ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1254 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 25061 - 25080 จากข้อมูลทั้งหมด 124360 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 25061 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... | มท | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดกระบี่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 25062 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนและอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตที่ต้องออกเป็นหนังสือในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน พ.ศ. .... | คค | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนและอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตที่ต้องออกเป็นหนังสือในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนและอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตที่ต้องออกเป็นหนังสือในเขตท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและความสะดวกแก่การควบคุมดูแล จัดระเบียบการจราจรและระบบการขนส่งทางน้ำ ตลอดจนการควบคุมมลภาวะทางน้ำและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 25063 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ศุลกากรตามแนวชายแดนรับชำระภาษี และออกใบเสร็จรับเงินค่าภาษีอากรปากระวาง การนำไม้ ไม้แปรรูป หรือสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ถูกต้อง และไม่ตรงตามประเภทของสินค้าไม้ | ปช | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่เสนอแนวทางแก้ไขและข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ศุลกากรตามแนวชายแดนรับชำระภาษี และออกใบเสร็จรับเงินค่าภาษีอากรปากระวาง การนำไม้ ไม้แปรรูป หรือสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดที่ทำด้วยไม้ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ถูกต้องและไม่ตรงตามประเภทของสินค้าไม้ เพื่อพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามนัยมาตรา ๑๙ (๑๑) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ความโปร่งใสในการดำเนินการ (๑) ให้การพิจารณาประเมินภาษีอากรปากระวางกระทำในรูปของคณะทำงานเพื่อความโปร่งใสในการดำเนินการ โดยคณะทำงานประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ศุลกากร ผู้แทนหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องที่สามารถประสานงานให้เข้าร่วมการพิจารณาประเมินภาษีอากรปากระวางได้ทันท่วงที ตัวแทนชุมชน และตัวแทนภาคเอกชน (๒) ให้เจ้าหน้าที่บันทึกภาพเป็นหลักฐานสำหรับประกอบดุลพินิจในการกำหนดอัตราภาษีเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจที่ขัดต่อพยานหลักฐาน ซึ่งจะเป็นการป้องกันการทุจริตได้อีกทางหนึ่ง และ (๓) ให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาประมาณการราคาที่ชัดเจนในลักษณะของคู่มือในการปฏิบัติงาน ๑.๒ กระบวนการกรมศุลกากรควรกำหนดให้มีระเบียบหลักเกณฑ์เรื่องการสับเปลี่ยนหมุนเวียนเจ้าหน้าที่ศุลกากรในเวลาที่เหมาะสม โดยให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนดำรงตำแหน่งอยู่ในพื้นที่เดิมเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๔ ปี ๑.๓ ในการนำไม้เข้ามาในราชอาณาจักร นอกจากกฎหมายของกรมศุลกากรแล้ว อาจมีการใช้กฎหมายอื่น เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ ในการพิจารณาเกี่ยวกับการนำเข้าด้วย ๑.๔ ให้มีการติดตาม ประเมินผล ตลอดจนติดตามการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เพื่อปรับใช้มาตรการให้ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ๑.๕ หากการดำเนินการตามข้อเสนอแนะในเรื่องนี้ปรากฏผลสำเร็จในการป้องกันหรือปราบปรามการทุจริต ก็ให้นำข้อเสนอแนะดังกล่าวข้างต้นไปปรับใช้กับการรับชำระภาษี และออกใบเสร็จรับเงินค่าภาษีอากรสำหรับสินค้าประเภทอื่น ๆ ตามที่เห็นสมควรด้วย ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชุมหารือกำหนดวิธีการและแนวทางในการปฏิบัติ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตามองค์ประกอบคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ และให้กระทรวงการคลังจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้วสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ป.ป.ช. ต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 25064 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม (จำนวน 5 คน 1. นายเรืองนาม ใจกว้าง ฯลฯ) | มท | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม จำนวน ๕ คน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายเรืองนาม ใจกว้าง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโรงแรม ประเภท ๑ ๒. นายสิทธิพร หาญญานันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโรงแรม ประเภท ๒ ๓. นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโรงแรม ประเภท ๓ ๔. นายนพดล คูเกษมรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโรงแรม ประเภท ๔ ๕. นายนิรวัชช์ ปุณณกันต์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านโรงแรม
|
||||||||||||||||||
| 25065 | การดำเนินงานสนับสนุนงานด้านความมั่นคงของภาครัฐ (การลงทะเบียนการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงิน และการลงทะเบียนการใช้บริการอินเทอร์เน็ตแบบ Free WiFi) | กสทช | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการลงทะเบียนการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงินและการลงทะเบียนการใช้บริการอินเทอร์เน็ตแบบ Free WiFi ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) เสนอ โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และให้ดำเนินการ ดังนี้
๑. ให้ประชาชนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงินทุกคนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน ให้ลงทะเบียนให้เสร็จสิ้นภายใน ๖ เดือน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) และให้สำนักงาน กสทช. ติดตามและประเมินผล หากไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ให้สำนักงาน กสทช. เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณากำหนดมาตรการบังคับทางกฎหมายที่เหมาะสมต่อไป ๒. ให้ประชาชนลงทะเบียนแสดงตัวตนในการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบ Free WiFi และให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต รวมทั้งผู้จัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตแบบ Free WiFi สนับสนุนการลงทะเบียนผู้ใช้บริการดังกล่าว ทั้งนี้ ให้สำนักงาน กสทช. เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบในการดำเนินงานและให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ ให้การสนับสนุน รวมทั้งขอความร่วมมือภาคเอกชนตามที่สำนักงาน กสทช. ร้องขอ โดยการดำเนินงานในส่วนของสำนักงาน กสทช. นั้น ให้ดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณของสำนักงาน กสทช. ๓. ให้สำนักงาน กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่เห็นควรมีมาตรการในการบริหารจัดการสำหรับการลงทะเบียนการใช้บริการ Free WiFi เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานกรอกรายละเอียดที่เป็นความจริง เป็นตัวตนที่แท้จริง และควรมีกลไก แนวปฏิบัติ และการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนยกเลิกการลงทะเบียนทันทีทุกครั้งเมื่อเลิกใช้ซิม ทิ้งซิม หรือซิมถูกขโมย รวมทั้งหามาตรการสำหรับบริหารจัดการหรือป้องกันในกรณีที่เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการอาจใช้โทรศัพท์มือถือแอบเรียกใช้โปรแกรมอื่นเพื่อถ่ายรูปบัตรประชาชนของผู้ใช้งานและจัดเก็บไว้เพื่อไปดำเนินกิจกรรมที่มิชอบ นอกจากนี้ ควรกำหนดหน่วยงานที่มีหน้าที่เป็นผู้เก็บรักษาหรือมีสิทธิเข้าถึงฐานข้อมูลทะเบียนดังกล่าว ตลอดจนพิจารณารูปแบบแนวทางการลงทะเบียนในแต่ละพื้นที่ให้เหมาะสมโดยเฉพาะพื้นที่ชนบทห่างไกล และควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญและร่วมมือในการลงทะเบียนดังกล่าว รวมทั้งพิจารณารูปแบบแนวทางการลงทะเบียนในแต่ละพื้นที่ให้เหมาะสมโดยเฉพาะพื้นที่ชนบทห่างไกล ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
| 25066 | ขออนุมัติเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม | วธ | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณกรณีเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณแนวทางรถไฟสายบางซื่อ-คลองตัน เป็นระยะเวลา ๓ ปี ตั้งแต่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖-๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ อัตราค่าเช่าที่ดินปีละ ๖,๗๕๓,๕๔๐ บาท วงเงินทั้งสิ้นจำนวน ๒๐,๒๖๐,๖๒๐ บาท โดยค่าเช่าในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ไว้แล้ว จำนวน ๑๑,๑๑๔,๘๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๒,๓๙๒,๒๘๐ บาท ให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มาดำเนินการ สำหรับค่าเช่าในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๖,๗๕๓,๕๔๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ในส่วนการทำบันทึกต่อท้ายสัญญาเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย มีกำหนดระยะเวลา ๓ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖-๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ นั้น ให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรมดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
||||||||||||||||||
| 25067 | สรุปรายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 - 2556 | นร12 | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๖ โดยการประเมินผลองค์การมหาชนฯ จำนวน ๑๔ หน่วยงาน ซึ่งจำแนกเป็น ๒ กลุ่ม คือ องค์การมหาชนฯ ที่อยู่ในระบบการประเมินทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง จำนวน ๘ แห่ง และองค์การมหาชนฯ ที่มีระบบการประเมินผลตนเอง จำนวน ๖ แห่ง มีผลงานบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งและพันธกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยองค์การมหาชนฯ ส่วนใหญ่มีผลการประเมินสูงกว่าเป้าหมาย (คะแนนมากกว่า ๓.๐๐๐๐ คะแนนขึ้นไป) จากคะแนนเต็ม ๕.๐๐๐๐ คะแนน โดยคะแนนเฉลี่ยผลการประเมินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ คือ ๔.๑๙๙๑ คะแนน ซึ่งองค์การมหาชนฯ ที่มีผลคะแนนรวมสูงสุด คือ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ ๔.๗๒๐๐ คะแนน และคะแนนเฉลี่ยผลการประเมินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ คือ ๔.๑๐๙๒ คะแนน ซึ่งองค์การมหาชนฯ ที่มีผลคะแนนรวมสูงสุด คือ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้ ๔.๘๕๐๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
|
||||||||||||||||||
| 25068 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... | มท | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
| 25069 | ร่างพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. .... | รง | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดดำเนินการเสนออนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๔๙ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบการให้สัตยาบันก่อนเสนออนุสัญญาดังกล่าว และร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยแรงงานทางทะเล พ.ศ. .... ไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาไปพร้อมกัน ๒. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้มีกฎหมายที่คุ้มครองเจ้าของเรือและคนประจำเรือโดยเฉพาะ ตลอดจนให้มีกฎหมายที่สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๔๙ ตามมาตรฐานสากล รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมในการให้สัตยาบันอนุสัญญาฉบับดังกล่าวในอนาคต ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพร้อมกับอนุสัญญาแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๔๙ ต่อไป ๓. มอบให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รับไปกำกับดูแลการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมงทางทะเลดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||
| 25070 | ร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... | สธ | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. ๒๕๒๕ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ทั่วโลกได้เผชิญกับการระบาดของโรคที่มีสาเหตุทั้งจากเชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่และสายพันธุ์เก่า และพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้มีการนำเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ หรืออาจนำไปใช้ในทางที่เป็นอันตรายต่อสาธารณชนอย่างกรณีการใช้เป็นอาวุธชีวภาพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ทั้งนี้ ให้แก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ โดยให้อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ และผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นกรรมการโดยตำแหน่งในคณะกรรมการดังกล่าวด้วย ตามความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||
| 25071 | การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาเพื่อการรวบรวมกฎเกณฑ์บางประการเกี่ยวกับการรับขนระหว่างประเทศทางอากาศ และร่างพระราชบัญญัติการรับขน ทางอากาศระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาเพื่อการรวบรวมกฎเกณฑ์บางประการเกี่ยวกับการรับขนระหว่างประเทศทางอากาศ และให้นำอนุสัญญาดังกล่าวเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อให้ความเห็นชอบ ตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ต่อไป ทั้งนี้ การภาคยานุวัติให้กระทำได้เมื่ออนุสัญญาฯ ได้รับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และร่างพระราชบัญญัติการรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาเพื่อการรวบรวมกฎเกณฑ์บางประการเกี่ยวกับการรับขนระหว่างประเทศทางอากาศ ซึ่งเป็นอนุสัญญาที่กำหนดและรวบรวมกฎเกณฑ์ที่เป็นรูปแบบเดียวกันเกี่ยวกับการรับขนระหว่างประเทศทางอากาศซึ่งคนโดยสาร สัมภาระ และของ พร้อมทั้งกำหนดสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดของผู้ขนส่งที่มีต่อคนโดยสาร ผู้ตราส่ง และผู้รับตราส่ง และระหว่างผู้ขนส่งทางอากาศด้วยกัน และเป็นการออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามอนุสัญญาดังกล่าว และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการตั้งข้อสงวนตามข้อ ๕๗ ของอนุสัญญาฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. อนุมัติให้นำวิธีการอนุญาโตตุลาการมาใช้ในการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจากอนุสัญญาฯ |
||||||||||||||||||
| 25072 | ขอความเห็นชอบการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage) และร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ. .... | วธ | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Convention for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage) เพื่อเป็นการแสดงเจตจำนงทางนโยบายของประเทศไทยที่ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในเวทีระหว่างประเทศเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทย และให้เสนออนุสัญญาฯ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมหรือคุ้มครองการใช้ประโยชน์จากวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ รวมทั้งเป็นการออกกฎหมายเพื่ออนุวัติการตามอนุสัญญาว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการตั้งงบประมาณรายจ่ายค่าบำรุงสมาชิกที่ต้องจ่ายให้แก่กองทุนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ทุกสองปี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเกี่ยวกับการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ต่อไป เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบอนุสัญญาฯ และเมื่อร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ พ.ศ. .... มีผลบังคับใช้แล้ว ๕. ให้กระทรวงวัฒนธรรมทำแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน ๙ เดือน และ ๑ ปี เกี่ยวกับการคุ้มครองและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยให้เป็นรูปธรรม เช่น การขึ้นทะเบียนปราชญ์ชาวบ้าน ภูมิปัญญาท้องถิ่นในเรื่องต่าง ๆ ให้ชัดเจนตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) รวมทั้งกำหนดมาตรการเพื่อคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในเรื่องดังกล่าวด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๑ เดือน ต่อไป |
||||||||||||||||||
| 25073 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเบลารุสว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการ | กต | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ความเห็นชอบต่อร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเบลารุสว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการ โดยร่างความตกลงฯ จัดทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการของแต่ละฝ่ายในการเดินทางเข้า-ออก เดินทางผ่าน และพำนักอยู่ในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตราเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๙๐ วัน นับจากวันเดินทางเข้ามา รวมถึงผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นสมาชิกในคณะผู้แทนทางการทูตหรือในสถานทำการกงสุลหรือเป็นผู้แทนประจำองค์การระหว่างประเทศในดินแดนของอีกฝ่ายด้วย โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของร่างความตกลงฯ และไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ ๑.๓ อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งฝ่ายเบลารุสเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการจัดกลุ่มประเภทหนังสือเดินทางและตรวจสอบการให้สิทธิในการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางแต่ละประเภทให้ชัดเจนและเป็นไปตามหลักการต่างตอบแทนกับประเทศต่าง ๆ รวมทั้งเสนอแนวทางปรับปรุงการให้สิทธิที่เหมาะสม และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนดำเนินการต่อไป นอกจากนั้น ให้เร่งรัดระบบการยื่นขอวีซ่าผ่านทางอินเทอร์เน็ต (Electronic Visa) ให้แล้วเสร็จก่อนปลายปี ๒๕๕๘ เพื่อเตรียมการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนด้วย |
||||||||||||||||||
| 25074 | การตรวจสอบการใช้จ่ายเงินในการดำเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 25 เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 | นร04 | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินในการดำเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ครั้งที่ ๒๕ เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ดังนี้
๑. กรณีที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอมานี้เป็นการเสนอข้อเสนอแนะของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่มีขึ้นเพื่อให้มีการพิจารณาหาผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดจากการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปครั้งที่ ๒๕ เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ และกำหนดมาตรการหรือวิธีการปฏิบัติในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อไปเพื่อให้บรรลุผลการเลือกตั้งสำเร็จตามวัตถุประสงค์ กรณีดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีมีดุลยพินิจพิจารณาดำเนินการเรื่องดังกล่าวได้ตามที่เห็นสมควร ๒. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินในกรณีนี้ ก็ยังมีหน้าที่ต้องแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อที่จะทราบว่าความเสียหายที่เกิดจากการกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ตามพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่หรือผู้ใด และจะต้องรับผิดชอบตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ หรือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แล้วแต่กรณี ๓. สำหรับการกำหนดมาตรการหรือวิธีการปฏิบัติในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อไป เนื่องจากในการจัดการเลือกตั้งมีหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก การพิจารณาเรื่องดังกล่าวจึงสมควรพิจารณาความเห็นของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย นอกจากนี้ การกำหนดมาตรการหรือวิธีการปฏิบัติในการเลือกตั้งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบบการเลือกตั้งซึ่งมีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการยกร่างขึ้นตามมาตรา ๓๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กรณีจึงจำเป็นต้องพิจารณาดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||
| 25075 | ผลการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ครั้งที่ 5 (The 5th GMS Summit) | นร11 | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมสุดยอดผู้นำ ๖ ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๕ (The 5th GMS Summit) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงเทพมหานคร โดยผู้นำ ๖ ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงให้ความเห็นชอบแถลงการณ์ร่วมระดับผู้นำ (Joint Summit Declaration : JSD) มีสาระสำคัญในการผลักดันการดำเนินงานการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ใน GMS และผลักดันกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการดำเนินงานภายใต้ความตกลงการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Cross Border Transport Agreement : CBTA) ร่วมผลักดันการพัฒนาแนวเส้นทางคมนาคมในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงให้เป็นแนวระเบียงเศรษฐกิจผ่านการดำเนินงานภายใต้เวทีการหารือการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ (Economic Corridor Forum : ECF) และร่วมผลักดันการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการของกรอบการลงทุนของภูมิภาค (RIF-IP) ให้สามารถเกิดการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งรับทราบรายงานเรื่องแผนปฏิบัติการของกรอบการลงทุนของภูมิภาค (Regional Investment Framework-Implementation Plan : RIF-IP) และผลสรุปการประชุมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมหารือเพื่อการลงทุนในลุ่มแม่น้ำโขง การประชุมสภาธุรกิจ ๖ ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง การประชุมโต๊ะกลมภาคีหุ้นส่วนการพัฒนา และการประชุมหารือผู้แทนเยาวชนลุ่มแม่น้ำโขง ๒. เห็นชอบข้อเสนอแผนการดำเนินงานระยะเร่งด่วนเพื่อสนับสนุนแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS) และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการโดยประสานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒.๑ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง เร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมและขยายด่านพรมแดน ทั้งในส่วนของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกการค้าและคมนาคมขนส่งในอนุภูมิภาค รวมถึงเร่งผลักดันการพัฒนาเส้นทางรถไฟเชื่อมโยงอนุภูมิภาคและรถไฟความเร็วปานกลางระหว่างไทย-สปป.ลาว-จีนให้เป็นรูปธรรม ๒.๒ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง เร่งรัดการให้สัตยาบันต่อภาคผนวกและพิธีสารที่เหลืออยู่จำนวน ๖ ฉบับ ภายใต้ความตกลงการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Cross Border Transport Agreement : CBTA) ให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๘ ๒.๓ กระทรวงการคลัง และกระทรวงการต่างประเทศ สนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน และสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ ให้เป็นองค์กรความร่วมมือเพื่อการพัฒนาหลักในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อให้ความช่วยเหลือทั้งทางด้านการเงิน ด้านวิชาการ และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แก่ประเทศเพื่อนบ้านที่มีระดับการพัฒนาน้อยกว่าประเทศไทย ๒.๔ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน เร่งรัดศึกษาการจัดการผลกระทบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) การจัดการความเสี่ยงและป้องกันผลกระทบเนื่องมาจากภัยธรรมชาติและภัยพิบัติต่าง ๆ และร่วมหารือในความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเรื่องการป้องกันการค้ามนุษย์ และการเคลื่อนย้ายแรงงานผิดกฎหมาย ๒.๕ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานมหาวิทยาลัย สถาบันลุ่มแม่น้ำโขง สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและพัฒนา สำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ และธนาคารพัฒนาเอเชีย ร่วมกำหนดแนวทางความร่วมมือเพื่อพัฒนาองค์ความรู้และศักยภาพบุคลากรในอนุภูมิภาค ๒.๖ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงมหาดไทยผลักดันการดำเนินงานเพื่อสร้างความเข้าใจและเพิ่มการมีส่วนร่วมของจังหวัด ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจและพื้นที่ชายแดนโดยประสานความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา สื่อมวลชนและภาคีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ๒.๗ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานกระทรวงการต่างประเทศเร่งให้มีการหารือร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในเรื่องการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงกิจกรรมทางเศรษฐกิจซึ่งกันและกันได้ ๒.๘ สภาธุรกิจ GMS Business Forum (GMS-BF) ประเทศไทย เร่งศึกษาเพื่อจัดทำข้อเสนอการพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เร่งศึกษาแนวทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อป้องกัน ลดผลกระทบ และจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจเนื่องมาจากภัยพิบัติและภัยธรรมชาติ และเร่งรัดกำหนดมาตรฐานคุณภาพผู้ประกอบการขนส่งสินค้าร่วมกับผู้ประกอบการในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง |
||||||||||||||||||
| 25076 | ขอเช่ารถยนต์ส่วนกลาง เพิ่มเติม | พว | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักพระราชวังก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๓ เพื่อเช่ารถยนต์ส่วนกลางเพิ่มเติม จำนวน ๙ คัน ภายในวงเงิน ๑๔,๓๑๐,๐๐๐ บาท โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ แผนงานเทิดทูน พิทักษ์ และรักษาสถาบันมหากษัตริย์ ผลผลิตความสะดวกแด่พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ งบดำเนินงาน รายการค่าเช่ารถยนต์ส่วนกลาง ๗๑ คัน ที่เหลือจ่ายจำนวน ๑,๙๐๘,๐๐๐ บาท สำหรับดำเนินการเช่าระยะเวลา ๘ เดือน ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๕๒ เดือน วงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๒,๔๐๒,๐๐๐ บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ โดยให้สำนักพระราชวังเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมในแต่ละปีต่อไป ทั้งนี้ ให้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเกี่ยวกับอัตราค่าเช่ารถยนต์ที่สูงกว่าอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนดก่อนดำเนินการทำสัญญาเช่ารถยนต์ดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||
| 25077 | มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 เพิ่มเติม | นร07 | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพิ่มเติม ดังนี้ ๑.๑ กรณีส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ยังคงมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับความเห็นชอบแล้วและมีความพร้อมที่จะเริ่มดำเนินการหรือสามารถก่อหนี้ผูกพันได้ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายผลผลิตหรือโครงการโดยเร็ว ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเร่งดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ๑.๒ กรณีส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่ได้รับความเห็นชอบแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณแล้ว แต่คาดการณ์ว่าจะไม่สามารถเริ่มดำเนินการหรือก่อหนี้ผูกพันโครงการ/รายการได้ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ รวมถึงได้พิจารณาทบทวนความจำเป็นแล้วเห็นว่า โครงการ/รายการ ดังกล่าวหมดความจำเป็น หรือไม่สามารถดำเนินการ หรือมีความซ้ำซ้อน หรือได้ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว และมีงบประมาณเหลือจ่าย หรือคาดว่าจะไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ทันภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณจากโครงการ/รายการเดิมเพื่อนำไปดำเนินการ (๑) ดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ/นโยบายรัฐบาล ๑๑ ด้าน/ยุทธศาสตร์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๙ ด้าน/นโยบายความมั่นคง ซึ่งรวมถึงนโยบายสำคัญเร่งด่วนที่จำเป็นต้องแก้ไขปัญหา ๑๑ เรื่อง ได้แก่ การค้ามนุษย์ ยาเสพติด การจัดระเบียบพื้นที่สาธารณะ การแก้ปัญหาการบุกรุก การแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย การปฏิรูปสาธารณูปโภคพื้นฐาน การท่องเที่ยว การศึกษา การเชื่อมโยงเศรษฐกิจ และเขตเศรษฐกิจพิเศษ (๒) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนกรณีเร่งด่วนและตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างทั่วถึง เป็นธรรม ชัดเจน เช่น ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ การซ่อมแซม สิ่งสาธารณประโยชน์ เป็นต้น (๓) เป็นรายการงบประมาณที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจซึ่งสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน (๔) เป็นการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาของหน่วยงานในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมถึงการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณเพื่อสมทบในรายการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไม่เพียงพอ และโครงการ/รายการผูกพันที่ดำเนินการได้เร็วกว่าแผน (๕) ชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคหรือชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) หรือดำเนินโครงการ/รายการที่มีข้อผูกพันตามกฎหมาย และ (๖) เป็นรายการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนหากไม่ดำเนินการจะเกิดความเสียหายต่อทางราชการ รวมถึงรายการสำรวจออกแบบเพื่อให้มีความพร้อมในการเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเสนอคณะรัฐมนตรีที่รับผิดชอบและกำกับดูแลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เพื่อพิจารณาเห็นชอบภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ โดยเมื่อได้รับความเห็นชอบแล้ว ให้ดำเนินการขอปรับแผนฯ และโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณต่อสำนักงบประมาณตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ การโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณดังกล่าว ไม่ควรโอนงบประมาณไปเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศ ยกเว้นกรณีการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจตามสนธิสัญญาหรือที่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย ไม่ควรโอนงบประมาณไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อยานพาหนะ ค่าใช้จ่ายในการจ้างบุคลากร ที่จะก่อให้เกิดภาระงบประมาณระยะยาวในอนาคต จากนั้นให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นไปดำเนินการในโครงการ/รายการที่มีความพร้อมและสามารถเริ่มดำเนินการหรือก่อหนี้ผูกพันได้ภายในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และสามารถเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ๑.๓ งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการใด ๆ ที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นได้รับการจัดสรรงบประมาณไปใช้จ่ายบรรลุวัตถุประสงค์แล้วมีเงินเหลือจ่าย ให้ส่งคืนสำนักงบประมาณ แต่หากมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องนำไปใช้จ่ายในรายการอื่น ๆ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเสนอรัฐมนตรีที่รับผิดชอบกำกับดูแลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วจึงดำเนินการตามกฎหมาย ประกาศ และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๔ ให้สำนักงบประมาณนำผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบการพิจารณาในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ อย่างเข้มงวด ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรมีการวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคของแต่ละหน่วยงานเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่อการเบิกจ่ายงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการเบิกจ่ายโครงการที่ได้มีการทำสัญญาแล้ว เพื่อให้มีการเบิกจ่ายเป็นไปตามแผนงานและสามารถบรรลุเป้าหมายการเบิกจ่ายที่กำหนดไว้ รวมทั้งเร่งรัดการพิจารณากรณีที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นเสนอเรื่องขอโอนเปลี่ยนแปลงรายการปฏิบัติโดยเร็ว รวมถึงให้มีการปฏิบัติอย่างจริงจัง เรื่องการนำผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบการพิจารณาในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. เห็นชอบการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ โดยให้หน่วยงานดำเนินการตามขั้นตอนของการเร่งรัดการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ โดยให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลให้หัวหน้าส่วนราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่มีผลการเร่งรัดการเบิกจ่ายต่ำกว่าร้อยละ ๘๗ เร่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดใหม่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนร้อยละ ๘๗ ต่อไป สำหรับรายจ่ายลงทุนที่ทำสัญญาแล้วไม่มีผลการเบิกจ่ายงบประมาณ แต่มีผลงานที่ดำเนินการไปแล้วบางส่วน ซึ่งจะเป็นเม็ดเงินจากผู้รับจ้างที่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอีกช่องทางหนึ่ง ให้หน่วยงานรายงานความก้าวหน้าของผลการปฏิบัติงานในระบบเร่งรัดการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของสำนักงบประมาณด้วย ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ |
||||||||||||||||||
| 25078 | ขออนุมัติปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 - 2556 | นร | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ถอนความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการใช้เงินเหลือจ่ายสำหรับดำเนินโครงการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอเพิ่มเติม ๒. อนุมัติให้ปรับแผนปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๖ วงเงิน ๓๒,๘๐๐,๐๐๐ บาท จากเดิม จำนวน ๑๒ รายการ เป็น จำนวน ๖ โครงการ ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เสนอ และให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ขอทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป โดยแผนปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ขอปรับใหม่ ได้แก่ ๒.๑ โครงการสนับสนุนดำเนินงานโครงการพระราชดำริฯ และเป็นโครงการของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ งบประมาณ ๖,๖๕๘,๙๐๐ บาท ๒.๒ โครงการปรับปรุงซ่อมแซมพลับพลารวมใจประชาชน (พลับพลาบ้านละเวง) อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี งบประมาณ ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท ๒.๓ โครงการยกระดับมาตรฐานถนนเป็นแอสฟัลต์ติกคอนกรีต จำนวน ๒ สาย อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี งบประมาณ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒.๔ โครงการสนับสนุนกิจกรรมการแก้ไขปัญหายาเสพติด ประกอบด้วย (๑) โครงการปรับปรุงศูนย์พัฒนาชีวิตใหม่ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ค่ายปรับพฤติกรรมระดับจังหวัด) ตำบลปิยามุมัง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี และ (๒) โครงการศูนย์ศรัทธาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศูนย์บำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และครบวงจร) ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างเพิ่มเติมจากงบประมาณ ๑๐ ล้านบาท ของสำนักงาน ป.ป.ส. งบประมาณ ๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท ๒.๕ โครงการตรวจซ่อมแซมและติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดภายใน ศอ.บต. งบประมาณ ๕,๑๐๐,๐๐๐ บาท ๒.๖ โครงการปรับปรุงพัฒนาระบบความพึงพอใจการให้บริการประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ งบประมาณ ๑,๐๔๑,๑๐๐ บาท |
||||||||||||||||||
| 25079 | ขอเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการค่าก่อสร้างอาคารเรียน โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี จังหวัดราชบุรี | ศธ | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการค่าก่อสร้างอาคารเรียน โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี จังหวัดราชบุรี จากเดิม อาคารเรียนแบบ ๒๑๒ ล./๕๕ จำนวน ๑ หลัง วงเงิน ๑๒,๙๕๕,๐๐๐ บาท ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็น อาคารเรียนแบบพิเศษ ๔ ชั้น จำนวน ๑ หลัง วงเงิน ๒๔,๖๓๓,๐๐๐ บาท ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑,๙๔๓,๒๕๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๑,๐๑๑,๗๕๐ บาท ส่วนที่ขาดอยู่อีกจำนวน ๑๑,๖๗๘,๐๐๐ บาท ขอใช้เงินรายได้สถานศึกษาสมทบ ให้แก่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี จังหวัดราชบุรี ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ในส่วนของวงเงินค่าก่อสร้างให้กระทรวงศึกษาธิการ (โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี) ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง มาตรการการดำเนินการปรับลดค่างานก่อสร้างของหน่วยงานภาครัฐ) ตามความเห็นของกระทรวงการคลังด้วย |
||||||||||||||||||
| 25080 | ขออนุมัติงบกลางเพื่อดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ 2558 (เพิ่มเติม) พร้อมทั้งขอความเห็นชอบแนวทางการดำเนินงาน | อื่นๆ | 18/02/2558 | |||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงินจำนวน ๗,๘๐๑,๓๓๓,๘๐๐ บาท เพื่อดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดการดำเนินโครงการในส่วนที่รับผิดชอบให้แล้วเสร็จเกิดผลเป็นรูปธรรมภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ โดยเฉพาะโครงการเกี่ยวกับน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภค น้ำเพื่อการเกษตร การขุดลอกคูคลอง และการกักเก็บและการระบายน้ำ ทั้งนี้ ให้แผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ดังกล่าว ไม่อยู่ในข่ายต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) ๒. ในส่วนของโครงการบริหารจัดการน้ำระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องหรือเป็นโครงการที่จะต้องได้รับอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณก่อนการดำเนินการ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำพิจารณาทบทวนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจัดทำรายละเอียดของโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||
.....
