คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
          ๑. รับโอนนายระพีพันธุ์ สริวัฒน์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
          ๒. รับโอนนางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
          ๑. รับโอนนายระพีพันธุ์ สริวัฒน์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
          ๒. รับโอนนางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒๓ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
          ๑. นายวิเชียร พุฒิวิญญู ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนนทบุรี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเชียงใหม่
          ๒. นายธนน เวชกรกานนท์ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสมุทรสงคราม ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนนทบุรี
          ๓. นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดราชบุรี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสมุทรสงคราม
          ๔. นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดบึงกาฬ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดปทุมธานี
          ๕. นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเลย
          ๖. นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนราธิวาส ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครศรีธรรมราช
          ๗. นายสุรพล วาณิชเสนี     ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนนทบุรี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดกำแพงเพชร
          ๘. นายเกรียงเดช เข็มทอง ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดจันทบุรี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดจันทบุรี
          ๙. นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดชลบุรี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครพนม
          ๑๐. นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสงขลา ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนราธิวาส
          ๑๑. นายอุกริช พึ่งโสภา ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครราชสีมา ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดน่าน
          ๑๒. นายชโลธร ผาโคตร ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสระบุรี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดบึงกาฬ
          ๑๓. นายวิเชียร จันทรโณทัย ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสุรินทร์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเพชรบูรณ์
          ๑๔. นายสุรพล พนัสอำพล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสงขลา ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดแม่ฮ่องสอน
          ๑๕. นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ตำแหน่งรองอธิบดี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดราชบุรี
          ๑๖. นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดลำปาง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดลำพูน
          ๑๗. ว่าที่ร้อยตรีสุพีร์พัฒน์ จองพานิช ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดระยอง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสุพรรณบุรี
          ๑๘. นายชยพล ธิติศักดิ์ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอุดรธานี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดหนองบัวลำภู
          ๑๙. นายเสรี ศรีหะไตร ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดปัตตานี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอ่างทอง
          ๒๐. นายชัช กิตตินภดล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอุตรดิตถ์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอุตรดิตถ์
          ๒๑. นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสมุทรปราการ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
          ๒๒. นายธนาคม จงจิระ ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดลพบุรี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
          ๒๓. นายทวี นริสศิริกุล ตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๘ ราย ตั้งแต่วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
          ๑. นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดราชบุรี
          ๒. นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดตรัง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
          ๓. นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดราชบุรี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดตรัง
          ๔. นายวิญญู ทองสกุล ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพัทลุง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
          ๕. นายเสรี ศรีหะไตร ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอ่างทอง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพัทลุง
          ๖. นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอ่างทอง
          ๗. นายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดลพบุรี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
          ๘. นายธนาคม จงจิระ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดลพบุรี

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพลังงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
          ๑. นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน 
          ๒. นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
          ๓. นายสมนึก บำรุงสาลี ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๘ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
          ๑. นายวรเดช วีระเวคิน ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
          ๒. นายธนา เวสโกสิทธิ์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย
          ๓. นายชลิต มานิตยกุล ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
          ๔. นายพีรศักย จันทวรินทร์ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
          ๕. นายพีรวิช สุวรรณประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
          ๖. นายจักรี ศรีชวนะ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพิธีการทูต 
          ๗. นายนพพร อัจฉริยวนิช ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคลัมโบ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
          ๘. ม.ร.ว. อดิศรเดช สุขสวัสดิ์ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน สำนักงานปลัดกระทรวงการต่างประเทศ

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
          ๑. รับโอนนางสาวรุจิรา ริมผดี ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
          ๒. แต่งตั้งนายอำนาจ พัวเวส ที่ปรึกษาประจำสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
          ๑. นางญาณี เลิศไกร ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
          ๒. นางระรินทิพย์ ศิโรรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๖) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
               ๑. การคาดหมายลักษณะอากาศ การสั่งการเพื่อเตรียมความพร้อม และการให้ความช่วยเหลือ
                   ๑.๑ สรุปการคาดหมายฝน ในช่วงวันที่ ๒๓-๒๔ กันยายน ๒๕๕๖ บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนลดลง ส่วนในช่วงวันที่ ๒๕-๒๙ กันยายน ๒๕๕๖ ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง
                   ๑.๒ การสั่งการเพื่อเตรียมความพร้อม กระทรวงมหาดไทยจัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๖ ส่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทั้ง ๑๘ ศูนย์เขต เตรียมพร้อมด้านเครื่องมือ เครื่องจักรกลกู้ภัย รถขุดไฮโดรลิก รถผลิตน้ำดื่ม เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ ฯลฯ พร้อมเจ้าหน้าที่สนับสนุนพื้นที่ที่อาจมีสถานการณ์รุนแรงตลอด ๒๔ ชั่วโมง นอกจากนี้ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสั่งการให้ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดรายงานสถานการณ์อุทกภัย การให้ความช่วยเหลือ และการประเมินสถานการณ์ทั้งภาพและเสียงในช่วงเวลา ๐๗.๐๐ น. /๑๑.๐๐ น. /๑๖.๐๐ น. ทุกวันในห้วงที่มีสถานการณ์ในพื้นที่รับผิดชอบ
               ๒. สรุปสถานการณ์อุทกภัย ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๓ กันยายน ๒๕๕๖ มีจังหวัดที่ประสบอุทกภัยรวมทั้งสิ้น ๒๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ สุรินทร์ นครราชสีมา กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ชุมพร สระแก้ว ปราจีนบุรี นครนายก กาญจนบุรี ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สุพรรณบุรี และประจวบคีรีขันธ์ รวม ๑๓๖ อำเภอ ๗๐๙ ตำบล ๕,๔๗๐ หมู่บ้าน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ๒๑ จังหวัด (คลี่คลายแล้ว ๒ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี และชุมพร)
               ๓. สรุปสถานการณ์ภัยแล้ง/ฝนทิ้งช่วง ข้อมูล ณ วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๖ จังหวัดที่ยังคงมีประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) จำนวน ๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตาก บุรีรัมย์ และนครราชสีมา รวม ๑๖ อำเภอ ๑๔๗ ตำบล ๑,๕๔๔ หมู่บ้าน และจังหวัดที่ยังคงมีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือฯ (ฝนทิ้งช่วง) จำนวน ๑ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ ๑ อำเภอ (อำเภอลอง) รวม ๒ ตำบล ๑๘ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๑,๓๖๕ ครัวเรือน และพื้นที่การเกษตร ๑๑,๔๔๐ ไร่
               ๔. สรุปสถานการณ์แผ่นดินไหว ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๓ กันยายน ๒๕๕๖ โดยเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๘.๕๒ น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด ๕.๖ ริกเตอร์ บริเวณชายแดนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา-สาธารณรัฐอินเดีย ห่างจากอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ ๖๖๕ กม. และวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๖.๕๙ น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด ๕.๒ ริกเตอร์ บริเวณพรมแดนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา-สาธารณรัฐประชาชนจีน ห่างจากอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ประมาณ ๑๔๐ กม.
               ๕. สรุปสถานการณ์อุบัติภัย และเหตุการณ์สำคัญ ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๓ กันยายน ๒๕๕๖ เกิดเหตุรถยนต์โดยสารประจำทางปรับอากาศของบริษัทชาญทัวร์ จำกัด ชนกับรถยนต์โดยสารประจำทางปรับอากาศของบริษัทนครชัยแอร์ จำกัด ที่บริเวณจุดกลับรถหน้าบริษัทนครชัยแอร์ จำกัด หมู่ที่ ๘ ตำบลบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ๑๔ คน เจ้าหน้าที่กู้ชีพ-กู้ภัยนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลชลบุรี

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเตรียมความพร้อมการเผชิญสถานการณ์น้ำปี ๒๕๕๖ และการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนกรณีจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดนครนายก ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
               ๑. แนวทางการเตรียมความพร้อมการเผชิญสถานการณ์น้ำปี ๒๕๕๖
                   ๑.๑ คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยได้มีคำสั่งจัดตั้ง “ศูนย์เตรียมพร้อมเฉพาะกิจรับสถานการณ์อุทกภัย ปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗” ปฏิบัติงานตลอด ๒๔ ชั่วโมง และสั่งการให้หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) กระทรวงกลาโหม และกรุงเทพมหานคร ส่งเจ้าหน้าที่มาประจำศูนย์ดังกล่าว
                   ๑.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ Stand by เฮลิคอปเตอร์ รวม ๒ ลำ และเรือเร็วไว้ให้พร้อมเพื่อสามารถใช้ปฏิบัติงานได้ทันที
                   ๑.๓ ให้สำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตรียมความพร้อมชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่ (Mobile Unit) เพื่อการบริหารจัดการอุทกภัย เพื่อให้การติดตามและแก้ไขปัญหาอุทกภัยกรณีเกิดเหตุวิกฤตในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ที่มีระบบการประชุมทางไกล VDO conference และมีอากาศยานไร้คนขับเพื่อบินสำรวจสถานการณ์
               ๒. การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนกรณีจังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดนครนายก
                   ๒.๑ ประชุมหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เกี่ยวกับการแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เบื้องต้นได้ข้อสรุปให้เปิดประตูน้ำเพชรชะเอมขึ้น ๓๐ เซนติเมตร เพื่อระบายน้ำผ่านทุ่งวังดาล อันเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน 
                   ๒.๒ ประชุมหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายกและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ณ เขื่อนขุนด่านปราการชล ได้ข้อสรุปว่าจะเน้นการระบายน้ำในแม่น้ำปราจีนบุรีก่อน จึงยังจะไม่ระบายน้ำจากเขื่อนขุนด่านปราการชลในอีก ๔๘ ชั่วโมงข้างหน้า และการสูบน้ำจากคลองรังสิตผ่านประตูเสาวภาผ่องศรีให้กระทำในระดับจำกัดเท่านั้น โดยหลังจาก ๔๘ ชั่วโมงแล้ว จะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง เพราะปัจจุบันเขื่อนมีปริมาณน้ำอยู่ถึง ๙๒% แล้ว

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๙ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
          ๑. นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงพาณิชย์
          ๒. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
          ๓. นางพิรมล เจริญเผ่า ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงพาณิชย์
          ๔. นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก ณ นครเจนีวา
          ๕. นายสมชาติ สร้อยทอง ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าภายใน
          ๖. นายวุฒิชัย ดวงรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงพาณิชย์
          ๗. นางสาวอุรวี เงารุ่งเรือง ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงพาณิชย์
          ๘. นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
          ๙. นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยสรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทย ครั้งที่ ๓/๒๕๕๖ ณ วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๖ ดังนี้
          ๑. สถานการณ์ภูมิอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า พายุดีเปรสชั่นบริเวณทะเลจีนใต้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ผ่านประเทศลาว เข้าสู่ประเทศไทยบริเวณจังหวัดอุบลราชธานี หลังจากนั้นได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ และเคลื่อนผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ ปกคลุมอยู่บริเวณจังหวัดลพบุรี จังหวัดสระบุรี และจังหวัดนครนายก ส่งผลให้บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีฝนทั่วไป
          ๒. สถานการณ์น้ำและน้ำท่วม กรมชลประทานรายงานว่า
               ๒.๑ ปริมาณน้ำท่าในบริเวณจุดสำคัญ ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา สถานี C.2 และเขื่อนเจ้าพระยา สถานี C.13 ปริมาณน้ำไหลผ่าน ๑,๕๖๔ และ ๑,๙๙๖ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ตามลำดับ และ อ.บางไทร สถานี C.29 ปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ย ๑,๗๒๑ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ปริมาณน้ำระบาย ๙.๑๒ ล้านลูกบาศก์เมตร อัตราการไหล ๔๕๒.๓๒ ลูกบาศก์เมตร/วินาที
               ๒.๒ ระดับความสูงของน้ำในแม่น้ำสายหลัก ได้แก่ แม่น้ำปิง ที่สถานี P.1 จังหวัดเชียงใหม่ +๑.๕๕ เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง ๒.๑๕ เมตร แม่น้ำวัง ที่สถานี W.4A จังหวัดตาก +๒.๔๘ เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง ๓.๖๒ เมตร แม่น้ำยม ที่สถานี Y.16 จังหวัดพิษณุโลก +๖.๖๓ เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง ๐.๓๗ เมตร แม่น้ำน่าน ที่สถานี N.1 จังหวัดน่าน +๑.๒๐ เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง ๕.๘๐ เมตร แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ +๒๒.๖๑ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๓.๕๙ เมตร และแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.13 จังหวัดชัยนาท ระดับน้ำท้ายเขื่อน +๑๔.๓๗ ม. ต่ำกว่าตลิ่ง ๑.๙๗ เมตร
               ๒.๓ น้ำในเขื่อน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ๕,๖๑๘, ๕,๔๒๕ และ ๕๓๒ ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ
          ๓. สถานการณ์อุทกภัย 
               ๓.๑ อุทกภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรายงานว่า จากอิทธิพลพายุดีเปรสชั่น บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ เคลื่อนตัวเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลางของประเทศไทย ทำให้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่งผลให้เกิดอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขังระบายไม่ทัน และน้ำล้นตลิ่ง ตั้งแต่วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๖ จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น ๒๑ จังหวัด มีผู้เสียชีวิต ๔ ราย
               ๓.๒ ดินถล่ม กรมทรัพยากรธรณี แจ้งเตือนภัยดินถล่มในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ กาญจนบุรี ชุมพร และระนอง เฝ้าระวังภัยดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ในระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ กันยายน ๒๕๕๖ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ กาญจนบุรี ชุมพร และระนอง เนื่องจากมีฝนตกหนัก วัดปริมาณน้ำฝนได้มากกว่า ๒๐๐ มิลลิเมตร และระดับน้ำในลำห้วยสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเปลี่ยนเป็นสีแดงขุ่น

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้          
          ๑. นายโอฬาร พิทักษ์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมส่งเสริมการเกษตร
          ๒. นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
          ๓. นายชาญพิทยา ฉิมพาลี ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมการข้าว

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
               ๒. ให้มีการถ่ายทอดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยและสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง ๑๑) กรมประชาสัมพันธ์ ในเรื่องรับทราบรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปีที่หนึ่ง (วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕) ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๖ จนกว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จ
               ๓. ให้มีการถ่ายทอดการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยและสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง ๑๑) กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อลงมติวาระที่สามร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๑๑ มาตรา ๑๑๒ มาตรา ๑๑๕ มาตรา ๑๑๖ วรรคสอง มาตรา ๑๑๗ มาตรา ๑๑๘ มาตรา ๑๒๐ และมาตรา ๒๔๑ วรรคหนึ่ง และยกเลิกมาตรา ๑๑๓ และมาตรา ๑๑๔) วันเสาร์ที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๖

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเจษฎา ประกอบทรัพย์ และนางสาวรังสิมา จารุภา ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงาน ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ. ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
          ๑. นายวิชัย เทียนถาวร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะครบวาระ ๑ ปี ในวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๖ 
          ๒. นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะครบวาระ ๑ ปี ในวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖
          ๓. นายเอนก หุตังคบดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งจะครบวาระ ๑ ปี ในวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. อนุมัติการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (เขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา และจังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอแม่ลาน) ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๖
               ๒. เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดยะลา และจังหวัดปัตตานี ยกเว้นอำเภอแม่ลาน และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
               ๓. รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
               ๔. ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) เกี่ยวกับการเตรียมพื้นที่อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา เป็นพื้นที่นำร่องในการปรับลดพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเตรียมความพร้อมเรื่องอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) และกำลังตำรวจ รวมทั้งการเข้าดำเนินการของกลุ่มงานต่าง ๆ ในศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกับพิจารณาเตรียมการในพื้นที่อีก ๔ อำเภอ คือ อำเภอเบตง อำเภอแว้ง อำเภอสุคิริน และอำเภอไม้แก่น ทั้งนี้ หากพิจารณาพบว่า พื้นที่อำเภอกาบัง จังหวัดยะลา มีความพร้อมและเหมาะสมในการยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ สามารถเสนอ กบฉ. พิจารณาความเหมาะสมในการประกาศยกเลิกพื้นที่เป็นรายอำเภอได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนดระยะเวลา ๓ เดือนของการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย รายงานสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและอุทกภัยของประเทศไทยประจำสัปดาห์ ณ วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๖ ดังนี้
          ๑. เฝ้าระวังฝนตกหนัก ช่วงวันที่ ๑๒-๑๗ กันยายน ๒๕๕๖ บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากแนวร่องมรสุมยังคงพาดผ่านบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น
          ๒. แผนการระบายน้ำในช่วงวันที่ ๙-๑๕ กันยายน ๒๕๕๖ เนื่องจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำกักเก็บค่อนข้างน้อย (ต่ำสุดในรอบ ๑๐ ปี) จึงจำเป็นต้องเก็บกักน้ำให้มากที่สุดเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในกรณีฝนทิ้งช่วง กรมชลประทานร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเสนอให้ลดการระบายน้ำที่เขื่อนภูมิพล จากเดิมระบายวันละ ๕ ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นวันละ ๓.๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ในช่วงวันที่ ๙-๑๑ กันยายน ๒๕๕๖ หลังจากนั้นให้เพิ่มการระบายน้ำเป็นวันละ ๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ในช่วงวันที่ ๑๒-๑๕ กันยายน ๒๕๕๖ ส่วนเขื่อนสิริกิติ์จากเดิมระบายน้ำวันละ ๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ให้ลดการระบายลงเหลือวันละ ๔ ล้านลูกบาศก์เมตร ในช่วงวันที่ ๙-๑๑ กันยายน ๒๕๕๖ และเพิ่มการระบายน้ำเป็นวันละ ๕ ล้านลูกบาศก์เมตร อีกครั้ง ในช่วงวันที่ ๑๒-๑๕ กันยายน ๒๕๕๖
          ๓. เนื่องจากในช่วง ๒-๓ วันที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำของกรุงเทพมหานคร และคาดว่าจะยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่องในช่วงวันที่ ๑๒-๑๗ กันยายน ๒๕๕๖ จึงเสนอให้สำนักการระบายน้ำกรุงเทพมหานครเตรียมความพร้อมตามแผนปฏิบัติการเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ ในส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากเดิมที่กำหนดให้มีจำนวนไม่เกิน ๑๒ คน เป็นให้มีจำนวนไม่เกิน ๑๕ คน และให้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรม พ.ศ. ๒๕๕๔ อีก ๒ ปี จากเดิมที่กำหนดระยะเวลาใช้บังคับไว้ ๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ ซึ่งจะสิ้นสุดการใช้บังคับในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาโดยด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
               ๒. อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติในส่วนที่จะต้องดำเนินการในปี ๒๕๕๗ โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณโดยตรง สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
          ๑. นายรัฐวุฒิ สุขมี
          ๒. นายธีรพล โตพันธานนท์
          ๓. นายเกียรติภูมิ วงศ์รจิต
          ๔. นายสุขุม กาญจนพิมาย