ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1380 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 27581 - 27600 จากข้อมูลทั้งหมด 124448 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 27581 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายพูลสวัสดิ์ สมบูรณ์ปัญญา) | สธ | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายพูลสวัสดิ์ สมบูรณ์ปัญญา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งให้รักษาการในตำแหน่งดังกล่าวและไม่ก่อนวันที่สำนักงาน ก.พ. ได้รับคำขอประเมินพร้อมเอกสารประกอบการประเมินครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27582 | การเป็นเจ้าภาพจัดโครงการ Asian Science Camp 2015 ในประเทศไทย พ.ศ. 2558 | ศธ | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเป็นเจ้าภาพจัดโครงการ Asian Science Camp 2015 ในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ ประมาณต้นเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร และศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษาในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เนื่องในวโรกาสที่จะทรงเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา และเพื่อกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ เปิดโอกาสให้เยาวชนที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีความรู้ทางภาษาอังกฤษดีเยี่ยมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักวิทยาศาสตร์ระดับรางวัลโนเบลและนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ เป็นการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความรัก ความสนใจที่จะศึกษาต่อในด้านวิทยาศาสตร์มากขึ้น ส่งเสริมสัมพันธไมตรีและความเข้าใจอันดีระหว่างเยาวชนในภูมิภาคเอเชียให้สามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือกันในอนาคต รวมทั้งเผยแพร่ชื่อเสียงของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27583 | รายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญพร้อมอุปสรรคจากการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย รอบ 12 เดือน ปี พ.ศ. 2555 | กค | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ พร้อมอุปสรรคจากการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) รอบ ๑๒ เดือน ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. มาตรการที่ ๑ เสริมสร้างความเชื่อมั่นและเข้าถึงระบบประกันภัย มีการสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการประกันภัย รวมทั้งกรมธรรม์ประกันภัยพิบัติ ผ่านโครงการต่าง ๆ มีการพัฒนาช่องทางการเข้าถึงระบบประกันภัย และการพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ ความเสี่ยงภัย และความต้องการของประชาชน รวมทั้งการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ สำหรับอุปสรรคจากการดำเนินงาน ได้แก่ ประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในหลักการประกันภัย ระยะเวลาที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์บางโครงการมีน้อย และแนวทางปฏิบัติของการรับประกันภัยของกองทุนฯ ยังมีความซับซ้อน ๒. มาตรการที่ ๒ เสริมสร้างเสถียรภาพของระบบประกันภัย มีการพัฒนาระบบการกำกับเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง มีการจัดทำแนวปฏิบัติเรื่องการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ และการจัดทำแผนรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องของบริษัทประกันภัย มีการติดตามและตรวจสอบบริษัทประกันภัยเพื่อสร้างเสถียรภาพที่มีต่อระบบประกันภัย รวมทั้งสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ สำหรับอุปสรรคจากการดำเนินงาน ได้แก่ ความเห็นที่แตกต่างกันของบริษัทประกันภัยในเรื่องการคำนวณอัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุนรายเดือน บริษัทประกันภัยบางแห่งไม่ให้ความร่วมมือในการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการออกประกาศ ข้อกำหนด และแนวทางปฏิบัติของสำนักงาน คปภ. ๓. มาตรการที่ ๓ พัฒนากฎหมายและระบบการคุ้มครองสิทธิประโยชน์แบบครบวงจร มีการพัฒนากฎหมายแม่บทด้านการประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย ผลักดันร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีการพัฒนาระบบ E-Claim เชื่อมต่อระหว่างโรงพยาบาลและบริษัทประกันภัย และการเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์อุทกภัยเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๔ สำหรับอุปสรรคจากการดำเนินงาน ได้แก่ ประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในหลักการประกันภัยและเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัย และปัญหาจากการไล่เบี้ยเรียกเงินคืนกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยที่มีขั้นตอนเพิ่มมากขึ้น ๔. มาตรการที่ ๔ ส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านการประกันภัย มีการพัฒนาระบบทรัพยากรบุคคล และจัดทำโครงสร้างฐานข้อมูลการประกันภัย มีการนำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีมาใช้ มีการพัฒนายุทธศาสตร์ด้านการประกันภัย และมีการพัฒนาความรู้ด้านวิชาการประกันภัย สำหรับอุปสรรคจากการดำเนินงาน ได้แก่ ความไม่ชัดเจนของการจัดทำแผนพัฒนาบุคลากรและการสื่อสารแนวทางการพัฒนาบุคลากรทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค การวางแผนอัตรากำลังไม่สอดคล้องต่อการเปลี่ยนแปลง ปัญหาด้านการพัฒนาระบบฐานข้อมูลการประกันภัยที่ต้องประสานและขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ยังมีความล่าช้า การจัดการความเสี่ยงของสำนักงาน คปภ. ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น รวมทั้งการตรวจสอบภายในที่ยังไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้รับการตรวจสอบ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27584 | รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนสิงหาคม 2556 | พณ | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ เท่ากับ ๑๐๕.๔๑ เทียบกับเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ (เท่ากับ ๑๐๕.๔๒) ลดลงร้อยละ ๐.๐๑ จากการลดลงของดัชนีราคาหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ ๐.๑๐ จากการลดลงของหมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร ลดลงร้อยละ ๐.๓๑ ตามการลดลงของดัชนีราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ร้อยละ ๑.๐๑ สาเหตุจากการลดลงของราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยภายในประเทศตามภาวะราคาน้ำมันในตลาดโลก ขณะที่ดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๖ จากการสูงขึ้นของราคาหมวดเนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ สูงขึ้นร้อยละ ๑.๓๒ หมวดไข่และผลิตภัณฑ์นม สูงขึ้นร้อยละ ๐.๙๖ หมวดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๗ หมวดข้าว แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๖ ๒. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ เท่ากับ ๑๐๓.๑๔ เทียบกับเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๐๗ สินค้าและบริการที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ หมวดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ หมวดอาหารสำเร็จรูป หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า หมวดเคหสถาน หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล และหมวดการบันเทิงการอ่าน การศึกษา และการศาสนา
|
||||||||||||||||||||||||
| 27585 | ข้อเสนอการขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2556 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเสนอขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๒,๔๙๖.๕๙๗ ล้านบาท โดยมีประมาณการรายได้และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๔๗๑.๑๙๓ ล้านบาท และจำนวน ๒,๙๖๗.๗๙๐ ล้านบาท ตามลำดับ ตามความเห็นของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ เพื่อให้เป็นไปตามนัยข้อ ๗ (๓) และข้อ ๑๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้ รฟท. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งปรับปรุงคุณภาพการให้บริการเชิงสังคมเพื่อให้ประชาชนได้รับการให้บริการที่เป็นไปตามมาตรฐาน ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้เร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารจัดการกิจการรถไฟในภาพรวมเพื่อเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายของ รฟท. ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง ข้อเสนอการรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๕) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 27586 | การตั้งข้อสงวนในการให้สัตยาบันอนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร และพิธีสารเพื่อป้องกันปราบปรามและลงโทษการค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก เสริมอนุสัญญาฯ | กต | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สัตยาบันอนุสัญญาสหประชาชาติเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร โดยระบุข้อสงวน (reservation) เกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐภาคีโดยการนำขึ้นสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไว้ในสัตยาบันสารว่า “THE GOVERNMENT OF THE KINGDOM OF THAILAND, having considered the aforesaid Convention, hereby ratifies the same and undertakes to faithfully perform and carry out all the stipulations contained therein, and further declares that, in accordance with paragraph 3 of Article 35 of the Convention, the Kingdom of Thailand does not consider itself bound by paragraph 2 of the same Article.” ๒. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สัตยาบันพิธีสารเพื่อป้องกัน ปราบปราม และลงโทษการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก เสริมอนุสัญญาฯ โดยระบุข้อสงวน (reservation) เกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐภาคีโดยการนำขึ้นสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไว้ในสัตยาบันสารว่า “THE GOVERNMENT OF THE KINGDOM OF THAILAND, having considered the aforesaid Protocol, hereby ratifies the same and undertakes to faithfully perform and carry out all the stipulations contained therein, and further declares that, in accordance with paragraph 3 of Article 15 of the Protocol, the Kingdom of Thailand does not consider itself bound by paragraph 2 of the same Article.” |
||||||||||||||||||||||||
| 27587 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ครั้งที่ 1 | อก | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ จะครบกำหนด ๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ต่อไปอีก ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27588 | รายงานประจำปี 2555 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 และ 2554 (ขอส่งรายงานประจำปี 2555 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 และ 2554) | ศธ | 10/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ พร้อมรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การยกระดับคุณภาพการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ๑.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ วิจัย พัฒนาและเผยแพร่หลักสูตร สื่ออุปกรณ์ และกระบวนการเรียนรู้ โดยการพัฒนาหลักสูตรปฐมวัย การพัฒนาหลักสูตรอนาคตสองภาษา สสวท. ร่วมกับมูลนิธิคีนันแห่งเอเชีย และ Teachers College แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย การนำร่องใช้บทเรียน SAS Cumculum Pathways ในประเทศไทยซึ่งเป็นบทเรียนระดับมัธยมศึกษาออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา การจัดทำหนังสือเรียนดิจิทัลคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ทุกช่วงชั้น รวมทั้งดำเนินการแปลงหนังสือเรียน คู่มือครู ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้เป็น Interactive Book จำนวน ๑๓๔ รายการ และการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ดิจิทัลด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี (IPST Learning Space) ๑.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โดยดำเนินโครงการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (Upgrade) เป็นปีที่ ๒ จัดอบรมครูผ่านศูนย์แม่ข่ายการพัฒนาและอบรมครู ๑๐ ศูนย์ พร้อมกันทั่วประเทศ แต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มีความเชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการสอนและการพัฒนาตำรา ร่วมดำเนินการการวางเค้าโครงการของตำราและคัดเลือกผู้มายกร่าง จัดประชุมบรรณาธิการและตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนจัดพิมพ์ และติดตามผลหลังการใช้ และการพัฒนาหลักสูตรอบรมครูวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ด้านการวัดผลประเมินผล ๑.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ ประเมินมาตรฐานการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โดยดำเนินโครงการ IPST Teacher Award เพื่อยกย่องเชิดชูครูที่มีผลงานดีเด่นทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี การพัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การประเมินความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ (Thailand mathematics Evaluation : TME) ๑.๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ สร้างความเข้าใจให้สาธารณชนตระหนักในความสำคัญของวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ผ่านสื่อประเภทต่างๆ เพื่อสร้างความตระหนักในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ให้กับครู บุคลากรทางการศึกษา และเยาวชนทั่วไป ผ่านสื่อหลากหลายรูปแบบ ๒. การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างเต็มศักยภาพ ๒.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โดยดำเนินโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (โครงการ พสวท.) การพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์โดยสรรหาและส่งเสริมนักเรียนระดับประถมศึกษาที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ให้ได้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ และการยกระดับคุณภาพด้านวิชาการ โดยร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (สอวน.) ดำเนินโครงการศูนย์โรงเรียนขยายผล สอวน. เพื่อยกระดับมาตรฐานการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ของครูและนักเรียนในประเทศไทยให้เทียบเคียงมาตรฐานสากล ๒.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การพัฒนาและส่งเสริมครูที่มีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ๓. การปรับปรุงกระบวนการบริหารจัดการภายใน และความรู้สู่องค์กรคุณภาพสูง โดยดำเนินการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากร การพัฒนาองค์กรและพัฒนาระบบพัฒนาทรัพยากรบุคคล ๔. งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ และงบรายได้และค่าใช้จ่าย สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของ สสวท. ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว โดยผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของ สสวท. ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญ ตามหลักการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนด
|
||||||||||||||||||||||||
| 27589 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) แห่งราชอาณาจักรไทยกับ State Atomic Energy Corporation of the Russian Federation (ROSATOM) สหพันธรัฐรัสเซีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านการใช้พลังงานปรมาณูในทางสันติ | วท | 10/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) แห่งราชอาณาจักรไทยกับ State Atomic Energy Corporation of the Russian Federation (ROSATOM) สหพันธรัฐรัสเซีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านการใช้พลังงานปรมาณูในทางสันติ ๑.๒ อนุมัติให้ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับร่างบันทึกความเข้าใจฯ ควรมีขอบเขตที่เน้นเฉพาะเรื่องการวิจัย การศึกษา และการพัฒนาบุคลากร โดยระมัดระวังที่จะไม่ให้มีผลผูกมัดในอนาคตในการรับเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นการเฉพาะเจาะจง และควรให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างขีดความสามารถของบุคลากรผู้ปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงานของบุคลากร รวมทั้งประชาชนและสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 27590 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพ 4 (เชียงของ - ห้วยทราย) | คค | 10/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพ ๔ (เชียงของ-ห้วยทราย) ในส่วนที่รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ในวงเงินไม่เกิน ๘๔๐ ล้านบาท โดยวงเงินส่วนที่เพิ่มให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ได้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายรองรับไว้แล้ว และให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-พ.ศ. ๒๕๕๗ ในคราวเดียวกัน ทั้งนี้ ค่างานที่เพิ่มจากความผันผวนของราคาวัสดุ (ค่า K) ให้กรมทางหลวงปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมทางหลวงเร่งดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพ ๔ (เชียงของ-ห้วยทราย) ให้แล้วเสร็จตามแผนที่ได้กำหนดไว้ เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทย สปป.ลาว และจีนตอนใต้ มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และสามารถรองรับปริมาณการเดินทางและขนส่งสินค้าในบริเวณดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 27591 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป. ลาว สำหรับโครงการพัฒนาระบบประปา | กค | 10/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการพัฒนาระบบประปาใน ๕ เมือง ประกอบด้วย เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว (เมืองตามแนวระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้) เมืองคอบ แขวงไชยะบุรี (เมืองยากจน) เมืองแบ่ง แขวงอุดมไชย (เมืองยากจน) เมืองไชบุรี แขวงสะหวันนะเขต (เมืองตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก) และเมืองโขง แขวงจำปาสัก (เมืองยากจน) ในวงเงิน ๓๑๐ ล้านบาท ๑.๒ รูปแบบ วิธีการ และเงื่อนไขทางการเงินสำหรับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป.ลาว กำหนดให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป.ลาว เป็นเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรน จำนวน ๓๐๕ ล้านบาท และเงินให้เปล่า จำนวน ๕ ล้านบาท ซึ่งเงินให้เปล่าดังกล่าวจะเป็นค่าใช้จ่ายเฉพาะในส่วนของค่าฝึกอบรม ๒. สำหรับแหล่งเงินทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการฯ วงเงินรวม ๓๑๐ ล้านบาท นั้น ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ใช้เงินสะสม จำนวน ๑๑๐ ล้านบาท เป็นแหล่งเงินทุนในลำดับแรกก่อน สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป ให้ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมภายในกรอบวงเงินไม่เกิน ๑๐๐ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
| 27592 | ขออนุมัติจำหน่ายหนี้สูญเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ตามโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐ | กค | 10/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำหน่ายหนี้สูญเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์ตามโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐ จำนวน ๒๓ สหกรณ์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๒๗,๒๓๘,๖๓๐.๑๔ บาท โดยไม่ขอเงินชดเชยจากรัฐบาล ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมสหกรณ์) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมกับสหกรณ์และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการฯ และความพร้อมของเกษตรกรในทุกมิติ เพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวทาง/วิธีดำเนินงานได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งติดตามประเมินผลการดำเนินงานของสหกรณ์ที่ขอรับการสนับสนุนจากเงินกองทุนพัฒนาสหกรณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับทราบปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานตลอดจนสามารถกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาในการดำเนินการได้ทันกับสถานการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังนำมติสภาคณะปฏิวัติเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ เกี่ยวกับเรื่องจำหน่ายหนี้เงินและทรัพย์สินออกจากบัญชี โดยกรณีเงินสูญหาย ขาดบัญชี หรือหนี้เงินค้างชำระที่ไม่สามารถเรียกร้องจากลูกหนี้ได้แต่ละกรณีภายในวงเงิน จำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้กระทรวงการคลังมีอำนาจอนุมัติจำหน่ายออกจากบัญชีได้ จำนวนเงินหรือหนี้เกินกว่านี้ให้กระทรวงการคลังเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรี และกรณีทรัพย์สินสูญหาย ชำรุด มิได้ใช้ในราชการ หรือเสื่อมสภาพไม่ว่าจะเป็นไปโดยปกติหรือมิใช่โดยปกติ ให้กระทรวงการคลังมีอำนาจอนุมัติจำหน่ายออกจากบัญชีได้โดยไม่จำกัดมูลค่าแห่งทรัพย์สินนั้น ไปพิจารณาปรับปรุงแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อใช้เป็นหลักปฏิบัติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 27593 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. 2509 | กค | 10/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. ๒๕๐๙ มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การให้สินเชื่อตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. ๒๕๐๙ ดังต่อไปนี้ ไม่อยู่ในสัดส่วนการให้กู้เงินไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของเงินที่ให้กู้ในแต่ละรอบบัญชี และมีหนี้เงินกู้คงเหลือไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของหนี้เงินกู้ทั้งหมด ณ สิ้นปีบัญชี เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี ได้แก่ ข้อ ๖ (๑) การส่งเสริมหรือสนับสนุนการพัฒนาผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรหรือชุมชนให้มีประสิทธิภาพในด้านการลงทุน การผลิต การแปรรูป และการตลาด และข้อ ๗ (๑) การส่งเสริมการพัฒนาผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ของสมาชิกและสหกรณ์ให้มีประสิทธิภาพในด้านการลงทุน การผลิต การแปรรูป และการตลาด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 27594 | ความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศในการจัดประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียและแปซิฟิก | ทก | 10/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศในการจัดประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียและแปซิฟิก ฉบับแก้ไขสุดท้าย โดยสาระสำคัญของร่างความตกลงฯ ฉบับแก้ไขสุดท้ายระบุถึงพันธกรณีที่ประเทศไทยต้องจัดหาและดำเนินการในฐานะประเทศเจ้าภาพ ประกอบด้วยข้อกำหนดต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ การเชิญ การเข้าร่วม และการตรวจลงตรา (วีซ่า) เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน อากรและภาษีขาเข้าและขาออก การจัดการทางการเงิน มาตรการความมั่นคงและการรักษาความปลอดภัย พิธีการ สถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก บริการ และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่จัดหาเอาไว้โดยรัฐบาล การจัดการการเดินทางและการขนส่ง การจัดการที่เกี่ยวกับสื่อสัมพันธ์ การมีผลบังคับใช้และระยะเวลาของข้อตกลงฉบับนี้ รวมทั้งผู้ลงนาม ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของฝ่ายไทยและมิใช่การแก้ไขในสาระสำคัญ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นผู้ลงนามความตกลงฯ ในนามของรัฐบาลไทย ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อลงนามในความตกลงฯ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารใช้การระงับข้อพิพาทโดยวิธีการอนุญาโตตุลาการ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน) ได้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||||||||
| 27595 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามมาตรา 23 วรรคสี่ สำหรับงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | กก | 10/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันเกินกว่า ๑ ปีงบประมาณ ก่อนได้รับเงินประจำงวดของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และสามารถลงนามในสัญญาได้ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อการปฏิบัติงานของสำนักงานต่างประเทศ จำนวน ๘ สำนักงาน ค่าใช้จ่ายรวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๐๖,๙๐๔,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย ค่าเช่าอาคารสำนักงาน จำนวน ๓ สำนักงาน เป็นเงิน ๙๑,๖๔๐,๐๐๐ บาท ค่าเช่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเพื่อใช้ประจำสำนักงาน จำนวน ๑๒,๙๘๔,๐๐๐ บาท ค่าเช่าคลังเก็บวัสดุสำนักงาน จำนวน ๑ สำนักงาน เป็นเงิน ๙๖๐,๐๐๐ บาท และค่าเช่าเครื่องใช้สำนักงาน จำนวน ๑ สำนักงาน เป็นเงิน ๑,๓๒๐,๐๐๐ บาทตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการเจรจากับเจ้าของอาคารสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นิวยอร์ก เพื่อกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมในการยกเลิกสัญญาเช่าก่อนกำหนดได้ไปดำเนินการ รวมทั้งให้รับความเห็นกระทรวงการคลังที่เห็นว่า ททท. ควรพิจารณาการใช้จ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปอย่างคุ้มค่า และมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานของสำนักงานสาขาต่างประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 27596 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการพื้นฐานรวมของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ | ศธ | 10/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการและเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการพื้นฐานรวม ๑ หลัง จากเดิมวงเงิน ๑๐๓,๘๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๑๑๔,๗๘๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๑ โดยในโอกาสต่อไปขอให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด ในกรณีที่ส่วนราชการมีความจำเป็นต้องเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ให้เสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีก่อนลงนามในสัญญาด้วย และเนื่องจากเป็นกรณีการแก้ไขสัญญาที่มีผลต่อการเพิ่มวงเงิน ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ข้อ ๑๓๖ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27597 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารเรียน แบบ 324 ล ตอกเข็ม โรงเรียนกระทู้วิทยา จังหวัดภูเก็ต | ศธ | 10/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารเรียนแบบ ๓๒๔ ล ตอกเข็ม โรงเรียนกระทู้วิทยา จังหวัดภูเก็ต ๑ หลัง วงเงินรวม ๒๖,๔๙๙,๐๐๐ บาท โดยมีระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๘ ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๔,๔๔๖,๘๐๐ บาท ปี ๒๕๕๗ วงเงิน ๑๐,๒๒๗,๗๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอยู่อีก วงเงิน ๑๑,๘๒๔,๕๐๐ บาท ให้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณตามความจำเป็นต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ เพื่อขออนุมัติผ่อนผันการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๖ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27598 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารเรียน แบบ 216 ปรับปรุง 46 โรงเรียนอนุบาลสวี (บ้านนาโพธิ์) จังหวัดชุมพร | ศธ | 10/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารเรียน แบบ ๒๑๖ ปรับปรุง ๔๖ โรงเรียนอนุบาลสวี (บ้านนาโพธิ์) จังหวัดชุมพร จำนวน ๑ หลัง วงเงินรวม ๒๐,๙๐๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ วงเงิน ๓,๕๔๐,๐๐๐ บาท ปี ๒๕๕๗ วงเงิน ๑๔,๑๖๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอยู่อีกวงเงิน ๓,๒๐๐,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป ทั้งนี้ ให้ปฏิบัติตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27599 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อนำไปชำระหนี้ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าเหมาซ่อมปีงบประมาณ 2557 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 10/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงิน จำนวน ๓,๖๑๕.๔๔๙ ล้านบาท เพื่อนำไปชำระหนี้ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าเหมาซ่อมปีงบประมาณ ๒๕๕๗ โดยเป็นเงินกู้ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน ๒,๒๖๕.๒๐๕ ล้านบาท และเงินกู้ค่าเหมาซ่อม จำนวน ๑,๓๕๐.๒๔๔ ล้านบาท ทั้งนี้ การกู้เงินดังกล่าวให้กระทรวงการคลังกำหนดวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข การค้ำประกันเงินกู้ให้ ขสมก. และปรับเงินกู้ตามยอดหนี้ที่ ขสมก. ต้องชำระจริง ซึ่งคณะกรรมการบริหารกิจการ ขสมก. ได้ให้ความเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม และ ขสมก. รับความเห็นของกระทรวงพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ ขสมก. บริหารจัดการให้สามารถลดภาระหนี้ที่จะเกิดเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะค่าน้ำมันเชื้อเพลิง โดยในการกู้เงินนั้น ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้และปรับเงินกู้ตามยอดหนี้ที่ ขสมก. ต้องชำระจริง และให้กระทรวงคมนาคมกำกับและเร่งรัดให้ ขสมก. ดำเนินการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์รถโดยสารปรับอากาศยูโรทู จำนวน ๓๒๓ คัน จากเครื่องยนต์ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเครื่องยนต์ใช้ก๊าซธรรมชาติ และเร่งดำเนินโครงการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ จำนวน ๓,๑๘๓ คัน ที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการลงทุนไว้แล้ว เพื่อประหยัดต้นทุนทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าซ่อมแซม ซึ่งจะเป็นการช่วยบรรเทาปัญหาฐานะการเงินให้กับ ขสมก. ได้อีกทางหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 27600 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "วิสาหกิจชุมชนเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจไทย กรณีศึกษาวิสาหกิจชุมชนมาบตาพุด" | สสป | 10/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "วิสาหกิจชุมชนเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจไทย กรณีศึกษาวิสาหกิจชุมชนมาบตาพุด" และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ควรเร่งรัดการพัฒนาอุตสาหกรรมและเป้าหมายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ๒. ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชนกับโรงงานอุตสาหกรรม ในลักษณะการพึ่งพาซึ่งกันและกัน โดยชุมชนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา อุตสาหกรรมเป็นฝ่ายร่วมหนุนเสริมกลไก และรัฐมีบทบาทเป็นฝ่ายประสานความร่วมมือ (Co-empowerment) ๓. จัดตั้งคณะกรรมการร่วมระดับพื้นที่ขึ้น ในรูปแบบองค์กรเบญจภาคี ประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการเมือง ภาคองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชน เพื่อให้ทุกฝ่ายร่วมกันแก้ไขปัญหาในเชิงสร้างสรรค์ ภายใต้กรอบการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน โดยมีตัวอย่างที่มาบตาพุด (มาบตาพุดโมเดล) ๔. ศึกษาขยายผล ประยุกต์รูปแบบการประสานงานและแนวทางการดำเนินงานร่วมกันระหว่างวิสาหกิจชุมชนมาบตาพุดและโรงงานอุตสาหกรรม ให้เป็นรูปแบบที่เหมาะสมและสอดคล้องกับวัฒนธรรมวิถีชุมชนในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ยังมีปัญหาระหว่างโรงงานอุตสาหกรรมกับชุมชน ๕. ควรมีมาตรการให้โรงงานอุตสาหกรรมเกื้อกูลและเอื้อประโยชน์ให้แก่ชุมชนบริเวณโดยรอบ เช่น ร่วมกันจัดทำแผนกลยุทธ์ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR Roadmap) โดยรัฐจะให้มีการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมมาตรการดังกล่าว ๖. สำหรับนิคม/เขตอุตสาหกรรมที่เหมาะสมและมีความพร้อม ควรมีมาตรการจัดทำต้นแบบโรงงานอุตสาหกรรมและวิสาหกิจชุมชนที่มีกระบวนการสอดคล้องกัน ระหว่างการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมกับการกระจายรายได้ไปยังชุมชน เพื่อให้ชุมชนได้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมรับผลประโยชน์จากการพัฒนาอุตสาหกรรม ๗. ควรมีมาตรการจูงใจทางภาษีในการส่งเสริมให้โรงงานอุตสาหกรรมชำระภาษีในพื้นที่ที่ตั้งโรงงาน เพื่อให้ประโยชน์ตกแก่ท้องถิ่นนั้น ๆ เป็นสำคัญ
|
||||||||||||||||||||||||
.....
