ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1253 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 25041 - 25060 จากข้อมูลทั้งหมด 124360 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 25041 | ร่างปฏิญญาเตหะราน | วท | 24/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาเตหะราน (Draft Tehran Declaration) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยรูปแบบความร่วมมือจะเกี่ยวกับการถ่ายทอดเทคโนโลยี การแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และบุคลากร ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำระหว่างประเทศสมาชิก และเป็นการแสดงถึงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกที่มุ่งส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างปฏิญญาเตหะรานในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมรับรองร่างปฏิญญาเตหะราน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25042 | ขออนุมัติการปรับปรุงแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ 2558 (เพิ่มเติม) ที่เป็นโครงการปีเดียว และขออนุมัติแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่เป็นโครงการต่อเนื่องหรือต้องก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พร้อมทั้งแนวทางดำเนินการที่เกี่ยวข้อง | สลธ.คสช. | 24/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเสนอ ๑.๑ อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการจากเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ แผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ที่เป็นโครงการปีเดียว ซึ่งได้เสนอขอปรับปรุงจากเดิม ๑,๖๔๑ รายการ เป็น ๑,๗๕๖ รายการ กรอบวงเงินจำนวน ๗,๘๐๑,๓๓๓,๘๐๐ บาท ๑.๒ อนุมัติงบประมาณ (งบกลาง) เพิ่มเติม สำหรับโครงการที่ใช้เวลาดำเนินงานมากกว่า ๑ ปี จำแนกเป็น งานผูกพันต่อเนื่อง สำหรับโครงการที่ดำเนินการด้วยวิธีดำเนินการเอง จำนวน ๗๗ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๔,๑๑๔,๙๖๖,๖๐๐ บาท และงานผูกพันสัญญา สำหรับโครงการที่ดำเนินการด้วยวิธีจ้างเหมาก่อสร้าง จำนวน ๕ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๔,๓๖๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ อนุมัติให้ส่วนราชการ/หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) ข้อ ๑.๖ สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ ๑.๔ อนุมัติแนวทางเพื่อการขับเคลื่อนและดำเนินการตามแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่กำหนด ดังนี้ ๑.๔.๑ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำหรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานกำกับดูแลและติดตามความก้าวหน้าแผนงาน/โครงการให้เป็นไปตามห้วงเวลาที่กำหนด ๑.๔.๒ เมื่อสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้ว หากมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดประกอบการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญซึ่งเป็นผลให้วัตถุประสงค์/เป้าหมายในการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ให้ส่วนราชการ/หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเรื่องต่อคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำหรือหน่วยงานที่ได้รับการมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ/ให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง ๑.๔.๓ หากมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดแผนงาน/โครงการนอกเหนือจากที่ระบุไว้ใน ๑.๔.๒ ที่ไม่เป็นสาระสำคัญหรือยังคงวัตถุประสงค์/เป้าหมายการดำเนินงานเดิมตามแผนงาน/โครงการส่วนราชการ/หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณโดยตรง ๑.๔.๔ มอบหมายให้สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางพิจารณากำหนดแนวทางเร่งรัดการดำเนินงานที่เหมาะสมกับการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ ๑.๔.๕ มอบหมายให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นหน่วยงานติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่วางไว้ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการและประชาชนที่จะได้รับเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ของแต่ละแผนงาน/โครงการ และหากแผนงาน/โครงการใดเข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) หรือต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ก็ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่โครงการให้เข้าใจอย่างถูกต้องโดยทั่วกันด้วย ๓. ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำประสานข้อมูลเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ให้กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบ เพื่อประโยชน์ในการประสานงานและกำกับติดตามการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องให้บรรลุผลต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 25043 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (นายนพพร ชื่นกลิ่น) | สธ | 24/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายนพพร ชื่นกลิ่น ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้นายนพพร ชื่นกลิ่น ลาออกจากตำแหน่งรองอธิบดีกรมควบคุมโรคก่อนลงนามในสัญญาจ้างต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25044 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (พลอากาศเอก ถาวร มณีพฤกษ์ และนายมณฑล สุดประเสริฐ) | อก | 24/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน ๒ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. พลอากาศเอก ถาวร มณีพฤกษ์ ๒. นายมณฑล สุดประเสริฐ (จากบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง ฉบับลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗)
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25045 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส) | กษ | 24/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสรรเสริญ อัจจุตมานัส ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25046 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 24/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และ ๑.๑ ให้รอการเสนอร่างพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติไว้ก่อน โดยให้เสนอพร้อมกับอนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๔๙ และให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดการเสนออนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๔๙ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายในระยะเวลาสามเดือนเพื่อเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ๑.๒ ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... ซึ่งได้แก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ แล้ว ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. มอบให้กระทรวงคมนาคมปรับแก้ไขคำแปลภาษาไทยของอนุสัญญาเพื่อรวบรวมกฎเกณฑ์บางประการเกี่ยวกับการรับขนระหว่างประเทศทางอากาศ ให้มีความสมบูรณ์และส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป ๓. เห็นชอบให้ส่งหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25047 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติการแต่งตั้งกงสุลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ณ จังหวัดสงขลา | กต | 24/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ ซึ่งอนุมัติแต่งตั้งนายตริโยโก จัตมีโก (Mr. Triyogo Jatmiko) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ณ จังหวัดสงขลา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม ๑๓ จังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดกระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา ระนอง สงขลา สตูล และสุราษฎร์ธานี เป็น อนุมัติแต่งตั้งนายตรีโยโก จัตมีโก (Mr. Triyogo Jatmiko) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ณ จังหวัดสงขลา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม ๑๔ จังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดกระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา ระนอง สงขลา สตูล และสุราษฎร์ธานี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25048 | ร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 24/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... ซึ่งได้แก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ แล้ว ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25049 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสมเกียรติ บุญรอด) | ศธ | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมเกียรติ บุญรอด ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25050 | ขออนุมัติแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สหรัฐเม็กซิโกประจำกรุงเทพมหานคร (นายณพ ณรงค์เดช) | กต | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายณพ ณรงค์เดช เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์สหรัฐเม็กซิโกประจำกรุงเทพมหานคร โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมกรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25051 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนประจำประเทศไทย (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) | กต | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งพลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์ เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ราชอาณาจักรฮัซไมต์จอร์แดนประจำประเทศไทยคนใหม่ สืบแทน นายจำนงค์ ภิรมย์ภักดี โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25052 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นายบัณฑิต ตั้งประเสริฐ) | นร | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายบัณฑิต ตั้งประเสริฐ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25053 | ผลการพิจารณาติดตามแผนงานและโครงการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของส่วนราชการที่ใช้งบประมาณแผ่นดินเกินกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป | ทก | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาติดตามแผนงานและโครงการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของส่วนราชการที่ใช้งบประมาณแผ่นดินเกินกว่า ๑๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โดยคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐได้พิจารณากลั่นกรองความเหมาะสม เสนอแนะแนวทางการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของส่วนราชการฯ โดยระหว่างวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๘ คณะกรรมการฯ ได้ให้ความเห็นชอบโครงการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของส่วนราชการ จำนวน ๒๕ หน่วยงาน รวม ๕๓ โครงการ วงเงินงบประมาณที่อนุมัติ จำนวน ๓๓,๒๙๔,๔๒๒,๑๖๗ บาท โดยได้ปรับลดวงเงินงบประมาณและสามารถประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้ ๗๙๓,๒๕๒,๓๑๗ บาท รวมทั้งได้ส่งเสริมให้มีการบูรณาการงบประมาณ เทคโนโลยี และการใช้ข้อมูลร่วมกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการ และเพื่อให้มีการใช้เกณฑ์มาตรฐานเดียวกันในการพิจารณาการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25054 | ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2558 | นร11 | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบเรื่องสำคัญ ได้แก่ ความคืบหน้าคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาสที่ ๔/๒๕๕๗ และแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ปี ๒๕๕๘ สถานการณ์ส่งออกเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ และแนวโน้ม ปี ๒๕๕๘ การสำรวจคุณภาพและการเร่งระบายสต็อกข้าว มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวปี ๒๕๕๘ และการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยว ความก้าวหน้าของโครงการผลิตสนามฟุตซอลจากยางพารา และการยื่นคำขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม รอบที่ ๒๑ ๒. ข้อสั่งการจากที่ประชุม ๒.๑ มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการขับเคลื่อนการส่งออกตามแนวทางภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งออกปี ๒๕๕๘ พร้อมทั้งกำหนดประเภทสินค้าส่งออกของไทยที่มีศักยภาพในแต่ละตลาด และติดตามความคืบหน้าของการระบายข้าวในสต็อก รวมทั้งให้ความสำคัญกับการตรวจสอบคุณภาพข้าวที่จำหน่ายในตลาด ๒.๒ มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมและรองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ติดตามความคืบหน้าของการอนุมัติโครงการที่ได้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนไปแล้ว และเร่งรัดให้มีการดำเนินการลงทุนโดยเร็ว ๒.๓ มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งดำเนินการ (๑) เร่งรัดแก้ไขปัญหาความปลอดภัย การหลอกลวงและเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว (๒) จัดทำแคมเปญประชาสัมพันธ์เพื่อให้นักท่องเที่ยวรับทราบถึงการจัดระเบียบด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งการยกระดับมาตรฐานของคุณภาพการให้บริการและความปลอดภัย (๓) ศึกษาขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยวของแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเพื่อกำหนดมาตรการการบริหารจัดการที่เหมาะสมต่อไป (๔) ดูแลสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ป้ายบอกทาง ห้องน้ำ ให้มีจำนวนที่เพียงพอและสะอาด และ (๕) เป็นเจ้าภาพหลักในการเจรจาและขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ และการกำหนดแคมเปญเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของการท่องเที่ยว ๒.๔ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมดูแลการจัดระเบียบและเพิ่มขีดความสามารถและมาตรฐานการให้บริการนักท่องเที่ยวในสนามบิน และสถานีขนส่งสาธารณะ รวมถึงการพัฒนาเส้นทางเพื่อเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาความแออัดของนักท่องเที่ยวในพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก ๒.๕ มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว อาทิ การยกเว้น/ลดหย่อนภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว รวมทั้งอาจพิจารณาจัดหาช่องทางเพิ่มเติมในการซื้อสินค้าปลอดภาษี ๒.๖ มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพิจารณาเสนอมาตรการที่ส่งเสริมความต้องการลู่-ลานกรีฑา และพื้นลานอเนกประสงค์ให้มากขึ้น เช่น การสนับสนุนงบประมาณในการสร้างสนามกีฬา การลดต้นทุนหรือเสนอเงื่อนไขเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการซื้อน้ำยางดิบ การกำหนดมาตรฐานและรับรองมาตรฐานลู่-ลานกรีฑา และศึกษาหาแนวทางความเป็นไปได้ในการนำยางพาราไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ๒.๗ มอบหมายให้กระทรวงพลังงานหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการนำระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contract : PSC) มาใช้สำหรับแปลงสำรวจในอ่าวไทยหมายเลข G3 G5 และ G6 โดยให้ดำเนินการอย่างรอบคอบ เหมาะสม และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ เป็นหลัก
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25055 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร07 | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๑,๓๒๕,๓๑๔ ล้านบาท (รวมเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจและเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๘ จำนวน ๖๑,๒๐๓ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25056 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศติดตามสถานการณ์ความไม่สงบจากการปะทะกันระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์บริเวณชายแดนเมียนมาที่ติดกับจีนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะประเด็นที่อาจมีผลกระทบต่อความร่วมมือต่าง ๆ ระหว่างไทยและเมียนมา ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ตรวจสอบการจดทะเบียนสมาคมของชาวโรฮิงญาว่ามีความถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ อย่างไร และพิจารณาหามาตรการดูแลกรณีดังกล่าว รวมทั้งเร่งดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ควบคุมผู้อพยพให้เพียงพอและอยู่ในสภาพที่เหมาะสมตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๑.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณากำหนดกลไกในการคัดเลือกและตรวจสอบชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีศักยภาพ โดยเน้นกลุ่มที่มีผลการเรียนที่ดีให้ได้รับสิทธิในการยื่นขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหากรณีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่มีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมเป็นจำนวนมากจนเกิดความแออัด และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ห้องสุขาไม่เพียงพอหรือชำรุด รวมทั้งควรบริหารจัดการให้มีผู้รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยและดูแลความสะอาดในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดูแลแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะอุทยานต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพที่สะอาดและปลอดภัย โดยกำหนดให้มีผู้รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและดูแลความสะอาดตามจุดต่าง ๆ รวมทั้งกำหนดมาตรการเพื่อรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวตระหนักถึงการรักษาความสะอาด และทิ้งขยะในที่ที่จัดเตรียมไว้ ๒.๓ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนที่แหล่งท่องเที่ยว เช่น แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ชุมชนตามวิถีไทย ให้มีความน่าสนใจ และแจกจ่ายตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น สนามบิน สถานีรถไฟ เพื่อจูงใจนักท่องเที่ยวและกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศให้กระจายไปตามจุดต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงวัฒนธรรม จัดทำหนังสือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทยสำหรับชาวต่างประเทศในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะศิลปวัฒนธรรมของไทย และหาช่องทางจำหน่ายหนังสือดังกล่าวในต่างประเทศ หรือสนามบิน ๒.๕ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับผู้ประกอบการกำหนดแนวทางการสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัฒนธรรมไทยและการผลักดันเพื่อเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ด้านวัฒนธรรม เช่น ดนตรี ภาพยนตร์ ภาพยนตร์ชุด (Series) ไปยังตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น ๒.๖ ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยออกมาตรการสินเชื่อ Nano Finance ให้กระทรวงการคลังรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการ เช่น จำนวนผู้ขอใช้สินเชื่อประเภทดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบ ๒.๗ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพาณิชย์ จัดทำมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ของผู้มีรายได้น้อยเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของประชาชนกลุ่มต่าง ๆ นั้น ให้หน่วยงานดังกล่าวคำนึงถึงมาตรการที่เป็นการสร้างความรู้ในการใช้จ่ายเงินและการสร้างวินัยการเงินให้แก่ประชาชนเพื่อลดปัญหาหนี้สินในระยะยาวอย่างยั่งยืน ๒.๘ ให้คณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษดำเนินการให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการในพื้นที่จังหวัดที่กำหนดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการสนับสนุนและขับเคลื่อนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ๒.๙ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกำหนดมาตรการในการส่งเสริมการปลูกกาแฟและยาสูบในพื้นที่ทางภาคเหนือเพื่อทดแทนการนำเข้า รวมทั้งคิดค้นและพัฒนาสายพันธุ์เมล็ดกาแฟและยาสูบของไทยให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ ๒.๑๐ ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายในการส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชชนิดเดียวกันเพื่อจัดตั้งเป็นสหกรณ์ เช่น เกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม ชาวสวนยาง ชาวนา เพื่อให้เกิดความสะดวกในการกำหนดมาตรการการช่วยเหลือของรัฐให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเกษตรกร นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการจัดตั้งและขึ้นทะเบียนบัญชีกลุ่ม/สหกรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ทั้งนี้ การรวมกลุ่มเกษตรกรแต่ละประเภทควรมีความเป็นเอกภาพและไม่มีหลายกลุ่มในพืชชนิดเดียวกัน ๒.๑๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาการถือครองที่ดิน ส.ป.ก. และกระบวนการดำเนินการกับกลุ่มที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือกลุ่มที่ถูกหลอกลวง การนำที่ดินกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งพิจารณาบทบัญญัติกฎหมายที่ใช้บังคับในปัจจุบันว่ามีอุปสรรคหรือครอบคลุมการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้หรือไม่ประการใด แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปลูกป่าทดแทนในพื้นที่ป่าซึ่งได้ความเสียหายเนื่องจากการบุกรุกพื้นที่และดำเนินการให้เกิดป่าชุมชนเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงได้รับประโยชน์จากป่าและมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าเหล่านั้นให้คงอยู่และสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองหรือมีที่ดินไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ และส่งเสริมให้เกษตรกรเพาะปลูกตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เกี่ยวกับป่า ๓ อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง คือ ปลูกไม้ใช้สอย ไม้กินได้ ไม้เศรษฐกิจ โดยได้รับประโยชน์จากป่าไม้ทั้งสามประเภท รวมทั้งประโยชน์ในการช่วยอนุรักษ์ดินและน้ำด้วย ๒.๑๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาหาแนวทางการสนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตรเพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนให้แก่เกษตรกร โดยเน้นการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ เครื่องจักร และเครื่องมือทำการเกษตร และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชและสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกรนำไปเพาะปลูก รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม พิจารณาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยพิจารณาความเป็นไปได้ในการออกบัตรอเนกประสงค์ (smart card) สำหรับการโดยสารระบบขนส่งสาธารณะและซื้อปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ เป็นต้น ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำติดตามสถานการณ์ภัยแล้งอย่างใกล้ชิด และให้พิจารณากำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน เช่น การขุดบ่อน้ำบาดาล การดูแลรักษาแหล่งน้ำตามธรรมชาติ หรือกำหนดเส้นทางส่งน้ำจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เพื่อให้สามารถเก็บกักน้ำได้มากขึ้น ๓.๒ ให้ทุกกระทรวงมอบหมายให้ทีมโฆษกของกระทรวงมีหน้าที่กลั่นกรองข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์รายวัน เมื่อตรวจสอบพบว่าข้อมูลที่สื่อรายงานมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง ให้จัดทำเอกสารชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องโดยทันที รวมทั้งให้จัดทำเอกสารข่าวกระทรวงเพื่อแจกสื่อให้รับทราบถึงผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาลของกระทรวงนั้น ๆ โดยใช้ภาษาที่เข้าใจได้ง่ายเพื่อสร้างการรับรู้ต่อสาธารณชนได้อย่างชัดเจน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25057 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 10 | กห | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๑๐ เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งมีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทยร่วมกับพลเอก เตียบันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นประธานร่วม เพื่อรายงานความก้าวหน้าของความร่วมมือระหว่างกองทัพไทยและกองทัพกัมพูชา รวมทั้งเพื่อพิจารณาประเด็นหารือ ๒ ด้าน รวม ๑๗ ประเด็น ดังนี้
๑. ด้านความความมั่นคงและการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดน มีประเด็นสำคัญ ๘ ด้าน ได้แก่ จุดผ่านแดนและการสัญจรข้ามแดน ความร่วมมือด้านแรงงาน ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ายาเสพติด ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามการก่ออาชญากรรมอื่น ๆ ในพื้นที่ชายแดน ความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด การส่งเสริมความปลอดภัยทางทะเล และการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยกับหน่วยทหารและตำรวจของกัมพูชาในพื้นที่ชายแดน ๒. ความร่วมมือด้านอื่น ๆ มีประเด็นสำคัญ ๙ ด้าน ได้แก่ ความร่วมมือด้านการค้าบริเวณชายแดน ความร่วมมือด้านการเกษตร ความร่วมมือด้านสาธารณสุข ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ความร่วมมือด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ความร่วมมือด้านการบรรเทาสาธารณภัย ความร่วมมือแก้ไขปัญหาที่อาจเป็นข้อขัดแย้งซึ่งส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา (ระหว่างการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ยังไม่แล้วเสร็จ) และประเด็นอื่น ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25058 | การเปิดตลาดสินค้าเกษตรตามข้อผูกพันองค์การการค้าโลก (WTO) | กษ | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการเปิดตลาดนำเข้าหอมหัวใหญ่และเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ สำหรับปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ โดยหอมหัวใหญ่ให้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด เป็นผู้บริหารการนำเข้า และสำหรับเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ ให้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด เป็นผู้นำเข้าแต่เพียงผู้เดียว โดยการดำเนินการทั้งสองสินค้าให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการจัดการการผลิตและการตลาดกระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด รับซื้อผลผลิตหอมหัวใหญ่ทั้งหมดจากเกษตรกรในราคาตลาด และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งเสริมและพัฒนาปรับปรุงเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ให้ตรงกับความต้องการใช้ในประเทศเพื่อให้สามารถแข่งขันกับสินค้าหอมหัวใหญ่ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และเพื่อเป็นการนำเข้าหอมหัวใหญ่ในอนาคต รวมทั้งให้กำหนดมาตรการรองรับการนำเข้าหอมหัวใหญ่ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศด้วย ๑.๒ เห็นชอบการเปิดตลาดหัวพันธุ์มันฝรั่งและหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป สำหรับปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ โดยจัดสรรให้นิติบุคคลภายใต้เงื่อนไขที่คณะอนุกรรมการจัดการการผลิตและการตลาดกระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง กำหนด โดยผู้นำเข้าต้องทำสัญญารับซื้อผลผลิตมันฝรั่งสดทั้งหมดจากเกษตรกรในราคาตลาด โดยขั้นต่ำราคาในฤดูแล้งกิโลกรัมละ ๑๐.๔๐ บาท และฤดูฝนกิโลกรัมละ ๑๔ บาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานกรรมการนโยบายและพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้งดเว้นการนำเข้าในช่วงที่ผลผลิตของเกษตรกรออกสู่ตลาด และก่อนสิ้นสุดการนำเข้าในปีแรก ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประเมินผลการดำเนินงาน ราคานำเข้า ราคาตลาด เพื่อกำหนดราคาในปีต่อไปที่เป็นธรรมต่อผู้ผลิต รวมทั้งกำหนดมาตรการรองรับการนำเข้าหัวมันฝรั่งสดที่อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการเปิดตลาดในปีต่อไป และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งเสริมการปลูกมันฝรั่งพันธุ์โรงงานในประเทศโดยพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ให้ตรงกับความต้องการใช้ในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น สามารถแข่งขันกับสินค้าหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูปที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และเพื่อเป็นการลดการนำเข้าหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูปในอนาคต ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับเรื่องร้องเรียนของสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ฝาง จำกัด ไปพิจารณาดำเนินการรวมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ร้องเรียนให้ชัดเจนก่อนที่จะอนุมัติโควตา ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเปิดตลาดนำเข้าสินค้าเกษตรต้องเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องตามหลัก ๓ ประการคือ (๑) การป้องกันการขาดแคลนสินค้าในประเทศ (๒) การส่งเสริมการเพาะปลูกในประเทศให้เพียงพอและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดในประเทศ และ (๓) การป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ และความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาขยายปริมาณโควตาการนำเข้าหัวมันฝรั่งสดเพื่อแปรรูป ควรพิจารณาผลกระทบต่อนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการปลูกมันฝรั่งพันธุ์โรงงานและการปลูกพืชอื่นที่ไม่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบทั้งต่อเกษตรกรและโรงงานแปรรูป และหากสินค้าที่ไทยไม่สามารถผลิตได้ภายในประเทศ แต่มีความต้องการในประเทศ อาจพิจารณายกเลิกการจำกัดโควตา เช่น สินค้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ เพื่อให้มีการนำเข้าได้อย่างเสรีด้วยอัตราภาษีที่ต่ำ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร นอกจากนี้ ควรมีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันสถานการณ์ และควรเร่งรัดการวิจัยและพัฒนาพันธุ์และเพิ่มการผลิตเมล็ดพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ไปดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 25059 | ขออนุมัติเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานคดีเยาวชนและครอบครัว | อส | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับเรื่อง ขออนุมัติเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานคดีเยาวชนและครอบครัว ไปหารือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย และสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาทบทวนอัตราการเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยในกรณีนี้ให้เหมาะสมและไม่เป็นภาระงบประมาณในระยะยาว แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 25060 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหาดเสี้ยว จังหวัดสุโขทัย พ.ศ. .... | มท | 18/02/2558 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหาดเสี้ยว จังหวัดสุโขทัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับใช้ผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลป่างิ้ว ตำบลหาดเสี้ยว และตำบลหนองอ้อ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
.....
