ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 20 | นร04 | 11/09/2555 | |||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอผลการเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๐ เมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๕ ณ นครวลาดิวอสต็อก สหพันธรัฐรัสเซีย โดยมีผู้นำจากเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ ของโลก จำนวน ๒๑ เขตเศรษฐกิจเข้าร่วมการประชุม มีประเด็นสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การเปิดเขตการค้าเสรี ประเทศต่าง ๆ มีความเห็นสอดคล้องกันว่า ความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเขตเศรษฐกิจเอเปค เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทุกประเทศควรร่วมมือกันในการเปิดเสรีทางการค้า โดยประเทศไทยเสนอให้มีการเจรจาเพื่อเปิดเสรีการค้าในสินค้าหลายชนิด ๒. ความมั่นคงทางอาหาร ภัยพิบัติต่าง ๆ รวมถึงอุทกภัยได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตอาหารเป็นอย่างมาก ในขณะที่ประชากรของโลกเพิ่มขึ้นและมีความต้องการอาหารมากขึ้น แต่ผลผลิตอาหารของแต่ละภูมิภาคมีปริมาณแตกต่างกัน และในบางพื้นที่มีไม่เพียงพอ ทำให้เกิดความไม่สมดุล ประเทศไทยจึงได้เสนอตัวเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหารของโลก ซึ่งได้รับความสนใจและตอบรับจากผู้นำเขตเศรษฐกิจต่างๆที่เข้าร่วมประชุมเป็นอย่างดี พร้อมนี้ประเทศไทยได้เสนอจะนำผลงานทางด้านการวิจัยและพัฒนา (R & D) ตลอดจนเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการเพิ่มผลผลิต ถนอมอาหาร แปรรูปและเก็บรักษา รวมถึงกระบวนการโลจิสติกส์ (logistics) ในการขนส่งและกระจายสินค้าที่เป็นผลผลิตอาหารไปยังแหล่งขาดแคลนอย่างทั่วถึงให้มากยิ่งขึ้น จึงขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาความมั่นคงทางอาหารของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและสอดคล้องกับทิศทางความต้องการของโลกต่อไป ๓. การสร้างห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อถือได้ กระบวนการผลิตสินค้าและบริการต่าง ๆ ในระดับนานาชาติ แต่ละประเทศล้วนเป็นห่วงโซ่อุปทานซึ่งกันและกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับสินค้าและบริการของประเทศใดจะมีคุณภาพและได้รับความเชื่อถือ ทั้งนี้ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ต่าง ๆ ถือเป็นห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญทั้งในระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ หากมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ มาช่วยในการปรับปรุงพัฒนา SMEs ต่าง ๆ ของไทยให้มากยิ่งขึ้น และมีการเชื่อมโยงถึงการส่งเสริมและพัฒนาบทบาทสตรี ก็จะช่วยให้ SMEs เหล่านี้มีศักยภาพ และสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น จึงให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการจัดทำ Part Value Chain เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการประกอบการของ SMEs ของไทยให้แข็งแกร่งเป็นที่น่าเชื่อถือและแข่งขันกับต่างประเทศได้ โดยพิจารณาดำเนินการให้ครอบคลุมถึงการดูแลสิทธิประโยชน์ด้านการค้าให้แก่ SMEs ด้วย ๔. ประเทศไทยเสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในอีก ๑๐ ปี ข้างหน้า คือ ปี ค.ศ. ๒๐๒๒ ต่อจากประเทศมาเลเซีย ๕. การหารือทวิภาคีกับ ๔ ผู้นำเขตเศรษฐกิจ ได้แก่ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี ประธานาธิบดีชิลี และประธานาธิบดีรัสเซีย มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๕.๑ ประเทศรัสเซีย ถือเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางพลังงาน ขณะที่ประเทศไทยมีความมั่นคงทางอาหาร จึงตกลงที่จะร่วมมือกันตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาการขยายความร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ ระหว่างทั้งสองประเทศในรายละเอียดต่อไป ๕.๒ ประเทศมาเลเซีย ได้มีการเจรจาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัญหาราคายางพารา โดยในเบื้องต้นได้ตกลงกันที่จะให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องของ ๓ ประเทศ คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย มาร่วมประชุมในรายละเอียดเพื่อแก้ไขปัญหาราคายางพาราที่กรุงเทพฯ จึงให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมการเพื่อการประชุมดังกล่าว โดยให้กระทรวงการต่างประเทศประสานการดำเนินการที่เกี่ยวข้องโดยด่วน ๕.๓ ประเทศปาปัวนิวกินี เป็นประเทศที่มีแหล่งพลังงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้แสดงความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับประเทศไทยในด้านการพลังงานเป็นอย่างดี ๕.๔ ประเทศชิลี การเจรจามีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเปิดเขตเสรีทางการค้า ซึ่งในส่วนที่ได้ทำความตกลงร่วมกันไปแล้ว อยู่ในขั้นตอนที่จะต้องนำเสนอต่อรัฐสภาตามกระบวนการต่อไป
|
.....