ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1518 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 30341 - 30360 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 30341 | รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๑ การจัดสรร/การเบิกจ่าย/ลงนามสัญญาหรือดำเนินการเอง สำนักงบประมาณจัดสรร เป็นเงิน ๑๑๘,๑๒๑.๘๒๑๕ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเองแล้ว เป็นเงิน ๑๐๕,๙๑๓.๔๖๒๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๔๙๔.๕๗๘๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๔๗ และผลการเบิกจ่ายจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) เป็นเงิน ๘๐,๘๑๑.๒๐๙๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๘.๔๑ จากยอดจัดสรร ๑.๒ ผลการดำเนินงาน มิติส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๙ กระทรวง ที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๙ กระทรวง และมิติจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๕๐ จังหวัด ส่วนจังหวัดที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๒๓ จังหวัด ๑.๓ การส่งคืนเงินงบประมาณและการใช้จ่ายจากเงินที่แจ้งคืน ส่วนราชการฯ ส่งคืนเงินในระบบ GFMIS เป็นเงิน ๕,๑๑๔.๐๖๕๙ ล้านบาท และเงินที่ส่วนราชการจะใช้จ่ายจริงน้อยกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ เป็นเงิน ๑๓๙.๐๐๖๐ ล้านบาท รวมเป็นเงินที่จะจัดสรรเพิ่มเติมได้อีก จำนวน ๕,๒๕๓.๐๗๑๙ ล้านบาท สำหรับการใช้จ่ายเงินที่แจ้งส่งคืน คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินที่ส่วนราชการฯ ส่งคืนงบประมาณรวม ๕ ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๔,๘๒๔.๕๗๗๖ ล้านบาท (สำนักงบประมาณจัดสรรแล้ว ๓,๒๕๒.๐๔๖๒ ล้านบาท) คงเหลือวงเงินที่คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติเพิ่มเติมได้อีก เป็นเงิน ๔๒๘.๔๙๔๓ ล้านบาท ๒. การจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๘,๙๑๘.๘๖๑๒ ล้านบาท สำนักงบประมาณจัดสรรเงินกู้ฯ ให้ส่วนราชการ จำนวน ๒๑,๓๗๒.๑๐๕๘ ล้านบาท คงเหลือ จำนวน ๗,๕๔๖.๗๕๕๔ ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงคมนาคม จำนวน ๓,๙๘๑.๙๘๘๐ ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๓,๒๓๖.๖๙๔๐ ล้านบาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๓๑๐.๗๔๘๔ ล้านบาท กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๗.๑๒๕๐ ล้านบาท และกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๐.๒๐๐๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30342 | ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งจำหน่ายคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 (พลตรี จำลอง ศรีเมือง กับพวก ผู้ร้อง) | ศร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญจำหน่ายคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๖๘ (พลตรี จำลอง ศรีเมือง กับพวก ผู้ร้อง) ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๑๕ และข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ. ๒๕๕๐ ข้อ ๒๓ วรรคหนึ่ง ตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30343 | การขยายเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทย รวม 90 วัน สำหรับกรณีเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาล | นร | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง และร่างประกาศ รวม ๒ ฉบับ ตามที่ประธานกรรมการพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์กรณีคนต่างด้าวขออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการรักษาพยาบาลและส่งเสริมการท่องเที่ยวเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๑.๑ เพิ่มความ เป็น (๖) ของข้อ ๑๓ แห่งกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา พ.ศ. ๒๕๔๕ ดังนี้ ๑.๑.๑.๑ กำหนดบุคคลที่จะติดตามผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อการรักษาพยาบาล ได้ไม่เกิน ๔ คน ๑.๑.๑.๒ กำหนดให้ผู้ที่จะเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อการรักษาพยาบาลต้องมีเอกสารเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลที่ออกโดยสถานบริการสุขภาพในประเทศไทยตามประกาศรายชื่อที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดหรือจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำมาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ๑.๑.๑.๓ กำหนดผู้ติดตามต้องมีเอกสารที่แสดงถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว หรือมีหนังสือหรือสัญญาว่าจ้างงาน หรือหนังสือรับรองมาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และให้ต้องมีการจัดทำเอกสารแสดงรายชื่อผู้ติดตามด้วย ๑.๑.๒ กำหนดให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อรับการรักษาพยาบาลและผู้ติดตามได้รับยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินเก้าสิบวัน มีสาระสำคัญคือ กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อรับการรักษาพยาบาลและผู้ติดตามของบุคคลดังกล่าว จำนวนไม่เกิน ๔ คน ได้รับยกเว้นการตรวจลงตราและให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกินเก้าสิบวัน จำนวน ๖ ประเทศ ได้แก่ รัฐบาห์เรน รัฐคูเวต รัฐสุลต่านโอมาน รัฐกาตาร์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และธนาคารแห่งประเทศไทย หารือร่วมกันในการให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อรับการรักษาพยาบาลสามารถเปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงินในประเทศไทยได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30344 | สรุปสถานการณ์น้ำ ณ วันที่ 6 สิงหาคม 2555 | วท | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ณ วันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ ตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอ ดังนี้
๑. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จำนวน ๓๓ แห่ง มีปริมาตรน้ำทั้งหมด จำนวน ๓๘,๙๔๐ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๖ ของความจุอ่างฯ (ปริมาตรน้ำใช้การได้ จำนวน ๑๕,๔๔๑ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๒ ของความจุอ่างฯ) มีปริมาตรน้ำไหลลงอ่าง จำนวน ๒๐๖.๘๔ ล้านลูกบาศก์เมตร และปริมาตรน้ำระบาย จำนวน ๑๑๖.๓๑ ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อเปรียบเทียบย้อนหลัง ๓ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๔) ในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่ามีปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่รวมทั้งประเทศ คิดเป็นร้อยละ ๖๓, ๔๖, ๖๘ ตามลำดับ ๒. สถานการณ์น้ำท่า แม่น้ำเจ้าพระยา สถานี C.2 ปริมาณน้ำไหลผ่าน ๖๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ระดับน้ำ +๒๐.๑๒ เมตรระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ต่ำกว่าตลิ่ง ๖.๐๘ เมตร เขื่อนเจ้าพระยา สถานี C.13 ปริมาณน้ำไหลผ่าน ๒๙๘ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อน +๑๖.๕๐ ม.รทก. ระดับน้ำท้ายเขื่อน +๘.๑๔ ม.รทก. อำเภอบางไทร สถานี C.29 อัตราการไหลเฉลี่ย ๔๒๓ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๓. คุณภาพน้ำ จุดเฝ้าระวังน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำแม่กลอง พบว่า แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองสำแล จังหวัดปทุมธานี ค่าออกซิเจนละลายในน้ำ (Do) และค่าความเค็มอยู่ในเกณฑ์ปกติ และบริเวณท่าน้ำจังหวัดนนทบุรี ค่าออกซิเจนละลายในน้ำ (Do) อยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าปกติ ส่วนบริเวณแม่น้ำแม่กลอง บริเวณปากน้ำดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ค่าออกซิเจนละลายในน้ำ (Do) และค่าความเค็มอยู่ในเกณฑ์ปกติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30345 | ขออนุมัติโครงการศูนย์ฝึกอบรมดาราศาสตร์นานาชาติภายใต้ยูเนสโก (International Training Centre on Astronomy under the Auspices of UNESCO) | วท | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการศูนย์ฝึกอบรมดาราศาสตร์นานาชาติภายใต้ยูเนสโก (International Training Centre on Astronomy under the Auspices of UNESCO) เพื่อรองรับการเข้าสู่ความร่วมมือทางวิชาการในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและยกระดับการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทยสู่ระดับสากล ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยแสดงถึงศักยภาพในการเป็นผู้นำด้านการเป็นศูนย์ฝึกอบรมทางด้านดาราศาสตร์ในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ ทั้งนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) จะได้เสนอข้อเสนอโครงการดังกล่าวที่ได้รับการอนุมัติในหลักการจากคณะรัฐมนตรีต่อที่ประชุมคณะผู้บริหาร (Executive Board) ของ UNESCO ต่อไป ๑.๒ เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินงานโครงการศูนย์ฝึกอบรมดาราศาสตร์นานาชาติภายใต้ยูเนสโก (International Training Centre on Astronomy under the Auspices of UNESCO) ปีละ ๓๐ ล้านบาท (ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป) ๒. ในส่วนของงบประมาณในการดำเนินงานของศูนย์ฝึกอบรมดาราศาสตร์นานาชาติภายใต้ยูเนสโก สำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรให้ตามความจำเป็นและเหมาะสมในแต่ละปีงบประมาณ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ฝึกอบรมดาราศาสตร์นานาชาติภายใต้ยูเนสโก หรือแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ ให้มีเจ้าหน้าที่ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 30346 | ร่างแผนแม่บทการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย พ.ศ. 2557 - 2561 | มท | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างแผนแม่บทการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ โดยปรับระยะเวลาการดำเนินการตามแผนแม่บทฯ จาก พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๗ เป็น พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ เพื่อให้กรอบเวลาตามแผนแม่บทฯ สอดรับกับปีงบประมาณที่หน่วยงานเครือข่ายสามารถนำยุทธศาสตร์และมาตรการตามแผนแม่บทฯ ไปจัดทำแผนปฏิบัติการและงบประมาณภายใต้แผนแม่บทฯ และขอตั้งงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้ทัน และดำเนินการอย่างต่อเนื่องในปีงบประมาณต่อไป และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการและงบประมาณภายใต้แผนแม่บทฯ ให้เป็นรูปธรรมและเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ แผนแม่บทการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยกำหนดยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องและเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๗ ดังนี้ ๑.๑ วิสัยทัศน์ เป็นแผนหลักที่เน้นการบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ในระบบการบริหารจัดการสาธารณภัยของประเทศไทย ๑.๒ เป้าหมาย เพื่อให้ชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมีความปลอดภัยจากสาธารณภัย ๑.๓ ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การป้องกันและลดผลกระทบ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การเตรียมความพร้อม ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การจัดการเมื่อเกิดภัย ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การบรรเทาและฟื้นฟู และยุทธศาสตร์ที่ ๕ ความร่วมมือระหว่างประเทศ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนแม่บทฯ ให้สอดคล้องกับผลการประชุมเรื่อง โครงสร้างและระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติ และการเตือนภัย เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ที่มีลักษณะการบริหารจัดการแบบ Single Command และตรวจสอบการจัดตั้งหน่วยงานดำเนินการด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดภาระงบประมาณในอนาคตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความจำเป็นและความซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน ๓. ให้รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเพิ่มประเด็นความสอดคล้องกับแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์การพัฒนาสินค้า บริการและปัจจัยสนับสนุนการท่องเที่ยว ในส่วนของการป้องกันและรักษาความปลอดภัยทางการท่องเที่ยว เพื่อให้เห็นภาพรวมความเชื่อมโยงของแผนในแต่ละระดับ การให้ความสำคัญกับการกำหนดหลักเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยในการให้บริการท่องเที่ยวในพื้นที่และการส่งเสริมให้คนในชุมชนแหล่งท่องเที่ยวเป็นอาสาสมัครดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ชุมชนของตน การเพิ่มการสำรวจจุดเสี่ยงของการเกิดสาธารณภัย การสำรวจและมาตรการป้องกันหรือบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับที่ฝังกลบขยะของท้องถิ่น การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ประสบภัย สถานที่การขนส่งผู้ประสบภัยไปยังสถานที่ปลอดภัย หรือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บไปยังสถานพยาบาลใกล้เคียง การกำหนดจุดเริ่มต้น-จุดสิ้นสุดการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยว การคำนึงถึงการอนุรักษ์ความสมดุลทางธรรมชาติ โดยเฉพาะทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง การเพิ่มกรมควบคุมมลพิษร่วมเป็นหน่วยงานภาคีเครือข่าย การส่งเสริมและให้ความรู้ความเข้าใจการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ อัตลักษณ์พื้นถิ่นของไทย วิถีชุมชนแบบไทย การขอความร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศในการศึกษาวิจัยในเชิงพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพท้องถิ่น และในเชิงพัฒนาเครื่องมือในการป้องกัน หรือวิจัยเพื่อหาแนวทางหรือมาตรการป้องกันรูปแบบที่เหมาะสมกับประเทศและสภาพภูมิอากาศ การให้ชุมชนมีแผนพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยภายใต้ขีดความสามารถของระบบธรรมชาติในการทดแทน ฟื้นฟูมรดก และทรัพย์สินทางวัฒนธรรม เพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ตลอดจนปรับปรุง พัฒนากฎหมายตามมาตรฐานสากล และมีมาตรการอำนวยความสะดวก สร้างความปลอดภัยสำหรับการท่องเที่ยวในทุกพื้นที่ และมาตรการในการบรรเทาและฟื้นฟูในการฝึกความรู้พื้นฐานในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และสร้างค่านิยมในการช่วยเหลือ นอกจากนี้ ควรปรับปรุงร่างแผนแม่บทฯ โดยแยกแยะประเด็นที่คาบเกี่ยวกับแผนแม่บทการจัดการภัยพิบัติแต่ละประเภทที่มีอยู่แล้วภายใต้แผนแม่บทการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ โดยเฉพาะในเรื่องการพยากรณ์และเตือนภัย การพัฒนาระบบเครือข่ายสารสนเทศและการสื่อสาร การพัฒนาเครือข่ายและบทบาทชุมชน การสร้างอาสาสมัคร การฝึกซ้อมการเผชิญภัย การปฏิบัติการกู้ภัยและช่วยเหลือ การฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้การดำเนินการในขั้นตอนการจัดทำแผนปฏิบัติการและงบประมาณมีความชัดเจนไม่เกิดความซ้ำซ้อน รวมทั้งให้ความสำคัญกับแนวทางการปฏิบัติตามแผนแม่บทฯ ที่มีอยู่แล้วเป็นลำดับแรก ส่วนประเด็นใดที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวซึ่งไม่ได้กล่าวไว้ในแผนจัดการภัยพิบัติแต่ละประเภท ให้ดำเนินการตามที่ระบุไว้ในแผนแม่บทฯ ไปพิจารณาปรับปรุงร่างแผนแม่บทดังกล่าว เพื่อนำเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
| 30347 | มาตรการกำกับดูแลเกี่ยวกับการทำการตลาดและการโฆษณานมสำหรับทารกและเด็กเล็ก | สธ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมาตรการกำกับดูแลเกี่ยวกับการทำการตลาดและการโฆษณานมสำหรับทารกและเด็กเล็ก เพื่อขอความร่วมมือให้สถานบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั้งในกำกับและนอกกำกับกระทรวงสาธารณสุขปฏิบัติตามมาตรการฯ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ไม่ควรส่งเสริมหรืออนุญาตให้มีกิจกรรมด้านการขายและการตลาดทุกด้านเพื่อส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารทดแทนนมแม่และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ขวดนม จุกนม ไม่ควรแสดงผลิตภัณฑ์และสื่อที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ยกเว้นสื่อที่ได้รับอนุญาต ๑.๒ ไม่ควรมีการสาธิต หรืออนุญาตให้มีการสาธิตการใช้นมดัดแปลงสำหรับทารกและอาหารทารก โดยบริษัทฯ ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย ในสถานบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ๑.๓ ไม่ควรรับบริจาค หรือรับการสนับสนุนใด ๆ ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ภายใต้หลักเกณฑ์นี้ รวมทั้งการใช้เครื่องมือสิ่งของอื่น ๆ ที่ใส่ชื่อ เครื่องหมายบริษัทฯ หรือสื่อใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์นี้หรือบริษัทผู้ผลิตที่สื่อความหมายถึงผลิตภัณฑ์ภายใต้หลักเกณฑ์นี้ ๑.๔ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขควรปกป้องส่งเสริม สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และไม่ควรเป็นตัวแทนของผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จำหน่ายอาหารทดแทนนมแม่และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการฯ ตามข้อ ๑.๓ “ไม่ควรรับบริจาค หรือรับการสนับสนุนใด ๆ ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ภายใต้หลักเกณฑ์นี้ ...” เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มแม่ที่ยากจนที่มีปัญหาสุขภาพติดเชื้อเอชไอวี และมีน้ำนมน้อย รวมทั้งกลุ่มครัวเรือนข้ามรุ่น (skip generation household) ที่เด็กอยู่กับผู้สูงอายุ ขณะเดียวกันควรให้ความสำคัญกับมาตรการจูงใจและรณรงค์ส่งเสริมการให้ความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องความสำคัญของนมแม่ อาหารสำหรับทารก และการเตรียมความพร้อมของพ่อแม่และผู้เลี้ยงดูเด็ก ผ่านสื่อและช่องทางต่าง ๆ ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และควรสนับสนุนแม่ผู้สมัครใจเข้าโครงการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างน้อย ๖ เดือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นต้นแบบในชุมชนและเพื่อให้นโยบายการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน และข้อสังเกตของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับมาตรการฯ ตามข้อ ๑.๑ “ไม่ควรส่งเสริมหรืออนุญาตให้มีกิจกรรมด้านการขายและการตลาดทุกด้าน ...” อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินการทางธุรกิจของผลิตภัณฑ์ทดแทนนมแม่ที่มีคุณภาพและมีคุณประโยชน์ ซึ่งส่งผลต่อการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แก่ผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เช่น กรณีที่มารดาไม่สามารถให้นมแก่บุตรได้ และมาตรการฯ ตามข้อ ๑.๓ “ไม่ควรรับบริจาค หรือรับการสนับสนุนใด ๆ ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ภายใต้หลักเกณฑ์นี้ ...” หากไม่มีการสนับสนุน หรือให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ทดแทนนมแม่อย่างเพียงพอ อาจจะส่งผลกระทบต่อทารกและเด็กเล็กที่ไม่สามารถดื่มนมจากแม่ได้ และมีความจำเป็นที่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวหรือไม่ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 30348 | ร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... | สธ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ยกเลิกพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. ๒๕๒๕ และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ๑.๒ กำหนดบทนิยามเพิ่มเติม อาทิ เชื้อจุลินทรีย์ สารชีวภาพ เป็นต้น ๑.๓ กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจประกาศกำหนดมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยและอันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อสาธารณชน ๑.๔ กำหนดให้มีคณะกรรมการเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนส่วนราชการ ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ ผู้แทนนักวิชาการด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ผู้แทนผู้รับอนุญาตหรือจดแจ้ง และผู้ทรงคุณวุฒิ กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่ง องค์ประชุม และให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๑.๕ กำหนดให้จัดตั้ง “สำนักงานกำกับเชื้อโรคและพิษจากสัตว์” ขึ้นในกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๑.๖ กำหนดกระบวนการการขออนุญาตและการจดแจ้งซึ่งการผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย นำผ่าน หรือมีไว้ในครอบครองเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ การออกใบอนุญาตหรือใบรับจดแจ้ง ประเภทของใบอนุญาตหรือใบรับจดแจ้ง การแก้ไขรายการในใบอนุญาตหรือใบรับจดแจ้ง อายุและการต่ออายุใบอนุญาตและใบรับจดแจ้ง และการขอรับใบแทนใบอนุญาตหรือใบรับจดแจ้ง ๑.๗ กำหนดให้ผู้รับอนุญาต ผู้จดแจ้ง ผู้ดำเนินการ และผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการ มีหน้าที่ตามที่กำหนด ๑.๘ กำหนดให้ผู้อนุญาตมีอำนาจในการควบคุมเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ตามที่กำหนด ๑.๙ กำหนดกระบวนการเลิกกิจการและการโอนกิจการที่เกี่ยวกับเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ ๑.๑๐ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตหรือใบรับจดแจ้ง การสั่งยกเลิกคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตหรือใบรับจดแจ้ง และการที่ผู้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตหรือใบรับจดแจ้งจะขายเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ ๑.๑๑ กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีระดับการใช้อำนาจตามที่กำหนด ๑.๑๒ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอุทธรณ์การไม่ออกใบอนุญาตหรือใบรับจดแจ้ง การไม่ต่ออายุใบอนุญาตหรือใบรับจดแจ้ง และการพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตหรือใบรับจดแจ้ง ๑.๑๓ กำหนดความรับผิดทางแพ่ง และบทกำหนดโทษกรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ซึ่งมีโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ ๑.๑๔ กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับคณะกรรมการ ใบอนุญาต คำขออนุญาต ตลอดจนบรรดากฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบที่ออกตามพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. ๒๕๒๕ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการปรับแก้ไขในส่วนของคณะกรรมการ การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต การขอจดแจ้งและการออกใบจดแจ้ง รวมทั้งบทกำหนดโทษ และความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักงานกำกับเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีฐานะเป็นกองหรือเทียบกอง สามารถกำหนดได้โดยกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และในการจัดตั้งหน่วยงานดังกล่าวจะต้องไม่เป็นเหตุให้ขอเพิ่มอัตรากำลัง ซึ่งจะมีผลกระทบต่องบประมาณค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ รวมทั้งควรดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๒ ที่ได้มีมติเห็นชอบในหลักการว่า “ไม่ควรมีข้อกำหนดในรายละเอียดให้มีการจัดตั้งส่วนราชการขึ้นใหม่ในการร่างกฎหมายเพื่อใช้บังคับกับเรื่องหนึ่งเรื่องใด” และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ ที่กำหนดให้การจัดตั้งส่วนราชการระดับต่ำกว่ากรมจะต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๙ เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเรื่องกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 30349 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - อิหร่าน | คค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดย
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของประเทศไทยและอิหร่าน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ สาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๑.๑ สายการบินที่กำหนด คณะผู้แทนของอิหร่านได้แจ้งแต่งตั้งสายการบิน Iran Air เป็นสายการบินที่กำหนดของฝ่ายตนเพิ่มเติม (รวมเป็น ๒ สายการบิน) จากเดิมที่แจ้งแต่งตั้งไว้เพียงสายการบินเดียว คือ สายการบิน Mahan Air ส่วนฝ่ายไทยยังคงแต่งตั้งสายการบินที่กำหนดเพียงสายการบินเดียว คือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ๑.๑.๒ ความจุความถี่ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงปรับปรุงสิทธิความจุความถี่ โดยเพิ่มสิทธิความจุความถี่จากเดิมฝ่ายละ ๕ เที่ยวต่อสัปดาห์ เป็นฝ่ายละ ๑๔ เที่ยวต่อสัปดาห์ ด้วยอากาศยานแบบใด ๆ ๑.๑.๓ เส้นทางบิน ทั้งสองฝ่ายตกลงกันดังต่อไปนี้ เส้นทางบินที่จะดำเนินบริการเดินอากาศโดยสายการบินที่กำหนดของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ดังนี้ ฝ่ายอิหร่าน จุดต่าง ๆ ในอิหร่าน-จุดระหว่างทาง ดูไบ และอีกหนึ่งจุดที่จะระบุภายหลัง-จุดต่าง ๆ ในไทย-จุดพ้น ฮ่องกง มะนิลา เซี่ยงไฮ้ จาการ์ตา และเส้นทางบินที่จะดำเนินบริการเดินอากาศโดยสายการบินที่กำหนดของราชอาณาจักรไทย ดังนี้ ฝ่ายไทย จุดต่าง ๆ ในไทย-จุดระหว่างทาง ดูไบ และอีกหนึ่งจุดที่จะระบุภายหลัง-จุดต่าง ๆ ในอิหร่าน-จุดพ้น สี่จุดที่จะระบุในภายหลัง ๑.๑.๔ การใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน คณะผู้แทนของอิหร่านเสนอให้ตัดข้อบทเกี่ยวกับการใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันกับประเทศที่สามออกไป ซึ่งคณะผู้แทนของไทยได้หารือร่วมกันแล้วเห็นว่า ในขณะนี้สายการบินที่กำหนดของฝ่ายไทย คือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ยังไม่มีแผนจะทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันกับประเทศที่สามเพื่อเข้าไปยังประเทศอิหร่าน แต่อาจจะมีแผนทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันกับสายการบิน Mahan Air ดังนั้น จึงตกลงให้ตัดข้อบทเกี่ยวกับการใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันกับประเทศที่สามออกไปตามที่ฝ่ายอิหร่านเสนอ ๑.๑.๕ สิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงให้สายการบินที่กำหนดของภาคีผู้ทำความตกลงแต่ละฝ่ายสามารถใช้สิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ ไปยัง/มาจากจุดพ้นได้ ๓ เที่ยวต่อสัปดาห์ ในแต่ละช่วงเส้นทางบิน ตามเส้นทางบินที่ระบุของตน ๑.๒ สาระสำคัญของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ได้แก่ การกำหนดสายการบิน ความจุความถี่ การแก้ไขภาคผนวก (ใบพิกัดเส้นทางบิน) ท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศ การใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน และสิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ ๒. ให้นำเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจฯ โดยในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30350 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. .... | สธ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๔๕ ๑.๒ กำหนดเพิ่มเติมให้สถานประกอบกิจการประเภทที่มีการประกอบกิจการเกี่ยวกับการใช้รังสีต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น และกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย ๑.๓ กำหนดให้สถานประกอบกิจการที่มีสภาพในลักษณะที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรืออุบัติการณ์ อันมีผลกระทบอย่างกว้างขวางหรือรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชนต้องปฏิบัติตามที่ประกาศกำหนด ๑.๔ แก้ไขหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสถานที่ตั้ง และการสุขาภิบาลของสถานประกอบกิจการ ๑.๕ แก้ไขเพิ่มเติมให้สถานประกอบกิจการต้องมีมาตรการความปลอดภัยในการป้องกันวัตถุอันตราย อุบัติเหตุ จากสารเคมีและวัตถุอันตรายในการทำงาน อาชีวอนามัย และการป้องกันเหตุรำคาญ ๑.๖ กำหนดบทเฉพาะกาลให้นำมาตรการในการควบคุมสถานประกอบการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับจนกว่าจะได้มีประกาศของรัฐมนตรีตามกฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ และให้สถานประกอบกิจการที่ตั้งขึ้นก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับต้องแก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามกฎกระทรวงนี้ ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงแรงงานไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ หมวด ๑ สถานที่ตั้ง ลักษณะอาคาร และการสุขาภิบาล ข้อ ๙ และข้อ ๑๐ ควรเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการน้ำเสียที่เกิดจากการชำระล้างในกรณีที่เปรอะเปื้อนสารเคมี และน้ำเสียที่เกิดจากการทำความสะอาดภาชนะรองรับมูลฝอย ๒.๒ หมวด ๒ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และการป้องกันเหตุรำคาญ ข้อ ๑๘ (๑) ควรระบุความถี่ในการจัดการฝึกอบรมการดับเพลิงเบื้องต้น ๒.๓ ร่างข้อ ๑๘ (๑) เนื้อหาตอนท้าย ที่กำหนดว่า “...และมีการฝึกอบรมการดับเพลิงเบื้องต้นจากหน่วยงานราชการที่กำหนดหรือยอมรับให้แก่ผู้ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่าร้อยละสี่สิบของจำนวนคนงานในสถานประกอบกิจการนั้น” ปรับแก้เป็น “และมีการฝึกอบรมการดับเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน” ๒.๔ ร่างข้อ ๒๒ เกี่ยวกับการกำหนดให้สถานประกอบกิจการต้องจัดให้มีการตรวจสุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน โดยในกรณีมีเหตุอันสมควรให้อำนาจรัฐมนตรีประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ในการตรวจสุขภาพเพื่อคุ้มครองสุขภาพผู้ปฏิบัติงานได้นั้น เนื่องจากกระทรวงแรงงานได้มีกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสุขภาพของลูกจ้างและส่งผลการตรวจแก่พนักงานตรวจแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยกำหนดให้มีการตรวจสุขภาพของลูกจ้างที่ทำงานเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงไว้แล้ว หากมีการออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ในการตรวจสุขภาพเพื่อคุ้มครองสุขภาพผู้ปฏิบัติงาน ควรคำนึงถึงความซ้ำซ้อนในกรณีนี้ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 30351 | สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานขอเปิดสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานประจำประเทศไทย | กต | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานเปิดสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานประจำประเทศไทย โดยมีเขตอาณาครอบคลุมประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30352 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาพื้นที่การเกษตรและชุมชนที่ประสบภัยธรรมชาติ วุฒิสภา | สว | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาพื้นที่การเกษตรและชุมชนที่ประสบภัยธรรมขาติ วุฒิสภา และผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณทั้งแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยเฉพาะโครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ระยะที่ ๒ โดยมีกรอบการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ การสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดสรรน้ำ รวมทั้งกำหนดแนวทางที่ครบถ้วนและชัดเจนในการแก้ไขปัญหาลุ่มน้ำยมเพื่อบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง กรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดทำคู่มือการบริหารจัดการการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตรเพื่อให้การปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตรมีประสิทธิภาพ รวดเร็วทันต่อสถานการณ์ และถูกต้องตามระเบียบราชการ เป็นต้น ๒. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้นำเสนอการจัดการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเลและพื้นที่ชายฝั่งทะเลต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แล้ว การจัดทำแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบและพัฒนากลไกการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ รวมทั้งแผนการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ แผนพัฒนาโครงข่ายน้ำ เป็นต้น ดำเนินการส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน องค์กรลุ่มน้ำ เครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการน้ำ ตลอดจนการพัฒนากลไก กฎ ระเบียบ ระบบข้อมูลสารสนเทศทรัพยากรน้ำ การวิจัยด้านทรัพยากรน้ำ และการรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ เป็นต้น ๓. สำนักงบประมาณได้จัดทำกรอบยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศไทยให้ครอบคลุมทุกมิติทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน การฝึกซ้อมด้านสาธารณภัยและด้านความมั่นคง การจัดทำเครือข่ายข้อมูลด้านความมั่นคงของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และการดำเนินการระบบงานเตรียมความพร้อมของชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การฝึกซ้อมการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ ประจำปี ๒๕๕๓) ๔. คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้พิจารณาปรับปรุงการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรณีการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมีคำสั่งแต่งตั้งอนุกรรมการเฉพาะกิจ ๔ คณะ เพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจสิ่งแวดล้อม และได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจที่เกี่ยวข้องรับไปเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผนยุทธศาสตร์กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ ต่อไป ซึ่งคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้นำเรียนนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว ๕. กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ได้ดำเนินการด้านกฎหมาย โดยใช้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นกฎหมายหลักในการบริหารจัดการภัยพิบัติของประเทศ ด้านแผน ได้จัดทำแผนเพื่อเป็นกรอบแนวทางในการดำเนินการบริหารจัดการภัยพิบัติแบบบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุกระดับ (กลุ่มจังหวัด จังหวัด และอำเภอ) การดำเนินโครงการฟื้นฟู บูรณะแหล่งน้ำเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย การจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นตลอด ๒๔ ชั่วโมง เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30353 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนประดิพัทธ์กับถนนกำแพงเพชร พ.ศ. .... | มท | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนประดิพัทธ์กับถนนกำแพงเพชร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนประดิพัทธ์กับถนนกำแพงเพชร ในท้องที่แขวงสามเสนใน เขตพญาไท และแขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอนได้อีกสามปี และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30354 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 สายแม่สอด (เขตแดน) - มุกดาหาร ตอนกาฬสินธุ์ - นาไคร้ พ.ศ. .... | คค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒ สายแม่สอด (เขตแดน) - มุกดาหาร ตอนกาฬสินธุ์ -นาไคร้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒ สายแม่สอด (เขตแดน) - มุกดาหาร ตอนกาฬสินธุ์ -นาไคร้ ในท้องที่อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอดอนจาน อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ และอำเภอโพธิ์ชัย อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30355 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดเขาช่องพราน ตำบลเตาปูน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดเขาช่องพรานตำบลเตาปูน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดเขาช่องพราน ตำบลเตาปูน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๒๖๐๑๖ (บางส่วน) เนื้อที่ ๘ ไร่ ๓ งาน ๔๓ ตารางวา ให้แก่กรมชลประทาน เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ตามโครงการระบายน้ำ ที่ตำบลเตาปูน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30356 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออก และนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2554 | กค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม๒๕๕๔ และให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป ดังนี้
๑. ธสน. มีสินทรัพย์จำนวน ๗๔,๑๐๙ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๕,๙๕๒ ล้านบาท มีหนี้สิน ๕๘,๘๓๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๕,๕๒๗ ล้านบาท มีกำไรสุทธิ ๖๐๕ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๔๖๐ ล้านบาท มียอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) จำนวน ๓,๓๔๐ ล้านบาท และได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ จำนวน ๒,๗๖๕ ล้านบาท ๒. ธสน. มีการอนุมัติสินเชื่อทั้งภายในและต่างประเทศ ๒.๑ มีการอนุมัติสินเชื่อและค้ำประกันเพื่อการสนับสนุนและส่งเสริมการส่งออก การ นำเข้า และการลงทุนภายในประเทศ โดยวงเงินอนุมัติแก่ผู้ประกอบการภายในประเทศ จำนวน ๑๒๙,๘๖๓ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๑๙ ๒.๒ มีการอนุมัติสินเชื่อและค้ำประกันเพื่อการสนับสนุนนักธุรกิจไทยไปลงทุนในต่างประเทศ โดยมีวงเงินอนุมัติ จำนวน ๓๘,๖๒๓ ล้านบาท ลดลงร้อยละ ๑.๙๗ ๓. ธสน. มีการให้บริการประกันการส่งออก ๓.๑ การประกันการส่งออกระยะสั้น เป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ส่งออกในการค้าขายระหว่างประเทศในการป้องกันความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้า ให้การรับประกันผู้ซื้อ ๙๐ ประเทศ มีมูลค่าการรับประกันจำนวน ๑๓๔,๖๙๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๓.๙๒ ๓.๒ การประกันการส่งออกระยะกลางและระยะยาว เป็นการรับประกันความเสี่ยงจากการไม่ได้รับชำระเงินที่มีระยะเวลาการชำระเงินหรือระยะสัญญาเกินกว่า ๑๘๐ วัน แต่ไม่เกิน ๕ ปี โดยมีอัตราการชดเชยสูงสุดร้อยละ ๙๐ ของมูลค่าความเสียหาย ๓.๓ การประกันความเสี่ยงการลงทุน เป็นการรับประกันความเสี่ยงจากการที่โครงการลงทุนของผู้เอาประกันได้รับความเสียหายจากการดำเนินนโยบาย กฎระเบียบ หรือการดำเนินการใดๆ ของรัฐบาลประเทศที่ผู้เอาประกันไปลงทุน โดยมีอัตราการชดเชยสูงสุดร้อยละ ๙๐ ของมูลค่าความเสียหาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30357 | ขอความเห็นชอบจัดทำข้อตกลงความร่วมมือ (Arrangement of Cooperation) ระหว่างสำนักงานความร่วมมือในการพัฒนาแห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์กับกรมประมงแห่งราชอาณาจักรไทย | กษ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้จัดทำข้อตกลงความร่วมมือ (Arrangement of Cooperation) ว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการด้านประมงระหว่างสำนักงานความร่วมมือในการพัฒนาแห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์ (Norwegian Agency for Development Cooperation : Norad) และกรมประมงแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ Arrangement of Cooperation เป็นข้อตกลงความร่วมมือที่จัดทำขึ้นสำหรับโครงการ Towards an assessment-based management of Andaman Sea fishery resources 2011-2014 ที่จะดำเนินการในปี พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๗ เป็นเวลา ๔ ปี ภายใต้โครงการ Development of Marine Aquaculture and Assessment of Fisheries Resources in Andaman Sea, Thailand (2006-2009) ที่กรมประมงและ Norad ได้ลงนามแล้วเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๐ ซึ่งจะใช้เป็นข้อกำหนดแนวทางการปฏิบัติเพื่อการสนับสนุนโครงการย่อย Towards an assessment-based management of Andaman Sea fishery resources 2011-2014 โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ ๑.๑.๑ Contribution of Norad ข้อตกลงด้านการเงินที่ได้รับการสนับสนุนจาก Norad จำนวน ๓.๙๙ ล้านนอร์วิเจียนโครน (Norwegian Kroner : NOK) รายละเอียดเกี่ยวกับเงินดอกเบี้ย เงินเหลือจ่าย ๑.๑.๒ Disbursements to Department of Fisheries (DOF) การจัดสรรเงินโครงการ การจัดการบัญชีธนาคาร การจัดทำใบสำคัญรับเงิน ระเบียบการเบิกจ่าย ๑.๑.๓ Consultations การประชุมประจำปี การจัดทำบัญชีการหารือ (Agree Minutes) ๑.๑.๔ Reports ข้อกำหนดแนวทาง/ระยะเวลาในการจัดทำรายการต่อ Norad ประกอบด้วย Progress report, Financial statement, Work plan, Final report ๑.๑.๕ Audit การตรวจสอบด้านการเงิน การกำหนดผู้ตรวจบัญชี การจัดทำ Audit report การตรวจสอบรับรองบัญชี ๑.๑.๖ Steering Committee การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการร่วม ๑.๒ อนุมัติให้จัดทำ Exchange of letters (Addendum) เพื่อเป็นการดำเนินการร่วมกับสถาบันวิจัยทางทะเลแห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์ (Institute of Marine Research : IMR) และกรมประมง ๑.๓ อนุมัติในหลักการว่าก่อนที่จะมีการลงนาม หากมีการแก้ไขร่างข้อตกลงความร่วมมือ (Arrangement of Cooperation) และ Exchange of letters (Addendum) ในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการต่างประเทศ ๑.๔ อนุมัติให้อธิบดีกรมประมงเป็นผู้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (Arrangement of Cooperation) และ Exchange of letters (Addendum) ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่อธิบดีกรมประมงในการลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (Arrangement of Cooperation) ระหว่างสำนักงานความร่วมมือในการพัฒนาแห่งราชอาณาจักรนอร์เวย์กับกรมประมงแห่งราชอาณาจักรไทย และ Exchange of letters (Addendum) ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรคำนึงถึงผลกระทบจากกิจกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและการประมงต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ในพื้นที่ที่ดำเนินโครงการ รวมทั้งให้มีการเพิ่มเติม และ/หรือ ปรับแก้ไขข้อความในข้อตกลงฯ เพื่อให้มีความถูกต้องและชัดเจนขึ้น ตามความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ มีหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องชัดเจนว่ากรณีใดจึงต้องขอให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในการลงนามความตกลงฯ ที่เกี่ยวข้อง จึงมอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีการับเรื่องนี้ไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 30358 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนสำหรับปีบัญชี 2554 (1 มกราคม 2554 - 31 ธันวาคม 2554) ของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย | กค | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนสำหรับปีบัญชี ๒๕๕๔ (๑ มกราคม ๒๕๕๔ - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔) ของบรรษัทตลาดรองสินเชื่ออุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย (บตท.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
๑. ผลการดำเนินการของ บตท. ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีสินทรัพย์รวม ๑,๙๘๐.๓ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๔๐.๔ ล้านบาท มีหนี้สินรวม ๑,๒๖๑.๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๓๘.๙ ล้านบาท มีรายได้รวม ๑๑๓.๗ มีค่าใช้จ่ายรวม ๑๐๔.๘ ล้านบาท มีกำไรสุทธิจำนวน ๔.๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๓.๘ ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ร้อยละ ๑๘.๘ ๒. บตท. ดำเนินการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ โดยดำเนินการจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ (SPV) มาแล้วจำนวน ๔ บริษัท ปัจจุบันคงเหลือเฉพาะนิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (SPV ๔) โดยการออกหุ้นกู้มีประกันและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ รวมจำนวน ๔๒๐.๐ ล้านบาท ๓. การพัฒนาตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย ๓.๑ โครงการความร่วมมือกับสถาบันการเงินพันธมิตร ๓ แห่ง ในการจัดซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะยาว ๓.๒ โครงการความร่วมมือกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ (Developer) โดย บตท. ได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์นำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัย ให้แก่ลูกค้าของโครงการอย่างต่อเนื่อง ๓.๓ โครงการจัดซื้อสินเชื่อจาก Mortgage Company ปัจจุบันอยู่ระหว่างหาผู้วิเคราะห์สินเชื่อที่พร้อมให้บริการ คาดว่าจะดำเนินโครงการได้ในปี ๒๕๕๕ ๓.๔ โดยที่ธนาคารกสิกรไทยมีความประสงค์จะขายสินเชื่อให้กับ บตท. ภายในปี ๒๕๕๔ จึงได้ลงนาม MOU ร่วมกันและลงนามในสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแล้ว ได้ทยอยจัดซื้อสินเชื่อได้จำนวนเพียงเล็กน้อย เนื่องจากกองสินเชื่อที่คัดเลือกไว้ลูกค้าอยู่ในเขตประสบปัญหาอุทกภัย ๔. การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยการบริหารจัดการกองสินเชื่อปกติ NPL และทรัพย์สินรอการขาย (Non - Performing Asset : NPA) ได้เร่งดำเนินการแก้ไขอย่างใกล้ชิดรวมทั้งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ภายใต้นโยบายและมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30359 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดแหลมมะเกลือ ตำบลสามง่าม อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดแหลมมะเกลือ ตำบลสามง่าม อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ วัดแหลมมะเกลือ ตำบลสามง่าม อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๑๓๖๒ เนื้อที่ ๑ ไร่ ๒ งาน ๙๖ ๗/๑๐ ตารางวา ให้แก่กรมชลประทาน เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ตามโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากำแพงแสน ที่ตำบลสามง่าม อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐม ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30360 | รายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำหรับปีบัญชี 2554 และ 2553 | อก | 07/08/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำหรับปีบัญชี ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ของ กนอ. ฐานะการเงิน ณ วันสิ้นงวดปีบัญชี ๒๕๕๔ กนอ. มีสินทรัพย์รวมจำนวน ๑๙,๐๐๙ ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน ๙,๒๑๓ ล้านบาท และส่วนของทุนจำนวน ๙,๗๙๖ ล้านบาท และผลประกอบการในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีกำไรสุทธิ ๑,๙๔๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
