ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1507 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 30121 - 30140 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 30121 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงวัฒนธรรม) (นายสหวัฒน์ แน่นหนา) | วธ | 11/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสหวัฒน์ แน่นหนา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||
| 30122 | การรับโอนและแต่งตั้งรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) (พันโท อเนก ยมจินดา) | นร52 | 11/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้ง พันโท อเนก ยมจินดา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (นักบริหารระดับสูง) ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ
|
||||||||||||||||||
| 30123 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (จำนวน 3 คน 1. นายเจียม เสาวภา ฯลฯ) | ยธ | 11/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ จำนวน ๓ คน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ กันยายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายเจียม เสาวภา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. นายเรวัต ฉ่ำเฉลิม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารงานยุติธรรม ๓. พลตำรวจเอกดรุณ โสตถิพันธุ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาชญาวิทยา
|
||||||||||||||||||
| 30124 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร04 | 11/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๕ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๒ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๕ และครั้งที่ ๑๑ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||
| 30125 | ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนนอกระบบ พ.ศ. .... | ศธ | 04/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนนอกระบบ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดแบบคำขอและสถานที่ยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนนอกระบบ ๒. กำหนดหลักฐานประกอบการยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนนอกระบบ กรณีผู้ยื่นคำขอเป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล และกำหนดรายการอื่นในตราสารจัดตั้งโรงเรียน ๓. กำหนดหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนนอกระบบ ๔. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับมาตรฐานการจัดตั้งโรงเรียนนอกระบบ สุขลักษณะและอนามัยของนักเรียน ลักษณะและขนาดที่ดินที่ใช้ในการจัดตั้งโรงเรียน ลักษณะอาคารเรียน การจัดการเรียนการสอน และการคำนวณความจุนักเรียนต่อห้องของโรงเรียนนอกระบบ ๕. กำหนดบทเฉพาะกาลเกี่ยวกับคำขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนนอกระบบที่ยื่นไว้ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
|
||||||||||||||||||
| 30126 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนเลียบวารีกับถนนมิตรไมตรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | มท | 04/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนเลียบวารีกับถนนมิตรไมตรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนเลียบวารีกับถนนมิตรไมตรี ในท้องที่แขวงโคกแฝดและแขวงคู้ฝั่งเหนือ เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 30127 | การลงนามในเอกสารโครงการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในอาคารธุรกิจ (Full-Size Project Document on Promotion Energy Efficiency in Commercial Building, PEECB) ระหว่างกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กับสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme, UNDP) | พน | 04/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการลงนามในเอกสารโครงการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในอาคารธุรกิจ (Full-Size Project Document on Promotion Energy Efficiency in Commercial Building, PEECB) ระหว่างกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานกับสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme, UNDP) โดยเอกสารโครงการฯ จะใช้เป็นกรอบในการดำเนินโครงการร่วมกัน ระยะเวลาดำเนินโครงการ ๔ ปี นับจากวันลงนามรับรองเอกสารโครงการฯ โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานและสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติจะดำเนินกิจกรรมร่วมกันใน ๓ ภารกิจหลัก ได้แก่ ๑.๑ การส่งเสริมด้านการสร้างจิตสำนึกเพื่อสร้างความตื่นตัวและตระหนักรู้ด้านประสิทธิภาพพลังงาน รวมถึงการจัดตั้งของศูนย์รวมข้อมูลด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับอาคารธุรกิจ การฝึกอบรมและการพัฒนาแบบจำลองสภาวะอาคารอนุรักษ์พลังงานที่ถูกกำหนดเพื่ออาคารธุรกิจในประเทศไทย ๑.๒ การจัดทำกรอบนโยบาย แผนการดำเนินงานระยะสั้นและระยะยาวเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพพลังงานในอาคารธุรกิจ การประเมินผล และปรับปรุงมาตรการเชิงนโยบายด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในอาคารธุรกิจ ๑.๓ การสาธิตการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีด้านประสิทธิภาพพลังงานในอาคารธุรกิจ ๒. อนุมัติให้อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานเป็นผู้ลงนามในเอกสารโครงการฯ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำที่ไม่กระทบต่อเนื้อหาสาระสำคัญของเอกสารโครงการฯ นี้ ให้อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานสามารถเปลี่ยนแปลงถ้อยคำดังกล่าวได้ |
||||||||||||||||||
| 30128 | การจัดทำข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวอาเซียน (Mutual Recognition Arrangement for ASEAN Tourism Professionals : MRA) | กก | 04/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติบุคลากรวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวอาเซียน (Mutual Recognition Arrangement for ASEAN Tourism Professionals : MRA) มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายบุคลากรวิชาชีพท่องเที่ยวในอาเซียนและแลกเปลี่ยนข้อมูลแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเพื่อประโยชน์ในการฝึกฝนและการศึกษาที่เน้นพัฒนาสมรรถนะสำหรับนักวิชาชีพการท่องเที่ยว และเพื่อเปิดโอกาสให้มีความร่วมมือ และการพัฒนาศักยภาพของวิชาชีพท่องเที่ยวระหว่างรัฐสมาชิกอาเซียน โดยมีสาระสำคัญคือ การยอมรับคุณสมบัติบุคลากรวิชาชีพที่ผ่านคณะกรรมการรับรองคุณวุฒิวิชาการท่องเที่ยวในประเทศสมาชิกอาเซียนตามที่ระบุไว้ในมาตรฐานสมรรถนะร่วมสำหรับบุคลากรวิชาชีพท่องเที่ยวอาเซียน ทั้งนี้ สิทธิในการประกอบอาชีพในประเทศผู้รับจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขของกฎหมายและข้อบังคับของประเทศผู้รับ โดยข้อตกลงฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศได้มีการจัดตั้งหน่วยงานโครงสร้างภายในของแต่ละประเทศที่รับผิดชอบในการรับรองสมรรถนะและมาตรฐานวิชาชีพด้านการท่องเที่ยว ภายใน ๑๘๐ วันหลังจากการลงนามและการให้สัตยาบัน และให้นำเสนอรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบให้ลงนามและดำเนินการให้ข้อตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป ๑.๒ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในข้อตกลงฯ มอบให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้ ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือผู้ได้รับมอบหมายอื่นลงนามในข้อตกลงดังกล่าว พร้อมทั้งจัดทำสัตยาบันสารสำหรับข้อตกลงฯ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาโอกาสและผลกระทบอย่างถี่ถ้วนและดำเนินการเรื่องการเตรียมความพร้อมตลอดจนวางมาตรการที่จะรองรับการเคลื่อนย้ายบุคลากรด้านการท่องเที่ยวจากประเทศสมาชิกอาเซียนที่จะเข้ามาในไทย และเร่งรัดการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบริบทของประชาคมอาเซียนทั้ง ๓ เสาหลักที่ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง สังคมและวัฒนธรรม รวมทั้งมาตรการรองรับผลกระทบจากการเคลื่อนย้ายแรงงานระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในด้านการท่องเที่ยวและบริการ ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมความพร้อมในการออกกฎหมายภายในเพื่อกำหนดสิทธิของผู้ประกอบการจากประเทศสมาชิกอาเซียนที่จะเข้ามาประกอบอาชีพด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยวในประเทศไทย ตามความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||
| 30129 | ร่างกฎกระทรวงการขอให้พนักงานของผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตอากาศยานเป็นผู้ออกใบสำคัญสมควรเดินอากาศ พ.ศ. .... | คค | 04/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขอให้พนักงานของผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตอากาศยานเป็นผู้ออกใบสำคัญสมควรเดินอากาศ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้ผู้ได้รับอนุญาตผลิตอากาศยานผู้ใดประสงค์จะให้พนักงานของตนออกใบสำคัญสมควรเดินอากาศสำหรับอากาศยานแบบที่ตนทำการผลิตขึ้นให้ยื่นคำขอต่ออธิบดีตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด พร้อมด้วยเอกสารและหลักฐาน ๒. กำหนดให้พนักงานของผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตอากาศยานที่จะออกใบสำคัญสมควรเดินอากาศ ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามที่กำหนด ๓. กำหนดหลักเกณฑ์การตรวจสอบคำขอและเอกสารหลักฐานของอธิบดีในการออกใบอนุญาตให้พนักงานของผู้ได้รับอนุญาตผลิตอากาศยานเป็นผู้ออกใบสำคัญสมควรเดินอากาศสำหรับอากาศยานแบบที่ได้รับใบอนุญาตผลิตอากาศยานทำการผลิตได้ ๔. กำหนดให้กรณีที่ใบอนุญาตให้เป็นผู้ออกใบสำคัญสมควรเดินอากาศสูญหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ ให้พนักงานที่ได้รับใบอนุญาตดังกล่าวยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตต่ออธิบดี พร้อมด้วยใบรับแจ้งความของสถานีตำรวจ หรือใบอนุญาตที่ถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระสำคัญมาด้วย ๕. กำหนดให้อธิบดีมีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาต เพิกถอนใบอนุญาต ตามที่กำหนด และกำหนดเหตุแห่งการที่ใบอนุญาตให้เป็นผู้ออกใบสำคัญสมควรเดินอากาศเป็นอันสิ้นผล
|
||||||||||||||||||
| 30130 | แนวทางการดำเนินการตามโครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 4 และโครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme สำหรับผู้ประกอบการใหม่ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2555 | กค | 04/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางในการดำเนินโครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ ๔ (โครงการ PGS ระยะที่ ๔) และโครงการค้ำประกันสินเชื่อในลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme สำหรับผู้ประกอบการใหม่ (โครงการ PGS New/Start-up SMEs) ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ภายใต้กรอบงบประมาณที่ได้รับจัดสรรตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ (เรื่อง มาตรการเพิ่มขีดความสามารถ SMEs) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. จากกรอบงบประมาณที่ได้รับจัดสรรตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ ในการดำเนินโครงการ PGS ระยะที่ ๔ และโครงการ PGS New/Start-up SMEs ซึ่งไม่ครบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ หาก บสย. ต้องดำเนินการโครงการทั้งสองก็จะส่งผลกระทบทางการเงินของ บสย. ดังนี้ ๑.๑ โครงการ PGS ระยะที่ ๔ บสย. จะจ่ายค่าประกันชดเชยให้กับสถาบันการเงินสูงสุดไม่เกินร้อยละ ๑๘ ของภาระค้ำประกันเฉลี่ยตลอดระยะเวลาโครงการ โดยแหล่งที่มาของเงินค่าประกันชดเชย ประกอบด้วย ร้อยละ ๑๕ มาจากรายได้จากการดำเนินโครงการ แบ่งเป็น ร้อยละ ๘.๗๕ เป็นส่วนที่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมค้ำประกันตามระยะเวลาโครงการ ๕ ปี (ร้อยละ ๑.๗๕*๕ ปี) และร้อยละ ๖.๒๕ (๑๕ - ๘.๗๕) เป็นส่วนที่รัฐบาลจะสนับสนุนส่วนต่างค่าประกันชดเชยให้ ส่วนอีกร้อยละ ๓ ที่เหลือ (๑๘ - ๑๕) เป็นส่วนที่ บสย. ต้องรับผิดชอบเอง ซึ่งในกรณีที่ บสย. ต้องชดเชยความเสียหายสูงสุด บสย. จะขาดทุนจากการดำเนินโครงการ จำนวน ๗๒๐ ล้านบาท ๑.๒ โครงการ PGS New/Start-up SMEs บสย. จะจ่ายค่าประกันชดเชยให้กับสถาบันการเงินสูงสุดไม่เกินร้อยละ ๔๘ ของภาระค้ำประกันเฉลี่ยตลอดระยะเวลาโครงการ โดยแหล่งที่มาของเงินค่าประกันชดเชย ประกอบด้วย ร้อยละ ๓๐ มาจากรายได้จากการดำเนินโครงการ แบ่งเป็น ร้อยละ ๑๒.๒๕ เป็นส่วนที่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมค้ำประกันตามระยะเวลาโครงการ ๗ ปี (ร้อยละ ๑.๗๕*๗ ปี) และร้อยละ ๑๗.๗๕ (๓๐ - ๑๒.๒๕) เป็นส่วนที่รัฐบาลจะสนับสนุนส่วนต่างค่าประกันชดเชยให้ ส่วนอีกร้อยละ ๑๘ ที่เหลือ (๔๘ - ๓๐) เป็นส่วนที่ บสย. ต้องรับผิดชอบเอง ซึ่งในกรณีที่ บสย. ต้องชดเชยความเสียหายสูงสุด บสย. จะขาดทุนจากการดำเนินโครงการ จำนวน ๑,๘๐๐ ล้านบาท ๒. บสย. ได้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขโครงการ PGS ระยะที่ ๔ และโครงการ PGS New/Start-up SMEs โดยปรับลดอัตราการจ่ายค่าประกันชดเชยของโครงการทั้งสอง ดังนี้ โครงการ PGS ระยะที่ ๔ จากเดิมไม่เกินร้อยละ ๑๘ เป็นไม่เกินร้อยละ ๑๕ และโครงการ PGS New/Start-up SMEs จากไม่เกินร้อยละ ๔๘ เป็นไม่เกินร้อยละ ๓๐ ซึ่งการดำเนินการตามแนวทางนี้ยังคงถือว่าเป็นการปฏิบัติภายใต้กรอบมติคณะรัฐมนตรี เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบอัตราการจ่ายค่าประกันชดเชยไว้สูงสุดไม่เกินร้อยละ ๑๘ และร้อยละ ๔๘
|
||||||||||||||||||
| 30131 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... | นร09 | 04/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดจันทบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 30132 | ร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทางแพ่งเพื่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน พ.ศ. .... | คค | 04/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทางแพ่งเพื่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางแพ่งเพื่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน เพื่อให้มีการชดใช้ความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน โดยกำหนดให้เจ้าของเรือต้องรับผิดอย่างเคร่งครัดและต้องเอาประกันภัยหรือจัดหาหลักประกันทางการเงินอื่นใดเพื่อชดใช้ความเสียหายดังกล่าว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 30133 | แนวทางการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจ | ทส | 04/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามแนวทางการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจในส่วนที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยต่อสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๑ ที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ ณ สาธารณรัฐอินเดีย ทั้งนี้ การรายงานความก้าวหน้าฯ ดังกล่าวต้องเป็นเพียงการแสดงความตั้งใจของประเทศไทยที่จะดำเนินการให้สนองต่อเป้าหมายของแผนกลยุทธ์อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ระยะ ๒๐๑๑ - ๒๐๒๐ และทศวรรษแห่งความหลากหลายทางชีวภาพขององค์การสหประชาชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓ โดยไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีหรือมีผลผูกพันต่องบประมาณหรือการต้องออกกฎหมายใหม่ และอยู่ภายใต้กฎหมายภายในของประเทศไทย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) รวมทั้งหน่วยงาน คณะกรรมการ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาทบทวนและบูรณาการการจัดทำแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพให้ชัดเจน ครบถ้วน ครอบคลุมถึงการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ การอนุรักษ์ การพัฒนาอย่างยั่งยืน ประโยชน์ที่จะได้รับ สิทธิชุมชน และการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เกิดความซ้ำซ้อน ๓. ให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรทำการสำรวจและวิเคราะห์ถึงศักยภาพของภาคธุรกิจในประเทศไทยที่สามารถจะเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ และกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อปรับปรุง (ร่าง) แนวทางการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพดังกล่าวให้ถูกต้องครบถ้วนและสามารถประเมินความเป็นไปได้จากการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ที่กำหนดไว้ รวมทั้งควรเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจที่ได้กำหนดเป็นกลุ่มเป้าหมายเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดแนวคิดและแนวทางดำเนินการตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อให้มีความสอดคล้องกับศักยภาพของภาคธุรกิจ และมีความเป็นไปได้ในการปฏิบัติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||
| 30134 | แนวทางการดำเนินงานด้านการสื่อสาร การให้การศึกษา และการเสริมสร้างความตระหนักแก่สาธารณชนเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ (CEPA) เพื่อตอบสนองต่อทศวรรษแห่งความหลากหลายทางชีวภาพขององค์การสหประชาชาติ พ.ศ. 2554-2563 | ทส | 04/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานด้านการสื่อสาร การให้การศึกษา และการเสริมสร้างความตระหนักแก่สาธารณชนเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ (CEPA) เพื่อตอบสนองต่อทศวรรษแห่งความหลากหลายทางชีวภาพขององค์การสหประชาชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓ ในส่วนที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยต่อสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๑ ที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ ณ สาธารณรัฐอินเดีย ทั้งนี้ การรายงานความก้าวหน้าฯ ดังกล่าวต้องเป็นเพียงการแสดงความตั้งใจของประเทศไทยที่จะดำเนินการให้สนองต่อเป้าหมายของแผนกลยุทธ์อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพระยะ ๒๐๑๑ - ๒๐๒๐ และทศวรรษแห่งความหลากหลายทางชีวภาพขององค์การสหประชาชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓ โดยไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีหรือมีผลผูกพันต่องบประมาณหรือการต้องออกกฎหมายใหม่และอยู่ภายใต้กฎหมายภายในของประเทศไทย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) รวมทั้งหน่วยงาน คณะกรรมการ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาทบทวนและบูรณาการการจัดทำแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพให้ชัดเจน ครบถ้วน ครอบคลุมถึงการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์การอนุรักษ์ การพัฒนาอย่างยั่งยืน ประโยชน์ที่จะได้รับสิทธิชุมชน และการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดความซ้ำซ้อน ๓. ให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรดำเนินการบูรณาการรวบรวมและจัดทำกรอบประเด็นที่จะต้องรายงานต่อสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๑ ณ สาธารณรัฐอินเดีย ให้ครบถ้วน เพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในคราวเดียวกันและเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด และใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานของทุกภาคส่วนในการปฏิบัติและการจัดสรรงบประมาณสนับสนุน รวมทั้งทำการประเมินสถานภาพของความตระหนักถึงความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพที่มีอยู่ในสังคมไทยอย่างแท้จริง พร้อมปรับวัตถุประสงค์กับตัวชี้วัดให้สอดคล้องกัน และมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ เพื่อให้แนวทางการดำเนินการสามารถวัดผลได้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ และขอความร่วมมือภาคเอกชนและองค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อให้การสนับสนุนแนวทางการดำเนินงานด้านการติดต่อสื่อสารฯ โดยกำหนดแผนงาน แนวทาง กฎระเบียบ และมาตรการสร้างแรงจูงใจให้กับภาคเอกชนในการเข้าร่วมที่ชัดเจน ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||
| 30135 | แนวทางการวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพที่จำเป็นและสนองต่อเป้าหมายของแผนกลยุทธ์อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ระยะ 2011 - 2020 (พ.ศ. 2554 - 2563) | ทส | 04/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามแนวทางการวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพที่จำเป็นและสนองต่อเป้าหมายของแผนกลยุทธ์อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ระยะ ๒๐๑๑ - ๒๐๒๐ (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓) ในส่วนที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยต่อสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๑ ที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ ณ สาธารณรัฐอินเดีย ทั้งนี้ การรายงานความก้าวหน้าฯ ดังกล่าวต้องเป็นเพียงการแสดงความตั้งใจของประเทศไทยที่จะดำเนินการให้สนองต่อเป้าหมายของแผนกลยุทธ์อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ระยะ ๒๐๑๑ - ๒๐๒๐ และทศวรรษแห่งความหลากหลายทางชีวภาพขององค์การสหประชาชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓ โดยไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีหรือมีผลผูกพันต่องบประมาณหรือการต้องออกกฎหมายใหม่ และอยู่ภายใต้กฎหมายภายในของประเทศไทย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) รวมทั้งหน่วยงาน คณะกรรมการ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาทบทวนและบูรณาการการจัดทำแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพให้ชัดเจน ครบถ้วน ครอบคลุมถึงการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ การอนุรักษ์ การพัฒนาอย่างยั่งยืน ประโยชน์ที่จะได้รับ สิทธิชุมชน และการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดความซ้ำซ้อน ๓. ให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรทำการศึกษาประเมินสถานการณ์งานวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศอย่างละเอียด เพื่อให้ทราบถึงสถานภาพของข้อมูลและงานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพฯ รวมทั้งจัดทำยุทธศาสตร์การวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อกำหนดประเด็นการวิจัยสำคัญที่ต้องเร่งรัดดำเนินการ เพื่อการรักษาผลประโยชน์ของประเทศและใช้เป็นกรอบในการจัดสรรทรัพยากร กำลังคน และงบประมาณอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ควรมีแผนงานที่มีรายละเอียดแสดงถึงเป้าหมายและประโยชน์ต่อหน่วยธุรกิจและระดับชาติที่จะได้รับอย่างชัดเจน พร้อมทั้งมีมาตรการเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมสนับสนุนการวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพฯ อาทิ มาตรการทางด้านภาษี มาตรการส่งเสริมการตลาดและการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน |
||||||||||||||||||
| 30136 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดท่าขี้เหล็ก (ร้าง) ตำบลวัดขวาง อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 04/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดท่าขี้เหล็ก (ร้าง) ตำบลวัดขวาง อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนที่วัด วัดท่าขี้เหล็ก (ร้าง) ตำบลวัดขวาง อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๙๙๘ (บางส่วน) เนื้อที่ ๗๖ ตารางวา ให้แก่กรมชลประทาน เพื่อก่อสร้างคลองส่งน้ำพีอาร์. ๗๙.๙ อาร์. ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 30137 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดตาลเสี้ยน ตำบลหนองแก อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 04/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดตาลเสี้ยน ตำบลหนองแก อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดตาลเสี้ยน ตำบลหนองแก อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ตามโฉนดที่ดินเลขที่ ๔๒๕๖๐ (บางส่วน) เนื้อที่ ๒ งาน ๐๖ ตารางวา ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๒๐ สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๐๒๒ (พระพุทธบาท) - หนองโดน ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 30138 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดคลองข่อย ตำบลไทรโรงโขน อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... | พศ | 04/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนที่วัด วัดคลองข่อย ตำบลไทรโรงโขน อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ให้แก่กรมชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนที่วัด วัดคลองข่อย ตำบลไทรโรงโขน อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๑๓๖ (บางส่วน) เนื้อที่ ๒ ไร่ ๗๒ ตารางวา ให้แก่กรมชลประทาน เพื่อก่อสร้างคลองส่งน้ำพีอาร์ ๙๕.๕ แอล ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 30139 | กรอบแนวทางการดำเนินงานของคณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ | มท | 04/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่คณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบเสนอ สรุปผลการประชุมได้ ดังนี้ ๑.๑ กรอบการดำเนินงานของคณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ ๑.๑.๑ คณะกรรมการบูรณาการฯ ทำหน้าที่ในการบูรณาการการทำงานของทุกส่วนราชการในการจัดการและกระจายการถือครองที่ดินทั่วประเทศให้เหมาะสมและสอดคล้องต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ โดยมีสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินเป็นกลไก ซึ่งมีแผนปฏิบัติการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ โดยการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่ดินระดับจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ๑.๑.๒ ให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (บจธ.) เสนอขอแปรญัตติเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานของศูนย์ปฏิบัติการ เป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๒,๕๗๐,๕๓๕,๒๐๐ บาท ๑.๑.๓ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ รวม ๓ คณะ โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล) เป็นประธาน ประกอบด้วยคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาด้านกฎหมาย คณะอนุกรรมการจัดรูปที่ดิน และคณะอนุกรรมการบริหารจัดการที่ดิน ๑.๑.๔ จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการบูรณาการฯ อย่างน้อยทุก ๆ ๒ เดือน หากมีความจำเป็นเร่งด่วน อาจจัดให้มีการประชุมเดือนละ ๑ ครั้ง แล้วแต่กรณี ๑.๑.๕ คณะกรรมการบูรณาการฯ จะเป็นผู้แต่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่ดินระดับจังหวัดในภาพรวม โดยให้คณะอนุกรรมการบริหารจัดการที่ดินเป็นผู้พิจารณาเสนอ ๑.๒ การดำเนินงานของ บจธ. คณะกรรมการบูรณาการฯ ได้พิจารณาถึงกรอบอำนาจหน้าที่ของ บจธ. ประกอบกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบูรณาการฯ แล้ว เห็นว่า บจธ. มีความเหมาะสมและเป็นกลไกสำคัญสำหรับการดำเนินงานของคณะกรรมการบูรณาการฯ ควรให้มีการดำเนินงานตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ ต่อไป ๒. เห็นชอบการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่ดินระดับจังหวัด ตามที่คณะกรรมการบูรณาการฯ เสนอ โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นกรรมการ เพิ่มเติม และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านต่าง ๆ ให้คณะกรรมการบูรณาการฯ ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการบูรณาการฯ รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และคณะกรรมการประสานงานเพื่อให้มีโฉนดชุมชน เกี่ยวกับการพิจารณาให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ การผลักดันร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... ซึ่งเป็นกฎหมายที่จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เป็นองค์กรกลางทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินของประเทศให้มีผลบังคับใช้ การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการด้านต่าง ๆ ควรมีเป้าหมายสำคัญร่วมกันในการบูรณาการการแก้ไขปัญหาที่ดินอย่างเป็นระบบ การให้ความสำคัญในเรื่องการรับรองสิทธิของชุมชนในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการปฏิรูปการจัดการที่ดินโดยให้มีการกระจายสิทธิที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน รวมทั้งการรับรองสิทธิของชุมชนในการจัดการทรัพยากร ที่ดิน น้ำ ป่าไม้ ทะเล การจัดทำระบบฐานข้อมูลที่ดินของประเทศ และมีแนวเขตการถือครองที่ดินของรัฐที่ชัดเจน การเร่งดำเนินการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐทั่วประเทศให้เป็นแนวเดียวกัน การกำหนดโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของ บจธ. ที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานของคณะกรรมการบูรณาการฯ การกำหนดรูปแบบและความสัมพันธ์เชื่อมโยงการทำงานระหว่าง บจธ. กับศูนย์ปฏิบัติการที่ดินระดับจังหวัด เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินงานร่วมกัน การวางระบบกลไกการกำกับดูแลและสั่งการของศูนย์ปฏิบัติการที่ดินระดับจังหวัด เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถตอบสนองนโยบายการแก้ไขปัญหาที่ดินเชิงระบบได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งการพิจารณานโยบายการดำเนินงานโฉนดชุมชน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ส่วนการให้ บจธ. เป็นกลไกในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของคณะกรรมการบูรณาการฯ นั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณาทบทวนพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ หากเห็นว่า โครงสร้าง อำนาจหน้าที่ และการดำเนินการของ บจธ. ไม่สอดคล้องกับการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในเรื่องนี้ สมควรปรับปรุงแก้ไขพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||
| 30140 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายประสงค์ วิทยถาวรวงศ์) | สธ | 04/09/2555 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายประสงค์ วิทยถาวรวงศ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่ง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งให้รักษาการในตำแหน่งดังกล่าว (ไม่ก่อนวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||
.....
