ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1379 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 27561 - 27580 จากข้อมูลทั้งหมด 124448 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 27561 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดกำแพงเพชร พ.ศ. .... | มท | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดกำแพงเพชร พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอได้ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 27562 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. .... | มท | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอได้ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 27563 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ | นร04 | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) รอบ ๙ เดือน (เดือนตุลาคม ๒๕๕๕-เดือนมิถุนายน ๒๕๕๖) ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อเสนอของ คอ.นธ. ไปใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป ดังนี้
๑. การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ควรนำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาเป็นตัวเลือก กล่าวคือ ให้กำหนดประเด็นว่า “สมควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่” และระบุว่า หากประชาชนมีมติเห็นสมควรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รัฐบาลจะนำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาปรับปรุงแก้ไขหรือเป็นต้นแบบในการยกร่าง ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้พอมองเห็นร่างรัฐธรรมนูญที่จะมีขึ้นในอนาคตนั้นว่าจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๒. การปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา ศาลยุติธรรมควรพิจารณาและทบทวนแนวทางในการบังคับใช้กฎหมายด้วยการยึดมั่นในหลักความยุติธรรม ความเสมอภาค และคำนึงถึงสิทธิผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญา โดยเฉพาะการใช้ดุลพินิจเพื่อปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในทางการเมือง ควรใช้ดุลพินิจในกรอบของหลักเมตตาธรรม ทั้งนี้ เพื่อให้สิทธิที่จะได้รับการปล่อยชั่วคราวของผู้ต้องหาหรือจำเลยดังกล่าวได้รับความคุ้มครองสมดังเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายต่อไป หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงยุติธรรมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ๓. การตรากฎหมายนิรโทษกรรม คณะรัฐมนตรีควรเป็นผู้ริเริ่มเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเป็นกรณีเร่งด่วน ทั้งนี้ ได้จัดทำร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมทางการเมืองของประชาชน ระหว่างวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ พ.ศ. .... สำหรับประกอบการพิจารณาและดำเนินการมาพร้อมด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงยุติธรรม ๔. การตรากฎหมายยกเว้นความผิดทางอาญาให้แก่ผู้นำอาวุธสงครามมามอบให้แก่ทางราชการ รัฐบาลควรดำเนินการเสนอร่างพระราชบัญญัติยกเว้นความผิดทางอาญาให้แก่ผู้นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด หรือยุทธภัณฑ์ ที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือที่กฎหมายห้ามออกใบอนุญาตมามอบให้แก่ทางราชการ พ.ศ. .... เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ |
||||||||||||||||||||||||
| 27564 | ขออนุมัติลงนามในร่างตราสารขยายอายุบันทึกความเข้าใจอาเซียนว่าด้วยโครงการเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซธรรมชาติ (Instrument of Extension the ASEAN Memorandum of Understanding on the Trans-ASEAN Gas Pipeline Project) | พน | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างตราสารขยายอายุบันทึกความเข้าใจอาเซียนว่าด้วยโครงการเชื่อมโยงท่อส่งก๊าซธรรมชาติ (Instrument of Extension the ASEAN Memorandum of Understanding on the Trans-ASEAN Gas Pipeline Project) ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ ๓๑ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ กันยายน ๒๕๕๖ ณ เกาะบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยร่างตราสารขยายอายุบันทึกความเข้าใจฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ด้านความร่วมมือในการดำเนินงานพัฒนาโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติและความร่วมมือด้านปิโตรเลียมระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียน ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็มให้แก่ผู้ลงนาม ๔. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างตราสารขยายอายุบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงพลังงานหารือกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง |
||||||||||||||||||||||||
| 27565 | รายงานตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ประจำปี พ.ศ. 2554 | พม | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ก่อนเสนอรัฐสภาทราบต่อไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. คดีการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ที่เข้าสู่กระบวนการของตำรวจ มีจำนวน ๔๒๖ คดี มีการร้องทุกข์ จำนวน ๓๖๙ คดี ไม่ร้องทุกข์ จำนวน ๕๗ คดี มีการใช้คำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ จำนวน ๔๒ คำสั่ง มีการละเมิดคำสั่ง จำนวน ๗ คำสั่ง และมีการยอมความในชั้นสอบสวน จำนวน ๒๗ คดี ของจำนวนคดีที่มีการร้องทุกข์ทั้งหมด ทั้งนี้ จำนวนคดีดังกล่าวพบผู้ถูกกระทำส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงอายุ ๑๘ ปีขึ้นไป ๒. คดีการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัวที่เข้าสู่กระบวนการของศาล มีจำนวน ๖๑ คดี เป็นคดีที่ขึ้นสู่ศาลชั้นต้น และเป็นคดีที่ผู้เสียหาย (ผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว) ดำเนินการฟ้องศาลโดยตรงโดยไม่ผ่านการร้องทุกข์จากตำรวจในจำนวน ๖๑ คดี มีการออกคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ (ชั้นผู้ใหญ่) ที่ศาลเห็นชอบ จำนวน ๕ คำสั่ง และไม่มีการละเมิดคำสั่งของศาล และมีการยอมความในชั้นพิจารณาคดี จำนวน ๑ คดี ๓. คดีการกระทำความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัวที่เข้าสู่กระบวนการของอัยการ มีจำนวน ๓๕๔ คดี ในจำนวนนี้ มีคำสั่งฟ้อง จำนวน ๒๕๓ คดี โดยในจำนวนที่สั่งฟ้อง ได้ข้อให้ศาลใช้มาตรการตามกฎหมาย จำนวน ๔๐ เรื่อง และศาลได้กำหนดมาตรการหรือวิธีการบรรเทาทุกข์ จำนวน ๒ เรื่อง ส่วนคดีสั่งไม่ฟ้อง มีจำนวน ๑๑ คดี สั่งยุติคดี (ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์) จำนวน ๕๐ คดี และจากจำนวนคดีที่อัยการสั่งฟ้อง จำนวน ๒๕๓ คดี มีคดีเข้าสู่กระบวนการศาลชั้นต้น จำนวน ๒๒๓ คดี โดยคดีที่เข้าสู่กระบวนการศาลชั้นต้น ศาลสั่งยกฟ้อง จำนวน ๑ คดี ศาลสั่งยอมความ จำนวน ๓๒ คดี และเป็นคดีที่ศาลสั่งลงโทษ จำนวน ๑๘๘ คดี ๔. เหตุการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัวที่มีการบันทึกลงระบบฐานข้อมูลความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัวในส่วนผู้ปฏิบัติการภายใต้เว็บไซต์ www.violence.in.th มีจำนวน ๘๑๑ เหตุการณ์ โดยเป็นเหตุการณ์ที่เข้าสู่กระบวนการดำเนินคดี จำนวน ๑๔๙ เหตุการณ์ และเหตุการณ์ที่ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการดำเนินคดี จำนวน ๖๖๒ เหตุการณ์ และมีการบันทึกคดีที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ จำนวน ๑๖๓ คดี โดยมีคดีอยู่ในระหว่างการไกล่เกลี่ยในชั้นสอบสวนของตำรวจ จำนวน ๑๐๓ คดี มีการยอมความ จำนวน ๑๐ คดี และคดีที่อยู่ระหว่างการไกล่เกลี่ยในกระบวนการของอัยการและศาลอย่างละ ๑๖ คดี ทั้งนี้ กระบวนการในชั้นอัยการได้มีการสั่งไม่ฟ้อง จำนวน ๕ คดี มีคดีที่ศาลสั่งลงโทษผู้กระทำ จำนวน ๘ คดี และมีคดีที่อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ในชั้นศาล จำนวน ๕ คดี
|
||||||||||||||||||||||||
| 27566 | การลงนามบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือด้านลิขสิทธิ์และสิทธิข้างเคียงระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาและสำนักงานลิขสิทธิ์เกาหลี | พณ | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการลงนามบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือด้านลิขสิทธิ์และสิทธิข้างเคียงระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาและสำนักงานลิขสิทธิ์เกาหลี [Memorandum of Understanding on cooperation in the field of Copyright and Neighboring Rights between the Department of Intellectual Property (Ministry of Commerce of the Kingdom of Thailand) and the Korea Copyright Office (Ministry of Culture, Sports and Tourism of Republic of the Korea)] โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการคุ้มครองลิขสิทธิ์และการป้องปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ ตลอดจนส่งเสริมอุตสาหกรรมวัฒนธรรม (cultural industries) ของทั้งสองประเทศผ่านการหารือแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจระหว่างผู้เกี่ยวข้อง โดยให้อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งนี้ ก่อนการลงนามมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเป็นผู้พิจารณาใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และกรมทรัพย์สินทางปัญญารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการติดตามและประเมินผลความร่วมมือดังกล่าว โดยรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ เพื่อพิจารณาขยายขอบเขตความร่วมมือในมิติอื่นกับสาธารณรัฐเกาหลี รวมทั้งการทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญากับประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติมต่อไป นอกจากนี้ เห็นควรพิจารณาให้เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์และครอบคลุมทุกมิติของการส่งเสริมความร่วมมือทางด้านคุ้มครองลิขสิทธิ์และการป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 27567 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายวิโรจน์ หมั่นคติธรรม) | สธ | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายวิโรจน์ หมั่นคติธรรม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานการรักษา กลุ่มบริการเฉพาะทาง สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27568 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างไทยกับเปรู | สธ | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐเปรูและกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทย (Memorandum of Understanding on Cooperation in the Matter of Health Between the Ministry of Health of the Republic of Peru and the Ministry of Public Health of the Kingdom of Thailand) โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือในด้านดูแลสุขภาพ เช่น การสาธารณสุขมูลฐาน การส่งเสริมสุขภาพ อนามัยสิ่งแวดล้อม การควบคุมและป้องกันโรค โดยเฉพาะโรคเอชไอวี เอดส์ และในด้านระบบสาธารณสุข รวมถึงการประกันสุขภาพ การลงทะเบียนสาธารณสุข การควบคุมและการเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์ด้านการแพทย์ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ความร่วมมือทางวิชาการ ทางวิทยาศาสตร์ และทางเทคโนโลยี การแลกเปลี่ยนข้อมูล และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐ สถาบันการแพทย์ และสถาบันอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งร่วมมือทำการวิจัยและพัฒนาแนวทางปฏิบัติด้านสุขภาพ การควบคุมและป้องกันโรค ผลิตภัณฑ์แบคทีเรียและชีววัตถุ ผลิตภัณฑ์ทางแบคทีเรีย วัคซีน นวัตกรรมด้านสุขภาพและเทคโนโลยี ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) และกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ คู่ฉบับภาษาอังกฤษ ในวรรคสุดท้าย บรรทัดที่ ๒ จากคำว่า “the English texts” เป็น “the English text” รวมทั้งปรับแก้เพิ่มเติมข้อความบางประการในบันทึกความเข้าใจฯ คู่ฉบับภาษาอังกฤษ และคู่ฉบับภาษาไทย นอกจากนี้ คู่ฉบับของฝ่ายไทย ทั้งภาษาไทย ภาษาสเปน และภาษาอังกฤษ ควรพิจารณาปรับแก้ให้ชื่อของฝ่ายไทยขึ้นก่อนในชื่อความตกลง วรรคอารัมภบท ภาษา และช่องลงนาม ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 27569 | (ร่าง) ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพเยาวสตรีในสถานศึกษา (พ.ศ. 2556- 2559) | ศธ | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพเยาวสตรีในสถานศึกษา (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙) ตามมติคณะกรรมการสภาการศึกษา ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ โดย (ร่าง) ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพเยาวสตรีฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาศักยภาพเยาวสตรี ทั้งจากภาครัฐและเอกชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถานศึกษานำไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาศักยภาพเยาวสตรีทั้งการพัฒนาเยาวสตรีทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ การพัฒนาทักษะความรู้ด้านอาชีพและศักยภาพทางเศรษฐกิจ และการสร้างครอบครัวอบอุ่นและภูมิคุ้มกันตนเองจากภัยสังคม เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ ประกอบด้วย ๓ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างภูมิปัญญา ทักษะชีวิต และค่านิยมสร้างสรรค์ ธำรงไว้ซึ่งคุณลักษณะอันพึงประสงค์ทางวัฒนธรรมของเยาวสตรีไทย ยุทธศาสตร์การส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิต มีทักษะอาชีพพื้นฐาน และศักยภาพทางเศรษฐกิจของเยาวสตรี และยุทธศาสตร์การเสริมสร้างครอบครัวอบอุ่น เยาวสตรีมีภูมิคุ้มกันตนเองต่อภัยคุกคามของปัญหาสังคม รวมทั้งแผนงานโครงการที่เป็นตัวอย่างไปดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพเยาวสตรีฯ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ไปดำเนินการจัดทำแผนงาน/โครงการ หรือนำแผนงานโครงการที่เป็นตัวอย่างไปดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพเยาวสตรีฯ สู่การปฏิบัติต่อไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการบูรณาการแผนงานให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ประเทศ (Country Strategy) และยุทธศาสตร์การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (Life Cycle Development) ให้ชัดเจนก่อน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการส่งเสริม พัฒนาและสร้างความตระหนักให้เยาวสตรีในสถานศึกษาใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณธรรม จริยธรรม มีวิจารณญาน และรู้เท่าทัน เพื่อประโยชน์ในการศึกษา เรียนรู้ และทำงาน การปลูกฝังให้เยาวสตรีได้เรียนรู้และมีความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์และบรรพบุรุษของชาติไทยโดยเฉพาะวีรสตรีท่านต่าง ๆ พร้อมทั้งการมีจิตสำนึกที่จะธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ คือ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ และสถาบันการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การให้ความสำคัญกับการสร้างภาคีเครือข่ายความร่วมมือและขับเคลื่อนเพื่อขยายผลการดำเนินงานด้านการพัฒนาศักยภาพสตรีและเยาวสตรี ทั้งในระดับจังหวัด โรงเรียน และชุมชนให้มีความเข้มแข็ง เป็นรูปธรรม รวมทั้งมีการพัฒนาสตรีและเยาวสตรีอย่างต่อเนื่อง ทั้งสตรีในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา โดยใช้ประชากรสตรีในพื้นที่เป็นเป้าหมายมุ่งพัฒนาเชื่อมโยงกับสภาพปัญหาต่าง ๆ ของสตรีและเยาวชนสตรีในพื้นที่ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 27570 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (กระทรวงวัฒนธรรม กรมศิลปากร) | วธ | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมศิลปากรเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิม รายการก่อสร้างอาคาร ๑๐๐ ปี กรมศิลปากร เป็น การพัฒนาเวียงกุมกามเป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยว วงเงิน ๓๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า งบประมาณในการดำเนินการเป็นเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีกรณีไม่มีหนี้ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๖ หากกรมศิลปากรไม่สามารถก่อหนี้ได้ทันภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ต้องตกลงกับกระทรวงการคลังขอขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีกรณีไม่มีหนี้ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามลำดับ สำหรับการโอนเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณเห็นควรให้กรมศิลปากรดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖) ให้นำเสนอรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนนำเสนอคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐพิจารณา และปฏิบัติตามข้อกำหนด กฎหมาย ระเบียบ รวมถึงมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกขั้นตอนต่อไป ไปดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาบูรณาการการพัฒนาเวียงกุมกามให้เป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 27571 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... | มท | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอได้ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 27572 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 107 สายต่อเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ควบคุม - ฝาง ที่บ้านดงป่าลัน และเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1414 สายดงป่าลัน - หนองมะจับ พ.ศ. .... | คค | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๗ สายต่อเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ควบคุม-ฝาง ที่บ้านดงป่าลัน และเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๔๑๔ สายดงป่าลัน-หนองมะจับ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๗ สายต่อเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ควบคุม-ฝาง ที่บ้านดงป่าลัน และเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๔๑๔ สายดงป่าลัน-หนองมะจับ ในท้องที่อำเภอแม่แตง และอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 27573 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงโดยชุมชน/ท้องถิ่น" | สสป | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงโดยชุมชน/ท้องถิ่น" และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กรมโยธาธิการและผังเมือง สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย สมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ระดับนโยบาย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กำหนดนโยบายให้มีนักบริบาลประจำหมู่บ้านหรือในชุมชน โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นผู้ดำเนินการหลัก อีกทั้งควรให้มีระเบียบและข้อกำหนดในด้านงบประมาณให้มีความคล่องตัวและเอื้อต่อการปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ ๒. ระดับพื้นที่ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีบทบาทสำคัญในการดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ประสานงานกับผู้บริหารโรงพยาบาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลในพื้นที่ เพื่อจัดบริการสุขภาวะผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชนที่มีนักบริบาลประจำหมู่บ้านหรือชุมชน ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งของครอบครัวผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง โดยจัดบริการให้ครบทุกมิติสุขภาวะทั้ง ๔ ด้าน คือ กาย ใจ สังคม และปัญญา ๒.๒ สนับสนุนการจัดบริการสังคมอื่น ๆ เพื่อสุขภาวะของผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง เช่น ยานพาหนะในการรับส่ง กายอุปกรณ์ และการปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ที่อยู่อาศัย ๒.๓ สนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขยายแนวคิดการพัฒนารูปแบบของกระบวนการทำงาน ในลักษณะการมีส่วนร่วมและเชื่อมประสานของทุกฝ่าย (ชุมชน อปท. ทีมนักวิชาการวิชาชีพสุขภาพ) ร่วมเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบสุขภาพชุมชน โดยเฉพาะการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงให้เกิดสังคมไม่ทอดทิ้งกัน มีชุนชน บ้านของเขาเป็นฐาน
|
||||||||||||||||||||||||
| 27574 | สรุปผลการดำเนินงานคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม | นร11 | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจ รอบที่ ๑-๕ (ระหว่างวันที่ ๔ กุมภาพันธ์-๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖) มีผู้ประกอบการแจ้งปัญหาและความต้องการช่วยเหลือจากภาครัฐ รวมทั้งสิ้น ๔๒๘ ราย โดยแจ้งผ่านศูนย์เฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ส่วนกลาง จำนวน ๑๒๐ ราย ศูนย์เฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ระดับจังหวัด จำนวน ๑๓๕ ราย และสมาคมภาคเอกชน จำนวน ๑๗๓ ราย สำหรับสถานภาพการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ รอบที่ ๑-๕ จำนวน ๔๒๘ ราย หน่วยงานรับผิดชอบได้ให้ความช่วยเหลือจนถึงวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ สามารถยุติการพิจารณาให้ความช่วยเหลือ จำนวน ๓๔ ราย เสร็จสิ้นภารกิจของคณะอนุกรรมการฯ จำนวน ๙๓ ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๑๖๓ ราย ผู้ประกอบการความต้องการช่วยเหลือเชิงนโยบาย จำนวน ๓ ราย และศูนย์ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ระดับจังหวัด อยู่ระหว่างการพิจารณาให้ความช่วยเหลือ จำนวน ๑๓๕ ราย ๒. ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนทางเศรษฐกิจที่แจ้งเรื่องหลังวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ซึ่งคณะกรรมการฯ ยังไม่ได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือ มีผู้ประกอบการได้แจ้งปัญหาและความต้องการช่วยเหลือจากภาครัฐผ่านช่องทางต่าง ๆ ในระหว่างวันที่ ๒๔ พฤษภาคม-๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๖ จำนวนสิ้น ๔๕๙ ราย โดยแจ้งผ่านศูนย์เฉพาะกิจฯ ส่วนกลาง จำนวน ๑๒๙ ราย และแจ้งผ่านศูนย์เฉพาะกิจฯ ระดับจังหวัด จำนวน ๓๓๐ ราย
|
||||||||||||||||||||||||
| 27575 | คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลอง 150 ปี วันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ | นร01 | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๓๐/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลอง ๑๕๐ ปี วันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านเป็นรองประธานกรรมการ และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและแนวทางการจัดงานฉลอง ๑๕๐ ปี วันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ ให้สมพระเกียรติและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พิจารณาและให้ความเห็นชอบแผนงาน โครงการและกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งเผยแพร่พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจและพระเกียรติคุณให้เป็นไปอย่างกว้างขวาง ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27576 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ | สธ | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (Memorandum of Understanding on Health Cooperation between the Government of the Kingdom of Thailand and The Government of the Republic of the Union of Myanmar) เพื่อเป็นกรอบการทำงานด้านสาธารณสุขระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ในสาขาความร่วมมือด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุนความร่วมมือด้านสาธารณสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนของทั้งสองประเทศ อาทิ การส่งเสริมสุขภาพและการพัฒนาระบบการบริการสุขภาพสำหรับแรงงานต่างด้าวและประชากรข้ามพรมแดน การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อและโรคอุบัติใหม่ การป้องกันและควบคุมอาหารที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ยา ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์ยา และเครื่องสำอาง เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามด้วยตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
||||||||||||||||||||||||
| 27577 | ขออนุมัติลงนามร่างพิธีสารแก้ไขเพิ่มเติมความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์พลังงานอาเซียน (Protocol to amend the Agreement on the Establishment of the ASEAN Centre for Energy) | พน | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างพิธีสารแก้ไขเพิ่มเติมความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์พลังงานอาเซียน (Protocol to amend the Agreement on the Establishment of the ASEAN Centre for Energy) โดยสาระสำคัญของร่างพิธีสารแก้ไขเพิ่มเติมความตกลงฯ เป็นการยกระดับการดำเนินงานของศูนย์พลังงานอาเซียน (ASEAN Centre for Energy : ACE) ให้มีประสิทธิภาพ และมีบทบาทในการทำงานด้านนโยบายพลังงานและด้านวิชาการมากขึ้น โดยเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมจากเอกสารข้อตกลงการจัดตั้ง ACE ที่มีการลงนามเมื่อปี ๒๕๔๑ ทั้งนี้ ประเด็นหลักที่เกี่ยวข้องในการปรับแก้ไขร่างพิธีสารแก้ไขเพิ่มเติมฯ ประกอบด้วย การเปิดรับผู้อำนวยการ ACE เป็นการทั่วไปในระดับมืออาชีพ (แทนการหมุนเวียนตามตัวอักษรในประเทศสมาชิกอาเซียน) และการต่ออายุวาระการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ACE รวมถึงการใช้อำนาจของคณะมนตรีศูนย์พลังงานอาเซียนในการพิจารณา และอนุมัติเงินกองทุนเพื่อใช้ในการดำเนินงานของ ACE รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารแก้ไขเพิ่มเติมความตกลงฯ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็มให้แก่ผู้ลงนาม ๔. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างพิธีสารแก้ไขเพิ่มเติมความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงพลังงานหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง |
||||||||||||||||||||||||
| 27578 | ขออนุมัติเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ประจำจังหวัดเชียงใหม่ | กต | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ประจำจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน และอุตรดิตถ์ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 27579 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้พนักงานและลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติ หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 พ.ศ. .... | สธ | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) เสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้พนักงานและลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้พนักงานและลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ พ.ศ. .... ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ คณะที่ ๒ (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) และความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับร่างมาตรา ๕ ที่กำหนดขอบเขตสิทธิรับบริการสาธารณสุขของพนักงานส่วนท้องถิ่นและบุคคลในครอบครัวให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของพนักงานส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม อาจไม่สอดคล้องกับมาตรา ๙ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ ที่ให้กำหนดเฉพาะบุคคลหรือหน่วยงานที่สามารถใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขตามพระราชบัญญัตินี้เท่านั้น และการเร่งพัฒนาระบบฐานข้อมูลผู้มีสิทธิตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยฯ รวมทั้งการเร่งบูรณาการระบบจัดส่งข้อมูลระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสถานพยาบาลให้มีความพร้อมในการดำเนินการก่อนการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรับประเด็นอภิปรายและความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 27580 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ครั้งที่ 10/2556 | นร01 | 17/09/2556 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ อนุมัติ และเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๑.๒ อนุมัติการดำเนินโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำชี จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน ๖ โครงการ ภายในวงเงินคงเหลือ ๑๐๓,๒๑๔,๘๐๐ บาท ตามมติที่ประชุม กบอ. โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัย อย่างบูรณาการ (๑.๒ แสนล้านบาท) ๑.๓ รับทราบแผนปฏิบัติการโครงการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนโครงการออกแบบและก่อสร้างระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย ซึ่งเป็นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยมีระยะเวลาดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ รวม ๓ เดือน (ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖) สำหรับวงเงินงบประมาณ ให้คณะอนุกรรมการจัดทำการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนพิจารณาจัดทำรายละเอียดนำเสนอ กบอ. พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๑.๔ เห็นชอบการดำเนินโครงการจัดทำเรือสำรวจระดับแม่น้ำและคลองที่สำคัญ โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ) เป็นผู้ดำเนินการ วงเงิน ๗๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒. การเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการจัดทำเรือสำรวจระดับแม่น้ำและคลองที่สำคัญ วงเงิน ๗๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้เดิมพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมใน ๒ แนวทาง คือ ดำเนินการในลักษณะเบิกจ่ายแทนกัน โดยขอทำความตกลงกับกรมบัญชีกลาง หรือดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
.....
