ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1516 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 30301 - 30320 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 30301 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสูงเม่น จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... | มท | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสูงเม่น จังหวัดแพร่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลพระหลวง บางส่วนของตำบลดอนมูล บางส่วนของตำบลบ้านเหล่า บางส่วนของตำบลสูงเม่น บางส่วนของตำบลหัวฝาย และบางส่วนของตำบลน้ำชำ อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ เพื่อใช้เป็นแนวทาง ในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30302 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านทรัพยากรน้ำและการชลประทานไทย-สาธารณรัฐประชาชนจีน | กษ | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำและการชลประทาน โดยวัตถุประสงค์ในการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการในสาขาทรัพยากรน้ำและการชลประทานระหว่างสองประเทศ โดยมีขอบเขตความร่วมมือครอบคลุมในประเด็นการป้องกันและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน การบริหารจัดการและก่อสร้างเขื่อน ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อทรัพยากรน้ำและการรับมือ การป้องกันและบรรเทาอุทกภัย การอนุรักษ์ดินและน้ำ การชลประทานและการระบายน้ำ การประสานงานและร่วมมือในกิจกรรมที่เกี่ยวกับน้ำในระดับนานาชาติและความร่วมมือในด้านอื่น ๆ ที่สนใจร่วมกัน ๑.๒ อนุมัติในหลักการว่า ก่อนจะมีการลงนาม หากมีการแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สามารถลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในนามของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) จากกระทรวงการต่างประเทศ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับปรุงถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศก่อนการลงนามด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30303 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 45 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | กต | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๕ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘-๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ในกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปประเด็นสำคัญได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนมีมติให้คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนพัฒนาร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชนต่อไป โดยหารือกับทุกภาคส่วนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถจัดทำร่างปฏิญญาฯ เสร็จสิ้นสำหรับให้ผู้นำอาเซียนรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ๒. อาเซียนและประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ ได้แก่ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ยังไม่สามารถลงนามในเอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ เนื่องจากฝรั่งเศส รัสเซีย และสหราชอาณาจักรได้แจ้งข้อสงวนในเรื่องนี้แก่อาเซียนในระยะเวลาที่กระชั้นชิดก่อนการประชุม ซึ่งอาเซียนจำเป็นต้องพิจารณาข้อสงวนดังกล่าวอย่างถี่ถ้วน ส่งผลให้มีการเลื่อนการลงนามเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสนธิสัญญาฯ ออกไป โดยคาดว่าจะลงนามได้ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ๓. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้รับรองร่าง Terms of Reference ของสถาบันอาเซียนเพื่อสันติภาพและความสมานฉันท์ ซึ่งกำหนดขอบเขตหน้าที่เพื่อจัดตั้งสถาบันและส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาคตามเป้าหมายของแผนงานการจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน โดยจะประกาศการจัดตั้งสถาบันฯ อย่างเป็นทางการระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ๔. สหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรได้ลงนามในตราสารเพื่อเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลำดับที่ ๒๙ และ ๓๐ ตามลำดับ ๕. เวียดนามได้เสนอชื่อนาย Le Luong Minh รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามเป็นเลขาธิการอาเซียนคนต่อไปสำหรับวาระปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ และที่ประชุมสุดยอดอาเซียนจะพิจารณาแต่งตั้งนาย Le Luong Minh ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ๖. ที่ประชุมเห็นพ้องว่า อาเซียนควรร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะด้านการค้ามนุษย์ และยาเสพติด ซึ่งไทยได้แจ้งที่ประชุมเกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด ระหว่างวันที่ ๓๐ สิงหาคม-๑ กันยายน ๒๕๕๕ ๗. ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับวิกฤตยูโรโซน รวมทั้งผลกระทบที่อาจมีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเห็นว่าควรส่งเสริมความร่วมมือทางการเงินให้ภูมิภาคพร้อมรับมือกับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก พร้อมทั้งยินดีกับการเพิ่มประสิทธิภาพของ Chiang Mai Initiative Multilateralization (CMIM) โดยการขยายวงเงินจาก ๑๒๐ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น ๒๔๐ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ หุ้นส่วนเขตการค้าเสรีกับอาเซียนได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วม Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP หรือ ASEAN++ FTA) อาทิ ออสเตรเลีย จีน และนิวซีแลนด์ ๘. ประเทศอาเซียนและคู่เจรจายังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อเรื่องความเชื่อมโยงในภูมิภาค โดยคู่เจรจาหลายประเทศ อาทิ จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และอินเดีย ได้แสดงความพร้อมที่ให้การสนับสนุนอาเซียนในเรื่องนี้ โดยในส่วนของไทยได้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้มีความร่วมมือด้านความเชื่อมโยงในกรอบอาเซียน+๓ โดยประเทศอาเซียน+๓ ได้สนับสนุนข้อริเริ่มของไทย และเห็นชอบกับข้อเสนอของไทยที่จะให้มีการออกแถลงการณ์ผู้นำว่าด้วยหุ้นส่วนความเชื่อมโยงอาเซียน+๓ ในการประชุมสุดยอดอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๑๕ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ ซึ่งไทยจะเป็นผู้ยกร่าง ๙. ประเทศคู่เจรจาของอาเซียน อาทิ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และนิวซีแลนด์ ได้แสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนอาเซียนในการพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติ และการพัฒนากลไกเพื่อรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างทันท่วงที ซึ่งไทยได้แจ้งที่ประชุม ARF ถึงความพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพร่วมกับสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อจัดการฝึก Disaster Relief Exercise (DiREx) ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๑๐. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเห็นพ้องว่า อาเซียนได้พัฒนาความสัมพันธ์กับภายนอกภูมิภาคอย่างต่อเนื่องในกรอบต่าง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์กับอาเซียนทั้งด้านการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ และการพัฒนา โดยควรให้ทุกกรอบสามารถเกื้อกูลกันและส่งเสริมซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ อาเซียนจำเป็นต้องรักษาและส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน รวมทั้งมีความเป็นผู้นำในการริเริ่มข้อเสนอในกรอบความร่วมมือต่าง ๆ เพื่อให้ความสัมพันธ์ภายนอกของอาเซียนเป็นประโยชน์กับอาเซียนอย่างแท้จริง ๑๑. ประเด็นภูมิภาคและประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ๑๑.๑ ฟิลิปปินส์และเวียดนามมีท่าทีที่แข็งกร้าวในประเด็นที่เกี่ยวกับทะเลจีนใต้ โดยยืนยันให้มีการระบุสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ที่เกี่ยวกับ Scarborough Shoal (สำหรับฟิลิปปินส์) และเขตเศรษฐกิจพิเศษจำเพาะ (Exclusive Economic Zone : EEZ) และไหล่ทวีป (Continental Shelf) (สำหรับเวียดนาม) ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค หลายประเทศจึงเห็นว่าอาเซียนควรมีท่าทีร่วมกันในเรื่องนี้ และควรมีประเด็นนี้บรรจุอยู่ในแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๕ ๑๑.๒ ในการประชุมอาเซียน-จีน อาเซียนได้แสดงความพร้อมที่จะเริ่มเจรจา Code of Conduct in the South China Sea (CoC) กับจีน โดยอาเซียนสามารถบรรลุท่าทีเกี่ยวกับองค์ประกอบที่สำคัญที่ควรบรรจุใน CoC แล้ว ๑๑.๓ ประเทศอาเซียนและคู่เจรจาต่างแสดงความยินดีต่อพัฒนาการทางการเมืองและการปฏิรูปในเมียนมาร์ และเห็นว่าควรยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่าง ๆ ต่อเมียนมาร์ รวมทั้งให้การสนับสนุนเมียนมาร์เพื่อให้กระบวนการปฏิรูปต่าง ๆ เดินหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30304 | ผลการเข้าร่วมการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 4 และการเยือนเกาะคิวชู ของนายกรัฐมนตรี | นร | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับผลการเข้าร่วมการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๑ เมษายน ๒๕๕๕ ณ กรุงโตเกียว และการเยือนเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๕ ของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามผลการเยือน สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๔ ๑.๑ ที่ประชุมได้หารือในประเด็นความร่วมมือเพื่อพัฒนาลุ่มน้ำโขงและประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศ พร้อมรับรองเอกสารยุทธศาสตร์โตเกียว ค.ศ. ๒๐๑๒ เพื่อความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือใน ๓ ปีข้างหน้า ได้แก่ (๑) การส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยเน้นความเชื่อมโยงภายในภูมิภาคและกับภูมิภาคอื่นเพื่อยกสถานะภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในเวทีระหว่างประเทศและในตลาดโลก (๒) การพัฒนาไปพร้อมกัน โดยเน้นความแข็งแกร่ง ความมั่นคง และดุลยภาพการเจริญเติบโตผ่านความร่วมมือในกรอบลุ่มน้ำโขง เพื่อผลักดันการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย และ (๓) การสร้างความมั่นใจด้านความมั่นคงของมนุษย์และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โดยเน้นด้านความปลอดภัยแก่ประชาชนและการลดความเสี่ยงทั้งในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ๑.๒ ญี่ปุ่นได้ประกาศสนับสนุนงบประมาณ จำนวนเงิน ๖๐๐,๐๐๐ ล้านเยน (ประมาณ ๒๓๐,๐๐๐ ล้านบาท) พร้อมทั้งระบุโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ญี่ปุ่นสนใจในประเทศลุ่มน้ำโขง ๕๗ โครงการ จำนวน ๒.๓ ล้านล้านเยน (ประมาณ ๘๗๔,๐๐๐ ล้านบาท) ๑.๓ ไทยได้เน้นย้ำความสำคัญและความต่อเนื่องในการที่รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านและการพัฒนาประเทศลุ่มน้ำโขง โดยในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ไทยได้จัดสรรงบประมาณ จำนวนประมาณ ๒,๓๐๐ ล้านบาท ในการให้ความช่วยเหลือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ความช่วยเหลือทางวิชาการ และพร้อมที่จะเร่งรัดการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์โตเกียว โดยเสนอความร่วมมือกับญี่ปุ่นในการสนับสนุนกิจกรรม ๓ โครงการ ได้แก่ (๑) การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก และแนวพื้นที่เศรษฐกิจทางใต้ ให้เป็นแนวพื้นที่เศรษฐกิจอย่างแท้จริงและสามารถรองรับความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (๒) เชิญชวนให้ญี่ปุ่นมีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวายในเมียนมาร์ และ (๓) ร่วมกันจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ๑.๔ ไทยและญี่ปุ่นแสดงความห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อการทดลองยิงดาวเทียมของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี พร้อมย้ำถึงความจำเป็นของการปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และประสงค์ให้มีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางทะเลในกรอบการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ๒. การเยือนเกาะคิวชู เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๕ นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมกิจการรถไฟความเร็วสูงของกลุ่มบริษัทเจอาร์ คิวชู ซึ่งดำเนินกิจการเดินรถไฟบนเกาะคิวชูเป็นหลัก โดยเยี่ยมชมสถานที่ที่เป็นจุดเด่น ๓ แห่ง ของกิจการรถไฟของกลุ่มกิจการฯ ได้แก่ สถานีรถไฟฮากาตะในนครฟุกุโอกะ รถไฟความเร็วสูงชินกันเซ็นสายเกาะคิวชู และรถไฟท่องเที่ยวอาโสะ บอย พร้อมทั้งดูงานสินค้า One Village One Product (OVOP) ของเกาะคิวชู บริเวณสถานีรถไฟฮากาตะ ๓. การดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศเพื่อผลักดันให้ผลการเยือนนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม มีดังนี้ ๓.๑ ประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อประมวลข้อคิดเห็นของหน่วยงานไทยเกี่ยวกับร่างแผนปฏิบัติการใหม่ของกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ๓.๒ เตรียมการจัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำเพื่อเตรียมรองรับภัยพิบัติจากทั้งอุทกภัยและภัยแล้ง และความมั่นคงทางอาหารของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปลายปี ๒๕๕๕ หรือช่วงต้นปี ๒๕๕๖ ๓.๓ เร่งรัดประสานกับประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นในการเชิญนักออกแบบญี่ปุ่นมาร่วมหารือกับกระทรวงคมนาคมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30305 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (นักบริหารระดับสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายจิรชัย มูลทองโร่ย) | นร | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายจิรชัย มูลทองโร่ย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30306 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอป่าพะยอม อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง พ.ศ. .... | กษ | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอป่าพะยอม อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. ๒๕๐๕ บังคับในท้องที่อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอป่าพะยอม อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง เพื่อให้มีการจัดทำคันและคูน้ำอันจะเป็นประโยชน์ในการเกษตรและทำให้การใช้น้ำเป็นไปโดยประหยัด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30307 | รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 | นร | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๑ การจัดสรร/การเบิกจ่าย/ลงนามสัญญาหรือดำเนินการเอง สำนักงบประมาณจัดสรรสุทธิ เป็นเงิน ๑๑๘,๑๒๑.๔๓๒๒ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเองแล้ว เป็นเงิน ๑๐๖,๙๙๔.๗๔๒๓ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๑,๐๘๑.๒๘๐๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑.๐๒ และผลการเบิกจ่ายจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) เป็นเงิน ๘๒,๘๒๖.๙๘๘๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๐.๑๒ จากยอดจัดสรร ๑.๒ ผลการดำเนินงาน มิติส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๙ กระทรวง และมิติจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๔๙ จังหวัด ส่วนจังหวัดที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๒๔ จังหวัด ๑.๓ การส่งคืนเงินงบประมาณและการใช้จ่ายจากเงินที่แจ้งส่งคืน ส่วนราชการฯ ส่งเงินคืนในระบบ GFMIS เป็นเงิน ๕,๑๙๑.๒๕๘๕ ล้านบาท และเงินที่ส่วนราชการจะใช้จ่ายจริงน้อยกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ เป็นเงิน ๑๓๙.๐๐๖๐ ล้านบาท รวมเป็นเงินที่จะจัดสรรเพิ่มเติมได้อีก จำนวน ๕,๓๓๐.๒๖๔๕ ล้านบาท สำหรับการใช้จ่ายเงินที่แจ้งส่งคืน คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินที่ส่วนราชการฯ ส่งคืนงบประมาณรวม ๕ ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๔,๘๒๔.๕๗๗๖ ล้านบาท (สำนักงบประมาณจัดสรรแล้ว ๓,๓๓๑.๖๐๐๒ ล้านบาท) คงเหลือวงเงินที่คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติเพิ่มเติมได้อีก เป็นเงิน ๕๐๕.๖๘๖๙ ล้านบาท ๒. การจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๘,๙๑๘.๘๖๑๒ ล้านบาท สำนักงบประมาณจัดสรรเงินกู้ฯ ให้ส่วนราชการ จำนวน ๒๑,๓๗๒.๑๐๕๘ ล้านบาท คงเหลือ จำนวน ๗,๕๔๖.๗๕๕๔ ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงคมนาคม จำนวน ๓,๙๘๑.๙๘๘๐ ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๓,๒๓๖.๖๙๔๐ ล้านบาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๓๑๐.๗๔๘๔ ล้านบาท กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๗.๑๒๕๐ ล้านบาท และกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๐.๒๐๐๐ ล้านบาท |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30308 | การยุติการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 24 เมษายน 2555 เรื่อง การเร่งรัดดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำและป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัย ที่กำหนดให้มีการพิจารณาความพร้อมในเบื้องต้นของโครงการที่จะขอใช้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 (350,000 ล้านบาท) | นร05 | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ยุติการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ (เรื่อง การเร่งรัดดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำและป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัย) ที่กำหนดว่า ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจที่มีโครงการที่ใช้เงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ (๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) และอยู่ในกรอบบูรณาการการบริหารจัดการน้ำของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๕ [เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕] เร่งรัดจัดทำรายละเอียดและคำของบประมาณของโครงการที่เกี่ยวข้อง แล้วส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วน โดยคำขอดังกล่าวจะต้องเสนอโดยรัฐมนตรีต้นสังกัด และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพหลักในการพิจารณากลั่นกรองรายละเอียด ความสมบูรณ์ของเอกสาร และความพร้อมของโครงการต่าง ๆ ในเบื้องต้นร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) ก่อนนำเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยพิจารณาตามขั้นตอนตามระเบียบและอำนาจหน้าที่ต่อไป ๑.๒ ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามขั้นตอนปกติต่อไป ๒. สำหรับคำขอที่ยังคงค้างอยู่ในขั้นตอนที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะต้องร่วมกับสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณา จำนวนประมาณ ๒๕๖ โครงการ นั้น ให้ส่งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเพื่อพิจารณาร่วมกับสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ยึดหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังนี้ ๒.๑ กรณีเป็นโครงการ/แผนงานต่อเนื่องจากเดิมที่เคยได้รับการจัดสรรงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ไปแล้ว และจำเป็นต้องได้รับงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการต่อเนื่องให้แล้วเสร็จ สมควรได้รับการพิจารณาให้ดำเนินการได้ ๒.๒ กรณีเป็นโครงการ/แผนงานที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ สมควรได้รับการพิจารณาให้ดำเนินการได้ ๒.๓ กรณีเป็นโครงการ/แผนงานที่อาจจะมีความซ้ำซ้อนกับแผนงานตามประกาศเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมเสนอกรอบแนวคิด (conceptual plan) เพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย ให้ตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจนและให้ชะลอการพิจารณาไว้ก่อน เพื่อเปรียบเทียบกับแผนงานตามประกาศเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมเสนอกรอบแนวคิดฯ และมิให้เกิดการดำเนินการที่ซ้ำซ้อนกัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30309 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... | นร | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง
การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30310 | ขอถวายพระราชสมัญญา "พระมารดาแห่งไหมไทย" แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 | กษ | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการถวายพระราชสมัญญา “พระมารดาแห่งไหมไทย” แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในนามรัฐบาลและปวงชนชาวไทย เพื่อประกาศพระเกียรติคุณในพระปรีชาสามารถและพระอัจฉริยภาพ และเพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30311 | รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมิถุนายน 2555 | พณ | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศ เดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ เท่ากับ ๑๑๕.๔๒ เทียบกับเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ เท่ากับ ๑๑๕.๒๓ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๖ (เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๓๙) เป็นการสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง โดยดัชนีราคาเฉลี่ยหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่เปลี่ยนแปลง และราคาสินค้าประเภทอาหารที่ขยับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวสารเจ้า ไก่สด ปลาและสัตว์น้ำ ไข่และผลิตภัณฑ์นม ผลไม้สด เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และอาหารสำเร็จรูป สำหรับดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๘ ขณะที่หมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร ดัชนีลดลงร้อยละ ๐.๘๐ ๑.๑ ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น โดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง ราคาสินค้าประเภทอาหารที่มีการเคลื่อนไหว ได้แก่ ข้าวสารเจ้าสูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๘ ไก่สดร้อยละ ๐.๒๐ ปลาและสัตว์น้ำร้อยละ ๐.๒๕ (ปลาช่อน ปลาทับทิม และปลาน้ำทะเลสด) ไข่และผลิตภัณฑ์นมร้อยละ ๑.๒๙ (ไข่ไก่ ไข่เป็ด นมข้นหวาน นมสด) ผลไม้สดร้อยละ ๓.๖๖ (ส้มเขียวหวาน ส้มโอ มะละกอ ฝรั่ง ชมพู่ แอ๊ปเปิ้ล) เครื่องปรุงรสร้อยละ ๐.๑๓ (น้ำปลา ซีอิ้ว น้ำพริกแกง) และอาหารสำเร็จรูปร้อยละ ๐.๐๑ (กับข้าวสำเร็จรูป บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง) สำหรับสินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ ข้าวสารเหนียวลดลงร้อยละ ๐.๒๑ เนื้อสัตว์สดร้อยละ ๒.๗๒ (เนื้อสุกร กระดูกซี่โครงหมู) ผักสดร้อยละ ๘.๓๗ (แตงกวา ผักกาดขาว ผักบุ้ง ผักคะน้า เห็ด) ๑.๒ ดัชนีราคาหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๘ จากการสูงขึ้นของหมวดเคหสถานร้อยละ ๑.๖๔ ตามการสูงขึ้นของราคาค่าเช่าบ้าน ค่าวัสดุก่อสร้าง (กระเบื้องซีเมนต์ใยหินมุงหลังคา ปูนซีเมนต์ แผ่นไม้อัด) ค่าแรงช่างไฟฟ้า ค่าแรงช่างประปา ค่าน้ำประปา ค่ากระแสไฟฟ้า นอกจากนี้สินค้าสำคัญที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด ร้อยละ ๐.๒๘ [ผงซักฟอก น้ำยารีดผ้า ผลิตภัณฑ์ซักผ้า (น้ำยาซักแห้ง) สารกำจัดแมลง/ไล่แมลง] ค่าตรวจรักษาและค่ายา ร้อยละ ๐.๔๓ (ยาแก้ไข้หวัด ยาคุมกำเนิด ยาลดกรดในกระเพาะ และเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ร้อยละ ๐.๒๑ (เบียร์ ไวน์ สุรา) สำหรับสินค้าที่มีราคาลดลง เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง และอุปกรณ์การบันเทิง เช่น กล้องถ่ายรูป เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ๒. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ เท่ากับ ๑๐๘.๓๑ เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๕ (เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๕ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๙) โดยมีผลกระทบมาจากการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ค่าเช่าบ้าน วัสดุก่อสร้าง ค่าน้ำประปา ค่ากระแสไฟฟ้า ค่ายาและเวชภัณฑ์ ค่าของใช้ส่วนบุคคล และค่าโดยสารสาธารณะ สำหรับสินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า เตารีด เครื่องซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างห้องน้ำ และยางรถยนต์ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30312 | รายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลและการให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม | อก | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลและการให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ได้แก่ การจัดงาน OUTLET เพื่อประชาชน “มหกรรมสินค้าช่วยค่าครองชีพส่งตรงจากโรงงาน” ครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ ระหว่างวันที่ ๖-๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์สุรนารี จังหวัดนครราชสีมา โดยประสานงานกับผู้ผลิตให้นำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นมาจำหน่ายในราคาหน้าโรงงาน มีประชาชนเข้าร่วมซื้อสินค้าในงานรวม ๙๓,๓๐๖ คน ผู้ประกอบการที่นำสินค้ามาจำหน่าย จำนวน ๒๑๓ ราย มียอดขายสินค้ารวมทั้งสิ้น ๒๓,๙๒๑,๖๘๑ บาท ประเภทสินค้าที่ขายดี ๔ อันดับ ได้แก่ ประเภทอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้าและเครื่องสำอางค์ และอุปกรณ์เครื่องครัวและเครื่องใช้ภายในบ้าน ๒. การดำเนินการฟื้นฟู เยียวยานิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ๗ แห่ง ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี ได้แก่ นิคมสหรัตนนคร นิคมไฮเทค นิคมบางปะอิน นิคมโรจนะ นิคมแฟคตอรี่แลนด์ นิคมนวนคร และนิคมบางกะดี ขณะนี้มีโรงงานประกอบกิจการแล้ว ๖๖๓ ราย คิดเป็นร้อยละ ๗๙.๐๒ ของโรงงานทั้งหมด ๘๓๙ ราย ๓. การดำเนินการฟื้นฟูโรงงานขนาดใหญ่ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบอุทกภัย ซึ่งตั้งอยู่นอกเขตนิคมอุตสาหกรรม ขณะนี้มีโรงงาน สถานประกอบการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เปิดดำเนินการแล้ว ๗,๘๐๒ ราย คิดเป็นร้อยละ ๙๘.๗๗ ของสถานประกอบการทั้งหมด ๗,๘๙๙ ราย ๔. โครงการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย อาทิ โครงการจัดตั้งศูนย์พักพิงอุตสาหกรรม โครงการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และกากอุตสาหกรรมในสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย โครงการตรวจสอบคุณภาพน้ำ ดิน และสารปนเปื้อนของสารพิษอุตสาหกรรมในสถานประกอบการทั้งในและนอกนิคม โครงการศูนย์สารพัดช่างเพื่อการฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย โครงการฟื้นฟูซ่อมแซมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย เป็นต้น ๕. ความคืบหน้าการก่อสร้างเขื่อน นิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบการอุตสาหกรรม และสวนอุตสาหกรรม ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๗ กิโลเมตร ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้าง เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๗๕ กิโลเมตร ความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๗๓ นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๑๑.๐๓ กิโลเมตร ความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๗๐.๔๒ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๙.๘๙ กิโลเมตร ความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๕๘ เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๑๘ กิโลเมตร ความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๗๑.๓๙ และสวนอุตสาหกรรมบางกระดี ก่อสร้างเขื่อนความยาวโดยประมาณ ๙.๑๒ กิโลเมตร ความก้าวหน้าในการก่อสร้างคิดเป็นร้อยละ ๖๕.๒๗
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30313 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ พ.ศ. 2555-2557 (แผนระยะสั้น) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 เพิ่มเติม | สธ | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ (แผนระยะสั้น) ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๔๒ เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินงาน ได้แก่ การจัดทำแผนงาน/โครงการฯ ของจังหวัด รองรับการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายงบประมาณ การจัดตั้ง/ประชุมคณะกรรมการระดับจังหวัด การจัดทำทะเบียนข้อมูลสมุนไพร ๓ กลุ่ม (กลุ่มที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ กลุ่มที่มีค่าต่อการศึกษาวิจัย และกลุ่มที่อาจจะสูญพันธุ์) จำแนกแต่ละพื้นที่ การประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง/ชุมชน/เครือข่าย ในการดำเนินงานตามแผนฯ เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิชาการ อนุรักษ์ เสริมสร้างความรู้ตามมาตรการ/กิจกรรมแต่ละพื้นที่ รวมทั้งการพัฒนาต่อยอดเพื่อการใช้ประโยชน์ และกำหนดแผนติดตาม/ประเมินผลการดำเนินงานปีแรกของแผนงานฯ ภายหลังสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒. ปัญหาอุปสรรค ได้แก่ ข้อจำกัดด้านกฎหมาย ระเบียบในการอนุญาตเข้าไปในพื้นที่ บุคลากรในการปกป้องหรือป้องปรามและลาดตระเวนพื้นที่มีจำนวนจำกัด การสนับสนุนงบประมาณตามแผนฯ แต่ละพื้นที่ยังไม่เพียงพอ ตลอดจนภาคส่วนต่าง ๆ ยังขาดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าว ๓. ข้อเสนอแนะ แนวทางการดำเนินงานและการพัฒนา ได้แก่ การบูรณาการความร่วมมือทั้งทางวิชาการ กฎหมาย จากทุกภาคส่วน/ทุกระดับ โดยให้ส่วนราชการ/หน่วยงาน/องค์กรที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการรองรับภารกิจ/กิจกรรมตามแผน พร้อมจัดสรรงบประมาณเพื่อรองรับการดำเนินงานบูรณาการ การสนับสนุนและผลักดันในเชิงนโยบายของผู้บริหาร การจัดทำข้อตกลงความร่วมมือด้านต่าง ๆ ใช้เป็นกรอบในการทำงาน/การปฏิบัติงานร่วมกันทุกระดับ รวมทั้งการสนับสนุนให้มีการสำรวจและศึกษาสมุนไพรเพิ่มเติมในพื้นที่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ รวมทั้งสนับสนุนการจัดทำระบบฐานข้อมูลทางภูมิศาสตร์เพื่อประโยชน์ในการอ้างอิงทางวิชาการและการต่อสู้เชิงกฎหมายในอนาคต ๔. แผนงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้แก่ การสนับสนุนการดำเนินงานในพื้นที่โดยเน้นพื้นที่นอกเขตอนุรักษ์เพื่อขยายโอกาสให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น และเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองเพื่อรองรับการขอขึ้นทะเบียนที่ดินเอกชน และนำที่ดินดังกล่าวมาขอรับการช่วยเหลือหรือสนับสนุนเกี่ยวกับการปลูก พัฒนา ส่งเสริมสมุนไพรตามเกณฑ์กำหนดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30314 | ขอความเห็นชอบปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่เสียชีวิตและทุพพลภาพจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่เสียชีวิตและทุพพลภาพจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประธานกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ ดังนี้ ๑.๑ กรณีประชาชนผู้เสียชีวิตสืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เดิมได้รับการช่วยเหลือเป็นเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาท เพิ่มเป็น ๕๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ กรณีประชาชนผู้ทุพพลภาพสืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากเดิมได้รับการช่วยเหลือเป็นเงินจำนวน ๘๐,๐๐๐ บาท เพิ่มเป็น ๕๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบเป็นต้นไป และให้ย้อนหลังครอบคลุมผู้เสียชีวิตและทุพพลภาพ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๗ เป็นต้นมา โดยส่วนที่มีผลย้อนหลังจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นไม่ช้ากว่าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านงบประมาณในปีหนึ่งปีใดเกินสมควร และให้นำจำนวนเงินที่ได้รับความช่วยเหลือไปแล้วมาหักออกจากจำนวนเต็มที่พึงจะได้รับด้วย ๒. ส่วนรายละเอียดงบประมาณให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรที่เห็นควรดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยาฯ ตลอดจนระเบียบ และวิธีการขอรับการช่วยเหลือต่อประชาชนในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีนำไปใช้เป็นเงื่อนไขสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนด้วยกันเองหรือประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งเร่งรัดเรื่องการนำคนที่กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้ได้โดยเร็วควบคู่ไปกับการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30315 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนห้วยข้าวก่ำ จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | มท | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนห้วยข้าวก่ำ จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลห้วยข้าวก่ำ บางส่วนของตำบลห้วยยางขาม และบางส่วนของตำบลจุน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30316 | แผนปฏิบัติการบูรณาการภูมิภาคลาตินอเมริกา ปี 2555-2559 | กต | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการบูรณาการภูมิภาคลาตินอเมริกา ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยแผนปฏิบัติการบูรณาการฯ จัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ความสัมพันธ์ทางด้านการเมือง เศรษฐกิจการค้าและการลงทุน และพัฒนาความร่วมมือกับภูมิภาคลาตินอเมริกา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตลอดจนสอดคล้องตามเจตนารมณ์ของแผนยุทธศาสตร์ภูมิภาคลาตินอเมริกา ในช่วงระยะเวลา ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙) ทั้งนี้ แผนปฏิบัติการบูรณาการฯ มีเป้าหมายในการดำเนินการแบ่งเป็น ๔ ส่วน ดังนี้ ๑.๑ ส่วนที่ ๑ การส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทางการเมือง ความมั่นคง และความร่วมมือในเวทีระหว่างประเทศ เป้าหมายคือ ไทยเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ลำดับต้นจากอาเซียนกับกลุ่มประเทศเป้าหมายในภูมิภาคลาตินอเมริกา (เช่น บราซิล เม็กซิโก อาร์เจนตินา ชิลี และเปรู เป็นต้น) และไทยกับกลุ่มประเทศเป้าหมายในภูมิภาคลาตินอเมริกามีกรอบความร่วมมือและการสร้างเครือข่ายด้านความมั่นคงระหว่างกัน ๑.๒ ส่วนที่ ๒ การส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้า เป้าหมายคือ มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยและประเทศในภูมิภาคลาตินอเมริกาเพิ่มขึ้นเป็น ๒ เท่า หรือ อย่างน้อยเป็น ๓ หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยมีสินค้าส่งออกเป้าหมายที่สำคัญ ได้แก่ รถยนต์ ยางพารา เครื่องยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์พลาสติก ปูนซีเมนต์ ผ้าผืน ผลิตภัณฑ์สปา และอัญมณี ๑.๓ ส่วนที่ ๓ การส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจการลงทุน การบริการ และการท่องเที่ยว เป้าหมายคือ ปริมาณการลงทุนและจำนวนบริษัทที่เข้าไปลงทุนในแต่ละฝ่ายเพิ่มขึ้นอย่างน้อย ๕-๑๐ บริษัท และจำนวนนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคลาตินอเมริกาเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็นแปดหมื่นคน/รายต่อปี ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑.๔ ส่วนที่ ๔ การส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพ ประกอบด้วย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อมและนวัตกรรม การศึกษาและวิชาการ พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ประชาชนและกีฬา และด้านวัฒนธรรม เป้าหมายคือ ไทยเป็นหุ้นส่วนอันดับต้นจากอาเซียนในการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศึกษาและวิชาการ พลังงาน ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและประชาชน และวัฒนธรรมกับภูมิภาค และมีกรอบความร่วมมือในสาขาศักยภาพหลักอย่างเป็นระบบ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับเป้าหมายการดำเนินการที่ ๒ การส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้า ซึ่งภายใต้แนวทางการปฏิบัติการมีประเด็นการให้การสนับสนุนด้านการเงินจากภาครัฐ โดยใช้ประโยชน์จากสถาบันการเงินของรัฐ และการพิจารณารูปแบบความเป็นไปได้ในการตั้ง Thailand Fund เพื่อสนับสนุนการค้าการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งการพิจารณาจัดตั้ง Thailand Fund ควรศึกษาในรายละเอียดถึงวัตถุประสงค์ แหล่งเงินทุน และประโยชน์ในภาพรวมที่ประเทศไทยจะได้รับ และการดำเนินการเพื่อสนับสนุนด้านการเงินในลักษณะดังกล่าวจะต้องไม่ขัดกับความตกลงด้านการค้าระหว่างประเทศที่ไทยร่วมเป็นภาคีด้วย สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการบูรณาการฯ ให้จัดทำรายละเอียดโครงการและกิจการ ตลอดจนแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม รวมทั้งให้มีการทบทวนกลางรอบของแผนปฏิบัติการบูรณาการฯ เพื่อให้แผนดังกล่าวมีความสอดคล้องกับสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของโลกในอนาคต โดยอาจเพิ่มเติมโครงการจากหน่วยงานอื่น ๆ ที่ยังมิได้มีโครงการบรรจุอยู่ในแผนปฏิบัติการบูรณาการฯ ในรอบแรกแต่ได้พิจารณาเห็นความจำเป็นในภายหลัง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30317 | การกู้เงินจากธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 2554 ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กู้เงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อนำไปให้กู้ยืมแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี ๒๕๕๔ เพิ่มเติม จำนวน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียดการกู้เงินดังกล่าวเป็นไปตามประกาศของ ธปท. ส่วนการขออนุมัติในหลักการให้ ธอส. สามารถกู้เงินกับ ธปท. ในส่วนของวงเงินส่วนกลาง (จำนวน ๔๑,๗๐๐ ล้านบาท) ที่ ธปท. ได้จัดสรรให้สถาบันการเงินต่าง ๆ ที่ยื่นขอจัดสรรหรือทบทวนวงเงินภายในเวลาที่ ธปท. กำหนด นั้น ให้ ธปท. เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการกู้เงินดังกล่าวเมื่อทราบวงเงินกู้ตามผลการพิจารณาของ ธปท. ที่ชัดเจนแล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30318 | การขอโอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 2/2550/78 แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G2/48 | พน | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้บริษัท เพิร์ล ออย ออฟชอร์ จำกัด โอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๒/๒๕๕๐/๗๘ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G2/48 ให้แก่ บริษัท Rayong Offshore Exploration Limited ในอัตราร้อยละ ๕๐ โดยอาศัยความตามมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๐ และตามมาตรา ๒๒ (๗) แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งกำหนดให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการปิโตรเลียม และต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี โดยให้ออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๒/๒๕๕๐/๗๘ ตามแบบ ชธ/ป๓ ที่กำหนดในกฎกระทรวงฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๓๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30319 | ขออนุมัติงบประมาณและขยายเวลาผูกพันงบประมาณค่าเช่ารถยนต์ 3 คัน เพิ่มเติม | นร | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติขยายระยะเวลาผูกพันงบประมาณค่าเช่ารถยนต์ตู้ที่ติดตั้งอุปกรณ์ NGV ประจำสำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาค จำนวน ๓ คัน จากเดิม ปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ รวมระยะเวลา ๓ ปี วงเงินทั้งสิ้น ๒,๙๗๐,๐๐๐ บาท เป็นปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ รวมระยะเวลา ๕ ปี วงเงินทั้งสิ้น ๔,๔๕๕,๐๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ในกรอบวงเงิน ๙๙๐,๐๐๐ บาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณให้แล้ว และผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ อีกจำนวน ๓,๔๖๕,๐๐๐ บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 30320 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันอังคารที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๕ ซึ่งเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว และเห็นชอบให้มีการถ่ายทอดทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
.....
