ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1515 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 30281 - 30300 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 30281 | ผลการประชุมประจำปีของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (เอสแคป) สมัยที่ 68 | กต | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมประจำปีของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (เอสแคป) สมัยที่ ๖๘ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเทศส่วนใหญ่ยังคงเห็นว่า แนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุมเป็นแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสม ซึ่งการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเป็นหนทางหนึ่งที่จะรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยเฉพาะสนับสนุนข้อตกลงการค้าเอเชียและแปซิฟิก (Asia - Pacific Trade Agreement : APTA) ซึ่งที่ประชุมรับทราบการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างเอสแคปกับกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการด้านการค้าและการลงทุน ทั้งนี้ ที่ประชุมย้ำความสำคัญของการพัฒนาเครือข่ายทางหลวงสายเอเชีย ทางรถไฟสายเอเชีย ท่าบก ท่าเรือ ๒. ที่ประชุมรับทราบผลการประชุมเตรียมการสำหรับการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (UNCSD หรือ Rio+20) แนวทางการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนของภูมิภาค การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานภายในภูมิภาค ๓. ที่ประชุมเห็นพ้องว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน และได้ให้ความสำคัญต่อการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ โดยเฉพาะกองทุนสึนามิ รวมถึงความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ซึ่งที่ประชุมรับทราบบทบาทของไทยในการจัดการภัยพิบัติจากอุทกภัย และการดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการอาเซียนด้านภัยพิบัติ ซึ่งไทยจะอยู่ในวาระจนถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ๔. ที่ประชุมเห็นพ้องต่อการส่งเสริมสิทธิผู้พิการในภูมิภาค การต้านและเยียวยาโรคเอดส์ และบทบาทของสตรีในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals : MDGs) และย้ำความสำคัญของข้อมูลสถิติในการกำหนดนโยบายด้านการพัฒนาของประเทศ ๕. ไทยได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกคณะมนตรีประศาสน์การของศูนย์เพื่อการขจัดความยากจนผ่านการเกษตรที่ยั่งยืน (Centre for Alleviation of Poverty through Sustainable Agriculture : CAPSA) ศูนย์เอเชียและแปซิฟิกเพื่อวิศวกรรมและเครื่องจักรกลเกษตรแห่งสหประชาชาติ (United Nations Asian and Pacific Centre for Agricultural Engineering and Machinery : UNAPCAEM) และศูนย์ฝึกอบรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียและแปซิฟิก (Asian and Pacific Centre for Information and Communication Technology for Development : APCICT) อีกสมัยหนึ่ง ๖. ที่ประชุมเห็นชอบต่อร่างแผนยุทธศาสตร์การดำเนินงานของเอสแคป ประจำปี ค.ศ. ๒๐๑๔ - ๒๐๑๕
|
||||||||||||||||||||||||
| 30282 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของกระทรวงคมนาคม | คค | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา ของกระทรวงคมนาคม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 30283 | ร่างเอกสารสำคัญด้านเศรษฐกิจที่จะเสนอรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 44 | พณ | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารสำคัญด้านเศรษฐกิจที่จะเสนอรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers Meeting : AEM) ครั้งที่ ๔๔ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างเอกสารแผนงานความร่วมมืออาเซียน-รัสเซียด้านการค้าและการลงทุน (ASEAN-Russia Trade and Investment Cooperation Roadmap) จัดทำขึ้นเพื่อเป็นกลไกในการหารือเกี่ยวกับการขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน และส่งเสริมความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ที่อาเซียนและรัสเซียมีความสนใจร่วมกัน อาทิ การพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พลังงาน การเงินและการธนาคาร การเกษตรสุขภาพ การคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การท่องเที่ยว และสิ่งแวดล้อมอันแสดงถึงการให้ความสำคัญในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนของประเทศสมาชิกอื่น ๆ ของอาเซียน ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๔๔ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๑.๒ ร่างเอกสารแผนงานเพื่อดำเนินการตามปฏิญญาร่วมอาเซียน-แคนาดาด้านการค้าและการลงทุน ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๘ (2012-2015 Workplan to Implement the ASEAN-Canada Joint Declaration on Trade and Investment) จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นแผนการดำเนินงานในช่วงระหว่างปี ๒๐๑๒-๒๐๑๕ ตามปฏิญญาร่วมระหว่างอาเซียนและแคนาดาด้านการค้าและการลงทุน โดยแผนงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับแคนาดาและวางพื้นฐานสำหรับการขยายความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือในสาขาการค้าและการลงทุนที่มีความสนใจร่วมกัน และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนของประเทศสมาชิกอื่น ๆ ของอาเซียน ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๔๔ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการดำเนินงานตามแผนงานฯ ให้คำนึงถึงหลักการเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพความเป็นอยู่ เพิ่มความเป็นธรรมในสังคม รวมถึงการลดความเสี่ยงทางด้านสิ่งแวดล้อมและปัญหาการขาดแคลนทรัพยากร และไม่ใช้มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมมาเป็นข้อกีดกันทางการค้า นอกจากนี้ ให้เพิ่มความร่วมมือด้านภูมิสารสนเทศ (geo-informatics) รวมกับความร่วมมือด้านอวกาศ ในร่างเอกสารแผนงานเพื่อดำเนินการตามปฏิญญาร่วมอาเซียน-แคนาดาฯ และให้มีการหารือระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับกระทรวงพาณิชย์ถึงแนวทางและกลไกในการใช้ประโยชน์จากประเด็นความร่วมมือที่ระบุในเอกสารทั้งสองฉบับ ภายหลังเอกสารดังกล่าวได้รับความเห็นชอบและมีผลบังคับใช้แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 30284 | รายงานผลการหาข้อยุติกรณีการขอลดหย่อนค่ารายปีและภาษีโรงเรือนและที่ดิน ประจำปี 2554 ของโรงไฟฟ้าวังน้อย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานผลการหาข้อยุติกรณีการขอลดหย่อนค่ารายปีและภาษีโรงเรือนและที่ดิน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ของโรงไฟฟ้าวังน้อย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยกระทรวงพลังงานได้มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นเจ้าภาพจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย พลังงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายอำเภอวังน้อย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลข้าวงาม (อบต. ข้าวงาม) ปลัด อบต. ข้าวงาม และผู้แทน กฟผ. เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมมีข้อยุติรวมกัน ดังนี้ ๑.๑ การคำนวณค่ารายปีของเครื่องจักร ให้ใช้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อัตราร้อยละ ๒.๕ เป็นเกณฑ์ในการคำนวณ ซึ่งเมื่อคำนวณเป็นค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินจะได้เป็นเงิน ๕,๒๒๘,๕๖๐.๔๕ บาท ๑.๒ พื้นที่อาคารซึ่งเป็นที่ตั้งเครื่องจักรผลิตไฟฟ้า (อาคารผลิตไฟฟ้า) ที่จะนำมาคำนวณค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน ให้คำนวณตามพื้นที่ที่ใช้งานจริงตามที่ กฟผ. คำนวณไว้ ซึ่งเมื่อคำนวณเป็นค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินจะได้เป็น ๓๙๕,๙๒๘ บาท ๑.๓ การคำนวณพื้นที่อื่น ๆ ที่ไม่ได้ติดตั้งเครื่องจักร กฟผ. ยอมรับการประเมินตามที่ อบต. ข้าวงาม คำนวณค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินไว้เป็นเงิน ๑,๓๓๗,๙๐๙.๓๓ บาท รวมเป็นเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินทั้งสิ้น ๖,๙๖๒,๓๙๗.๗๘ บาท ๒. อบต. ข้าวงาม และ กฟผ. เห็นด้วยกับหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการคำนวณหาค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ของโรงไฟฟ้าวังน้อย ของ กฟผ. ตามมติที่ประชุมเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ และได้ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ อบต.ข้าวงาม มีหนังสือถึง กฟผ. เรียกเก็บเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามใบแจ้งรายการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน (แบบ ภ.ร.ด. ๘) เป็นเงิน ๖,๙๖๒,๓๙๗.๗๘ บาท และเรียกเก็บเงินเพิ่มค้างชำระอีกร้อยละ ๑๐ ตามมาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๕ เป็นเงิน ๖๙๖,๒๓๙.๗๘ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๗,๖๕๘,๖๓๗.๕๖ บาท ๒.๒ กฟผ. ได้ชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ รวมเป็นเงินเพิ่มค้างชำระให้แก่ อบต. ข้าวงาม เป็นเงินทั้งสิ้น ๗,๖๕๘,๖๓๗.๕๖ บาท เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||
| 30285 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงิน และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารรักษาพยาบาล (โรงพยาบาลขนาด 400 เตียง) โรงพยาบาลนครนายก จังหวัดนครนายก | สธ | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้างอาคารรักษาพยาบาล (โรงพยาบาล ขนาด ๔๐๐ เตียง) เป็นอาคาร คสล. ๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๕,๗๗๔ ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคาร โรงพยาบาลนครนายก จังหวัดนครนายก ๑ หลัง ในวงเงิน ๗,๖๗๗,๖๐๐ บาท เพื่อสมทบกับวงเงินค่าก่อสร้างที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๕ แล้ว จำนวน ๙๗,๙๙๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น ๑๐๕,๖๖๗,๖๐๐ บาท สำหรับวงเงินค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ให้ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเสนอขอตั้งงบประมาณไว้แล้ว และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 30286 | การถวายพระราชสมัญญา "อัคราภิรักษศิลปิน" แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (กระทรวงวัฒนธรรม) | วธ | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการถวายพระราชสมัญญา “อัคราภิรักษศิลปิน” ซึ่งมีความหมายว่า “ศิลปินยิ่งใหญ่ผู้ปกปักรักษางานศิลปะ” แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 30287 | การปรับปรุงแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง 1 และตอนล่าง 2 รวม 8 จังหวัด ในการประชุมคณะรัฐมนตรี นอกสถานที่ ณ จังหวัดสุรินทร์ วันที่ 30 กรกฎาคม 2555 | นร11 | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการ/กิจกรรมของจังหวัดในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ (จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) และตอนล่าง ๒ (จังหวัดอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร) รวม ๘ จังหวัด ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดสุรินทร์ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ โดยให้ใช้เงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ในส่วนที่สามารถเจียดจ่ายของหน่วยงานรับผิดชอบเพื่อดำเนินการโครงการหรือกิจกรรม จำนวน ๖ โครงการ และ ๑๔ กิจกรรมย่อย วงเงินรวม ๘๕.๖๐ ล้านบาท ประกอบด้วย ๑.๑.๑ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ โครงการซ่อมสร้างถนนลาดยางผิว AC เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในการเดินทางสัญจรไปมา และการขนส่งผลิตภัณฑ์การเกษตร สาย นม.๔๐๐๙ แยกทางหลวงหมายเลข ๒๑๕๐-บ้านทำนบพัฒนา ตำบลหนองหอย ตำบลทัพรั้ง อำเภอขามสะแกแสง อำเภอพระทองคำ จังหวัดนครราชสีมา ระยะทาง ๒.๐๐๐ กิโลเมตร วงเงิน ๑๐.๐๐ ล้านบาท โครงการก่อสร้างถนนลาดยางผิว AC เพื่อการขนส่งผลผลิตทางการเกษตร บ้านศูนย์กลาง-บ้านโนนสำราญ ตำบลโนนสำราญ อำเภอแก้งสนามนาง จังหวัดนครราชสีมา ระยะทาง ๒.๐๐๐ กิโลเมตร วงเงิน ๑๐.๐๐ ล้านบาท และโครงการซ่อมสร้างถนนลาดยางผิว AC สาย บ้านชลประทาน-บ้านวงเกษตร ตำบลหนองไม้แดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ระยะทาง ๑.๓๒๕ กิโลเมตร วงเงิน ๕.๐๐ ล้านบาท ๑.๑.๒ จังหวัดชัยภูมิ จำนวน ๗ กิจกรรมย่อย ได้แก่ กิจกรรมการขุดลอกแก้มลิง/ลำห้วย/คลอง/อ่างเก็บน้ำ จำนวน ๔ กิจกรรม วงเงิน ๑๓.๕๑ ล้านบาท และก่อสร้างสะพานจำนวน ๓ กิจกรรม วงเงิน ๑๓.๘๐ ล้านบาท ๑.๑.๓ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการขุดลอกห้วยเมฆา วงเงิน ๖.๖๓ ล้านบาท ๑.๑.๔ จังหวัดสุรินทร์ จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยตำบลหนองหลวง อำเภอโนนนารายณ์ วงเงิน ๓.๐๐ ล้านบาท และโครงการบูรณะผิวทางลาดยาง AC สายบ้านจรัส-ช่องพริก ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ วงเงิน ๕.๖๐ ล้านบาท ๑.๑.๕ จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน ๗ กิจกรรมย่อย ได้แก่ กิจกรรมการขุดลอกคลองและเพิ่มประสิทธิภาพระบบสูบ จำนวน ๒ กิจกรรม และการก่อสร้างสะพาน ถนน และวางท่อระบายน้ำ จำนวน ๕ กิจกรรม วงเงิน ๑๘.๐๖ ล้านบาท ๑.๒ แผนงาน/โครงการของจังหวัดในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ๑ และตอนล่าง ๒ เป็นโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที (เพิ่มเติม) จำนวน ๖ โครงการ วงเงิน ๘๔.๘๒ ล้านบาท เพื่อทดแทนโครงการ/กิจกรรมของจังหวัดที่ควรให้ความเห็นชอบใช้งบประมาณที่สามารถเจียดจ่ายของหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการตามข้อ ๑.๑ โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งจัดทำรายละเอียดคำขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จัดส่งให้สำนักงบประมาณภายใน ๒ สัปดาห์ เพื่อสำนักงบประมาณพิจารณาวงเงินงบประมาณที่เหมาะสม โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป ประกอบด้วย ๑.๒.๑ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการปรับปรุงอาคารระบายน้ำล้นอ่างเก็บน้ำลำตะคองพร้อมงานส่วนประกอบ วงเงิน ๒๔.๘๕ ล้านบาท ๑.๒.๒ จังหวัดชัยภูมิ จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตประชาชน วงเงิน ๑๗.๓๑ ล้านบาท และโครงการพัฒนาอาชีพ (การผลิตพริกให้ได้มาตรฐานปลอดภัยต่อผู้บริโภคเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน) วงเงิน ๑๐.๐๐ ล้านบาท ๑.๒.๓ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาศูนย์ฝึกวิชาชีพสู่ชุมชนเมืองแป๊ะอย่างยั่งยืน วงเงิน ๖.๐๐ ล้านบาท ๑.๒.๔ จังหวัดสุรินทร์ จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางเดินเคาะระฆังพันใบขึ้นเขาสวาย วงเงิน ๘.๖๐ ล้านบาท ๑.๒.๕ จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน วงเงิน ๑๘.๐๖ ล้านบาท ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาด้วยว่า โครงการต่าง ๆ ที่สมควรจะดำเนินการได้นั้น ต้องเป็นโครงการที่มีรายละเอียดแสดงให้เห็นถึงวัตถุประสงค์และผลลัพธ์ของโครงการที่เป็นรูปธรรมชัดเจน หากกรณีเป็นโครงการเพื่อการฝึกอบรม ประชุมสัมมนา ไม่สมควรดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||
| 30288 | การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ครั้งที่ 16 | กต | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารสุดท้าย (Draft Final Document) ของการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ครั้งที่ ๑๖ (XVI Summit of Heads of State or Government of the Non-Aligned Movement) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๖ - ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ ณ กรุงเตหะราน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน โดยการประชุมสุดยอดผู้นำฯ ครั้งนี้ จะมีการรับรองร่างเอกสารสุดท้ายฯ ซึ่งสะท้อนท่าทีและการดำเนินการของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในเรื่องต่าง ๆ ในระดับโลกและภูมิภาค อาทิ ปัญหาการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชนและการพัฒนา ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับรองเอกสารสุดท้ายดังกล่าว ๓. หากมีการแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาและดำเนินการได้เลย โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก |
||||||||||||||||||||||||
| 30289 | ขอความอนุมัติหลักการดำเนินโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ และเรื่อง การบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan: DPL) | กค | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการดำเนินโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ (โครงการระยะที่ ๕) ของกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง และอนุมัติจัดสรรเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Development Policy Loan : DPL) วงเงิน ๒,๔๕๓.๓๗๖๐ ล้านบาท สำหรับโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ (โครงการระยะที่ ๕) ของกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป ๒. ส่วนวิธีการจัดหาโครงการจัดหาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ (โครงการระยะที่ ๕) ของกรมศุลกากร ในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) กับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน นั้น เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเพียงพอประกอบการพิจารณา ดังนั้น หากกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) จำเป็นต้องดำเนินการในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) ให้กระทรวงการคลังจัดทำข้อมูลรายละเอียดและเหตุผลความจำเป็นที่ชัดเจนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
| 30290 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ เพิ่มเติม | กษ | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งผู้แทนสภาเกษตรกรแห่งชาติเป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ เพิ่มเติม ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ โดยให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติประสานงานกับสภาเกษตรกรแห่งชาติตรวจสอบคุณสมบัติของผู้แทนสภาเกษตรกรแห่งชาติให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 30291 | การแต่งตั้งกรรมการสภาวิศวกร (จำนวน 5 คน 1. นายประศาสน์ จันทราทิพย์ ฯลฯ) | มท | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสภาวิศวกร จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสามปีตามวาระแล้วเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายประศาสน์ จันทราทิพย์ ๒. นายการุญ จันทรางศุ ๓. นายฐิระวัตร กุลละวณิชย์ ๔. นายสุรชัย พรภัทรกุล ๕. นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์
|
||||||||||||||||||||||||
| 30292 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (จำนวน 6 คน 1. พลตำรวจโท ภาณุ เกิดลาภผล ฯลฯ) | คค | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก จำนวน ๖ คน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. พลตำรวจโท ภาณุ เกิดลาภผล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการวางแผนจราจร ๒. นายอร่าม ก้อนสมบัติ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมจราจร ๓. นายสุธา ขาวเธียร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ๔. นายภาณุมาศ ศรีศุข ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ๕. นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจการคลัง ๖. นายรัชทิน ศยามานนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการผังเมือง
|
||||||||||||||||||||||||
| 30293 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการในคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกกรอบแนวคิดเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ | นร | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕ เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกกรอบแนวคิดเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย เสนอไปแล้ว นั้น เพื่อสนับสนุนการดำเนินการในทางวิชาการของคณะกรรมการฯ ดังกล่าวให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น จึงเห็นควรแต่งตั้งให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์) เป็นรองประธานกรรมการในคณะกรรมการฯ ดังกล่าวเพิ่มเติม และให้ทำหน้าที่โฆษกของคณะกรรมการร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 30294 | รัฐบาลสาธารณรัฐไซปรัสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นางมาเรีย มิคาอิล (Mrs. Maria Michail)] | กต | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางมาเรีย มิคาอิล (Mrs. Maria Michail) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐไซปรัสประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สืบแทน นางสาวนัฟซิกา คริสตอส ครูสตี (Ms. Nafsika Chr. Krousti) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 30295 | รัฐบาลสาธารณรัฐฟิลิปปินส์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นางจอสลิน เอส. บาทูน-การ์เซีย (Mrs. Jocelyn S. Batoon-Garcia)] | กต | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางจอสลิน เอส. บาทูน-การ์เซีย (Mrs. Jocelyn S. Batoon-Garcia) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางลิงลีไง เอฟ. ลาคันลาเล (Mrs. Linglingay F. Lacanlale) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 30296 | ร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551 รวม 4 ฉบับ | ศธ | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. ๒๕๕๑ รวม ๔ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง และภาคีเครือข่าย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือภาคีเครือข่าย ๑.๒ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของสำนักงาน สำนักงาน กศน. กทม. สำนักงาน กศน. จังหวัด และสถานศึกษา ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนอนุกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการได้มาของประธานและอนุกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการภาคีเครือข่าย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดให้มีคณะอนุกรรมการภาคีเครือข่าย จำนวน ๑๒ คน โดยมาจากภาคีเครือข่ายตามที่กำหนด และข้าราชการในสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเป็นเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ ๒.๒ กำหนดให้ภาคีเครือข่ายที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นอนุกรรมการต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด ๒.๓ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม หลักเกณฑ์การได้มา วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่ง การแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง และอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติ วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และการประชุมของคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกรุงเทพมหานครและคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๓.๑ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่ง การแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓.๒ กำหนดองค์ประชุมของคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกรุงเทพมหานครและคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพภายในสำหรับสถานศึกษาที่จัดการศึกษานอกระบบ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๔.๑ กำหนดให้กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับกับการศึกษานอกระบบ ประกอบด้วย การศึกษาพื้นฐาน และการศึกษาต่อเนื่อง ๔.๒ กำหนดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายใน ประกอบด้วยการพัฒนาคุณภาพการศึกษา การติดตามตรวจสอบคุณภาพการศึกษา และการประเมินคุณภาพภายใน ๔.๓ กำหนดให้สถานศึกษาดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการประกันคุณภาพภายในตามที่กำหนด ๔.๔ กำหนดให้สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดหรือสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยกรุงเทพมหานครมีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการประกันคุณภาพภายในของศูนย์การศึกษาที่อยู่ในพื้นที่ที่รับผิดชอบตามที่กำหนด ๔.๕ กำหนดให้สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาตามที่กำหนด
|
||||||||||||||||||||||||
| 30297 | รายงานผลการเข้าร่วมประชุม World Economic Forum on East Asia ด้านพลังงาน | พน | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานผลการประชุม World Economic Forum on East Asia ด้านพลังงาน (Private session on Energy) ระหว่างวันที่ ๓๐ พฤษภาคม - ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ ณ กรุงเทพมหานคร โดยการประชุม Private session on Energy จัดขึ้นในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ซึ่งมีการประชุม ๒ เรื่อง คือ การประชุม Energy Security and Infrastructure Roundtable : ASEAN Five-Year Plan in Energy และการประชุม New Energy Architecture for East Asia ส่วนการประชุม Public Session จัดขึ้นในวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ คือ การประชุม Powering the Region’s Growth : The Future of Energy สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุม Energy Security and Infrastructure Roundtable : ASEAN Five-Year Plan in Energy ๑.๑ การรวมตัวกันเพื่อเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ (game changer) ที่จะนำไปสู่การได้ประโยชน์ร่วมกันของชาติสมาชิกอาเซียนเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน โดยแนวทางที่จะสามารถนำไปสู่การรวมตัวกันได้อย่างแท้จริงจะต้องเกิดขึ้นจากการผลักดันยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติและการแสดงภาวะผู้นำที่เข้มแข็ง (strategy and strong leadership) ของผู้นำชาติสมาชิกอาเซียนเพื่อผลักดันแนวทางต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังในระดับชาติและระดับภูมิภาค ๑.๒ การรวมตัวกันของอาเซียนจะนำไปสู่การแบ่งปันผลประโยชน์สูงสุดในด้านทรัพยากรธรรมชาติของภูมิภาค โดยจะต้องมีการปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน และการลดการอุดหนุนราคาด้านพลังงาน แต่ทั้งนี้จะต้องมุ่งเน้นนโยบายในการส่งเสริมการเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานอย่างทั่วถึงในทุกภาคส่วน ๑.๓ การจัดตั้งศูนย์กลางการค้าพลังงานอาเซียน (ASEAN Energy Market Centre) จะช่วยให้นโยบายและโครงสร้างทางพลังงานมีเสถียรภาพมากขึ้น การกำหนดกลไกราคาพลังงาน และมาตรฐานทางเทคนิคต่าง ๆ และการสร้างหลักธรรมาภิบาลในรูปแบบที่เหมาะสม ๒. การประชุม New Energy Architecture for East Asia ๒.๑ การรวมตัวทางด้านพลังงานของอาเซียนจะก่อให้เกิดการแบ่งปันผลประโยชน์สูงสุดเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศสมาชิกจะสามารถเสริมสร้างจุดแข็งของตน และอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนต่างชาติในตลาดอาเซียน ๒.๒ ความสำเร็จในเบื้องต้นในการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางด้านพลังงานระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในปัจจุบันจะเริ่มต้นจากการร่วมมือกันในระดับทวิภาคี (bilateral) ซึ่งเห็นได้จากการร่วมมือในด้านก๊าซธรรมชาติ (Trans ASEAN Gas Pipeline-TAGP) และการร่วมมือด้านการเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้า (ASEAN Power Grid-APG) ส่วนการเชื่อมโยงในระดับภูมิภาคอาจจะยังมีข้อจำกัดในด้านการร่วมมือกัน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือด้านพหุภาคี (Multilateral) ที่เข้มแข็ง ๒.๓ การเชื่อมโยงในประเด็น New Energy Architecture จะต้องมีการสร้างความสมดุลของการพัฒนาพลังงานใน ๓ มิติ ได้แก่ ความมั่นคงทางด้านพลังงาน (energy security and access) การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (economic growth) และการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (environmental sustainability) ๓. การประชุม Powering the Region’s Growth : The Future of Energy ๓.๑ หลักการที่สำคัญสำหรับการดำเนินการเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงทางด้านโครงสร้างพื้นฐานทางด้านพลังงานในอาเซียน ชาติสมาชิกจะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังในการวางแผนให้มีกระบวนการที่มุ่งไปสู่การบรรลุเป้าหมายอย่างแท้จริง ๓.๒ ชาติสมาชิกอาเซียนจะต้องมีการปรับปรุงกฎระเบียบ กลไกของราคา และมาตรฐานทางเทคนิคที่เหมาะสมในการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไฟฟ้าและระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติภายในภูมิภาค ๓.๓ ภาคธุรกิจต่างชาติที่มาร่วมประชุมได้ประมาณการการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนใน ๑๐ ปีข้างหน้าว่าจะมีมูลค่าประมาณ ๒ แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ ๖,๒๐๐ ล้านล้านบาท) ซึ่งการลงทุนขนาดใหญ่นี้จะได้จากการลงทุนที่มาจากภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียนที่จะนำไปสู่การพัฒนาด้านอื่น ๆ เช่น สังคม และการศึกษา เป็นต้น ๓.๔ การร่วมมือของอาเซียนจะประสบความสำเร็จได้จะต้องกำหนดแนวทางหรือนโยบายด้านพลังงานให้สอดคล้องกันสามด้าน คือ ความมั่นคงในการจัดหา (security of supply) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change) และความสามารถในเชิงการแข่งขัน (competitiveness) โดยประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติด้านพลังงานที่แตกต่างกัน อาทิ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานใต้พิภพ สิ่งเหล่านี้ชาติสมาชิกจะต้องจัดสรรให้มีความเหมาะสมต่อบริบททางเศรษฐกิจและสังคมของอาเซียนโดยรวมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 30298 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครสวรรค์ขนาด 24 บัลลังก์ และศาลอุทธรณ์ภาค 6 1 หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบขอขยายระยะเวลา และขอใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 งบกลาง สำหรับงบประมาณที่เพิ่มขึ้น | ศย | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. เพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครสวรรค์ ขนาด ๒๔ บัลลังก์ และศาลอุทธรณ์ภาค ๖ จำนวน ๑ หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จากวงเงิน ๕๔๘,๔๑๐,๙๖๙ บาท เป็นวงเงิน ๕๗๘,๒๓๑,๙๖๙ บาท โดยมีค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น จำนวน ๒๙,๘๒๑,๐๐๐ บาท และเพิ่มวงเงินค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครสวรรค์ ขนาด ๒๔ บัลลังก์ และศาลอุทธรณ์ภาค ๖ จำนวน ๑ หลัง พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จากวงเงิน ๘,๙๘๓,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๙,๕๑๙,๐๐๐ บาท โดยมีค่าควบคุมงานเพิ่มขึ้น จำนวน ๕๓๖,๐๐๐ บาท รวมวงเงินที่เพิ่มขึ้น จำนวน ๓๐,๓๕๗,๐๐๐ บาท ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ๒. ครุภัณฑ์ประกอบ จำนวน ๕๕,๐๓๔,๐๐๐ บาท ให้ปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ หรือใช้จ่ายจากเงินรายได้ของสำนักงานศาลยุติธรรมไปดำเนินการต่อไป ๓. ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันการก่อสร้างและควบคุมงานก่อสร้างไปถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖
|
||||||||||||||||||||||||
| 30299 | รัฐบาลญี่ปุ่นเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายชิเกะกะซุ ซะโตะ (Mr. Shigekazu Sato)] | กต | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชิเกะกะซุ ซะโตะ (Mr. Shigekazu Sato) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่นประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายเซอิจิ โคจิมะ (Mr. Seiji Kojima) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 30300 | การแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นางวาทินี ธีระตระกูล) | ศธ | 14/08/2555 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางวาทินี ธีระตระกูล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
.....
