ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1103 จากทั้งหมด 6217 หน้า แสดงรายการที่ 22041 - 22060 จากข้อมูลทั้งหมด 124327 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22041 | สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2558/2559 ครั้งที่ 6 | กษ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ และครั้งที่ ๖ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ ๑.๑.๑ สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ จำนวน ๓๓ แห่ง มีปริมาณน้ำรวม ๔๐,๕๙๑ ล้านลูกบากศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๘ ของปริมาตรน้ำกักเก็บทั้งหมด เป็นน้ำใช้การได้ ๑๗,๐๘๘ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๓๖ ของปริมาตรน้ำใช้การทั้งหมด ๑.๑.๒ การจัดสรรน้ำ ช่วงวันที่ ๑ พฤศจิกายน-๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ อ่างเก็บน้ำใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ ใช้น้ำไปแล้ว ๗๒๕ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๗ ของแผนการจัดสรรน้ำ ส่วนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลอง) ใช้น้ำไปแล้ว ๕๙๔ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๐ ของแผนการจัดสรรน้ำ ๑.๑.๓ การบริหารจัดการน้ำและอาคารชลประทานในลุ่มน้ำเจ้าพระยาช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ช่วงวันที่ ๘-๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ กำหนดแผนการระบายน้ำจากเขื่อน จำนวน ๖ เขื่อน ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนนเรศวร และเขื่อนเจ้าพระยา ๑.๑.๔ สถานการณ์เพาะปลูกข้าวในเขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา ณ วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ ปลูกข้าวนาปี ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๖.๔๐ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว จำนวน ๕.๖๙ ล้านไร่ เสียหาย จำนวน ๐.๐๒ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว จำนวน ๐.๖๙ ล้านไร่ ปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑.๗๕ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว จำนวน ๐.๓๕ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว จำนวน ๑.๔๐ ล้านไร่ และปลูกข้าวนาปรัง ปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ จำนวน ๑.๒๙ ล้านไร่ ๑.๒ สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ ๑.๒.๑ สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ จำนวน ๓๓ แห่ง มีปริมาณน้ำรวม ๔๐,๗๒๖ ล้านลูกบากศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๗ ของปริมาตรน้ำกักเก็บทั้งหมด เป็นน้ำใช้การได้ ๑๖,๘๒๓ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๓๖ ของปริมาตรน้ำใช้การทั้งหมด ๑.๒.๒ การจัดสรรน้ำ ช่วงวันที่ ๑ พฤศจิกายน-๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ อ่างเก็บน้ำใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ ใช้น้ำไปแล้ว ๘๖๙ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๘ ของแผนการจัดสรรน้ำ ส่วนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลอง) ใช้น้ำไปแล้ว ๘๐๓ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๔ ของแผนการจัดสรรน้ำ ๑.๒.๓ การบริหารจัดการน้ำและอาคารชลประทานในลุ่มน้ำเจ้าพระยาช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ช่วงวันที่ ๑๔-๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ กำหนดแผนการระบายน้ำจากเขื่อน จำนวน ๖ เขื่อน ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนนเรศวร และเขื่อนเจ้าพระยา ๑.๒.๔ สถานการณ์เพาะปลูกข้าวในเขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา ณ วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ ปลูกข้าวนาปี ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๖.๔๐ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว จำนวน ๕.๙๔ ล้านไร่ เสียหาย จำนวน ๐.๐๒ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว จำนวน ๐.๔๔ ล้านไร่ ปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑.๗๕ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว จำนวน ๐.๖๒ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว จำนวน ๑.๑๓ ล้านไร่ และปลูกข้าวนาปรัง ปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ จำนวน ๑.๔๙ ล้านไร่ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันในการบริหารจัดการน้ำของประเทศทั้งระบบเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการใช้น้ำในระยะต่อไป โดยเฉพาะในกรณีที่พื้นที่เก็บน้ำไม่ตรงกับพื้นที่ที่ต้องการใช้น้ำ ให้พัฒนาในเรื่องระบบท่อส่งน้ำและระบบการกระจายน้ำ ตลอดจนการปรับปรุงแหล่งกักเก็บน้ำที่มีอยู่เดิมให้สามารถใช้งานได้ ทั้งนี้ ในการดำเนินการให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนและให้สร้างการรับรู้เรื่องวินัยการใช้น้ำให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่องด้วย
|
|||||||||||||||||||||
22042 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 21 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (IMT - GT) | นร11 | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๑ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ เมืองอลอสตาร์ รัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีรัฐบาลมาเลเซียเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ การประชุมประกอบด้วย การประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๑ การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ ๒๒ และการประชุมระดับมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด ครั้งที่ ๑๒ สาระสำคัญของการประชุม เช่น การขับเคลื่อนแผนงาน IMT-GT โดยมีวิสัยทัศน์และยุทธศาสตร์ที่ยังสามารถสนองความเปลี่ยนแปลงในระยะ ๑๐-๒๐ ปีในอนาคต การขับเคลื่อนโครงการเร่งด่วนเพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงระหว่างอนุภูมิภาคและกับอาเซียน ตามแนวพื้นที่เชื่อมโยงอนุภูมิภาค IMT-GT และโครงการสำคัญอื่น ๆ ความร่วมมือกับสภาธุรกิจ IMT-GT ความร่วมมือกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) และความร่วมมือกับสำนักงานเลขาธิการอาเซียน ๑.๒ ที่ประชุมเห็นชอบและให้ความเห็นเพิ่มเติมต่อรายงานของธนาคารพัฒนาเอเชีย ซึ่งให้การสนับสนุนทางวิชาการอย่างต่อเนื่องด้านการพัฒนาเมืองสีเขียว การอำนวยความสะดวกทางการค้า การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดน การพัฒนาฐานข้อมูลสถิติ IMT-GT เพื่อเป็นตัวชี้วัดที่มีประสิทธิภาพของแผนงาน การพัฒนาศักยภาพบุคลากร การพัฒนาความเชื่อมโยงทางองค์กรกับอาเซียน และการทบทวนระยะกลางของแผนดำเนินงานระยะห้าปีฉบับปัจจุบัน (IMT-GT Implementation Blueprint 2012-2016) ๑.๓ ที่ประชุมเห็นชอบที่ไทยรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๒ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แผนงาน IMT-GT ในช่วงประมาณปลายเดือนกรกฎาคม-ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๙ ณ จังหวัดพังงา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะหน่วยงานหลักควรมีการหารือและติดตามผลการดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่เป็นรูปธรรมต่อไป และเห็นควรให้ความสำคัญกับปัญหามลพิษทางอากาศ (หมอกควันข้ามพรมแดน) ที่มีผลกระทบด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศทั้งสามฝ่าย รวมทั้งให้การสนับสนุนทางวิชาการเพื่อช่วยผลักดันการดำเนินงานเพื่อการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนและพื้นที่สีเขียวอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22043 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมืองตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) (นายอัครวัฒน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) | กก | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายอัครวัฒน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22044 | รายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย | สลธ.คสช. | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธานกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติรายงาน สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป ดังนี้ ๑.๑ การช่วยเหลือผู้ประกอบการประมงที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายในกรณีที่ต้องลดจำนวนเรือประมงให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำเพื่อรักษาดุลทางธรรมชาติ ในวงเงิน ๒๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่เหลือจ่าย ของกรมประมง จำนวน ๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน ๖,๙๓๒,๗๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๙๙,๐๖๗,๓๐๐ บาท ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของกรมประมง จำนวน ๕๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน ๑๔๓,๐๖๗,๓๐๐ บาท มาดำเนินการในโอกาสแรกก่อน ๑.๒ การจ้างบริษัทที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญในการทำงานกับสหภาพยุโรป เพื่อดำเนินการเชิงรุกในต่างประเทศโดยเฉพาะการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และมีนัยสำคัญแก่ผู้แทนสหภาพยุโรปที่รับผิดชอบโดยตรง ในวงเงิน ๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่ได้รับจัดสรรแล้ว จำนวน ๓๗๕,๙๑๓,๐๐๐ บาท เพื่อมาดำเนินการ ๑.๓ สำหรับการช่วยเหลือผู้ประกอบการประมงซึ่งเดิมไม่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีที่ส่งให้สำนักงบประมาณเห็นชอบนั้น กรมประมงและกรมเจ้าท่าได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานแล้วพบว่า ยังมีเรือประมงที่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่สามารถขอรับความช่วยเหลือตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ ได้อีกจำนวน ๘๗๓ ราย และ ศปมผ. ได้เห็นชอบแล้ว จึงเห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่ได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการประมงที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย จำนวน ๒๒๘,๕๑๖,๑๐๐ บาท โดยให้จัดทำรายละเอียดให้ถูกต้องครบถ้วนตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๒. มอบหมายให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทยชี้แจงผลกระทบและรายละเอียดเกี่ยวกับการพิจารณาอนุญาตให้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายสามารถทำงานต่อเนื่องได้เป็นเวลา ๔ ปี โดยไม่ต้องเดินทางกลับประเทศต่อผู้แทนสหภาพยุโรปที่จะเดินทางมาตรวจติดตามความคืบหน้าในเดือนมกราคม ๒๕๕๙ |
|||||||||||||||||||||
22045 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการหารือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งรัฐสุลต่านโอมาน | กต | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการหารือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งรัฐสุลต่านโอมาน (Memorandum of Understanding between the Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Foreign Affairs of the Sultanate of Oman on Political Consultations) เนื่องจากบันทึกความเข้าใจดังกล่าวเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่สามารถดำเนินการได้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ในการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี พัฒนาความร่วมมือ ตลอดจนการจัดการประชุมปรึกษาหารือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงการต่างประเทศแห่งรัฐสุลต่านโอมาน โดยมีระดับของประธานร่วมตามแต่คู่ภาคีจะตกลงกันผ่านช่องทางทางการทูต
|
|||||||||||||||||||||
22046 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 (โครงการจัดทำ Application สำหรับการให้บริการด้าน อิเล็กทรอนิกส์ e-Service ของกรมสรรพากรบนอุปกรณ์ Smart Device) | กค | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑ อนุมัติให้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรยกเลิกโครงการจัดทำ Application สำหรับการให้บริการด้านอิเล็กทรอนิกส์ e-Service ของกรมสรรพากรบนอุปกรณ์ Smart Device และให้โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในโครงการดังกล่าว ไปดำเนินโครงการจัดซื้อเครื่องสแกนเนอร์เพื่อจัดเก็บเอกสารในรูปแบบดิจิทัล ในวงเงิน ๒๒,๙๖๒,๒๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการตรวจสอบความล่าช้าที่เกิดขึ้นในการเสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี และกำชับให้หน่วยงานในสังกัดให้ความสำคัญในการใช้จ่ายงบประมาณโดยเฉพาะการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนตามแนวนโยบายของนายกรัฐมนตรีด้วย |
|||||||||||||||||||||
22047 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 รวม 12 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาต การออกใบอนุญาต และการโอนใบอนุญาตทำการประมงน้ำจืดในที่จับสัตว์น้ำที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยใช้เครื่องมือทำการประมง ตามที่อธิบดีประกาศกำหนด พ.ศ. ....) | กษ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ รวม ๑๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาต การออกใบอนุญาต และการโอนใบอนุญาตทำการประมงน้ำจืดในที่จับสัตว์น้ำที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยใช้เครื่องมือทำการประมงตามที่อธิบดีประกาศกำหนด พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการโอนใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้านโดยใช้เรือประมงหรือเครื่องมือที่มีขนาดหรือลักษณะตามที่อธิบดีประกาศกำหนด พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าอากรและค่าธรรมเนียม พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการโอนใบอนุญาตทำการประมงโดยไม่ใช้เรือประมง พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงการขอจดทะเบียน และการรับจดทะเบียนเรือประมงให้เป็นเรือขนถ่ายสัตว์น้ำหรือเรือเก็บรักษาสัตว์น้ำ พ.ศ. .... ๖. ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตนำเข้า ส่งออก นำผ่าน เพาะเลี้ยง หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์น้ำบางชนิด พ.ศ. .... ๗. ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาต การออกใบอนุญาต และการโอนใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ พ.ศ. .... ๘. ร่างกฎกระทรวงความปลอดภัย สุขอนามัย และสวัสดิภาพในการทำงานของคนประจำเรือ พ.ศ. .... ๙. ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการโอนใบอนุญาตทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. .... ๑๐. ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดหรือลักษณะของสัตว์น้ำ หรือประเภท รูปแบบ ขนาด หรือวัตถุประสงค์ของกิจการการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้เป็นกิจการการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควบคุม พ.ศ. .... ๑๑. ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการโอนใบอนุญาตทำการประมงนอกน่านน้ำไทย พ.ศ. .... ๑๒. ร่างกฎกระทรวงการขอจดทะเบียน และการรับจดทะเบียนเป็นท่าเทียบเรือประมง พ.ศ. .... |
|||||||||||||||||||||
22048 | รายงานสถานการณ์การใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ระหว่างปี พ.ศ. 2556 - 2558 และนโยบายและแผนระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 - 2563 | รง | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. รายงานสถานการณ์การใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๘ พบว่า มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง โดย พ.ศ. ๒๕๕๖ มีจำนวน ๓,๓๒๐ คน พ.ศ. ๒๕๕๗ ลดลงเหลือ ๓,๐๓๗ คน และ พ.ศ. ๒๕๕๘ ลดลงเหลือ ๒,๖๐๒ คน ๒. นโยบายและแผนระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๓ เพื่อใช้เป็นแผนแม่บทต่อเนื่องสำหรับให้หน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินการขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้ายให้หมดสิ้นไป ตามข้อผูกพันที่รัฐบาลไทยมีต่อองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การป้องกันการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การช่วยเหลือและคุ้มครองแรงงานเด็กจากการทำงานในรูปแบบที่เลวร้าย ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การพัฒนาและบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การพัฒนาความร่วมมือระหว่างองค์กรภาคีเครือข่าย และยุทธศาสตร์ที่ ๕ การพัฒนาระบบบริหารจัดการและการติดตามประเมินผล |
|||||||||||||||||||||
22049 | หลักเกณฑ์การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ | ยธ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเสนอหลักเกณฑ์การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ ซึ่งคณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วยหลักเกณฑ์ ๑๓ ข้อ เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องใช้และยึดถือปฏิบัติ รวมทั้งจะเป็นการแก้ไขปัญหาเขตที่ดินทับซ้อนให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น และเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการใช้พื้นที่ของรัฐอย่างสูงสุด
|
|||||||||||||||||||||
22050 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับโครงการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรสตึงบทและถนนเชื่อมโยงไปกับถนนหมายเลข 5 ราชอาณาจักรกัมพูชา | กค | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กัมพูชา เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรสตึงบทและถนนเชื่อมโยงไปยังถนนหมายเลข ๕ ราชอาณาจักรกัมพูชา ในรูปแบบเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรน ในวงเงินรวม ๙๒๘,๑๑๐,๖๘๑ บาท ตามขอบเขตของโครงการฯ ๑.๒ อนุมัติแหล่งที่มาของเงินทุน รูปแบบ วิธีการ และเงื่อนไขทางการเงินสำหรับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กัมพูชา และเห็นชอบให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีให้ สพพ. ๒. สำหรับการขอรับการจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย หรือการชำระคืนให้แก่แหล่งเงินทุนกรณีที่กัมพูชาผิดนัดชำระนั้น เห็นควรให้ สพพ. ใช้เงินสะสมเป็นแหล่งเงินทุนในลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอจึงขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
22051 | ขอขยายระยะเวลามาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ | กค | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาในการดำเนินมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับหมู่บ้าน โดยให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ หรือภายในกรอบวงเงินที่กำหนด ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท (ธนาคารออมสิน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท) แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงกำหนดก่อน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. สำหรับการขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๒.๑ โครงการตามมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศที่ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ วงเงิน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท ที่ไม่สามารถก่อหนี้และเบิกจ่ายงบประมาณได้ทันภายในไตรมาสที่ ๑ ให้ก่อหนี้ได้จนถึงสิ้นเดือนมกราคม ๒๕๕๙ และเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สำหรับโครงการ/รายการที่ไม่สามารถดำเนินการก่อหนี้และเบิกจ่ายงบประมาณได้ ให้ยกเลิกโครงการและส่งคืนงบประมาณเพื่อนำไปใช้ในโครงการสำคัญเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาลต่อไป ๒.๒ โครงการตามมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ ที่ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๒๔,๐๐๐ ล้านบาท ที่ไม่สามารถก่อหนี้และเบิกจ่ายงบประมาณได้ทันภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ให้ยกเลิกโครงการ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ต่อไป ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
22052 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงหน่วยงานดำเนินการจัดมหกรรมเรือสำราญและมารีน่า | คค | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้เปลี่ยนแปลงหน่วยงานดำเนินการจัดมหกรรมเรือสำราญและมารีน่า โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการดำเนินการจัดมหกรรมเรือสำราญและมารีน่า และมีกรมเจ้าท่าร่วมดำเนินการ โดยใช้งบประมาณในการดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ และกรอบวงเงินงบประมาณเดิม จำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ ททท. ทำความตกลงการใช้งบประมาณกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ ททท. ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี เพื่อสมทบการจัดมหกรรมเรือสำราญและมารีน่า ในวงเงิน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
22053 | ขอขยายวงเงินชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2558/59 | พณ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการอนุมัติวงเงินชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวเพิ่มเติม จำนวน ๒๐๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เมื่อรวมกับที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้แล้วเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๘ (๓๘๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ จะมีค่าใช้จ่ายเป็นเงินรวม ๕๘๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณคงเหลือของโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกเพิ่มขึ้น ที่กรมการค้าภายในเบิกจ่ายแทนสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ วงเงิน ๓๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับส่วนที่เหลือหากไม่เพียงพอหรือมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายจากงบประมาณเพิ่มเติม ก็ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว โดยให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำรายละเอียดและแผนการใช้จ่ายเงินงบกลางเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามและกำกับการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
22054 | มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 เพิ่มเติม | นร07 | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอว่า เพื่อให้การใช้จ่ายภาครัฐเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้วและสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง จึงได้กำหนดมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นถือปฏิบัติ ดังนี้
๑. โครงการตามมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ ที่ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ วงเงิน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท และรายการรายจ่ายลงทุนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินไม่เกิน ๒ ล้านบาท ที่ไม่สามารถก่อหนี้และเบิกจ่ายงบประมาณได้ทันภายในไตรมาสที่ ๑ ให้สามารถก่อหนี้ได้จนถึงสิ้นเดือนมกราคม ๒๕๕๙ และเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ๒. โครงการตามมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ ที่ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๒๔,๐๐๐ ล้านบาท ที่ไม่สามารถก่อหนี้และเบิกจ่ายงบประมาณได้ทันภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ เห็นสมควรให้ยกเลิกโครงการ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ต่อไป ๓. รายการรายจ่ายลงทุนที่มีวงเงินตั้งแต่ ๒-๕๐๐ ล้านบาท ที่ไม่สามารถก่อหนี้ได้ทันภายในไตรมาสที่ ๑ ให้สามารถก่อหนี้ได้จนถึงสิ้นเดือนมกราคม ๒๕๕๙ ๔. สำหรับโครงการ/รายการที่ไม่สามารถดำเนินการก่อหนี้และเบิกจ่ายงบประมาณได้ตามข้อ ๓ ให้ยกเลิกโครงการและส่งคืนงบประมาณเพื่อนำไปใช้ในโครงการสำคัญเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาลต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22055 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการบัณฑิตยสภา (บริหารระดับสูง) (สำนักงานราชบัณฑิตยสภา) (นายพงษ์ศักดิ์ ศิริวงษ์) | นร | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพงษ์ศักดิ์ ศิริวงษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ผู้ครองตำแหน่งอยู่เดิมได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22056 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (จำนวน 3 ราย 1. นายธนา เวสโกสิทธิ์ ฯลฯ) | กต | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ในจำนวนนี้เป็นการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ จำนวน ๒ ราย ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายธนา เวสโกสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี ๒. นายเชิดชู รักตะบุตร ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ๓. นายพีรวิช สุวรรณประเทศ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน เนการาบรูไนดารุสซาลาม
|
|||||||||||||||||||||
22057 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายมานพชัย วงศ์ภักดี และนายสุชาติ เลียงแสงทอง) | กต | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายมานพชัย วงศ์ภักดี ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ๒. นายสุชาติ เลียงแสงทอง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูตณ กรุงอิสลามาบัด สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน
|
|||||||||||||||||||||
22058 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) (นายสัมพันธ์ สุวรรณทับ) | พม | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสัมพันธ์ สุวรรณทับ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22059 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน (กระทรวงแรงงาน) (จำนวน 3 ราย 1. นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ ฯลฯ) | รง | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสิงหเดช ชูอำนาจ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุทธิ สุโกศล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายบุญเลิศ ธีระตระกูล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||
22060 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน (จำนวน 3 คน 1. นายกฤษฎา บุณยสมิต ฯลฯ) | กค | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน จำนวน ๓ คน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายกฤษฎา บุณยสมิต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. นายนนทิกร กาญจนะจิตรา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหาร ๓. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์
|
.....