่วยในวันที่ 25 เมษายน 2568 | นร.05 | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีได้ลาป่วยในวันศุกร์ที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๘ ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรีให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
432 | รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปียประจำประเทศไทย (นายเฟสเซฮา ชาเวล เกเบร) | กต. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเฟสเซฮา ชาเวล เกเบร (Mr. Fesseha Shawel Gebre) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย สืบแทน นางทีซีทา มูลูเกทา ยีมาม (Mrs.
Tizita Mulugeta Yimam) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
433 | รัฐบาลสาธารณรัฐโบลีวาร์เวเนซุเอลาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโบลีวาร์เวเนซุเอลาประจำประเทศไทย (นายราดาเมส เฮซุส โกเมซ อาเซาเฮ) | กต. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายราดาเมส เฮซุส โกเมช อาเซาเฮ (Mr. Radames Jesus Gomez
Azuaje) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโบลีวาร์เวเนซุเอลาประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย สืบแทน นายมานูเอล อันโตเนียว กุซมัน
เอร์นันเดช (Mr. Manuel Antonio Guzman
Hernandez) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
434 | รัฐบาลราชอาณาจักรบาห์เรนเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนประจำประเทศไทย (นายเคาะลีล ยะอ์กูบ อัลคัยยาฏ) | กต. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเคาะลีล
ยะอ์กูบ อัลคัยยาฏ (Mr. Khalil Yaqoob AlKhayat) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนประจำประเทศไทย
คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางสาวมุนา อับบาส มะฮ์มูด รอฎี (Ms.
Muna Abbas Mahmood Radhi) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
435 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวดารินทร์ อารีย์โชคชัย และนางสาวทัศนีย์ กุลจนะพงศ์พันธ์) | สธ. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวดารินทร์ อารีย์โชคชัย ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรมป้องกัน)
กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
๒. นางสาวทัศนีย์ กุลจนะพงศ์พันธ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม
สาขาจิตเวช) สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต ตั้งแต่วันที่ ๑๑
ธันวาคม ๒๕๖๗
|
||||||||||||||||||||||||||||||
436 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายพลช หุตะเจริญ) | กค. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ แต่งตั้ง นายพลช หุตะเจริญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (วิชาการเศรษฐกิจ) สูง]
สำนักพัฒนาตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
437 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (1. ศาสตราจารย์กมลชัย รัตนสกาววงศ์ ฯลฯ จำนวน 6 คน) | ทส. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
จำนวน ๖ คน
เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. ศาสตราจารย์กมลชัย รัตนสกาววงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมาย ๒. รองศาสตราจารย์ประทีป ด้วงแค กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสัตว์ป่า ๓. นายบริพัตร ศิริอรุณรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสัตว์ป่า
(ผู้แทนภาคประชาสังคม) ๔. นายมนต์สังข์ ภู่ศิริวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(ผู้แทนภาคประชาสังคม) ๕. นายประสิทธิ์ หมีดเส็น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านขนบธรรมเนียมประเพณี
วัฒนธรรม และวิถีชุมชน (ผู้แทนภาคประชาสังคม)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
438 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ (1. นายนาฬิกอติภัค แสงสนิท ฯลฯ จำนวน 3 คน) | มท. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่
จำนวน ๓ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
ดังนี้ ๑. นายนาฬิกอติภัค แสงสนิท ๒. รองศาสตราจารย์สุวดี ทองสุกปลั่ง หรรษาสุขสิน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
439 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย) | มท. | 29/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุพจน์
รอดเรือง ณ หนองคาย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงมหาดไทย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
440 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | กค. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ และรายงานการเงินรวมภาครัฐ (บทวิเคราะห์) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ๒. ให้หน่วยงานของรัฐตามบัญชีรายชื่อหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
พร้อมทั้งรายงานเหตุผลหรือปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไขให้กระทรวงเจ้าสังกัดและกระทรวงการคลังภายใน
๖๐ วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้หน่วยงานของรัฐส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณถัดไปให้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด
เพื่อให้การจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐมีความครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
|