ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1519 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 30361 - 30380 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 30361 | การจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเช็ก | กต | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดย
๑. เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเช็ก โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในส่วนที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของความตกลงฯ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก สรุปสาระสำคัญของร่างความตกลงฯ ได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างความตกลงฯ ให้ความสำคัญต่อการขยายความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับสาธารณรัฐเช็ก ในด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม วิชาการ และเทคโนโลยี ตลอดจนความร่วมมือด้านการพัฒนาในสาขาต่าง ๆ รวมทั้งสนับสนุนการติดต่อและพัฒนาโอกาสทางธุรกิจและอำนวยความสะดวกให้เกิดการขยายการลงทุนระหว่างกัน เกื้อหนุนให้เกิดความร่วมมือในสาขาที่มีความสนใจร่วมกัน โดยเฉพาะด้านการเงิน การธนาคาร และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ๑.๒ ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และมีหน่วยงานผู้ประสานงานของฝ่ายไทย คือ กระทรวงการต่างประเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานร่วม และฝ่ายเช็ก คือ กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเป็นประธานร่วม ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ |
||||||||||||||||||||||||
| 30362 | ขออนุมัติลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับกระทรวงการต่างประเทศบราซิลว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือทางการเมืองในเรื่องที่มีความสนใจร่วมกัน | กต | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับกระทรวงการต่างประเทศบราซิลว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือทางการเมืองในเรื่องที่มีความสนใจร่วมกัน ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อจัดตั้งกรอบและกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศของไทยและบราซิล ในลักษณะเปิดกว้าง โดยคู่ภาคีจะจัดให้มีการปรึกษาหารือเป็นประจำเพื่อประเมินความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างประเทศทั้งสองในทุกด้านที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน อาทิ การเมือง เศรษฐกิจ การพาณิชย์ วิทยาศาสตร์ วิชาการ และวัฒนธรรม ซึ่งทั้งสองฝ่ายสามารถกำหนดวาระการหารือระดับหัวหน้าคณะ ช่วงเวลา สถานที่ประชุมหารือ ประเด็นหารือให้ครอบคลุมความสัมพันธ์ทวิภาคี ประเด็นระหว่างประเทศ และอื่น ๆ ตามที่ทั้งสองฝ่ายเห็นเหมาะสม ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการที่ไทยและบราซิลมีเป้าหมายมุ่งส่งเสริมการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว และความเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น จำเป็นต้องตระหนักถึงผลกระทบทางลบอันสืบเนื่องมาจากเป้าหมายดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยอาจพิจารณาเพิ่มประเด็นด้านความมั่นคงในข้อ ๑ ข้อย่อย ๑. ซึ่งเกี่ยวกับขอบเขตของการหารือ ดังนี้ “The Parties will carry out regular … mutual interest, such as political, security, commercial….” ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 30363 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ดำเนินโครงการละครและภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ “รักไม่สิ้น แผ่นดินแม่” ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ และอนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่ายภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ วงเงิน ๔๐ ล้านบาท ให้แก่สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังเพื่อจัดสรรต่อเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปให้แก่มูลนิธิเศรษฐกิจชุมชนพึ่งตนเองในการจัดสร้างละครและภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ “รักไม่สิ้น แผ่นดินแม่” ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 30364 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช (จำนวน 12 คน 1. นายณัฐ โฆษิวากาญจน์ ฯลฯ) | กษ | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช จำนวน ๑๒ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ สิงหาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายณัฐ โฆษิวากาญจน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากเกษตรกรภาคเหนือ ๒. นายสำอาง แก้วประดับ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากเกษตรกรภาคกลาง ๓. นายเกรียงไกร ไทยอ่อน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากเกษตรกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๔. นางประมวญ พงษ์ไพบูลย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากเกษตรกรภาคตะวันออก ๕. นายวิเชียร เจียระธรรม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากเกษตรกรภาคตะวันตก ๖. นายสัญญา ปานสวี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากเกษตรกรภาคใต้ ๗. รองศาสตราจารย์ธีระ เอกสมทราเมษฐ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นนักวิชาการ ด้านปรับปรุงพันธุ์พืชจากสถาบันการศึกษา ๘. รองศาสตราจารย์เสวียน เปรมประสิทธิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นนักวิชาการ ด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติจากสถาบันการศึกษา ๙. นางอณัญญา หงษา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์การพัฒนาเอกชน ที่ไม่แสวงหากำไรที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการเกษตร ๑๐. นางสาวกิ่งกร นรินทรกุล ณ อยุธยา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์การพัฒนาเอกชน ที่ไม่แสวงหากำไรที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์ ๑๑. นายสุพล ธนูรักษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสมาคมที่มีวัตถุประสงค์ เกี่ยวกับการปรับปรุงพันธุ์และขยายพันธุ์พืช ๑๒. รองศาสตราจารย์จวงจันทร์ ดวงพัตรา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสมาคมที่มีวัตถุประสงค์ เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์พืช
|
||||||||||||||||||||||||
| 30365 | ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ครั้งที่ 5/2555 (กรณีเร่งด่วน 4 ประเด็น) | นร11 | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ ๕/๒๕๕๕ (กรณีเร่งด่วน ๔ ประเด็น ตามข้อเสนอของประธาน กยอ.) เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการ กยอ. รวบรวมข้อมูลความคืบหน้าในการดำเนินโครงการ/แผนงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการแล้ว ให้ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน เพื่อรายงานให้ กยอ. ทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย สรุปสาระสำคัญของผลการประชุมฯ ดังนี้
๑. ประเด็นที่ ๑ นโยบายการลงทุนของประเทศไทย นับตั้งแต่วิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ภาพรวมการลงทุนของประเทศไทยรอบระยะเวลา ๑๕ ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถบริหารให้เกิดการลงทุนที่สร้างรากฐานสำหรับอนาคตของประเทศได้ดีพอ ทั้งที่ประเทศไทยมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง การออมสุทธิสูงแต่ยังไม่มีการนำเงินออมในระบบดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ในการลงทุนเพื่อการพัฒนาโครงการสำคัญต่าง ๆ ของประเทศ ให้มีมาตรฐานและเพียงพอ ดังนั้น รัฐบาลจึงควรพิจารณากำหนดนโยบายการลงทุนในระยะ ๕-๑๐ ปีข้างหน้า โดยให้ความสำคัญกับการใช้แหล่งเงินกู้ในประเทศเป็นหลัก ๒. ประเด็นที่ ๒ โครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย มีความสำคัญในระดับภูมิภาค เนื่องจากเป็นการเชื่อมโยงพื้นที่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของประเทศไปสู่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เห็นควรยกระดับความร่วมมือในการพัฒนาโครงการดังกล่าวขึ้นเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล ทั้งนี้ ในระหว่างที่ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤษภาคม-๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ และมีกำหนดพบหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลาดังกล่าว เห็นควรเสนอฝ่ายเมียนมาร์ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างไทย-เมียนมาร์ เพื่อให้มีกลไกในระดับรัฐบาลของทั้งสองประเทศในการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ๓. ประเด็นที่ ๓ การลงทุนพัฒนาระบบราง ควรดำเนินการควบคู่กันไปทั้งการปรับปรุงระบบรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง โดยควรมีการวางแผนเพื่อใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงของทั้งสองระบบในลักษณะสนับสนุนกัน ทั้งนี้ ในส่วนของการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงควรให้ความสำคัญกับการขนส่งสินค้าเพื่อช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศ และสนับสนุนการเชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งกับท่าเรือน้ำลึกฝั่งอันดามันและฝั่งทะเลจีนใต้ เพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายเสรีสินค้าและบริการภายใต้แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ๔. ประเด็นที่ ๔ การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ การสนับสนุนสินเชื่อแบบผ่อนปรนของธนาคารพาณิชย์ยังมีผลการดำเนินงานในการอนุมัติสินเชื่อค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับการสนับสนุนสินเชื่อแบบผ่อนปรนผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน เป็นต้น ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการจัดสรรวงเงินสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ ในวงเงิน ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ให้กับธนาคารพาณิชย์ ภายใต้พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ. ๒๕๕๕ แล้ว ดังนั้น เห็นควรขอความร่วมมือให้สมาคมธนาคารไทยช่วยเร่งรัดธนาคารพาณิชย์ในการอำนวยความสะดวกเพื่อปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และรายย่อย |
||||||||||||||||||||||||
| 30366 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... | นร | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. .... ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑.๒ กำหนดนิยามคำว่า “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” หมายความว่า แนวคิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการใช้องค์ความรู้ การศึกษาวิจัย การสร้างสรรค์งาน และการใช้ทรัพย์สินทางปัญญา ที่เชื่อมโยงกับรากฐานทางวัฒนธรรมการสั่งสมความรู้ของสังคม เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ และ “ธุรกิจสร้างสรรค์” หมายความว่า ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ที่ก่อให้เกิดคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม ๑.๓ กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (กศส.) มีผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นรองประธานกรรมการ และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ พิจารณาให้ความเห็นชอบกรอบการจัดสรรเงินกองทุน กำหนดแนวทางและมาตรการเพื่อส่งเสริมความร่วมมือและประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เสนอแนะมาตรการด้านการเงิน การคลัง การภาษีอากร รวมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย และเสนอรูปแบบองค์กรเพื่อขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ๑.๔ กำหนดให้มีสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (สศส.) เป็นหน่วยงานภายในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของ กศส. และให้ กศส. แต่งตั้งผู้อำนวยการ สศส. ๑.๕ กำหนดให้จัดตั้งกองทุนส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลืออุดหนุนการดำเนินการตามนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ วิจัยและพัฒนาของธุรกิจสร้างสรรค์ ร่วมมือกับองค์การหรือหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศในกิจการที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของสำนักงานและการบริหารกองทุน และค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่น ๆ ๑.๖ กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วย เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ผู้อำนวยการ สศส. เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และนโยบายในการบริหารเงินกองทุน พิจารณาการจัดสรรเงินกองทุน พิจารณากลั่นกรองและอนุมัติแผนงานและโครงการภายใต้กรอบการจัดสรรเงินกองทุน ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของกองทุน ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการโอนเงินกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีอยู่เดิม จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปไว้ที่สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ ควรกำหนดบทเฉพาะกาลเพิ่มเติมเพื่อให้มีความชัดเจนและสามารถบริหารจัดการเงินกองทุน ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับเบี้ยประชุม ค่าตอบแทนและประโยชน์อื่นของ กศส. คณะกรรมการบริหาร และสำนักงาน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของ กศส. คณะกรรมการบริหาร และสำนักงาน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๖ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงาน นอกจากนี้ เห็นควรปรับคำนิยามของ “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” ให้มีความชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับ “การพัฒนา” มากกว่าการเป็นเพียง “แนวคิด” และคำนิยามของ “ธุรกิจสร้างสรรค์” ควรครอบคลุมถึงการนำเสนอในรูปแบบใหม่ด้วย อีกทั้งธุรกิจสร้างสรรค์ควรมีจุดเน้นที่การสร้าง “มูลค่าเพิ่ม” ทางเศรษฐกิจ ไม่ควรจำกัดเพียงการสร้างสรรค์ “คุณค่า” เท่านั้น ควรระบุสถานะและบทบาทของ สศส. ที่จะจัดตั้งขึ้นให้ชัดเจนหลังจากมีองค์กรเพื่อขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์แล้ว รวมทั้งปรับแก้ถ้อยคำในประเด็นของอำนาจหน้าที่ กศส. ที่กำหนดว่า “กำหนดนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี” เป็น “เสนอแนะการกำหนดนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ต่อคณะรัฐมนตรี” เพื่อให้เกิดความชัดเจนในอำนาจหน้าที่ของ กศส. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
| 30367 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางซื่อ และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางซื่อ และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางซื่อ และเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 30368 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 122 สายทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ที่บ้านหนองตะโก พ.ศ. .... | คค | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒๒ สายทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ที่บ้านหนองตะโก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒๒ สายทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ที่บ้านหนองตะโก ในท้องที่ตำบลนครสวรรค์ตก ตำบลหนองกรด อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 30369 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
| 30370 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... | นร | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 30371 | ร่างพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 30372 | การโอนข้าราชการประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงมหาดไทยและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) (นายประมุข ลมุล และนายมณฑล สุดประเสริฐ) | มท | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยและศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ ดังนี้
๑. นายประมุข ลมุล รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ๒. นายมณฑล สุดประเสริฐ รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
|
||||||||||||||||||||||||
| 30373 | การจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินการของรัฐบาลในรอบ1ปี | นร | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า คณะรัฐมนตรีได้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินนับแต่วันที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาครบ ๑ ปี ในวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕ ที่จะถึงนี้ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๗๕ วรรคสอง บัญญัติให้คณะรัฐมนตรีต้องจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินการ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคเสนอต่อรัฐสภาปีละหนึ่งครั้ง ในการนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ยกร่างรายงานแสดงผลการดำเนินการของรัฐบาลในรอบ ๑ ปี เสร็จแล้ว โดยการดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานจะเป็นการเสนอข้อมูลในลักษณะบูรณาการข้อมูลของทุกหน่วยงาน จึงขอมอบหมายให้รัฐมนตรีทุกท่านดำเนินการ ดังนี้
๑. พิจารณาร่างรายงานผลการดำเนินการฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง หากยังมีข้อมูลใดที่ต้องการเพิ่มเติมหรือปรับปรุงแก้ไข ขอให้จัดทำข้อมูลดังกล่าวในเชิงการวิเคราะห์ (ไม่เน้นการพรรณนาความ) ที่กระชับชัดเจน แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติโดยด่วนภายในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ เพื่อที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะได้รวบรวมดำเนินการต่อไป ๒. จัดทำ Power Point แสดงผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยแยกเป็นการดำเนินการตามนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล และการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวง/หน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยอาจเปรียบเทียบกับผลการดำเนินการในเรื่องเดียวกันของรัฐบาลที่ผ่านมาด้วย แล้วส่งให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีโดยด่วนภายในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||||||||
| 30374 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 30375 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 30376 | การจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 | นร | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับโครงการประชาอาสาปลูกป่า ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษามหาราชินี เป็นโครงการที่คนไทยทุกคนร่วมเป็นเจ้าภาพในการปลูกป่าน้อมเกล้าฯ ถวายในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ เพื่อร่วมกันฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่สีเขียวและต้นไม้ในท้องถิ่น ชุมชน และพื้นที่ป่าต่าง ๆ ให้มีความสมบูรณ์ โดยมีระยะเวลา ๕ ปี ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ รวมทั้งเป็นการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกและสร้างความตระหนักให้ประชาชนในทุกพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการดูแลบำรุงรักษาต้นไม้และพื้นที่ป่าด้วยจิตอาสา ซึ่งจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดที่จังหวัดเชียงใหม่ รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) รองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล) เป็นประธานในพิธีเปิดในภูมิภาคอีก ๔ จังหวัด คือ จังหวัดนครศรีธรรมราช นครราชสีมา อุทัยธานี และน่าน ตามลำดับ โครงการประชาอาสาปลูกป่าฯ นี้ ได้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการสนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในด้านการฟื้นฟูและรักษาทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น จึงให้เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่จะต้องดำเนินการ ดังนี้
๑. ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันดำเนินโครงการนี้อย่างพร้อมเพรียงและมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด หากมีหน่วยงานหรือภาคเอกชนสนใจจะเข้าร่วมดำเนินการเพิ่มเติม ขอให้แจ้งความประสงค์ที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ๒. ให้นำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีมาเป็นแนวทางในการปลูกป่าภายใต้โครงการนี้ ๓. ให้ยึดหลักในการดำเนินงาน ๔ ประการ คือ น้อมนำ ปฏิบัติการ ป้องกัน และรักษา ๔. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นเจ้าภาพหลักในการบูรณาการการดำเนินโครงการฯ ๕. ให้ส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปลูกป่า การดูแลรักษา และการใช้ประโยชน์
|
||||||||||||||||||||||||
| 30377 | การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ถือเป็นปัญหาสำคัญของชาติที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมดำเนินการแก้ไขให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว และในขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรง จึงมีความจำเป็นต้องวางยุทธศาสตร์แก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างบูรณาการ โดยการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.จชต.) เป็นหน่วยบัญชาการกลาง ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา) รับผิดชอบร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) และรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน รวมทั้งบูรณาการการทำงานและการสั่งการในพื้นที่ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน โดยการรวบรวมข้อมูลและข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาจากกระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงการติดตามการดำเนินงานจากระดับพื้นที่มายังหน่วยงานหรือผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ดังนั้น เพื่อให้มีการเตรียมความพร้อมในการดำเนินงานให้เป็นรูปธรรมจึงได้กำหนดให้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๔.๐๐ น. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รัฐมนตรีทั้ง ๑๗ กระทรวงที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานด้านความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการประสานการดำเนินงานเข้าร่วมประชุมเพื่อจัดเตรียมแผนการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างบูรณาการและเป็นเอกภาพต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 30378 | การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2555 กรณี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) | นร | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้ ก.พ.ร. รับเรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณีองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เกี่ยวกับข้อเสนอการพัฒนาและปรับปรุง อพท. และการมอบการบริหารจัดการโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและพื้นที่เชื่อมโยง ไปพิจารณาทบทวนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน โดยให้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าร่วมพิจารณาด้วย ๒. ให้ ก.พ.ร. รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการควบรวมโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและพื้นที่เชื่อมโยงเข้ากับองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ควรมีการศึกษาวัตถุประสงค์เดิมของการจัดตั้งโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีฯ ให้มีความชัดเจน เพื่อให้การพัฒนาปรับปรุงโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีฯ ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถรองรับนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับหน่วยงานได้อย่างเพียงพอ และความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ อพท. เกี่ยวกับการควบรวมโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีฯ เข้ากับองค์การสวนสัตว์ฯ ควรมีการจัดทำแผนการควบคุมและแผนธุรกิจที่มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม และสามารถดำเนินโครงการในรูปแบบเชิงธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ ก.พ.ร. หารือและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนศึกษาความเหมาะสมในเรื่องดังกล่าวร่วมกัน โดยพิจารณารายละเอียด เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ข้อจำกัด ประเด็นข้อกฎหมายและผลกระทบจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวให้ชัดเจนและครบถ้วน รวมทั้งศึกษาความพร้อมขององค์การสวนสัตว์ฯ ก่อนมีการถ่ายโอน เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
| 30379 | บันทึกความเข้าใจโครงการสาธิตการผลิตเอทานอลจากกากมันสำปะหลังในประเทศไทยระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กับองค์การพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่นต่อคณะรัฐมนตรีตามมติเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2555 | วท | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการสาธิตการผลิตเอทานอลจากกากมันสำปะหลังในประเทศไทย ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับองค์การพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น อีกครั้งหนึ่ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕ โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้นำความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศมาพิจารณา และได้ดำเนินการตามความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลังแล้ว ดังนี้ ๑.๑ สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นผู้ทำหน้าที่นำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุต่าง ๆ ภายใต้โครงการสาธิตการผลิตเอทานอลจากกากมันสำปะหลังในประเทศไทยเอง เพื่อให้สามารถใช้สิทธิขอรับการยกเว้นภาษีอากรเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุต่าง ๆ ที่องค์การพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (New Energy and Industrial Technology Development Organiztion : NEDO) ประเทศญี่ปุ่น จัดหาและนำเข้ามาใช้ในโครงการ ๑.๒ แก้ไขถ้อยคำของบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนของ Article 8 ข้อ ๑ จากเดิม “สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) ได้รับสิทธิการยกเว้นภาษีอากรเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุต่าง ๆ ที่ NEDO จัดหาและนำเข้ามาใช้ในโครงการ” แก้ไขเป็น “สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้รับสิทธิการยกเว้นภาษีอากรเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุต่าง ๆ ที่ NEDO จัดหาและนำเข้ามาใช้ในโครงการ” ๑.๓ คู่สัญญาตามบันทึกความเข้าใจฯ จะปรากฏเพียงสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ NEDO โดยไม่มีชื่อของ สนช. เข้ามาร่วมเกี่ยวข้องในแต่ละข้อสัญญา ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้รับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของตัวแทนจากโรงงานอุตสาหกรรมในกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีศักยภาพ และเห็นควรให้จัดทำบันทึกความเข้าใจฯ ในระดับรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น โดยรัฐบาลทั้งสองประเทศทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (full power) ให้แก่ผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ในนามรัฐบาลของแต่ละประเทศ เพื่อให้บันทึกความเข้าใจฯ เป็นสัญญาที่ประเทศไทยทำกับนานาประเทศซึ่งเข้าลักษณะที่จะขอรับยกเว้นภาษีอากรตามรายการของที่ได้รับยกเว้นอากรภาค ๔ ประเภทที่ ๑๐ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 30380 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการเช่าที่พักข้าราชการของหน่วยงานที่ประจำในต่างประเทศ | กษ | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติยกเว้นให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการเช่าที่พักข้าราชการของหน่วยงานที่ประจำในต่างประเทศ (สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป ประเทศเบลเยี่ยม) ได้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ตามนัยมาตรา ๒๓ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีระยะเวลาผูกพันการเช่าตั้งแต่วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ เป็นเงิน ๒,๗๖๙,๔๐๐ บาท หรือ ๗๐,๔๙๘ ยูโร อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ยูโร เท่ากับ ๓๙.๒๘ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๒๕๕,๘๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว จำนวน ๘๙๐,๗๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑,๖๒๒,๙๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ในโอกาสต่อไปการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวสมควรที่สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะพิจารณาและตรวจสอบการดำเนินงานให้สอดคล้องกับขั้นตอนและระยะเวลาตามระเบียบแบบแผนของทางราชการด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
.....
