ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1504 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 30061 - 30080 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 30061 | การเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เรื่อง กระบวนการติดต่อร้องเรียน | พม | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ไทยเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เรื่อง กระบวนการติดต่อร้องเรียน โดยการลงนามและให้สัตยาบันในคราวเดียวกัน โดยไม่แถลงรับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติในการรับและพิจารณาข้อร้องเรียนระหว่างรัฐ ตามข้อ ๑๒ ของพิธีสารเลือกรับฯ และไม่แถลงไม่รับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติในการไต่สวนกรณีการละเมิดที่ร้ายแรงหรือเป็นระบบ ตามข้อ ๑๓ ของพิธีสารเลือกรับฯ ทั้งนี้ พิธีสารเลือกรับฯ เป็นข้อตกลงเสริมของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก แบ่งออกเป็น ส่วนที่ ๑ ตั้งแต่ข้อบทที่ ๑ - ๔ ว่าด้วยเรื่องข้อบททั่วไป ส่วนที่ ๒ ตั้งแต่ข้อบทที่ ๕ - ๑๒ ว่าด้วยเรื่องกระบวนการติดต่อร้องเรียน ส่วนที่ ๓ ตั้งแต่ข้อบทที่ ๑๓ - ๑๔ ว่าด้วยเรื่องการไต่สวนกรณีการละเมิดที่ร้ายแรงหรือเป็นระบบ และส่วนที่ ๔ ตั้งแต่ข้อบทที่ ๑๕ - ๒๔ ว่าด้วยเรื่องความช่วยเหลือและความร่วมมือระหว่างประเทศ การเผยแพร่ การบังคับใช้พิธีสาร และบทเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามและยื่นสัตยาบันสารพิธีสารเลือกรับฯ ต่อสหประชาชาติ ในคราวเดียวกัน ในช่วงการจัดงานสนธิสัญญา (Treaty Event) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสาร ๑.๓ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จัดตั้งกลไกเฉพาะรองรับการดำเนินงานตามพิธีสารเลือกรับฯ โดยมีผู้แทนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยรับข้อร้องเรียนจากคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติเพื่อส่งต่อให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ซึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการของกลไกเฉพาะดังกล่าว ประสานงานเพื่อให้กลไกดังกล่าวพิจารณาข้อร้องเรียน จัดทำข้อมูล คำชี้แจง และพิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ รวมทั้งพิจารณาเยียวยาตามที่เห็นสมควรต่อไป ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เรื่อง กระบวนการติดต่อร้องเรียน ต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30062 | รายงานการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยของกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่วันที่ 10 ถึง 14 กันยายน 2555 | กห | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยและได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉิน (อุทกภัย) ๑๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร กำแพงเพชร นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สระแก้ว และชัยภูมิ มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน ๖๙,๘๗๙ ครัวเรือน จำนวน ๑๘๗,๘๔๓ คน และพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ จำนวน ๑๐๙,๘๒๐ ไร่ โดยห้วงวันที่ ๑๐ ถึง ๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการกองทัพไทย และศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเหล่าทัพ ได้เข้าดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยและสนับสนุนส่วนราชการในพื้นที่ โดยการสร้างแนวคันกั้นน้ำด้วยกระสอบทรายและกล่องเกเบี้ยน เปิดเส้นทางถนน ซ่อมแซมคอสะพาน ให้การรักษาพยาบาล มอบยาเวชภัณฑ์และถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัย รวมทั้งการเคลื่อนย้ายประชาชนและขนย้ายสิ่งของไปยังพื้นที่ปลอดภัย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30063 | การแต่งตั้่งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ (นักบริหารสูง) (นางสาวนวรัตน์ อโนมะศิริ) | นร07 | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวนวรัตน์ อโนมะศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30064 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติความลับทางการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30065 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (พันตำรวจเอกโภคพิบูลย์ โปตระนันทน์ และนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล) | ยธ | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พันตำรวจเอก โภคพิบูลย์ โปตระนันทน์ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ๒. นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมคุมประพฤติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30066 | สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทยประจำสัปดาห์ (ครั้งที่ 4/2555 ณ วันที่ 17 กันยายน 2555) | วท | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยสรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทย ครั้งที่ ๔/๒๕๕๕ ณ วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๕ ดังนี้
๑. สถานการณ์ภูมิอากาศ พายุไต้ฝุ่น “ซันปา”ก่อตัวบริเวณด้านตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเจจู ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งคาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเกาหลีบริเวณเมืองปูซาน และในช่วงวันที่ ๒๑-๒๔ กันยายน ๒๕๕๕ มีแนวโน้มการก่อตัวของพายุลูกใหม่บริเวณใกล้เคียงกับการก่อตัวของพายุ “ซันปา” และมีทิศทางการเคลื่อนตัวไปยังประเทศญี่ปุ่น สำหรับประเทศไทยพบว่ามีร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคกลาง และภาคตะวันออกยังคงมีกำลังแรง และจะเริ่มมีกำลังอ่อนลงเล็กน้อยใน ๒-๓ วันข้างหน้า และจะกลับมีกำลังแรงอีกครั้งในช่วงวันที่ ๒๐-๒๑ กันยายน ๒๕๕๕ โดยมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในทั้งประเทศและในแต่ละภูมิภาคต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของปีที่แล้ว (ยกเว้นภาคตะวันตก) แต่สูงกว่าค่าเฉลี่ย ๓๐ ปี ๒. สถานการณ์น้ำและน้ำท่วม ดังนี้ ๒.๑ ปริมาณน้ำท่าในบริเวณสำคัญ ได้แก่ ๒.๑.๑ สถานี C.2 ค่ายจิรประวัติ จังหวัดนครสวรรค์ ๑,๗๕๓ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๓,๕๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๑.๒ สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ๑,๖๓๑ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๒,๔๘๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๑.๓ สถานี C.29A ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๒,๑๓๑ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ความจุลำน้ำ ๓,๕๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๒ ระดับความสูงของน้ำในแม่น้ำสายหลัก ได้แก่ ๒.๒.๑ แม่น้ำปิง ที่สถานี P.1 จังหวัดเชียงใหม่ +๓๐๒.๖๓ เมตรระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก. ) ต่ำกว่าตลิ่ง ๑.๕๗ เมตร ๒.๒.๒ แม่น้ำวัง ที่สถานี W.10A จังหวัดลำปาง +๒๖๐.๔๗ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๕.๑๓ เมตร ๒.๒.๓ แม่น้ำยม ที่สถานี Y.4 จังหวัดสุโขทัย +๕๐.๖๗ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๐.๒๐ เมตร ๒.๒.๔ แม่น้ำน่าน ที่สถานี N.1 จังหวัดน่าน +๑๙๓.๘๗ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๕.๓๓ เมตร ๒.๒.๕ แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ +๒๓.๑๕ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๓.๐๕ เมตร และที่สถานี C.13 จังหวัดชัยนาท ระดับน้ำท้ายเขื่อน +๑๓.๕๕ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๒.๗๙ เมตร ๒.๓ น้ำในเขื่อน/อ่างเก็บน้ำ ได้แก่ ๒.๓.๑ เขื่อนภูมิพล น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๖๘.๑๘ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๗,๔๖๑ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๓,๖๖๑ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๒ เขื่อนสิริกิติ์ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๔๐.๑๐ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๖,๐๕๒ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๓,๒๐๒ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๓ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ ๒๒.๑๙ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำ ๔๐๘ ล้านลูกบาศก์เมตร และใช้การได้จริง ๔๐๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒.๓.๔ น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่รวม ๓๓ อ่างทั่วประเทศ ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ รวม ๔๗,๓๑๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำ สะสมตั้งแต่ต้นปี ๒๘,๑๙๙ ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำระบายจากอ่างเก็บน้ำ สะสมตั้งแต่ต้นปี ๓๘,๘๗๓ ล้านลูกบาศก์เมตร และความสามารถในการรับน้ำได้อีก ๒๒,๘๔๑ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓. การบริหารน้ำในเขื่อน ดังนี้ ๓.๑ น้ำในเขื่อนที่อยู่ในสภาวะน้ำน้อยวิกฤต ประกอบด้วย เขื่อนลำตะคอง ปริมาณน้ำกักเก็บ ๓๐% เขื่อนลำพระเพลิง ปริมาณน้ำกักเก็บ ๓๑% เขื่อนลำปาว ปริมาณน้ำกักเก็บ ๒๗% โดยเขื่อนทั้งสามปริมาณน้ำกักเก็บต่ำกว่าปี ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นปีที่เกิดภัยแล้ง ๓.๒ เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ให้ระบายน้ำไม่เกินวันละ ๓ ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ หากปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจะหารือกับกรมชลประทานเพื่อปรับการระบายให้เหมาะสมต่อไป ๔. สถานการณ์อุทกภัย ฝนทิ้งช่วง และน้ำป่า ดังนี้ ๔.๑ อุทกภัย สถานการณ์ปัจจุบันมีพื้นที่ประสบอุทกภัย ๑๑ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ ชัยนาท สุพรรณบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ชัยภูมิ และปราจีนบุรี รวม ๔๓ อำเภอ ๒๓๒ ตำบล ๑,๒๗๘ หมู่บ้าน ๔.๒ ฝนทิ้งช่วง ปัจจุบันมีพื้นที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) จำนวน ๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง รวม ๔๑ อำเภอ ๓๑๐ ตำบล ๓,๔๙๗ หมู่บ้าน ๔.๓ กรมทรัพยากรน้ำได้เตือนภัยสถานการณ์น้ำป่า ณ วันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๕ เตือนภัยสีเหลือง (เตือนภัย) ๑ จังหวัด คือ จังหวัดตราด (ตำบลเกาะช้าง อำเภอเกาะช้าง) ๕. สรุปสถานการณ์น้ำท่วมในเขตจังหวัดสุโขทัย ณ วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๕ สถานีวัดน้ำ Y.4 (อำเภอเมือง) ระดับน้ำ +๗.๓๒ เมตร(รสม.) ปริมาณน้ำไหลผ่าน ๕๔๙ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ยังต่ำกว่าตลิ่ง ๐.๑๓ เมตร มีแนวโน้มลดลง และในวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๕ พบว่าระดับน้ำต่ำกว่าพนังกั้นน้ำ ๓๗ เซนติเมตร มีแนวโน้มลดลง ๖. สรุปผลการตรวจติดตามสถานการณ์น้ำและระบบป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ในเขตจังหวัดนครสวรรค์ สิงห์บุรี และอ่างทอง ณ วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๕ ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยลงตรวจติดตามความพร้อมและการแก้ไขปัญหาอุทกภัยโดยเฉพาะพนังกั้นน้ำที่ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ และสั่งการให้สร้างเขื่อนดินแทนชั่วคราว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30067 | โครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 และการขอขยายปริมาณ และกรอบการใช้เงินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2555 | พณ | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่อนุโลมให้เกษตรกรที่เก็บเกี่ยวข้าวในช่วงเดือนมิถุนายน - ตุลาคม ๒๕๕๕ เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี ๒๕๕๕ รอบ ๒ ได้อีก ๑ ครั้ง ๒. อนุมัติการขยายปริมาณและกรอบการใช้เงินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี ๒๕๕๕ จากเดิมที่กำหนดเป้าหมายไว้ จำนวน ๑๑.๑๑ ล้านตัน เพิ่มเติมอีก จำนวน ๒.๒๐ ล้านตัน รวมเป็นปริมาณ ๑๓.๓๑ ล้านตัน และเห็นชอบให้ใช้วงเงินที่กระทรวงการคลังเห็นชอบวงเงินค้ำประกันให้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน ๒๖๙,๑๖๐ ล้านบาท นำมาใช้ในปริมาณที่เพิ่มเติมดังกล่าว รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ต้นทุนเงินและค่าบริหารโครงการ) ให้ใช้หลักเกณฑ์เช่นเดียวกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ ๓. ส่วนการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ ให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบปริมาณข้าวเปลือกนาปรังและข้าวเปลือกนาปีที่รับจำนำไว้เดิมและที่ระบายออกไปแล้ว ปริมาณเป้าหมายที่จะรับจำนำใหม่ในปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ รวมทั้งแนวทางการบริหารจัดการที่ครอบคลุมถึงการรับจำนำ การเก็บรักษา การระบาย ตลอดจนวงเงินสินเชื่อ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วให้นำเสนอ กขช. พิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30068 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี) (นายศิริ เลิศธรรมเทวี) | นร | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายศิริ เลิศธรรมเทวี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30069 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ (พลตำรวจโท วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ และนายจุลพงษ์ โนนศรีชัย) | นร04 | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีซึ่งจะครบวาระ ๑ ปี คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. พลตำรวจโท วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน ๒. นายจุลพงษ์ โนนศรีชัย ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30070 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง (จำนวน 8 ราย 1. นายสุพรรณ ศรีธรรมมา ฯลฯ) | สธ | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๘ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายสุพรรณ ศรีธรรมมา ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายบุญชัย สมบูรณ์สุข ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ๓. นายอภิชัย มงคล ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายสมชัย นิจพานิช ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ๕. นายวชิระ เพ็งจันทร์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมสุขภาพจิต ๖. นายเจษฎา โชคดำรงสุข ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมอนามัย ๗. นาวาอากาศตรี บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ๘. นายชาญวิทย์ ทระเทพ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30071 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (จำนวน 4 ราย 1. นายรัชนันท์ ธนานันท์ ฯลฯ) | กต | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายรัชนันท์ ธนานันท์ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ สาธารณรัฐฟินแลนด์ สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายวรเดช วีระเวคิน ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ๓. นายภาสกร ศิริยะพันธุ์ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายดำรง ใคร่ครวญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมเอเชียตะวันออก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30072 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (พลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี และนายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ) | คค | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงคมนาคม จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. พลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30073 | ร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กับหน่วยงานต่างประเทศ | ยธ | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงบริหารจัดการสาธารณะและความมั่นคง สาธารณรัฐเกาหลี (National Forensic Service-NFS, the government department within the Ministry of Public Administration and Security of the Republic of Korea) มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางวิชาการทางนิติวิทยาศาสตร์และพัฒนาการทำงานให้มีมาตรฐานสากล โดยให้ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30074 | ขออนุมัติหลักการ เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 199,866,670 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาอุปกรณ์ควบคุมฝูงชน | ตช | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๙๙,๘๖๖,๖๗๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดหาอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนและปรับปรุงระบบสื่อสารและเทคโนโลยีศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามความจำเป็นเร่งด่วนของการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ จำนวน ๓๐ กองร้อย ประกอบด้วย อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนประจำกาย วงเงิน ๑๗,๔๒๐,๕๐๐ บาท อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนประจำกองร้อย วงเงิน ๑๑๑,๖๔๙,๖๐๐ บาท อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนประจำหน่วย วงเงิน ๕๒,๕๗๕,๐๐๐ บาท และค่าปรับปรุงระบบสื่อสารและเทคโนโลยีศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วงเงิน ๑๘,๒๒๑,๕๗๐ บาท โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการจัดหาอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนและปรับปรุงระบบสื่อสารและเทคโนโลยีศูนย์ปฏิบัติการเพิ่มเติม ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปหารือในรายละเอียดร่วมกับสำนักงบประมาณ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30075 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. .... | กค | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้ส่วนราชการและจังหวัดต่าง ๆ สามารถดำเนินการในการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินและสามารถตรวจสอบติดตามการใช้จ่ายเงินทดรองราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ การประกาศให้ท้องที่ใดที่เกิดภัยพิบัติเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดยให้อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยหรือผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) เป็นผู้ใช้ดุลยพินิจ รวมทั้งให้อำนาจใช้จ่ายเงินทดรองราชการ ภายในวงเงินไม่เกิน ๑๐ ล้านบาท ในเชิงป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติที่คาดหมายว่าจะเกิดภัยพิบัติขึ้นในเวลาอันใกล้และจำเป็นต้องรีบแก้ไขโดยฉับพลันได้ โดยไม่ต้องประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือ นั้น เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมของระดับภัยพิบัติและความเชื่อมโยงกับข้อมูลของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ด้วย ๒.๒ ควรเพิ่มผู้แทนหน่วยงานที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติโดยตรง เช่น ผู้แทนของกระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง กรมเจ้าท่า และการรถไฟแห่งประเทศไทย) ร่วมเป็นกรรมการใน ก.ช.ภ.จ. ด้วย ๒.๓ ให้พิจารณาถึงความเหมาะสมในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพและการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่กำหนดให้จ่ายในลักษณะเหมาจ่าย โดยให้คำนึงถึงวงเงินและต้องทำความเข้าใจกับประชาชนเป็นสำคัญ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30076 | แนวทางการแก้ไขปัญหาราคายางพารา | กษ | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) กู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในวงเงิน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐ เพื่อดำเนินการตามโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการค้ำประกัน และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้หาแหล่งเงินทุน หรือให้ ธ.ก.ส. เป็นผู้จัดหาแหล่งเงินทุน โดยให้จ่ายค่าชดเชยต้นทุนเงินของ ธ.ก.ส. ในอัตราดอกเบี้ย FDR + ร้อยละ ๑ เช่นเดียวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การรักษาเสถียรภาพราคายาง) รวมทั้งให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะบรรจุวงเงิน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ด้วย และให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณชดเชยผลการขาดทุนในการดำเนินงานโครงการฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง ขออนุมัติให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณชดเชยผลการขาดทุนการดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง) โดยครั้งนี้ขออนุมัติเบิกจ่าย ๕,๐๐๐ ล้านบาท และต่อไปทุกครั้งจะขออนุมัติคณะรัฐมนตรีเบิกจ่ายงวดละ ๕,๐๐๐ ล้านบาท ๒. รับทราบผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๕ ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และแนวทางการนำยางพาราไปใช้ประโยชน์ในการประกอบการต่าง ๆ ให้แพร่หลายขึ้นเพื่อเพิ่มอุปสงค์ของยางพารา โดยมีแนวทางการดำเนินงานต่าง ๆ ดังนี้ ๒.๑ กรณีการขออนุมัติวงเงินสินเชื่อเพื่อเก็บสต๊อค (STOCK CREDIT) คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ส่งออกยางพารา ให้กระทรวงการคลัง กรมวิชาการเกษตร องค์การสวนยาง และผู้แทนผู้ประกอบการร่วมกันพิจารณาหาหลักเกณฑ์ แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย การเก็บยาง ระยะเวลา ภาระการจัดเก็บ ฯลฯ และนำเสนอคณะกรรมการฯ ในการประชุมครั้งต่อไป โดยให้ อ.ส.ย. เป็นฝ่ายเลขานุการ ๒.๒ กรณีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ เงื่อนไข การปฏิบัติงานของโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง ทั้งนี้ เห็นควรปรับ “ปริมาณผลผลิต ๒ กิโลกรัม/ไร่/วัน เดือนละ ๓๐ วัน” เป็น “ปริมาณผลผลิต ๒ กิโลกรัม/ไร่/วัน เดือนละไม่เกิน ๑๗ วัน” และเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ กรณีการขายยางของสถาบันเกษตรกรคือ เมื่อนำยางมาขายให้ อ.ส.ย. ทุกครั้งต้องแสดงเอกสารบัญชีซื้อยางจากสมาชิก รวมทั้งกรณีที่สถาบันเกษตรกรที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการพัฒนาสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางไม่จัดทำรายงานการซื้อและการขายยางส่งให้เลขานุการคณะอนุกรรมการบริหารโครงการระดับจังหวัดกำหนดทุก ๑๕ วัน ให้ตัดสิทธิ์การซื้อขายไว้ก่อนจนกว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ ๒.๓ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น/ข้อเท็จจริงของที่ประชุมไปพิจารณา เพื่อหาแนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป เกี่ยวกับข้อเสนอให้มีการหยุดกรีดยาง ปัญหากฎหมายที่กำหนดการลงโทษในเรื่องมาตรฐานถุงมือยาง และอัตราการจัดเก็บเงิน Cess |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30077 | แผนปฏิบัติการตามแผนแม่บทการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง | นร. | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ โดยคณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนปฏิบัติการตามแผนแม่บทการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) เสนอ โดยสาระสำคัญของแผนปฏิบัติการฯ ประกอบด้วย ๑.๑.๑ วิสัยทัศน์ พัทยา : เมืองน่าอยู่ น่าท่องเที่ยวระดับโลก ด้วยภาพลักษณ์ใหม่เมืองแห่งนวัตกรรมสีเขียว (New Pattaya : The World Class Greenovative Tourism City) ๑.๑.๒ เป้าหมายการพัฒนา ได้แก่ พื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยงมีแหล่งท่องเที่ยวและบริการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นักท่องเที่ยวคุณภาพมาท่องเที่ยวเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยงเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งชุมชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ได้รับประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจคุณภาพชีวิตและสภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ๑.๑.๓ ยุทธศาสตร์การพัฒนา ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ พัฒนาสภาพแวดล้อมสะอาด ความปลอดภัย และภูมิทัศน์สีเขียว ยุทธศาสตร์ที่ ๒ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมท่องเที่ยวที่จะเป็น Green Landmark ของพื้นที่พัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง ยุทธศาสตร์ที่ ๓ ส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตชุมชน และยุทธศาสตร์ที่ ๔ พัฒนาระบบคมนาคมขนส่งและระบบสาธารณูปโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ๑.๑.๔ กลุ่มพื้นที่ในการพัฒนา ได้แก่ กลุ่มที่ ๑ เมืองท่องเที่ยวชายทะเล ได้แก่ เมืองพัทยา เกาะล้าน หมู่เกาะไผ่ เทศบาลตำบลนาจอมเทียน เทศบาลตำบลบางละมุง กลุ่มที่ ๒ พื้นที่รองรับการขยายตัวของที่อยู่อาศัยและการลงทุน ได้แก่ เทศบาลเมืองหนองปรือ เทศบาลตำบลตะเคียนเตี้ย เทศบาลตำบลโป่ง และกลุ่มที่ ๓ พื้นที่สีเขียว ท่องเที่ยวธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ได้แก่ เทศบาลตำบลห้วยใหญ่ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองปลาไหล องค์การบริหารส่วนตำบลเขาไม้แก้ว และเทศบาลตำบลเขาชีจรรย์ ๑.๑.๕ งบประมาณดำเนินการตามแผนงาน/โครงการตามแผนปฏิบัติการฯ ระยะ ๘ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๒) มีโครงการพัฒนา จำนวน ๗๖ โครงการ วงเงิน ๙,๒๒๙.๔๖๕ ล้านบาท แบ่งเป็นเมืองพัทยา ๑๙ โครงการ วงเงิน ๖,๗๒๐.๕๑๗ ล้านบาท พื้นที่เชื่อมโยงทั้ง ๙ แห่ง จำนวน ๔๐ โครงการ วงเงิน ๑,๔๕๑.๗๔๘ ล้านบาท หน่วยงานส่วนกลาง จำนวน ๑๖ โครงการ วงเงิน ๑,๐๒๗.๒ ล้านบาท และ อพท. จำนวน ๑ โครงการ วงเงิน ๓๐.๐ ล้านบาท ๑.๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผนปฏิบัติการฯ ดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ กรณีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปีจากคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ หากโครงการใดไม่ได้รับการพิจารณาสนับสนุนงบประมาณและจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการโดยรวม เห็นควรให้หน่วยงานส่วนกลางที่มีภารกิจรับผิดชอบโดยตรงพิจารณาเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปีเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวแทน ๒. ให้ อพท. กำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการฯ โดยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาจัดลำดับความสำคัญและความจำเป็นเหมาะสมของโครงการในภาพรวมเป็น ๓ ระดับ (tier) คือ เป็นโครงการเพื่อตอบสนองความจำเป็นพื้นฐาน เพื่อแก้ไขปัญหาและลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน เป็นโครงการเฉพาะของท้องถิ่นหรือของจังหวัดที่ส่งผลตอบแทนในเชิงเศรษฐกิจ และเป็นโครงการเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลในระยะยาว โดยครอบคลุมถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ ๓. สำหรับโครงการใดหากไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการ ให้ อพท. ประสานงานกับ กกถ. เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30078 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (พลโท ภราดร พัฒนถาบุตร) | นร08 | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง พลโท ภราดร พัฒนถาบุตร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30079 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง (นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ และนางพนิตา กำภู ณ อยุธยา) | ศธ | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30080 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (21 - 22 ตุลาคม 2555) | นร | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในครั้งต่อไป ซึ่งกำหนดเป็นวันที่ ๒๑-๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ นั้น รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้หารือร่วมกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแล้วเห็นชอบให้จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ดังกล่าว ณ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยจะมีการจัดกิจกรรมการลงพื้นที่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และครอบคลุมพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย รวม ๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรับไปประสานในรายละเอียดกับรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
