ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 26 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 501 - 520 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
501 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา | สว. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
502 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 8 เมษายน 2568 | นร.05 | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีจะลากิจในวันอังคารที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๘ ตั้งแต่เวลา ๑๕.๐๐ น. เป็นต้นไป
ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
503 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีด้านการเกษตรภายใต้กรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลว่าด้วยความร่วมมือหลากหลายสาขาทางเทคนิคและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation: BIMSTEC) ครั้งที่ 3 | กษ. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรี
BIMSTEC ด้านการเกษตร ครั้งที่ ๓ (Joint
Statement Third BIMSTEC Ministerial Meeting on Agriculture) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรี
BIMSTEC ด้านการเกษตร ครั้งที่ ๓ โดยไม่มีการลงนาม โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเกษตรในภูมิภาค BIMSTEC โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของภาคเกษตรกรรมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
การลดความยากจน และความมั่นคงทางอาหาร
การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการเกษตรของ BIMSTEC การรับรองแผนปฏิบัติการด้านประมงและปศุสัตว์
และรับทราบถึงความสำคัญของการจัดตั้งคลังอาหารสำรอง BIMSTEC เพื่อรับประกันความมั่นคงทางอาหารในภูมิภาค
การสร้างฐานข้อมูลดิจิทัลเพื่อแบ่งปันข้อมูลด้านการผลิต การค้า
และการลงทุนทางการเกษตร ตลอดจนส่งเสริมทุนการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในสาขาเกษตรกรรม
และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการติดตามความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอและจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีเป็นประจำทุกสองปี
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีด้านการเกษตรภายใต้กรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลว่าด้วยความร่วมมือหลากหลายสาขาทางเทคนิคและเศรษฐกิจ
ครั้งที่ ๓
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
504 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 12 | กค. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
505 | การขอความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และร่างบันทึกข้อตกลงด้านการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | รง. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
506 | ข้อเสนอแนะกรณีการแต่งกายของผู้ต้องขังที่มีความหลากหลายทางเพศ | สม. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะกรณีการแต่งกายของผู้ต้องขังที่มีความหลากหลายทางเพศ
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
โดยให้กระทรวงยุติธรรมสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
507 | การเตรียมการป้องกันและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 | นร. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วงสัปดาห์หน้าจะเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองทั่วประเทศและจะมีการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือเดินทางไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่าง
ๆ ในการนี้
จึงขอมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกในการเดินทางและดูแลความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่และทั่วถึงต่อไป
ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเตรียมการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนและการขนส่งสาธารณะทุกรูปแบบให้เหมาะสม
เพียงพอ รวดเร็ว และมีความปลอดภัยแก่ผู้ใช้บริการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ควบคุมและผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะต้องมีความพร้อมด้านสุขภาพพลานามัยและต้องปฏิบัติตามกฎหมายและวินัยจราจรอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ ให้กระทรวงคมนาคมตรวจสอบเส้นทางคมนาคมสายหลักและสายรองต่าง ๆ
ให้มีความพร้อมใช้งานได้อย่างปลอดภัยและคล่องตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและซ่อมแซม
เช่น ถนนพระราม ๒ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ประชาชนด้วย ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งบริหารจัดการการจราจรและการใช้เส้นทางต่าง
ๆ ให้มีความปลอดภัยและคล่องตัว สอดคล้องกับสภาพการณ์จราจรในแต่ละพื้นที่ โดยควรมีป้ายบอกทางและเส้นทางการจราจรให้ชัดเจนและทั่วถึง
รวมทั้งมีจุดตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ยานพาหนะด้วย ทั้งนี้
ให้กวดขันให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะปฏิบัติตามกฎหมายและวินัยการจราจรอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมทั้งในด้านบุคลากร
เครื่องมือ/อุปกรณ์
และยานพาหนะในการดูแลรักษาผู้ป่วยและผู้ได้รับบาดเจ็บในช่วงเทศกาลสงกรานต์ดังกล่าวให้เหมาะสมเพียงพอ ๔. ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมอาสาสมัครนักเรียนอาชีวศึกษา
เพื่อช่วยตรวจสอบและซ่อมแซมยานพาหนะของประชาชนที่อาจเกิดการชำรุด/เสียหายในระหว่างการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ดังกล่าว ๕.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
(กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงอาสาสมัครด้านการท่องเที่ยวเร่งเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือ ดูแล
และอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศที่เดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่าง
ๆ ทั่วประเทศให้เหมาะสม ทั่วถึง และรวดเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
508 | ขอรับจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อดำเนินการโครงการจัดทำระบบเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยแผ่นดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก | ทส. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นเงินทั้งสิ้น
๓๗๐,๓๙๐,๒๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการจัดทำระบบเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยแผ่นดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรธรณี)
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่ากรมทรัพยากรธรณีจำเป็นต้องบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งจัดทำแผนการใช้งบประมาณให้สามารถติดตาม
ตรวจสอบการดำเนินโครงการให้เกิดประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า
และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
509 | การบริจาคเงินในการเพิ่มทุนของสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ ครั้งที่ 21 | กค. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการบริจาคเงินเพิ่มทุนของสมาคมพัฒนาการระหว่างประเทศ
(International
Development Association : IDA) ครั้งที่ ๒๑ (IDA21) ของประเทศไทย จำนวน ๔๒๐,๓๑๐,๐๐๐ บาท โดยแบ่งชำระออกเป็น ๔ งวด
ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙-๒๕๗๒
และมอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
เห็นควรให้กระทรวงการคลัง
โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการตามขั้นตอนและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
510 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA) | ทส. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ [เรื่อง
ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(Environmental Impact Assessment :
EIA)] ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ [เรื่อง ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(Environmental Impact Assessment :
EIA)] โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวมแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน
๒ สัปดาห์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
511 | ร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ | ดศ. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
(ฉบับที่..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
พ.ศ. ๒๕๖๖ ซึ่งเป็นการเพิ่มมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และมิจฉาชีพ
โดยเพิ่มหน้าที่ให้หน่วยงานของรัฐหรือผู้ให้บริการเลขหมายโทรศัพท์ในการสั่งระงับการให้บริการหากเชื่อได้ว่ามีการใช้เพื่อกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
กำหนดขั้นตอนหรือกระบวนการพิจารณาโดยเฉพาะเพื่อให้การคืนเงินแก่ผู้เสียหายให้เป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
และการมีส่วนร่วมรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดจากการกระทำความผิดทางอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ตลอดจนการกำหนดโทษในส่วนที่เกี่ยวข้อง และร่างพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งประกอบธุรกิจอยู่นอกราชอาณาจักรแต่ให้บริการแก่บุคคลซึ่งอยู่ในราชอาณาจักรต้องได้รับอนุญาตตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลฯ
และกำหนดลักษณะที่ถือว่าเป็นการให้บริการแก่บุคคลซึ่งอยู่ในราชอาณาจักรเพื่อกำกับและควบคุมการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลนอกราชอาณาจักรดังกล่าว
รวม ๒ ฉบับ ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
512 | ร่างพระราชบัญญัติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ. .... | สธ. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
(อสม.) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ อสม. เป็นกำลังสำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพของประชาชนในชุมชนตามหลักการสาธารณสุขมูลฐาน
และยกระดับทักษะและขีดความสามารถของ อสม. ให้ดำเนินการตามหลักการดังกล่าวได้สัมฤทธิ์ผล
ตลอดจนเสริมสร้างเครือข่ายการประสานงานบริหารกิจการ อสม.
และดำเนินกิจกรรมด้านสุขภาพภายในชุมชนให้เป็นไปอย่างมีระบบ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงาน
ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และกรุงเทพมหานครไปประกอบการพิจารณาด้วย เช่น กระทรวงยุติธรรม เห็นว่าการกำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน
จำนวน ๔ คณะ (คณะกรรมการระดับประเทศ ระดับเขตสุขภาพ ระดับจังหวัด และกรุงเทพมหานคร)
และคณะกรรมการอาสาสมัครสาธารณสุขอื่น
อาจต้องพิจารณาเหตุผลและความจำเป็นตามแนวทางมติคณะรัฐมนตรี (๕ ตุลาคม ๒๕๖๔) เรื่อง
แนวทางการใช้ระบบคณะกรรมการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลประกอบด้วย สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขควรใช้มาตรการทางการบริหารเป็นลำดับแรก
เช่น การปรับปรุงระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ครอบคลุมประเด็นการบูรณาการและขับเคลื่อนการทำงานระหว่างหน่วยงาน
คณะกรรมการภายในกระทรวงสาธารณสุข ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
513 | ผลการพิจารณาญัตติมาตรการป้องกัน ฟื้นฟู และเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์โรงงานผลิตพลุและดอกไม้เพลิงระเบิด | มท. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาญัตติมาตรการป้องกัน
ฟื้นฟู และเยียวยาผลกระทบจากสถานการณ์โรงงานผลิตพลุและดอกไม้เพลิงระเบิด สรุปผลได้ว่า
กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง)
ได้ดำเนินการกำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับดอกไม้เพลิงโดยตลอด
โดยซักซ้อมความเข้าใจในการพิจารณาออกใบอนุญาตให้สั่งดอกไม้เพลิงถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด
และจัดทำ “แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับดอกไม้เพลิง ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน
เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียม อาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐”
เพื่อให้นายทะเบียนท้องที่ได้ถือเป็นแนวทางปฏิบัติ เป็นต้น นอกจากนี้
ได้จัดประชุมทบทวนความเหมาะสมและกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการค้าและการผลิตดอกไม้เพลิง
ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทบทวนความเหมาะสมของประกาศกระทรวงกลาโหม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง
หลักเกณฑ์การควบคุมและการกำกับ ดูแลการผลิต การค้า การครอบครอง
การขนส่งดอกไม้เพลิง และวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตดอกไม้เพลิง พ.ศ. ๒๕๔๗
และกำหนดแนวทางร่วมกันระหว่างหน่วยงาน
รวมทั้งได้จัดทำรายงานผลการดำเนินการฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โรงงานผลิตพลุและดอกไม้เพลิงระเบิด
โดยเป็นการประสานความร่วมมือทั้งในส่วนภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน
ตลอดจนได้มีการตรวจสอบสถานประกอบการที่เข้าข่ายเป็นผู้ผลิตดอกไม้เพลิงโดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อาทิ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
พร้อมรายงานผลการดำเนินการให้กรมการปกครองทราบ ตามที่กระทรวงมหาไทยเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
514 | มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย | กค. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
และส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
โดยมีหลักการเช่นเดียวกับมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
สำหรับที่อยู่อาศัยปี ๒๕๖๙ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ เมษายน ๒๕๖๗)
ซึ่งสิ้นสุดแล้วเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เห็นชอบ ๒.๑
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์หรือที่ดินพร้อมอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์
ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ๒.๒
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่ากระทรวงการคลังควรดำเนินมาตรการเท่าที่จำเป็นเพื่อลดแรงกดดันต่อเสถียรภาพทางการคลังที่อาจเผชิญกับความเสี่ยงจากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไป
อาจพิจารณาปรับลดเพดานมูลค่าที่อยู่อาศัย
รวมทั้งควรกำหนดให้มีการประเมินผลเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินมาตรการ
เพื่อประเมินความคุ้มค่า ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของโครงการ เพื่อนำมาจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย
๑๐ ปี (ปี ๒๕๖๙ - ๒๕๗๘) และปรับปรุงแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ ๒๐ ปี (ปี
๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มได้รับประโยชน์สูงสุงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
515 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้ที่มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้ที่มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ
พ.ศ. ๒๕๖๐ เกี่ยวกับการตรวจติดตามคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนแล้ว
กำหนดระยะเวลาการขอขึ้นทะเบียนใหม่กรณีผู้ประกอบการถูกเพิกถอนรายชื่อออกจากทะเบียนผู้ประกอบการ
และปรับอัตราค่าธรรมเนียมการขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการและกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในการตรวจติดตาม
รวมทั้งกำหนดให้มีการปรับลดระดับชั้นของผู้ประกอบการในกรณีที่เกิดความเสียหายจากการปฏิบัติงานด้วย
เพื่อความเหมาะสมของกรอบระยะเวลาการตรวจติดตาม
เพิ่มโอกาสสำหรับผู้ประกอบการที่ถูกเพิกถอนรายชื่อออกจากทะเบียนผู้ประกอบการ
และเพื่อความเหมาะสมของอัตราค่าธรรมเนียมการขอขึ้นทะเบียนในการดำเนินการตามสภาพการณ์ในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้พิจารณาขยายขอบเขตของร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงการก่อสร้างอาคารด้วย
และให้พิจารณาในประเด็นความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่าตามร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๗
การกำหนดประเภทชั้น
การเลื่อนชั้นและการลดระดับชั้นของผู้ประกอบการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่คณะกรรมการราคากลางกำหนดตามมาตรา ๕๑ วรรคสามหรือมาตรา ๕๒ วรรคสอง
แล้วแต่กรณี ควรมีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ประกอบการใหม่ทั้งหมด
โดยไม่มีการยกเว้นคุณสมบัติด้านผลงาน บุคลากร เครื่องมือ เครื่องจักร
และอุปกรณ์การก่อสร้าง เนื่องจากเหตุแห่งการถูกปรับลดระดับชั้นของผู้ประกอบการอาจมีสาเหตุมาจากการขาดคุณสมบัติตามระดับชั้นเดิมที่ผู้ประกอบการได้ขึ้นทะเบียนไว้และการพิจารณากำหนดระยะเวลาการลดระดับชั้นของผู้ประกอบการต้องไม่น้อยกว่าระยะเวลาการตัดสิทธิ์ สำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงการคลังจะพิจารณาเพิ่มเติมมาตรการ
วิธีการ
หรือกระบวนการในการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนให้มีความรอบคอบและเป็นปัจจุบัน
รวมทั้งกำหนดมาตรการในเชิงป้องกันเพื่อควบคุมการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการให้เป็นไปตามมาตรฐานของหลักวิชาการช่างในงานก่อสร้างอย่างมีคุณภาพ
และไม่ให้เกิดความเสียหายจากการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับประชาชนด้วย ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางศึกษาหามาตรการอื่น
ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะมาตรการที่เข้มงวดซึ่งครอบคลุมทั้งโทษทางแพ่งและอาญาสำหรับการลงโทษผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติงานให้เป็นไปตามมาตรฐานของหลักวิชาช่างในงานก่อสร้างหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าตามร่างกฎกระทรวงฯ
ที่กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอขึ้นทะเบียน การตรวจติดตามผู้ประกอบการงานก่อสร้าง
ตามร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.
๒๕๔๖ หากมีการกำหนดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
ของหน่วยงานราชการต้องมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน
และต้องไม่เป็นการสร้างภาระให้แก่ประชาชนเกินกว่าที่จำเป็นหรือเกินสมควร ดังนั้น
กรมบัญชีกลางควรมีการวิเคราะห์ถึงต้นทุนที่เหมาะสมในการดำเนินการจดทะเบียนผู้ประกอบการของกรมบัญชีกลาง
ซึ่งที่ผ่านมากรมทางหลวงได้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนเพียง ๕๐๐.- บาท
เนื่องจากการจดทะเบียนของกรมทางหลวงเป็นภารกิจที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
จึงไม่มีความจำเป็นต้องเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอันไม่เหมาะสมหรือเกินสมควรแก่ประชาชนอีก สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าการเพิ่มประเภทอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจติดตามผู้ประกอบการ
และอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจเครื่องมือ เครื่องจักร
และอุปกรณ์การก่อสร้างตามบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมท้ายกฎกระทรวงฯ
เป็นการออกกฎหมายที่เกินอำนาจกฎหมายแม่บทในมาตรา ๕๓ วรรคสาม
แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่กำหนดให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการงานก่อสร้างและผู้ประกอบการพัสดุอื่นเท่านั้น
เพื่อให้การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมครอบคลุมต้นทุนในการควบคุมหรือกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง
รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการขึ้นทะเบียนตามข้อ ๑ วรรคสอง และข้อ ๓ (๑)
ของหลักเกณฑ์ว่าด้วยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๔
กระทรวงการคลังอาจพิจารณาปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมการขอขึ้นทะเบียนดังกล่าวให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
โดยคำนึงถึงค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนในการตรวจสอบคุณสมบัติเกี่ยวกับเครื่องมือเครื่องจักรตามข้อ
๓ (๙)
แห่งกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้ที่มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการฯ
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
516 | แนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 9-10 เมษายน 2568 | ปสส. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖
ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๓๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ในวันพุธที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๘ และครั้งที่
๓๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
517 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พ.ศ. .... | กค. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ รวม ๖ ชนิด ได้แก่ ๑)
เหรียญกษาปณ์ทองคำ ชนิดราคาสามหมื่นบาท ประเภทขัดเงา ๒) เหรียญกษาปณ์ทองคำ
ชนิดราคาสามหมื่นบาท ประเภทธรรมดา ๓) เหรียญกษาปณ์เงิน ชนิดราคาหนึ่งพันบาท
ประเภทขัดเงา ๔) เหรียญกษาปณ์เงิน ชนิดราคาหนึ่งพันบาท ประเภทธรรมดา ๕)
เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคายี่สิบบาท ประเภทขัดเงา และ ๖)
เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคายี่สิบบาท ประเภทขัดธรรมดา เพื่อเป็นที่ระลึกในวโรกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ในวันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
518 | ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ | สผ. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการลงมติของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
เรื่อง ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
ตามมาตรา ๑๕๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ซึ่งที่ประชุมได้ลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเสียงไม่มากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
จึงถือว่านายกรัฐมนตรีได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎร
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
519 | ผลการสรรหากรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (1. รองศาสตราจารย์สุธรรม อยู่ในธรรม ฯลฯ จำนวน 3 คน) | สขค | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายชื่อผู้ที่ใด้รับคัดเลือกเป็นกรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า
จำนวน ๓ คน ตามที่คณะกรรมการสรรหาได้คัดเลือกแล้ว เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. รองศาสตราจารย์สุธรรม อยู่ในธรรม ๒. นางปัทมา เธียรวิศิษฎ์สกุล ๓. พลตำรวจโทพิทยา ศิริรักษ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
520 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการบริหาร การบำรุงรักษา และการใช้สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท) | คค. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|