ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1505 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 30081 - 30100 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 30081 | โครงการแนวร่วมดูแลคูคลอง "รวมแรงไทยรักษาน้ำใสทุกคูคลอง" | นร04 | 18/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมปีที่ผ่านมา ปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากคูคลองส่วนใหญ่มีวัชพืช และขยะอุดตันอยู่มาก จึงมอบให้กระทรวงการคลังดำเนินโครงการแนวร่วมดูแลคูคลอง “รวมแรงไทยรักษาน้ำใสทุกคูคลอง” ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน ๓๐๗ คลอง เพื่อรณรงค์และดำเนินการดูแลคูคลองให้สะอาดและสามารถระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการร่วมมือกันระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้อง ๓ ฝ่าย ประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐทำหน้าที่ในการจัดหาเครื่องจักร เครื่องมือ และดำเนินการขุดลอกคูคลอง หน่วยงานภาคเอกชนให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม โดยถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) ของหน่วยงานภาคเอกชนแต่ละแห่ง และชุมชนที่อยู่ใกล้คูคลองที่คอยดูแลรักษาคูคลองให้สะอาดและไม่ให้มีสิ่งกีดขวางทางน้ำ ทั้งนี้ หากกระทรวงต่าง ๆ มีข้อมูลหรือเห็นควรให้หน่วยงานภาคเอกชนรายใดเข้าร่วมดำเนินโครงการดังกล่าวเพิ่มเติม ให้แจ้งข้อมูลไปยังรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย) รวมทั้งให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำแนวทางการดำเนินโครงการนี้ไปปรับใช้กับการดูแลรักษาคูคลองในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศด้วย ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย) รายงานเพิ่มเติมว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสถาบันไทยพัฒน์เป็นผู้รับผิดชอบการบริหารจัดการ ตลอดจนการอบรมและสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30082 | การแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัย | นร04 | 18/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง นั้น ขอขอบคุณหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดสุโขทัยที่มีรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมทั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ที่ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและดำเนินการแก้ไขสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นให้ลุล่วงโดยเร็ว ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยรายงานสภาพภูมิอากาศ ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลัก สถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ รวมทั้งการตรวจพื้นที่ที่เกิดอุทกภัย ได้แก่ พื้นที่จังหวัดสุโขทัย เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ลุ่มน้ำยมตอนบนทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้น และได้กัดเซาะใต้กำแพงป้องกันน้ำท่วมริมฝั่งแม่น้ำยมเข้าท่วมบริเวณเขตเทศบาลเมืองสุโขทัย ในวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๕ และเขตเทศบาลอำเภอเมืองศรีสำโรง ในวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ ขณะนี้ระดับน้ำต่ำกว่าพนังกั้นน้ำ ๓๗ เซนติเมตร และมีแนวโน้มลดลง สำหรับพื้นที่ในเขตจังหวัดนครสวรรค์ สิงห์บุรี และอ่างทอง พบว่า พนังกั้นน้ำยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ได้สั่งการให้สร้างเขื่อนดินแทนชั่วคราว จะสร้างให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วัน ๓. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรายงานการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินสถานการณ์และตัดสินใจในการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาและรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในจังหวัดสุโขทัยโดยผ่านศูนย์ปฏิบัติการ (single command center) ปรากฏว่าได้ผลดีมาก สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ๔. รับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล) รายงานว่า พื้นที่ในภาคเหนือซึ่งเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ มีบางพื้นที่เกิดเหตุน้ำท่วมซ้ำอยู่เป็นประจำทุกปี อันเนื่องมาจากเกิดน้ำป่า จึงเห็นควรที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ป่าต้นน้ำดังกล่าว เช่น การสร้างพนังกั้นน้ำหรือฝายชะลอน้ำ เป็นต้น ๕. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า ในพื้นที่ที่เกิดปัญหาน้ำท่วมบริเวณภาคเหนือได้มอบให้อธิบดีกรมป่าไม้ และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชรับไปดำเนินการแก้ไขปัญหาและพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำในระยะต่อไป เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและชะลอการไหลของน้ำ รวมทั้งสร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าบริเวณต้นน้ำ ๖. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานว่า หมายเลขโทรศัพท์ (call center) ๑๑๑๑ กด ๕ ได้มีการเพิ่มข้อมูลเรื่องของน้ำ และดินฟ้าอากาศ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลอย่างกว้างขวางและครอบคลุมมากยิ่งขึ้นแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30083 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... | นร04 | 18/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30084 | ร่างพระราชบัญญัติความลับทางการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 18/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติความลับทางการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30085 | การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 20 | นร04 | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอผลการเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๐ เมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๕ ณ นครวลาดิวอสต็อก สหพันธรัฐรัสเซีย โดยมีผู้นำจากเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ ของโลก จำนวน ๒๑ เขตเศรษฐกิจเข้าร่วมการประชุม มีประเด็นสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การเปิดเขตการค้าเสรี ประเทศต่าง ๆ มีความเห็นสอดคล้องกันว่า ความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจเอเปค เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทุกประเทศควรร่วมมือกันในการเปิดเสรีทางการค้า โดยประเทศไทยเสนอให้มีการเจรจาเพื่อเปิดเสรีการค้าในสินค้าหลายชนิด ๒. ความมั่นคงทางอาหาร ภัยพิบัติต่าง ๆ รวมถึงอุทกภัยได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตอาหารเป็นอย่างมาก ในขณะที่ประชากรของโลกเพิ่มขึ้นและมีความต้องการอาหารมากขึ้น แต่ผลผลิตอาหารของแต่ละภูมิภาคมีปริมาณแตกต่างกัน และในบางพื้นที่มีไม่เพียงพอ ทำให้เกิดความไม่สมดุล ประเทศไทยจึงได้เสนอตัวเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหารของโลก ซึ่งได้รับความสนใจและตอบรับจากผู้นำเขตเศรษฐกิจต่างๆที่เข้าร่วมประชุมเป็นอย่างดี พร้อมนี้ประเทศไทยได้เสนอจะนำผลงานทางด้านการวิจัยและพัฒนา (R & D) ตลอดจนเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการเพิ่มผลผลิต ถนอมอาหาร แปรรูปและเก็บรักษา รวมถึงกระบวนการโลจิสติกส์ (logistics) ในการขนส่งและกระจายสินค้าที่เป็นผลผลิตอาหารไปยังแหล่งขาดแคลนอย่างทั่วถึงให้มากยิ่งขึ้น จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาความมั่นคงทางอาหารของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและสอดคล้องกับทิศทางความต้องการของโลกต่อไป ๓. การสร้างห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อถือได้ กระบวนการผลิตสินค้าและบริการต่าง ๆ ในระดับนานาชาติ แต่ละประเทศล้วนเป็นห่วงโซ่อุปทานซึ่งกันและกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับสินค้าและบริการของประเทศใดจะมีคุณภาพและได้รับความเชื่อถือ ทั้งนี้ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ต่าง ๆ ถือเป็นห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญทั้งในระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ หากมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ มาช่วยในการปรับปรุงพัฒนา SMEs ต่าง ๆ ของไทยให้มากยิ่งขึ้น และมีการเชื่อมโยงถึงการส่งเสริมและพัฒนาบทบาทสตรี ก็จะช่วยให้ SMEs เหล่านี้มีศักยภาพ และสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น จึงให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการจัดทำ Part Value Chain เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการประกอบการของ SMEs ของไทยให้แข็งแกร่งเป็นที่น่าเชื่อถือและแข่งขันกับต่างประเทศได้ โดยพิจารณาดำเนินการให้ครอบคลุมถึงการดูแลสิทธิประโยชน์ด้านการค้าให้แก่ SMEs ด้วย ๔. ประเทศไทยเสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในอีก ๑๐ ปี ข้างหน้า คือ ปี ค.ศ. ๒๐๒๒ ต่อจากประเทศมาเลเซีย ๕. การหารือทวิภาคีกับ ๔ ผู้นำเขตเศรษฐกิจ ได้แก่ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี ประธานาธิบดีชิลี และประธานาธิบดีรัสเซีย มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๕.๑ ประเทศรัสเซีย ถือเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางพลังงาน ขณะที่ประเทศไทยมีความมั่นคงทางอาหาร จึงตกลงที่จะร่วมมือกันตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาการขยายความร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ ระหว่างทั้งสองประเทศในรายละเอียดต่อไป ๕.๒ ประเทศมาเลเซีย ได้มีการเจรจาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัญหาราคายางพารา โดยในเบื้องต้นได้ตกลงกันที่จะให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องของ ๓ ประเทศ คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย มาร่วมประชุมในรายละเอียดเพื่อแก้ไขปัญหาราคายางพาราที่กรุงเทพฯ จึงให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมการเพื่อการประชุมดังกล่าว โดยให้กระทรวงการต่างประเทศประสานการดำเนินการที่เกี่ยวข้องโดยด่วน ๕.๓ ประเทศปาปัวนิวกินี เป็นประเทศที่มีแหล่งพลังงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้แสดงความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับประเทศไทยในด้านการพลังงานเป็นอย่างดี ๕.๔ ประเทศชิลี การเจรจามีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเปิดเขตเสรีทางการค้า ซึ่งในส่วนที่ได้ทำความตกลงร่วมกันไปแล้ว อยู่ในขั้นตอนที่จะต้องนำเสนอต่อรัฐสภาตามกระบวนการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30086 | การเร่งรัดการก่อหนี้รายจ่ายลงทุน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | กค | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และภาพรวมการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๑ ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๘๕๔,๓๔๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๗๗.๙๑ ของวงเงินงบประมาณ จำนวน ๒,๓๘๐,๐๐๐ ล้านบาท และประมาณการว่าสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จะมีการเบิกจ่ายได้ประมาณร้อยละ ๘๙.๔๐ ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ร้อยละ ๙๓.๐๐) อยู่ร้อยละ ๓.๖๐ โดยมีการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ จำนวน ๑,๖๓๖,๗๖๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๓.๑๗ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๑,๙๖๗,๙๐๕ ล้านบาท และเบิกจ่ายในส่วนของรายจ่ายลงทุน จำนวน ๒๑๗,๕๗๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๒.๘๐ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๔๑๒,๐๙๕ ล้านบาท และประมาณการว่าสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จะมีการเบิกจ่ายได้ประมาณร้อยละ ๖๓.๕๑ ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ร้อยละ ๗๒.๐๐) อยู่ร้อยละ ๘.๔๙ ๑.๒ ภาพรวมการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ สิ้นสุด ณ กรกฎาคม ๒๕๕๕ รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๔๘ แห่ง มีการเบิกจ่าย จำนวน ๙๖,๘๒๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๖.๔๙ ของวงเงินเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด และจากการประมาณผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ คาดว่ารัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีงบประมาณ (สิ้นสุด ณ กันยายน ๒๕๕๕) และรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีปฏิทิน (สิ้นสุด ณ ธันวาคม ๒๕๕๕) จะสามารถเบิกจ่ายงบลงทุนประมาณ ๒๘๓,๗๙๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๖๔ ๒. ปัญหาอุปสรรคและสถานะปัจจุบันของรายการภายใต้งบประมาณรายจ่ายลงทุน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ยังไม่ได้ก่อหนี้ และคาดว่าไม่สามารถดำเนินการได้ตามระยะเวลาที่กำหนด และขอผ่อนผันการก่อหนี้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ๒.๑ งบประมาณรายจ่ายลงทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ส่วนราชการได้รับจัดสรรตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ แต่ปัจจุบันยังไม่ก่อหนี้และเบิกจ่าย จำนวนทั้งสิ้นประมาณ ๑๒๕,๑๓๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๓๑.๓๙ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน จำนวน ๓๙๘,๖๖๘ ล้านบาท (ไม่รวมรัฐวิสาหกิจ กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา) โดยมีปัญหาอุปสรรคที่ทำให้ส่วนราชการยังไม่สามารถก่อหนี้รายจ่ายลงทุนได้ คือ ความไม่พร้อมของส่วนราชการ มีการยกเลิกการประกวดราคาเนื่องจากผู้ประกอบการขาดแคลนวัสดุก่อสร้างขึ้นราคา ทำให้เสนอราคาสูงกว่างบประมาณที่ได้รับ และความซ้ำซ้อนของงานโครงการที่ดำเนินการในพื้นที่เดียวกัน ๒.๒ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่ได้รับจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๓๒๐ หน่วยงาน มีส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจแจ้งขอผ่อนผันการก่อหนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีโครงการและรายการที่ยังไม่ได้ก่อหนี้และคาดว่าไม่สามารถดำเนินการได้ทันภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ จำนวนทั้งสิ้น ๒๑๕ หน่วยงาน จำนวน ๒,๐๔๔ รายการ จำนวนเงิน ๗๕,๒๒๐ ล้านบาท ๓. หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเตรียมการจัดหาพัสดุก่อนพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกาศใช้ที่คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ และคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้ซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการเตรียมการจัดหาพัสดุ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30087 | รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายช็อน แจ-มัน (Mr. Jeon Jae-man)] | กต | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายช็อน แจ-มัน (Mr. Jeon Jae-man) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายอิม แจ-ฮง (Mr. Lim Jae-hong) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30088 | การดำเนินการรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารโลก โครงการ Capacity Support for the Design and Operation of the Independent Budget Research Office within the King Prajadhipok's Institute | กค | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
๑. รับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง ขออนุมัติใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทในหนังสือข้อตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารโลกโครงการ Capacity Support for the Design and Operation of the Independent Budget Research Office within the King Prajadhipok''s Institute) สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงการคลังมีหนังสือถึงธนาคารโลกเพื่อขอให้พิจารณาปรับปรุงข้อกำหนดในสัญญาเกี่ยวกับวิธีการอนุญาโตตุลาการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ซึ่งธนาคารโลกได้มีหนังสือชี้แจงว่า ไม่สามารถปฏิบัติตามความเห็นของกระทรวงยุติธรรมที่ให้กำหนดในหนังสือข้อตกลงรับความช่วยเหลือฯ เนื่องจากข้อตกลงดังกล่าวบังคับใช้กับทุกประเทศสมาชิก จึงไม่สามารถใช้กฎหมายของประเทศใดประเทศหนึ่งในกระบวนการอนุญาโตตุลาการได้ ทั้งนี้ ตามกระบวนการของธนาคารโลกกรณีหากเกิดข้อพิพาทจะดำเนินการเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อให้ได้ข้อตกลงเห็นชอบร่วมกัน โดยข้อกำหนดของธนาคารโลกเป็นหลักเกณฑ์มาตรฐานเดียวกับที่ใช้กับประเทศสมาชิกอื่น ๆ ซึ่งที่ผ่านมากรณีความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารโลกที่ไม่ก่อให้เกิดภาระทางการคลังของรัฐบาลยังไม่เคยเกิดกรณีพิพาทและต้องใช้วิธีอนุญาโตตุลาการระหว่างหน่วยงานดำเนินโครงการและธนาคารโลก ๑.๒ กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เป็นผู้ลงนามในหนังสือข้อตกลงรับความช่วยเหลือฯ ในนามประเทศไทยร่วมกับหน่วยงานดำเนินโครงการ ซึ่ง สบน. ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานดำเนินโครงการและธนาคารโลก เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามระเบียบและหลักเกณฑ์ของทั้ง ๒ ฝ่าย และบรรลุผลตามวัตถุประสงค์โครงการ ทั้งนี้ ธนาคารโลกจะติดตามประเมินผลความก้าวหน้าของโครงการ และจะรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการมายัง สบน. เป็นระยะ ๆ จนสิ้นสุดการดำเนินโครงการ ๑.๓ กระทรวงการคลังจะรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับการคัดเลือกบุคคลเพื่อทำหน้าที่อนุญาโตตุลาการไปดำเนินการในกรณีเกิดข้อพิพาท ทั้งนี้ หากมีการแต่งตั้งบุคคลเพื่อเป็นคณะอนุญาโตตุลาการในกรณีเกิดข้อพิพาทขึ้น กระทรวงการคลังจะขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงกระทรวงยุติธรรม และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติก่อน ๒. อนุมัติให้กระทวงการคลัง โดย สบน. ลงนามในหนังสือข้อตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารโลกโครงการ Capacity Support for the Design and Operation of the Independent Budget Research Office within the King Prajadhipok’s Institute ในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และเพื่อให้สถาบันพระปกเกล้าซึ่งเป็นหน่วยดำเนินโครงการสามารถรับดำเนินโครงการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 30089 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การกำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. 2555 | มท | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การกำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ มีสาระสำคัญคือ กำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยให้ถือจำนวนหนึ่งร้อยคนสำหรับคนต่างด้าวที่มีสัญชาติของแต่ละประเทศ และห้าสิบคนสำหรับคนต่างด้าวไร้สัญชาติ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30090 | ผลการเยือนสาธารณรัฐอินเดียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี (วันที่ 24 - 26 มกราคม 2555) | นร04 | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอผลการเยือนสาธารณรัฐอินเดียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๒๔ - ๒๖ มกราคม ๒๕๕๕ ตามรายงานของกระทรวงการต่างประเทศ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ในการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้าไทย - อินเดีย ครั้งที่ ๒๓ ณ กรุงนิวเดลี เมื่อวันที่ ๘ - ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ทั้งสองฝ่ายสามารถจัดทำข้อบทความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความร่วมมือศุลกากร และตกลงจะปรับปรุงข้อเสนอการเปิดตลาดการค้าสินค้าเพื่อแลกเปลี่ยนกัน ทั้งนี้ ไทยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการเจรจาฯ ครั้งที่ ๒๔ ภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕ ๒. สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี ได้จ้างบริษัทที่ปรึกษาท้องถิ่นเพื่อศึกษาข้อมูลเชิงลึกด้านธุรกิจ และให้คำปรึกษาแก่ภาคเอกชนไทยในอินเดีย รวมทั้งได้จัดงานสัมมนา “ภาครัฐอินเดียพบภาคเอกชนไทย” เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๕ โดยเชิญอธิบดีกรมนโยบายและส่งเสริมการลงทุนร่วมบรรยายและตอบข้อซักถามเกี่ยวกับนโยบายและกฎระเบียบต่าง ๆ ให้นักธุรกิจเอกชนไทยในอินเดียได้รับทราบ และเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ กระทรวงการต่างประเทศได้จัดสัมมนา “การค้าการลงทุนไทยในเอเชียใต้” เพื่อให้ข้อมูลสำหรับนักธุรกิจไทยเกี่ยวกับโอกาส กฎระเบียบ และปัญหาอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจในประเทศอินเดียและประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียใต้ ๓. กระทรวงการต่างประเทศได้จัดประชุมกับฝ่ายอินเดีย เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ เพื่อหารือเบื้องต้นเกี่ยวกับภาพรวมของนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการเชื่อมโยงและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละฝ่าย และได้เสนอร่างขอบเขตอำนาจหน้าที่ (TOR) ของการจัดตั้งคณะทำงานร่วมฯ ให้ฝ่ายอินเดียพิจารณา ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างการจัดตั้งคณะทำงานฝ่ายไทย และจะดำเนินการจัดการประชุมคณะทำงานร่วมฯ ต่อไป ๔. กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการประชุมคณะทำงานร่วมเฉพาะกิจด้านการตรวจลงตราและการกงสุล ไทย - อินเดีย ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ โดยได้หารือในประเด็นต่าง ๆ ที่ได้หยิบยกระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี ไทย - อินเดีย ครั้งที่ ๖ เมื่อวันที่ ๒๔ - ๒๖ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งอินเดียได้แสดงความพอใจที่กลไกการประชุมสามารถไขข้อขัดข้องใจในประเด็นที่ได้มีการหยิบยกขึ้นมาหารือ อาทิ การปฏิบัติต่อนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย และการนำเข้าเครื่องประดับสำหรับผู้เข้าร่วมงานแต่งงาน เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30091 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนกรกฎาคม 2555 | อก | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม แนวโน้มการผลิตในภาพรวมและการส่งออกคาดว่าจะปรับตัวลงจากเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ เล็กน้อย เนื่องจากราคาฝ้ายในตลาดล่วงหน้าเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงของการส่งออกของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ต้องระมัดระวัง คือ ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในตลาดส่งออกหลักอย่างสหภาพยุโรป ๒. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ภาพรวมอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕ จากแบบจำลองดัชนีชี้นำภาวะอุตสาหกรรมสาขาเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่จัดทำโดยสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการแนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าจะปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓.๘๖ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการประมาณการอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์จะมีการปรับตัวลดลงร้อยละ ๑๔.๕๕ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30092 | แต่งตั้งอะมีรุ้ลฮัจย์ หรือรออิสบิซาตุลฮัจย์ อัลรัสมียะห์ (หัวหน้าคณะผู้แทนฮัจย์ทางการ) | วธ | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายอิสมาแอ อาลี เป็นอะมีรุ้ลฮัจย์ หรือรออิสบิซาตุลฮัจย์ อัลรัสมียะห์ (หัวหน้าคณะผู้แทนฮัจย์ทางการ) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ กันยายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30093 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย ราชภัฏภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา และสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชานิติศาสตร์ และสาขาวิชาบัญชีเพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30094 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ฟินแลนด์ | คค | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจลับระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐฟินแลนด์ และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของประเทศไทยและฟินแลนด์ ดังนี้ ๑.๑ สาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๑.๑ การกำหนดสายการบิน การอนุญาต และเพิกถอนใบอนุญาต ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงปรับปรุงหลักการคุณสมบัติของสายการบินที่กำหนด พร้อมทั้งข้อกำหนดเกี่ยวกับเงื่อนไขการปฏิเสธ เพิกถอน ระงับใช้ หรือจำกัดการอนุญาตการทำการบินของสายการบิน โดยเปลี่ยนเป็นคุณสมบัติของสายการบินที่กำหนดของฝ่ายฟินแลนด์ระบุเป็นสายการบินที่ก่อตั้งขึ้นในฟินแลนด์ภายใต้สนธิสัญญาประชาคมยุโรป และมีใบอนุญาตประกอบการที่ออกให้ตามกฎหมายของประชาคมยุโรป การควบคุมเชิงกำกับดูแลอันแท้จริงเป็นของประเทศสมาชิกในประชาคมยุโรปผู้ออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ และกรรมสิทธิ์ส่วนสาระสำคัญ และการควบคุมอันแท้จริงในสายการบินเป็นของรัฐสมาชิกของประชาคมยุโรปหรือคนชาติของรัฐสมาชิกนั้น รวมทั้งจะต้องมีถิ่นที่ตั้งทำการแห่งใหญ่ (principal place of business) ในอาณาเขตของรัฐสมาชิกที่สายการบินได้รับใบอนุญาตประกอบการ และห้ามมีการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุของสัญชาติ พร้อมทั้งได้ระบุเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตประกอบการ และการปฏิเสธ เพิกถอน ระงับการใช้ หรือจำกัดการอนุญาตไว้ในข้อบทนี้ด้วยเช่นเดิม ทั้งนี้ ในส่วนของคุณสมบัติสายการบินที่กำหนดของฝ่ายไทยไม่เปลี่ยนแปลง โดยยังคงหลักการเดิมข้างต้น นอกจากนี้ คณะผู้แทนไทยได้เสนอให้เพิ่มจำนวนสายการบินที่กำหนดของแต่ละฝ่าย ซึ่งเดิมกำหนดไว้เพียงสองสายการบิน เป็นหนึ่งหรือหลายสายการบิน เพื่อให้จำนวนสายการบินที่จะสามารถทำการบินระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น ๑.๑.๒ การรักษาความปลอดภัยการบิน คณะผู้แทนไทยเสนอว่า เนื่องจากตามบันทึกความเข้าใจลับฯ ฉบับลงนามวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๔๖ ได้เสนอเพิ่มเติมข้อบทว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยการบินไว้ในความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศฯ แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงหนังสือทางการทูตระหว่างกัน ดังนั้น จึงเห็นควรให้นำร่างข้อบทดังกล่าวมาปรับปรุงให้ทันสมัยและเป็นไปตามร่างมาตรฐานไทย ๑.๑.๓ ความปลอดภัยการบิน ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงให้เพิ่มข้อบทว่าด้วยความปลอดภัยการบินไว้ในความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศฯ โดยร่างข้อบทดังกล่าวมีเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นไปตามร่างแนะนำขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ แต่มีรายละเอียดที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และครอบคลุมถึงสิทธิในการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยการบินในกรณีสายการบินได้รับแต่งตั้งโดยฝ่ายฟินแลนด์ แต่มีการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยการบินโดยรัฐสมาชิกประชาคมยุโรปอื่น ๑.๑.๔ การบริการภาคพื้น คณะผู้แทนฟินแลนด์เสนอให้มีการเพิ่มเติมข้อบทว่าด้วยการบริการภาคพื้น โดยเป็นการแยกออกมาจากข้อบทว่าด้วยโอกาสในทางการค้าพาณิชย์ เพื่อที่จะระบุเกี่ยวกับสิทธิการบริการภาคพื้นของตนเองให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนคณะผู้แทนไทยขอให้ปรับปรุงเนื้อหาของร่างข้อบทให้มีความชัดเจนและเป็นการปฏิบัติต่างตอบแทน ๑.๑.๕ พิกัดอัตราค่าขนส่ง คณะผู้แทนฟินแลนด์เสนอให้เปลี่ยนแปลงข้อบทว่าด้วยพิกัดอัตราค่าขนส่ง ซึ่งเดิมกำหนดให้อัตราค่าขนส่งที่สายการบินจะนำมาใช้ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่การเดินอากาศของทั้งสองฝ่ายก่อน เปลี่ยนแปลงเป็นอัตราค่าขนส่งที่สายการบินจะนำมาใช้ ไม่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่การเดินอากาศทั้งสองฝ่าย คณะผู้แทนไทยพิจารณาแล้วเห็นว่า หลักการตามข้อเสนอของฝ่ายฟินแลนด์ขัดแย้งกับพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ และได้เสนอหลักการ country of origin ซึ่งเป็นการอนุญาตฝ่ายเดียวจากประเทศต้นทาง หากกฎหมายของประเทศต้นทางใดไม่ระบุให้ต้องใช้อัตราค่าขนส่งที่ได้อนุญาตแล้วเท่านั้น สายการบินที่กำหนดของภาคีผู้ทำความตกลงทั้งสองฝ่ายก็ไม่จำเป็นต้องยื่นขออนุญาตใช้อัตราค่าโดยสารแต่อย่างใด คณะผู้แทนฟินแลนด์เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว ๑.๑.๖ เรื่องอื่น ๆ คณะผู้แทนฟินแลนด์เสนอขอปรับปรุงข้อบทว่าด้วยการยกเว้นค่าอากรและภาษี โดยขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาที่เกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีอากร หรือค่าธรรมเนียมสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงการบิน คณะผู้แทนไทยพิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากเป็นกรณีที่จะต้องมีการศึกษาพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ และอยู่นอกเหนือจากที่ฝ่ายไทยได้ตกลงไว้กับทางประชาคมยุโรป ประกอบกับเรื่องนี้ยังมิใช่ความจำเป็นเร่งด่วนที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องนำมาปรับปรุงเพิ่มเติมในการเจรจาครั้งนี้ จึงขอนำประเด็นดังกล่าวไปหารือกันในการเจรจารอบต่อไป ๑.๒ สาระสำคัญของหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ได้แก่ การกำหนดสายการบิน การอนุญาต และการเพิกถอนใบอนุญาต การรักษาความปลอดภัยการบิน ความปลอดภัยการบิน การบริการภาคพื้น พิกัดอัตราค่าขนส่ง และเรื่องอื่น ๆ ๒. ให้นำเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนมอบให้กระทรวงต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจลับฯ ต่อไป โดยในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30095 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนแม่จัน - สันทราย จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... | นร09 | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนแม่จัน - สันทราย จังหวัดเชียงราย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลป่าซาง ตำบลสันทราย ตำบลแม่จัน และตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30096 | รัฐบาลสาธารณรัฐคิวบาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายบิกตอร์ ดาเนียล รามีเรซ เปญา (Mr. Victor Daniel Ramirez Pena)] | กต | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายบิกตอร์ ดาเนียล รามีเรซ เปญา (Mr. Victor Daniel Ramirez Pena) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐคิวบาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายลาซาโร เอร์เรรา มาร์ตีเนซ (Mr. Lazaro Herrera Martinez) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30097 | การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการเช่าอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ และทำเนียบเอกอัครราชทูต | กต | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศ (สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ) ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.๒๕๕๖-๒๕๕๙ รายการค่าเช่าอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ และทำเนียบเอกอัครราชทูต โดยมีวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าทั้งสิ้น จำนวน ๕๑,๗๙๗,๔๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๒๓,๑๙๖,๓๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๙ จำนวน ๒๘,๖๐๑,๑๐๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่นของแต่ละแห่ง กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์) ที่เสนอเพิ่มเติมว่า เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งเป็นการประหยัดและลดภาระงบประมาณของประเทศในระยะยาว กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาเลือกใช้วิธีการเช่าซื้ออาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงกุลใหญ่ และทำเนียบเอกอัครราชทูต รวมทั้งอาคารที่ใช้ในการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นของไทยในต่างประเทศ แทนวิธีการเช่า ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นแนวทางดำเนินการในกรณีต่อ ๆ ไป ตามความเหมาะสม โดยให้คำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น สถานที่ตั้ง ภาระในการดูแลรักษาและความคุ้มค่าในการเช่าซื้อหรือขายต่อไป เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||||||||
| 30098 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางการบรรเทาอุทกภัยในปี 2555 ในระยะเร่งด่วน" | สสป | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "แนวทางการบรรเทาอุทกภัยในปี ๒๕๕๕ ในระยะเร่งด่วน” โดยในส่วนของความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
๑.๑ รัฐควรแก้ไขปัญหากลไกการบริหารจัดการน้ำในภาวะวิกฤตอุทกภัยของแต่ละพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๑.๒ รัฐต้องให้ความสำคัญต่อการวางแผนการใช้ที่ดินและการออกกฎหมายการผังเมือง การพัฒนาและการใช้ที่ดินผิดประเภท การปลูกสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำและกีดขวางทางระบายน้ำ ๑.๓ รัฐต้องให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาแม่น้ำลำคลอง พื้นที่รับน้ำเพื่อประโยชน์สำหรับการระบายน้ำ และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รวมทั้งดำเนินการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ รัฐต้องบริหารการปิดเปิดประตูระบายน้ำให้เป็นไปตามหลักวิชาการ ๑.๕ รัฐควรดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องการพยากรณ์ด้านอุตุนิยมวิทยาให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ๑.๖ รัฐควรดำเนินการให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดทำและวางแผน เกี่ยวกับแนวทางการบริหารจัดการน้ำ และมีกลไกในการแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ได้อย่างถูกต้องและทันต่อเหตุการณ์ ๑.๗ รัฐต้องจัดทำศูนย์ข้อมูลกลางและข้อมูลที่มีมาตรฐานเดียวกันซึ่งจำเป็นสำหรับการบริหารจัดการน้ำ ที่จะนำไปใช้สำหรับแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ เช่น ระดับความสูง-ต่ำ ของพื้นที่เสี่ยงภัยอุทกภัย ข้อมูลด้านกายภาพ และระบบสาธารณูปโภค เช่น ถนน คันคลอง คันกั้นน้ำ ท่อระบายน้ำ สะพาน ความลึก ความกว้าง พื้นที่หน้าตัด สิ่งรุกล้ำ ขยะและวัชพืช เป็นต้น รวมทั้งการจัดเตรียมข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน (Real time) เพื่อสามารถติดตามตรวจสอบพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยได้ทันท่วงที และการเตรียมตัวป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ในการดำเนินงานจะต้องให้อิสระกับนักวิชาการในการทำงานและเน้นหลักวิชาการและการบูรณาการในการแก้ไขปัญหา ๑.๘ รัฐต้องทำความเข้าใจ ให้ความรู้ และขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ที่จะถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่รับน้ำนอง เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติและการชดเชยความเสียหายให้ประชาชนได้รับความพึงพอใจ เป็นธรรม และรวดเร็ว ๑.๙ รัฐต้องบริหารองค์กรเพื่อบริหารจัดการน้ำแบบ Single Command Authority เพื่อบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแบบบูรณาการให้เป็นไปตามหลักวิชาการ และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนอย่างจริงจัง เพื่อให้ประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด โดยปราศจากการแทรกแซงจากผู้ที่หวังประโยชน์จากวิกฤตอุทกภัย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30099 | รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 | นร07 | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ และการจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ วงเงิน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๑ การจัดสรร/การเบิกจ่าย/ลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเอง สำนักงบประมาณจัดสรรแล้วสุทธิ เป็นเงิน ๑๑๙,๐๗๖.๘๖๐๗ ล้านบาท มีการลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเองแล้ว เป็นเงิน ๑๑๐,๐๓๘.๗๓๔๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๗๗๕.๗๙๘๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๗๑ และผลการเบิกจ่ายจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) เป็นเงิน ๙๐,๒๐๔.๘๒๖๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๗๕.๗๕ จากยอดจัดสรร ๑.๒ ผลการดำเนินงาน มิติส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๘ กระทรวง ที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๑๐ กระทรวง และมิติจังหวัดที่มีผลการดำเนินงานสูงกว่าร้อยละ ๘๐ มีจำนวน ๔๒ จังหวัด ส่วนจังหวัดที่เหลือมีผลการดำเนินงานต่ำกว่าร้อยละ ๘๐ จำนวน ๓๑ จังหวัด ๑.๓ การส่งคืนเงินงบประมาณและการใช้จ่ายจากเงินที่แจ้งส่งคืน ส่วนราชการฯ ส่งเงินคืนในระบบ GFMIS เป็นเงิน ๕,๔๔๐.๘๕๓๐ ล้านบาท และเงินที่ส่วนราชการจะใช้จ่ายจริงน้อยกว่ากรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ เป็นเงิน ๑๓๙.๐๐๖๐ ล้านบาท รวมเป็นเงินที่จะจัดสรรเพิ่มเติมได้ จำนวน ๕,๕๗๙.๘๕๙๐ ล้านบาท สำหรับการใช้จ่ายเงินที่แจ้งส่งคืน คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินที่ส่วนราชการฯ ส่งคืนงบประมาณรวม ๗ ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕,๓๑๓.๕๔๔๙ ล้านบาท (สำนักงบประมาณจัดสรรแล้ว ๔,๕๔๑.๘๕๐๑ ล้านบาท) คงเหลือวงเงินที่คณะรัฐมนตรีจะอนุมัติเพิ่มเติมได้อีก เป็นเงิน ๒๖๖.๓๑๔๑ ล้านบาท ๒. การจัดสรรเงินกู้โครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ (วงเงิน ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๙,๐๖๗.๔๘๑๒ ล้านบาท สำนักงบประมาณจัดสรรเงินกู้ฯ ให้ส่วนราชการ จำนวน ๒๑,๓๗๒.๑๐๕๘ ล้านบาท คงเหลือจำนวน ๗,๖๙๕.๓๗๕๔ ล้านบาท ได้แก่ กระทรวงคมนาคม จำนวน ๓,๙๘๑.๙๘๘๐ ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรม จำนวน ๓,๒๓๖.๖๙๔๐ ล้านบาท กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๓๑๐.๗๔๘๔ ล้านบาท กระทรวงมหาดไทย จำนวน ๑๒๘.๙๗๐๐ ล้านบาท กระทรวงกลาโหม จำนวน ๑๙.๘๕๐๐ ล้านบาท และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๗.๑๒๕๐ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 30100 | กรอบเจรจาภายใต้ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เกี่ยวกับการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 และการประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร ครั้งที่ 63 และครั้งที่ 64 | ทส | 11/09/2555 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (คณะที่ ๑) (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน)
ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นประธานกรรมการ ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยคณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบการเจรจาภายใต้ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เกี่ยวกับการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ และการประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร ครั้งที่ ๖๓ และครั้งที่ ๖๔ ซึ่งกำหนดให้มีขึ้นในระหว่างวันที่ ๒-๑๕ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เพื่อขอความเห็นชอบต่อรัฐสภาต่อไป โดยสาระสำคัญของกรอบเจรจาฯ ได้แก่ ๑.๑ การจัดการประชุมสมัยภาคีอนุสัญญาครั้งที่ ๑๖ และข้อปฏิบัติด้านการเงิน ๑.๑.๑ รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดหาและจัดเตรียมสถานที่ พร้อมวัสดุอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก การรักษาความปลอดภัย และการจัดหาเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสนับสนุนการจัดประชุม ๑.๑.๒ รัฐบาลไทยต้องจัดหาค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมเป็นส่วนต่างระหว่างการดำเนินการจัดประชุมที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย กับการดำเนินการจัดประชุมที่สำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ ในสวิตเซอร์แลนด์ ๑.๑.๓ รัฐบาลไทยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนย้ายและประกันภัยเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการประชุม ๑.๑.๔ สำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ จะส่งรายละเอียดบัญชีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงภายใน ๑๘๐ วัน หลังการประชุม และจะส่งเงินส่วนที่เหลือคืนให้กับรัฐบาลไทย ถ้าเกินกว่าที่ชำระไว้รัฐบาลไทยต้องชำระเพิ่ม ๑.๒ เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ๑.๒.๑ รัฐบาลไทยจะต้องดำเนินการเพื่อให้ความคุ้มกันจากกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวกับคำพูดหรือข้อเขียนและการกระทำต่าง ๆ ในระหว่างการประชุมให้แก่ ผู้แทนของรัฐภาคีอนุสัญญาฯ ผู้สังเกตการณ์ขององค์การสหประชาชาติ ผู้สังเกตการณ์จากหน่วยงานหรือองค์กรที่มีคุณสมบัติเชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านการคุ้มครอง การอนุรักษ์ หรือการจัดการเกี่ยวกับสัตว์ป่าหรือพืชป่า และคณะเจ้าหน้าที่ของสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ และคณะเจ้าหน้าที่ที่รัฐบาลไทยจัดหาให้สำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ ๑.๒.๒ รัฐบาลไทยจะต้องดำเนินการเพื่อกำหนดให้สถานที่และอาณาบริเวณสำหรับการจัดประชุม ในระหว่างการประชุมจะต้องละเมิดมิได้ ๑.๒.๓ รัฐบาลไทยจะให้เอกสิทธิ์บางประการแก่ผู้เข้าร่วมประชุม เช่น การอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับวีซ่า การยกเว้นภาษีสำหรับการนำเข้าเอกสาร เป็นต้น ๑.๓ ความรับผิดชอบต่อความเสียหาย ๑.๓.๑ รัฐบาลไทยจะต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติใด ๆ การเรียกร้อง หรือความต้องการอื่น ๆ ที่ต่อต้านสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ หรือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่อาจเกิดความบาดเจ็บต่อร่างกาย และ/หรือความเสียหายหรือความสูญเสียซึ่งทรัพย์สินในสถานที่จัดการประชุม ที่มีสาเหตุหรือเกิดขึ้นในการใช้บริการคมนาคมที่รัฐบาลไทยจัดให้ และการจ้างบุคลากรสำหรับการประชุมฯ ของรัฐบาลไทย ๑.๓.๒ รัฐบาลไทยสามารถใช้มาตรการใด ๆ ตามสมควรในการป้องกันภัยที่อาจเกิดกับสถานที่ประชุม บุคคล และทรัพย์สินภายในสถานที่จัดประชุม ๑.๓.๓ รัฐบาลไทยจะต้องจ่ายค่าชดเชยและป้องกันภัยให้สำนักงานเลขาธิการอนุสัญญาฯ และเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติ การเรียกร้องหรือความต้องการใด ๆ ยกเว้นการปฏิบัติและข้อเรียกร้องดังกล่าวเกิดจากความเพิกเฉยหรือความจงใจของเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการฯ ที่เข้าประชุม ๑.๓.๔ แต่ละฝ่ายสงวนสิทธิ์สำหรับเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้น เช่น ความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือการสาธารณสุข ๑.๓.๕ ข้อพิพาทใด ๆ ระหว่างสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ และรัฐบาลไทย ให้พิจารณาตามกฎอนุญาโตตุลาการ UNCITRAL ๑.๓.๖ ความตกลงและภาคผนวกทั้งหมดที่จะลงนามจะมีผลนับตั้งแต่วันที่รัฐบาลไทยแจ้งสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ ทราบว่าได้เสร็จสิ้นกระบวนการตามกฎหมายภายในประเทศเพื่อให้มีผลบังคับใช้แล้ว ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติเพื่อให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน เนื่องจากในการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ และการประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร ครั้งที่ ๖๓ และครั้งที่ ๖๔ ไม่เป็นการประชุมของ UNEP (United Nations Environmental Programme) จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสหประชาชาติและทบวงการชำนัญพิเศษในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๐๔ ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
.....
