ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 24 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 461 - 480 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
461 | การกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียสำหรับโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวง เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา | กค. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจาก
ADB สำหรับโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ทางหลวงพิเศษ ระหว่างเมืองหมายเลข ๗ ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา
กรอบวงเงิน ๖๘.๗๔ ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ ๒,๔๔๐.๑๙ ล้านบาท) ๒. เห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้โครงการฯ
และเห็นชอบในการใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามเงื่อนไขที่กำหนดในข้อบังคับของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย(
Asian Development Bank Ordinary Operations Loan Regulations) ลงวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕ ของ ADB ๓. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยในสัญญาเงินกู้โครงการฯ ๔.
มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดเตรียมทำคำรับรองทางกฎหมาย (Legal Opinion) สำหรับสัญญาเงินกู้โครงการฯ ภายหลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้ดังกล่าวแล้ว ๕.
มอบหมายให้กรมทางหลวงปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่ถูกระบุไว้ใน PAM สัญญาเงินกู้
รวมทั้งกฎเกณฑ์และระเบียบที่เกี่ยวข้องของ ADB และเอกสารแนบท้ายสัญญาที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ขอให้กรมทางหลวงบริหารสัญญาและกำกับดูแลผู้รับจ้างให้ดำเนินโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ
และดำเนินการเบิกจ่ายเงินกู้ตามระยะเวลาที่กำหนด ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ)
กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กระทรวงการคลัง
โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หารือร่วมกับกรมทางหลวง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เพื่อปรับแผนการกู้เงินและการเบิกจ่ายเงินกู้ให้มีความสอดคล้องกับแผนการเปิดให้บริการของสนามบินอู่ตะเภาที่มีความล่าช้าและอาจส่งผลกระทบให้ปริมาณจราจรของโครงการฯ
ต่ำกว่าที่เสนอคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๕
เพื่อให้การลงทุนและการใช้จ่ายของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นว่ากระทรวงการคลังควรพิจารณาเตรียมการสำหรับกรณีที่อัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวนสูง
ซึ่งอาจส่งผลให้วงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติไม่เพียงพอต่อการชำระค่าใช้จ่ายของโครงการในสกุลเงินบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
462 | รายงานผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะ ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส | รง. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะ
ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ ๑๒ - ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ซึ่งมีกิจกรรมที่สำคัญ
ดังนี้ ๑) การพบปะหารือกับนายกสมาคมนวดไทยและสปาในฝรั่งเศส และคณะกรรมการสมาคมนวดไทยและสปาในฝรั่งเศส
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ให้นโยบายและแนวทางในการประกอบอาชีพในสาขานวดไทยในฝรั่งเศสและต่างประเทศ
๒) การประชุมระดับสูงด้านนโยบายทางสังคม เช่น
การเปลี่ยนแปลงทางประชากรที่เข้าสู่สังคมสูงอายุก่อให้เกิดความท้าท้ายต่อนโยบายทางสังคม
๓) การประชุมหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทยและเลขาธิการเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(OECD) เช่น เลขาธิการ OECD แสดงความยินดีที่ไทยได้เข้าสู่กระบวนการการเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะยกระดับไทยให้ก้าวหน้า และ ๔) การประชุมรัฐมนตรีด้านนโยบายทางสังคมของ
OECD ภายใต้หัวข้อ “แนวทางใหม่ของนโยบายสังคม :
การลงทุนในอนาคต” ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
463 | รายงานความเสี่ยงทางการคลังประจำปีงบประมาณ 2567 | กค. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
464 | การศึกษาความเหมาะสมของมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว (Visa Free) | นร. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว
(Visa Free) สำหรับนักท่องเที่ยวบางประเทศที่ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง
ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว
ให้ได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตราและให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน ๖๐ วัน หรือ
๙๐ วัน เป็นกรณีพิเศษ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย
นั้น ในระยะที่ผ่านมาพบว่า
เกิดปัญหาชาวต่างชาติที่ได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตราบางกลุ่มมีพฤติการณ์กระทำผิดกฎหมาย
เช่น การอยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาที่กำหนด การประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย การจงใจเข้ามาทำงานอันเป็นการแย่งอาชีพคนไทย
ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
จึงขอมอบหมายให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงแรงงาน
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เร่งกวดขันและบังคับใช้กฎหมายแก่ชาวต่างชาติที่กระทำความผิดตามกฎหมายไทย
ตามหน้าที่และอำนาจของแต่ละหน่วยงานอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้
มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปประสานกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาและรวบรวมผลกระทบในด้านต่าง ๆ ของการดำเนินมาตรการดังกล่าวข้างต้นให้ครบถ้วน
ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเหมาะสมของระยะเวลาที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติอยู่ในราชอาณาจักร
เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขมาตรการดังกล่าวให้เหมาะสมเกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นไปตามวัตถุประสงค์หลักที่มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
465 | การสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ | นร. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า การดำเนินโครงการ
Maha Songkran World
Water Festival 2025 รวมถึงการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของภาคเอกชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์
ปี ๒๕๖๘ ที่ผ่านมา
ถือเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่ และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
สร้างรายได้ และยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลก ดังนั้น
เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องต่อไปในช่วงครึ่งหลังของปี
๒๕๖๘ จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
โดยเน้นย้ำถึงมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุน
รวมตลอดถึงความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของต่างชาติด้วย ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินโครงการ
Maha Songkran World Water Festival 2025
ให้แพร่หลายและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น โดยให้เน้นย้ำถึงความสำเร็จในการดำเนินกิจกรรม
การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและเอกชน รวมถึงผลดีด้านเศรษฐกิจและรายได้ที่เพิ่มขึ้น
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและแรงจูงใจให้กับนักท่องเที่ยวและนักลงทุน ตลอดจนเสริมสร้างบทบาทของประเทศไทยในฐานะจดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรมและงานเทศกาลระดับโลกต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
466 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสสี่และภาพรวม ปี 2567 | นร.11 สศช | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
467 | การปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาด้านที่พักอาศัยให้แก่ผู้ประสบภัยพิบัติ | นร. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคม
๒๕๖๘ ที่ผ่านมา มีข้อร้องเรียนจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่า
หลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันอาจไม่เหมาะสมและสอดคล้องกับความเดือดร้อนและความเสียหายของที่พักอาศัยที่ผู้ประสบภัยพิบัติได้รับจริงจากสถานการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นดังกล่าว
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รับเรื่องนี้ไปหารือร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมโยธาธิการและผังเมือง
และกรุงเทพมทานคร) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับปรุงแก้ไขระเบียบหรือหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้มีความยึดหยุ่นและสามารถจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวให้เหมาะสมสอดคล้องกับความเดือดร้อนและความเสียหายของที่พักอาศัยที่เกิดขึ้นจริงได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้
เงินช่วยเหลือเยียวยาดังกล่าวถือว่าเป็นคนละส่วนและไม่ซ้ำซ้อนกับเงินสินไหมที่ผู้ประสบภัยอาจได้รับจากบริษัทประกันภัยอยู่แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
468 | การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างพังถล่ม | นร. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างพังถล่มเพื่อหาสาเหตุและผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายในช่วงที่ผ่านมา
พบว่า
มีปัญหาและอุปสรรคค่อนข้างมากเนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่าที่ควร
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ๑.
ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดส่งเอกสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เพื่อสนับสนุนการสืบสวนหาสาเหตุและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด ๒.
ขอความร่วมมือให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารดังกล่าวทั้งหมด
รวมถึงเอกสารของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุในงานจ้างก่อสร้างที่ได้รายงานว่าผู้รับจ้างดำเนินงานผิดสัญญาการก่อสร้าง
แต่ยังมิได้ยกเลิกสัญญาการก่อสร้างภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยเร็ว ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(กรมทรัพยากรธรณี) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กรมอุตุนิยมวิทยา)
ร่วมกันจัดทำและส่งรายงานผลกระทบจากสถานการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในเขตกรุงเทพมหานครให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยด่วน ๔. ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง)
ในฐานะหน่วยงานกลางที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
ให้ความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการตรวจสอบมาตรฐานในการจัดซื้อจัดจ้างและคุณภาพของวัสดุก่อสร้างอาคารดังกล่าว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเกี่ยวกับการดำเนินการตามกฎหมายจัดซื้อจัดจ้าง
การบริหารพัสดุภาครัฐ
และการบอกเลิกสัญญาหรือข้อตกลงกับคู่สัญญาที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญาหรือข้อตกลงดังกล่าว ๕. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมโยธาธิการและผังเมือง)
ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ร่วมตรวจสอบงานก่อสร้างอาคารดังกล่าวให้ความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเต็มที่ตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ร้องขอ
ทั้งนี้ ต้องไม่ให้เจ้าหน้าที่ของกรมโยธาธิการและผังเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบงานก่อสร้างอยู่เดิมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างเด็ดขาด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
469 | เงินกู้จากธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (AIIB) สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก (ก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2) | กค. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจาก AIIB วงเงิน ๔๒๓,๐๕๐,๕๙๕
เหรียญสหรัฐ ๒.
เห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้องของโครงการฯ
และเห็นชอบในการระบุให้ใช้อนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทตามเงื่อนไขที่กำหนดใน
เอกสาร General Conditions for Sovereign - backed Loans ฉบับวันที่ ๒๒
ตุลาคม ๒๕๖๔ ของ AIIB ๓.
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในสัญญาเงินกู้
และจดหมายการยืนยันข้อผูกพันและการให้ข้อมูลทางการเงินของโครงการฯ ๔.
มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำคำรับรองทางกฎหมาย (Legal Opinion) สำหรับสัญญาเงินกู้ของโครงการฯ ในโอกาสแรก
ภายหลังจากที่ได้มีการลงนามในสัญญาเงินกู้ดังกล่าวแล้ว ๕.
มอบหมายให้กองทัพเรือ (ทร.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่ถูกระบุไว้ในคู่มือการปฏิบัติงาน สัญญาเงินกู้
กฎข้อบังคับต่าง ๆ ของ AIIB และเอกสารแบบท้ายสัญญาที่เกี่ยวข้องของโครงการฯ
รวมทั้งข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ขอให้ ทร.
คำนึงถึงผลกระทบการระงับวงเงินกู้หรือสิทธิในการเรียกให้ชำระคืนเงินกู้ได้ทันทีตามเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ของ
AIIB หากจะมีการแก้ไขสัญญาการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ร่วมกันระหว่าง
ทร. และบริษัท อู่ตะเภาอินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (Joint Use Agreement : JUA) ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญหรือการกระทำผิดเงื่อนไขตามสัญญาเงินกู้ ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ)
กระทรวงกลาโหม (กองทัพเรือ) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นควรให้ดำเนินการตามกฎหมาย กฎ
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นว่าการกู้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐจะมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
ทั้งในด้านความเพียงพอต่อการชำระค่าใช้จ่ายในสกุลเงินบาท รวมถึงการใช้คืนเงินกู้ในอนาคต
กระทรวงการคลังควรพิจารณาบริหารจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
470 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (นายสมชัย สัจจพงษ์) | กค. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสมชัย สัจจพงษ์
ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งเดิม ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน
๒๕๖๗ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
471 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายณัฐวุฒิ ภัทรประยูร) | รง. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายณัฐวุฒิ ภัทรประยูร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งจัดหางานจังหวัด (ผู้อำนวยการสูง)
สำนักงานจัดหางานจังหวัดร้อยเอ็ด กรมการจัดหางาน
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาวิชาการแรงงาน (นักวิชาการแรงงานทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
472 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางธาราพร สิงหพันธุ์ มหิทธาฟองกุล) | กค. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางธาราพร สิงหพันธุ์ มหิทธาฟองกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง (ผู้อำนวยการสูง) กองพัฒนาธุรกิจและศักยภาพที่ราชพัสดุ
กรมธนารักษ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่
๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
473 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสลักจิต พงษ์ศิริจันทร์) | กค. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ แต่งตั้ง นางสาวสลักจิต พงษ์ศิริจันทร์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี
(กลุ่มธุรกรรมทางการเงินการธนาคาร) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๘
มกราคม ๒๕๖๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
474 | แต่งตั้งกรรมการอื่น (ผู้แทนกองทัพอากาศ) ในคณะกรรมการกำกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (พลอากาศตรี วุฒิ น้อยเชี่ยวกาญจน์) | คค. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลอากาศตรี วุฒิ น้อยเชี่ยวกาญจน์ เป็นกรรมการอื่น
(ผู้แทนกองทัพอากาศ) ในคณะกรรมการกำกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยแทนกรรมการอื่น
(ผู้แทนกองทัพอากาศ) ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
475 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (นางแพตริเซีย มงคลวนิช) | คค. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางแพตริเซีย มงคลวนิช (ผู้แทนกระทรวงการคลัง)
เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย แทนกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
476 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (1. นายวิจารย์ สิมาฉายา ฯลฯ รวม 3 คน) | ทส. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
รวม ๓ คน
แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายวิจารย์ สิมาฉายา ประธานกรรมการ ๒. นายกวิน ทังสุพานิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านพลังงาน ๓. นายสมชาย รังษีธนานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
477 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา (1. รองศาสตราจารย์ประภาภัทร นิยม ฯลฯ จำนวน 8 คน) | ศธ. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา
จำนวน ๘ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล)
ประธานกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๒ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. รองศาสตราจารย์ประภาภัทร นิยม ๒. นางปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ๓. นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ๔. นายสมศักดิ์ พะเนียงทอง ๕. รองศาสตราจารย์ประวิต เอราวรรณ์ ๖. ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ ๗. รองศาสตราจารย์ปัทมาวดี โพชนุกูล ๘. รองศาสตราจารย์สุธีระ ประเสริฐสรรพ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
478 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา แทนกรรมการที่เป็นผู้แทนองค์กรศาสนาอื่น ที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ (นายธงชัย ประดับชนานุรัตน์) | ศธ. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑. รับทราบกรณี นางกัมเลช มันจันดา
พ้นจากตำแหน่งกรรมการที่เป็นผู้แทนองค์กรศาสนาอื่นในคณะกรรมการสภาการศึกษา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
479 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (1. รองศาสตราจารย์วีระพงษ์ แพสุวรรณ ฯลฯ จำนวน 6 คน) | อก. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
จำนวน ๖ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. รองศาสตราจารย์ วีระพงษ์ แพสุวรรณ ๒. นางชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ๓. นายอดิสร เตือนตรานนท์ ๔. นางสาวพิมพ์นารา จิรานิธิศนนท์ ๕. นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
480 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ โดยได้รับยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร (ตม.6) ลงวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2565 | ตช. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
ยกเลิกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
โดยได้รับยกเว้นการยื่นรายการตามแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร
(ตม.๖) ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑
พฤษภาคม ๒๕๖๘ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
(สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นควรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดเตรียมระบบให้สามารถนำ
QR Code ที่ได้จากการกรอกข้อมูลในระบบ
ตม.๖ ออนไลน์ มาใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบการเดินทางของคนต่างด้าวภายในราชอาณาจักร
เช่น การลงทะเบียนเข้าพักที่โรงแรมต่าง ๆ
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งในมิติด้านความมั่นคง การประเมินพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว เพื่อการวางแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยบนพื้นฐานของฐานข้อมูลที่เป็นประจักษ์
รวมถึงต่อยอดไปสู่การพัฒนาระบบเพื่อการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลของคนต่างด้าวในการทำธุรกรรมในประเทศไทย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|