ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 25 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 481 - 500 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
481 | รายงานการเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | กค. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
482 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. 2560) | มท. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดเพชรบุรี
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการสาธารณูปโภค และกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการสาธารณูปโภคที่ดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐหรือภายใต้การกำกับดูแลโดยหน่วยงานของรัฐไม่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ที่ดินเกี่ยวกับประเภท
ชนิด ขนาด ที่ว่าง หรือความสูงของอาคารตามที่กำหนดไว้ในที่ดินตามที่ได้จำแนกไว้ในกฎกระทรวงดังกล่าว
เพื่อรองรับการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล ได้แก่
การก่อสร้างโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายนครปฐม - ชะอำ (M๘)
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองตามแผนแม่บทการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองของประเทศไทย
และรองรับการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล
ซึ่งเป็นประโยชน์กับประชาชนเป็นส่วนรวม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย
กฎหรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรหลีกเลี่ยงการดำเนินการบริเวณที่มีความลาดชัน
หรือมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ เช่น บริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และพื้นที่ป่าชายเลน รวมทั้งในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
หากมีการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นประเภทอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้
(สีเขียวอ่อนมีเส้นทแยงสีขาว) ให้เพิ่มในข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทนั้น
ว่าให้ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการสงวนและคุ้มครองดูแลรักษาหรือบำรุงป่าไม้ สัตว์ป่า
ต้นน้ำ ลำธาร และทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ
และให้ใช้ประโยชน์ที่ดินตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป่าไม้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
483 | การดำเนินการภายใต้คณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการทุจริตและความโปร่งใสในกรอบเอเปค | ปช. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบการดำเนินการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติภายใต้ความร่วมมือของคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการทุจริตและความโปร่งใสในกรอบเอเปค |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
484 | ข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย เรื่อง การปรับปรุงพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 | นร.09 | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย
เรื่อง การปรับปรุงพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อลดอุปสรรคในการประกอบอาชีพของประชาชน
ส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน
และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเภทธุรกิจและสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม
รวมถึงระดับการพัฒนาของแต่ละประเภทธุรกิจภายในประเทศ และพิจารณาถึงกฎหมายที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของธุรกิจแต่ละประเภท
เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายและหลักเกณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะหลักเกณฑ์ที่ได้มีการกำหนดไว้เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวประกอบการพิจารณาในเรื่องดังกล่าวด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณาปรับปรุงพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยเฉพาะในประเด็นที่มีความสำคัญ อาทิ การทบทวนองค์ประกอบของคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวให้มีความสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์ปัจจุบัน
และควรให้ความสำคัญกับการอำนวยความสะดวกและลดข้อจำกัดในการเข้าสู่ธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการชาวต่างชาติอย่างครบวงจร
ตามแนวทางการประเมิน Business Ready (B-Ready) ของธนาคารโลก
ครอบคลุมการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่กระบวนการขออนุมัติ/อนุญาต
และชำระค่าธรรมเนียม
โดยเชื่อมโยงกับระบบให้บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จทางอิเล็กทรอนิกส์ (Biz
Portal) ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถติดตามความก้าวหน้าได้ด้วยตนเอง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
485 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 เรื่อง มาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) | กค. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒
มีนาคม ๒๕๖๗ [เรื่อง มาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars)] ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ๒๓) พ.ศ.
๒๕๖๕ โดยกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้ารถยนต์โบราณ ในอัตราภาษีตามมูลค่าร้อยละ
๔๕ ข้องราคาขายปลีกแนะนำ และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร
พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับรถยนต์โบราณ ที่นำเข้ามาแบบสำเร็จรูปทั้งคัน
(Completely Built Up : CBU) ตามที่กรมสรรพสามิตประกาศกำหนด รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้พิจารณาในประเด็นความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และให้รับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. รับทราบการดำเนินมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ
(Classic Cars) ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๔. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงวัฒนธรรม เห็นว่าการเรียกชื่อ รถโบราณ VINTAGE CARS กับ รถคลาสสิค CLASSIC CARS จะสื่อความหมายที่ต่างกัน
และอาจจะต้องมีการพิจารณาการกำหนดชื่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้ชัดเจน ในกรณีแยกประเภทรถยนต์ใช้แล้วในช่วงอายุที่แตกต่างกันให้เป็นไปตามนิยาม
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขของพิกัดอัตราศุลกากรแต่ละประเภท
เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคหรือประเด็นปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายการนำเข้าส่งออกของแต่ละประเทศ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลและทำประมาณการการสูญเสียรายได้จากอากรศุลกากรที่คาดว่าจะเก็บได้จากการนำเข้ารถยนต์โบราณ
(Classic Cars) เทียบกับกรณีไม่มีการดำเนินมาตรการให้ครบถ้วนตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
486 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ค่าภาคหลวง และค่าบำรุงป่า พ.ศ. .... | ทส. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม
ค่าภาคหลวง และค่าบำรุงป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๑๒๒๑ (พ.ศ. ๒๕๓๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗
เพื่อปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียม ค่าภาคหลวงและค่าบำรุงป่า
ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ และเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาในประเด็นข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เห็นว่าการคิดคำนวณค่าธรรมเนียมควรเพิ่มความชัดเจนการเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับภาคประชาชนโดยเฉพาะ
และควรประชาสัมพันธ์หรือรวบรวมความคิดเห็นจากภาคประชาชนโดยแท้จริงให้ได้มากที่สุด กระทรวงพาณิชย์
เห็นว่าชุมชนท้องถิ่นควรมีส่วนร่วมในการกำหนดค่าธรรมเนียมเพื่อให้ศักยภาพทางเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่นไม่ได้รับผลกระทบ
และให้ความสำคัญต่อการสื่อสารเกี่ยวกับการใช้ค่าธรรมเนียมเหล่านี้
เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าใจถึงวัตถุประสงค์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กรมป่าไม้ประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนได้รับทราบถึงข้อมูลข่าวสาร
รายละเอียด ข้อกำหนดในการจัดเก็บ ค่าธรรมเนียม ตลอดจนการลดและการยกเว้นค่าธรรมเนียมแก่กลุ่มบุคคลประเภทต่าง
ๆ เพื่อการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
487 | ขอความเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อปรับเปลี่ยนสาระสำคัญของความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานกัมพูชา - ไทย | กต. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
488 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2533 (เรื่อง ห้ามส่งงูมีชีวิตและหนังงูที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักร) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2534 (เรื่อง ห้ามส่งงูมีชีวิตและหนังงูที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักร) | ทส. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๙
ตุลาคม ๒๕๓๓ เรื่อง ห้ามส่งงูมีชีวิตและหนังงูที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักร
และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ เรื่อง ห้ามส่งงูมีชีวิตและหนังงูที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักร
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงพาณิชย์ เห็นว่าการส่งออกงูดังกล่าวต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่กำลังจะสูญพันธุ์
(Convention on International Trade
in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ตลอดจนกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่าง
ๆ และการเพาะพันธุ์และการส่งออกงูมีชีวิตต้องไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมของไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการควบคุมให้เป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้
พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตลอดจนกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
เพื่อป้องกันการลักลอบค้าสัตว์อย่างผิดกฎหมาย
และส่งผลกระทบต่อการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและความสมดุลของระบบนิเวศของประเทศไทย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดกลไกและหน่วยงานรับผิดชอบในการกำกับ
ดูแล และควบคุมการส่งออกงูมีชีวิต และหนังงูที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักรในส่วนที่กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันยังมิได้กำหนดไว้ให้ครบถ้วนและเหมาะสม
โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการส่งออกเพื่อการค้าและการอนุรักษ์ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและประชาชนทราบเกี่ยวกับข้อกฎหมายและแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องดังกล่าวให้ถูกต้องและทั่วถึงต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
489 | การจัดทำร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี | มท. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ณ
จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี และอนุมัติให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรีหรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers)
ในการลงนามในร่างความตกลงฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้แก่ผู้ที่รับมอบอำนาจดังกล่าวด้วย โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดความร่วมมือในการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่
เช่น ฝ่ายไทย จะรับผิดชอบค่าก่อสร้างทั้งหมดของโครงการ
ยกเว้นค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ภาษี และค่าธรรมเนียมทุกชนิดในกัมพูชา
ควบคุมการก่อสร้าง รวมถึงออกหนังสือรับรองการทำงานและการตรวจลงตราหนังสือเดินทางเข้า
- ออกไทยแก่บุคลากรและผู้ติดตามฝ่ายกัมพูชา และฝ่ายกัมพูชา จะจัดเตรียมที่ดินในเขตการก่อสร้างและรื้อย้ายสาธารณูปโภคพร้อมสิ่งปลูกสร้างต่าง
ๆ ที่เป็นอุปสรรคในการก่อสร้าง จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านสาธารณูปโภค เช่น
น้ำประปา ไฟฟ้า อำนวยความสะดวกในเรื่องการตรวจลงตราหนังสือเดินทางแก่บุคลากรและผู้ติดตามของฝ่ายไทย
รวมทั้งยกเว้น ภาษี อากร และค่าธรรมเนียมให้กับฝ่ายไทย เช่น
ค่าธรรมเนียมในการเดินทางเข้า - ออกประเทศ ภาษี อากร ภาษีมูลค่าเพิ่ม และค่าธรรมเนียมต่าง
ๆ สำหรับวัสดุอุปกรณ์ และเครื่องมือในการก่อสร้าง รวมถึงยานพาหนะ น้ำมันเชื้อเพลิง
น้ำมันหล่อลื่น เครื่องใช้ส่วนตัว เครื่องใช้ในครัวเรือน และสิ่งของที่ใช้บริโภคของบุคลากรและผู้ติดตามฝ่ายไทยที่นำเข้าไปในกัมพูชา
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารจัดการการสัญจรข้ามแดน
โดยเฉพาะการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยความมั่นคงที่แฝงมากับการสัญจรข้ามแดน
และกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประชาชนในอนาคตอย่างรอบคอบ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กรมศุลกากร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เตรียมความพร้อมวางแผนเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการบริเวณด่านศุลกากร
เพื่อรองรับเศรษฐกิจการค้า การขนส่ง และการเดินทางที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ประโยชน์จากการจัดทำร่างความตกลงในครั้งนี้
ในการประสานความร่วมมือกับราชอาณาจักรกัมพูชาเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น
ปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดน ปัญหากลุ่มอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
490 | บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมข้ามแดน | ทส. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
491 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมวิธีการเพื่อคุ้มครองผู้เสียหายในชั้นร้องทุกข์กล่าวโทษ การให้ปากคำ และคุ้มครองผู้เสียหายหรือพยานในชั้นการไต่สวนมูลฟ้อง และการพิจารณาและการสืบพยานในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศหรือคดีที่มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างรุนแรง) | ยธ. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเพื่อให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองผู้เสียหายหรือพยานที่อายุเกิน
๑๘ ปี จากคดีความผิดเกี่ยวกับเพศ เช่น คดีอนาจาร คดีข่มขืนกระทำชำเรา ฯลฯ
หรือคดีที่มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างรุนแรง เช่น
คดีที่เกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงในครอบครัว (ทำร้ายร่างกายบุคคลในครอบครัว ฯลฯ) โดยเริ่มตั้งแต่ชั้นการรับคำร้องทุกข์
การถามปากคำผู้เสียหายหรือพยาน การไต่สวนมูลฟ้อง และการพิจารณาและการสืบพยาน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นว่าร่างมาตรา ๔
ในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศ การถามปากคำซึ่งพนักงานสอบสวนต้องดำเนินการตามหลักการในมาตรา
๑๓๓/๑ ประสงค์จะคุ้มครองทั้งผู้เสียหายและพยานที่อายุเกินสิบแปดปีด้วยหรือไม่
หากใช่เห็นควรแก้ไขถ้อยคำในร่างมาตรา ๔ จาก “มาตรา ๑๓๓/๑ ภายใต้บังคับแห่งมาตรา
๑๓๙ การถามปากคำผู้เสียหายที่อายุเกินสิบแปดปี...” เป็น “มาตรา ๑๓๓/๑ ภายใต้บังคับแห่งมาตรา ๑๓๙ การถามปากคำผู้เสียหายหรือพยานที่อายุเกินสิบแปดปี...”
และร่างมาตรา ๕ ให้นำบทบัญญัติในมาตรา ๑๓๓/๑
มาใช้บังคับโดยอนุโลมแก่การไต่สวนมูลฟ้องนั้น เนื่องจากตามมาตรา ๑๓๓/๑ มีการกำหนด “คดีที่พนักงานสอบสวนเห็นว่าผู้เสียหายหรือพยานที่อายุเกินสิบแปดปีอาจได้รับความกระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างรุนแรง” ด้วย
ตามร่างมาตรา ๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๗๑ วรรคสอง
จึงน่าจะต้องใช้ข้อความในลักษณะเดียวกันให้ครบถ้วนตามร่างมาตรา ๔
ซึ่งเพิ่มเติมมาตรา ๑๓๓/๑ ด้วย เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
492 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) | กษ. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๙ คณะ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๒ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ๒. คณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ๓. คณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนตามแนวทางในการป้องกัน
แก้ไขและฟื้นฟูผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล ๔. คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ๕. คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ๖. คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร ๗. คณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา ๘. คณะกรรมการประสานงานกับองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติและการเกษตรต่างประเทศ ๙. คณะทำงานฝ่ายไทยของคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย
ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
493 | การแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการการแก้ไขปัญหาธุรกิจที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ | นร.03 | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการการแก้ไขปัญหาธุรกิจที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอ มีองค์ประกอบ
ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย ๒. อัยการสูงสุด กรรมการ ๓. ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรรมการ ๔.
เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรรมการ ๕. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรรมการ ๖. อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กรรมการ ๗. อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรรมการ ๘. อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรรมการ ๙. เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กรรมการ ๑๐. ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรรมการ ๑๑. เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กรรมการและเลขานุการ ๑๒.
ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรง ผู้ช่วยเลขานุการ และตลาดแบบตรง
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ๑๓.
ผู้อำนวยการฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์และติดตามสอดส่อง ผู้ช่วยเลขานุการ การประกอบธุรกิจ กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
494 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | กค. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
(นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ในกรณีที่ไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้
และไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้
ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
495 | แผนปฏิบัติการร่วมความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย - กัมพูชา พ.ศ. 2568 - 2569 (Joint Plan of Action for Thailand - Cambodia Strategic Partnership 2025 - 2026) | กต. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
496 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเอกพล พูลพิพัฒน์) | กต. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเอกพล พูลพิพัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ คูเวต รัฐคูเวต ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
497 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงแรงงาน) | รง. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
498 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายธนู ขวัญเดช และนายปรีดี ภูสีน้ำ) | ศธ. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
ดังนี้ ๑. นายธนู ขวัญเดช ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
499 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 2/2568 | นร.08 | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
500 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒.
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร
เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓.
มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|