ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1107 จากทั้งหมด 6217 หน้า แสดงรายการที่ 22121 - 22140 จากข้อมูลทั้งหมด 124327 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22121 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. .... | นร | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
22122 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | เวียน | 22/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงยุติธรรมพิจารณาดำเนินการ ๑.๑ ในการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายหรือยกร่างกฎหมายขึ้นใหม่ ให้โครงสร้างของกฎหมายประกอบด้วยมาตรการในเชิงป้องกัน เชิงป้องปราม และบทลงโทษ ทั้งนี้ ให้เร่งปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน กฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๑.๒ ให้กระทรวงยุติธรรมประสานกับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับงานด้านกระบวนการยุติธรรมพิจารณาดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ที่ให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาให้การดำเนินงานขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับงานด้านกระบวนการยุติธรรมมีความเชื่อมโยงกัน โดยมีเป้าหมายในการพิจารณาคดีที่รวดเร็ว เป็นธรรม และเท่าเทียมกัน รวมทั้งให้จัดทำข้อเสนอแนวทางการปฏิรูปตำรวจ ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้การพิจารณาคดีสิ้นสุดโดยไม่ต้องนำเข้ามาพิจารณาในส่วนกลาง เพื่อให้เป็นการลดภาระการพิจารณาและลดความแออัดของสถานที่คุมขังในส่วนกลาง ๑.๓ ให้กระทรวงยุติธรรมประสานหน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรมเร่งรัดพิจารณาคดีที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก่อนวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๙ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางของมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ที่ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวกับการดำเนินคดีต่าง ๆ ให้แยกเป็นคดีที่จับกุมได้ก่อนวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ และหลังวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ โดยให้เร่งดำเนินคดีที่จับกุมได้ก่อนวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ก่อน ๑.๔ ให้พิจารณาแนวทางการดำเนินการตามกฎหมายที่รองรับกรณีการเปิดจุดผ่อนปรนพิเศษตามแนวเขตชายแดน เพื่อเป็นการสนับสนุน ส่งเสริมการลงทุน การค้าระหว่างประเทศ การคมนาคมขนส่ง และการท่องเที่ยว ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐร่วมกับสำนักงบประมาณดำเนินการติดตามและสุ่มตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของส่วนราชการต่าง ๆ ตามโครงการสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนผู้มีรายได้น้อย และโครงการที่มีผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบข้อทุจริตหรือมีการร้องเรียนให้รายงานผลต่อนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็วและดำเนินการตามขั้นตอนของทางราชการต่อไป ๒.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดรูปแบบมาตรฐานในการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์การอิสระให้มีความเหมาะสมกับภารกิจที่รับผิดชอบและคุ้มค่ากับงบประมาณในการดำเนินการ นั้น ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวโดยเร็ว ทั้งนี้ กรณีการปรับแบบรูปรายการสิ่งก่อสร้างในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ขอให้หน่วยงานภาครัฐคำนึงถึงความเหมาะสม และความคุ้มค่าของงบประมาณในการดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
22123 | (ร่าง) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และ (ร่าง) ข้อตกลงด้านการจ้างแรงงาน (Agreement) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | รง | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา มีสาระสำคัญครอบคลุมความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสองประเทศในด้านแรงงาน ได้แก่ ความร่วมมือทางวิชาการ ความร่วมมือด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน ความร่วมมือด้านการจ้างงานระหว่างสองประเทศ ความร่วมมือด้านวิชาการอื่น ๆ ที่คู่เจรจามีความสนใจ และการจัดประชุมร่วมระหว่างสองฝ่ายทั้งระดับรัฐมนตรีและระดับหน่วยงานปฏิบัติ และ (ร่าง) ข้อตกลงด้านการจ้างแรงงาน (Agreement) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา มีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฉบับเดิม ซึ่งได้มีการลงนามเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้มีความทันสมัยสอดคล้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน อำนวยความสะดวกในการจ้างแรงงานที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส คำนึงถึงสิทธิของแรงงาน และขจัดปัญหาการจ้างงานผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ๑.๒ อนุมัติให้ พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้ลงนามของผู้แทนฝ่ายไทยในการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ และข้อตกลงฯ ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้ลงนามในเอกสารดังกล่าว ๑.๔ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไข (ร่าง) บันทึกความเข้าใจฯ และ (ร่าง) ข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับข้อเสนอเพื่อสร้างความมั่นคงด้านระบบสุขภาพของประเทศ โดยแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาทุกราย ต้องมีการตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง โดยสถานบริการของรัฐ เนื่องจากเป็นการเฝ้าระวังโรคและหากพบความผิดปกติที่อาจต้องมีการเข้ารับบริการรักษาพยาบาล ซึ่งรัฐจะต้องรับภาระต่อไป และต้องมีการประกันสุขภาพในช่วงระยะเวลาไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่อนุญาตให้ทำงานอยู่ในประเทศไทย เพื่อให้แรงงานเข้าถึงบริการสุขภาพและเพื่อลดภาระด้านค่าใช้จ่ายในการให้บริการของหน่วยบริการสุขภาพ รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
22124 | การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) | กค | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการระดมทุนของภาครัฐในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในอนาคต ช่วยแบ่งเบาภาระการคลังของประเทศในระยะยาว และเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศผ่านกลไกของตลาดทุนได้ และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาคัดเลือกโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนฯ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า ลักษณะและขนาดของกองทุนฯ ควรให้เป็นไปตามความต้องการ (Demand) ที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างแท้จริง รวมทั้งมีแผนการใช้จ่ายเงินที่ชัดเจนและมีความพร้อมในการดำเนินการเป็นสำคัญ สำหรับการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการจัดตั้งกองทุนฯ และกลไกการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน นั้น ยังไม่มีรายละเอียดวงเงินและระยะเวลาที่ชัดเจน ประกอบกับเป็นกองทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และไม่มีกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณกำหนดให้ใช้จ่ายจากงบประมาณแผ่นดิน จึงเห็นควรที่ผู้บริหารกองทุนจะเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการโดยไม่ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ นอกจากนี้ ให้มีการกำหนดโครงสร้างและสัดส่วนของการลงทุนระหว่างการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในหลักทรัพย์อื่นให้ชัดเจน รวมถึงมีการกำหนดกลไกการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำจากการลงทุน และระดับอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำที่เหมาะสมให้สอดคล้องกับผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงจากการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ในส่วนของการขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งกองทุนฯ และการประกันผลตอบแทนขั้นต่ำที่เหมาะสมให้แก่นักลงทุน ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาทบทวนร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมและสามารถดำเนินการได้ภายในกรอบของข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ไปประกอบการพิจารณาในประเด็นนี้ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ๔. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||||||||
22125 | ขออนุมัติการลงนามในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกข้าวจากไทยไปจีน | กษ | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกข้าวจากไทยไปจีน มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มมาตรฐานในการตรวจสอบและกักกันโรค รวมทั้งสุขอนามัยของสินค้าข้าวไทยที่จะส่งออกไปจีนตามข้อตกลงทางเทคนิคที่ได้ตกลงกัน และมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในระบบควบคุมคุณภาพความปลอดภัยของข้าวไทย ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกข้าวจากไทยไปจีน ทั้งนี้ หากมีการปรับปรุงแก้ไขร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินการพัฒนาขีดความสามารถของหน่วยงานในการตรวจสอบ รับรอง และควบคุมคุณภาพข้าวไทยให้ได้มาตรฐานและพิจารณาถึงผลกระทบในอนาคตของการจัดทำความตกลงข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกข้าวในลักษณะดังกล่าวกับประเทศอื่น ๆ ที่อาจต้องดำเนินการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับการส่งออกข้าวจากไทยไปจีน ซึ่งอาจจะมีผลเป็นการกีดกันหรืออุปสรรคทางการค้าของไทย รวมทั้งจะต้องดำเนินการไม่ให้ขัดกับหลักการภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยการบังคับใช้มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชขององค์การการค้าโลก (WTO/SPS) ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ร่วมมือกันในการกำกับดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกข้าวจากไทยไปจีนอย่างเข้มงวดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||||||||
22126 | การลงนามรับรองผลการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย - จีน ครั้งที่ 4 (The 4th Joint Committee on Trade, Investment and Economic Cooperation between Thailand and China) | พณ | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสาร Agreed Record of the Forth Meeting of the Joint Committee on Trade, Investment and Economic Cooperation between the Government of Thailand and the Government of the People’s Republic of China เป็นร่างบันทึกผลการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๔ (The 4th Joint Committee on Trade, Investment and Economic Cooperation between Thailand and China) ซึ่งครอบคลุมทิศทางการกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ด้านต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การค้าและการลงทุนในระดับทวิภาคี (๒) ความร่วมมือด้านสาธารณูปโภคและโครงการต่าง ๆ (๓) ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และความร่วมมือด้านอวกาศ (๔) ความร่วมมือด้านการตรวจสอบ กักกัน มาตรฐานสุขอนามัยพืชและสัตว์ (๕) ความร่วมมือด้านการเงิน (๖) ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว (๗) ความร่วมมือด้านพลังงาน (๘) ความร่วมมือด้านอวกาศและเทคโนโลยี (๙) ความร่วมมือระดับท้องถิ่น และ (๑๐) การรวมตัวทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในเอกสารฯ ๒. หากจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรมีการส่งเสริมความร่วมมือในมิติด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมให้มีความร่วมมือด้านการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ควบคู่กันไปด้วย เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||||||||
22127 | การจัดทำพิธีสารว่าด้วยการปรึกษาหารือและความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศ และความร่วมมือแห่งราชอาณาจักรโมร็อกโก | กต | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อร่างพิธีสารว่าด้วยการปรึกษาหารือและความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือแห่งราชอาณาจักรโมร็อกโก มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี พัฒนาความร่วมมือ และอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนการเยือน ตลอดจนการจัดการประชุมปรึกษาหารือระหว่างกัน ซึ่งครอบคลุมในทุกสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน โดยเฉพาะในด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การเงิน อุตสาหกรรม การศึกษา สังคม การกีฬา วิทยาศาสตร์ วิทยาการและเทคโนโลยี รวมถึงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นระดับภูมิภาคและประเด็นปัญหาระดับระหว่างประเทศ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างพิธีสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
22128 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรโมร็อกโกว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูต หนังสือเดินทางราชการ และหนังสือเดินทางพิเศษ | กต | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ยืนยันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๔๘ และ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ ที่เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรโมร็อกโกว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูต หนังสือเดินทางราชการ และหนังสือเดินทางพิเศษ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ ๑.๓ ในกรณีที่ผู้ลงนามความตกลงฯ มิใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทนสำหรับการลงนามความตกลงฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเบลารุสว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการ) และรายงานความคืบหน้าหรือปัญหาอุปสรรคให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วน |
||||||||||||||||||||||||||||||
22129 | บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรโมร็อกโกว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ | กต | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรโมร็อกโกว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ (Memorandum of Understanding between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Kingdom of Morocco) มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางและความรับผิดชอบในการดำเนินความร่วมมือทางวิชาการระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลโมร็อกโกที่ครอบคลุมทั้งในลักษณะทวิภาคีและไตรภาคี เพื่อขยายความสัมพันธ์ในด้านความร่วมมือทางวิชาการ และเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนในการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แก่ประเทศต่าง ๆ ในแอฟริกา (โดยเฉพาะประเทศแอฟริกาตะวันตกซึ่งใช้ภาษาฝรั่งเศส) ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า บันทึกความเข้าใจฯ ควรมีการระบุถึงกลไกการติดตามและประเมินผลของความร่วมมือทางวิชาการในด้านต่าง ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่กระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||||||||
22130 | ผลการประชุมระหว่างไทย - กัมพูชา เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน - สตึงบท และจุดผ่านแดนถาวรบ้านป่าไร่ - โอเนียง | นร11 | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท และจุดผ่านแดนถาวรบ้านป่าไร่-โอเนียง เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยมีประเด็นหารือเกี่ยวกับโครงการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรสตึงบทและถนนเชื่อมโยงไปยังถนนหมายเลข ๕ ในกัมพูชา โครงการก่อสร้างสะพานข้ามลำน้ำพรมโหด บริเวณพรมแดนบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา ในการพัฒนาจุดผ่านแดน สะพานข้ามพรมแดน และถนนเชื่อมโยง ณ บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท รวมทั้งการพัฒนาการเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านป่าไร่-โอเนียง และเรื่องอื่น ๆ ได้แก่ กัมพูชาขอรับความช่วยเหลือเป็นเงินให้เปล่าจากไทย ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) การศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาพื้นที่ขนถ่ายสินค้าบริเวณสถานีรถไฟปอยเปต และ (๒) การปรับปรุงสะพานข้ามพรมแดนบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี (ไทย)-บ้านคลองจะกร็อม จังหวัดไพลิน (กัมพูชา) ๒. เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ๒.๑ กระทรวงการต่างประเทศ นำเสนอที่ประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๒ พิจารณาให้ความเห็นชอบการเปิดจุดผ่านแดนถาวร ณ บ้านป่าไร่-โอเนียง อย่างเป็นทางการ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Committee : JBC) ไทย-กัมพูชา เร่งหารือกำหนดแนวทางการดำเนินงานร่วมกัน ๒.๒ กระทรวงคมนาคม นำเสนอบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา ในการพัฒนาจุดผ่านแดน สะพานข้ามพรมแดน และถนนเชื่อมโยง ณ บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ไทยลงนามร่วมกับกัมพูชาในระหว่างการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๒ รวมทั้งเตรียมความพร้อมก่อสร้างสะพานข้ามลำน้ำพรมโหด และนำเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อได้รับหนังสือขอรับความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการจากกัมพูชา ๒.๓ สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ดำเนินการเพื่อลงนามสัญญาเงินกู้ร่วมกับกัมพูชาโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||
22131 | แผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ของกระทรวงคมนาคม | คค | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๙ ระยะดำเนินการ วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๘-๔ มกราคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. แผนอำนวยความสะดวก ประกอบด้วย การให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ การอำนวยความสะดวกด้านโครงข่ายถนน การจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในท่าเรือ/สถานีขนส่ง/ท่าอากาศยานและอาคารผู้โดยสาร/สถานีรถไฟ/สถานีรถไฟฟ้า การอำนวยความสะดวกในด้านข้อมูลการจราจร ๒. แผนงานบริหารด้านความปลอดภัย ประกอบด้วย มาตรการด้านการบริหารจัดการผู้ขับขี่/ผู้โดยสารปลอดภัย มาตรการยานพาหนะปลอดภัย มาตรการถนนปลอดภัย มาตรการบังคับใช้กฎหมาย มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ มาตรการด้านความมั่นคง และมาตรการด้านการประชาสัมพันธ์ ๓. การรายงานผลการปฏิบัติและการประเมินผลช่วงเทศกาลและช่วงหลังเทศกาล
|
||||||||||||||||||||||||||||||
22132 | โครงการของขวัญปีใหม่ 2559 ให้แก่ประชาชน | กค | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบในหลักการโครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ ให้แก่ประชาชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีโครงการที่จะดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ได้แก่ ๑.๑ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ๑.๒ การยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงินและถอนเงินข้ามเขตภายในธนาคาร โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน ๑.๓ โครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ โดย ธอส. ๑.๔ โครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ โดย ธ.ก.ส. ๑.๕ โครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ โดยธนาคารออมสิน และ ๑.๖ โครงการเปิดให้ชมพิพิธภัณฑ์ฟรี โดยกรมธนารักษ์ ๒. สำหรับโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของธนาคารออมสิน ที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จำนวน ๑๐,๐๑๐ ล้านบาท ให้กระทรวงการคลังนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยผ่านกลไกของธนาคารออมสิน เห็นควรให้เสนอคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมก่อน และให้ธนาคารออมสินขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละปีงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนได้ทราบถึงโครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นโครงการพิเศษนอกเหนือจากโครงการปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการจ่ายเงินคืนให้กับผู้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดี เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนรักษาวินัยทางการเงิน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการแก้ไขปัญหาหนี้สินและความยากจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังนำเรื่องการขอนำค่าใช้จ่ายในการจัดทำโครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ ให้แก่ประชาชนบวกกลับกำไรสุทธิเพื่อการคำนวณโบนัสพนักงานของธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. และ ธอส. รวมทั้งการนำค่าใช้จ่ายของ ธอส. ในการจัดทำโครงการปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจประจำปีบัญชี พ.ศ. ๒๕๕๘ เสนอคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจพิจารณาก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||||||||
22133 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... | คค | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... (ยกเว้นค่าธรรมเนียมในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๙) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
22134 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก สะพานข้ามพรมแดน และถนนเชื่อมโยง ณ จุดผ่านแดนบ้านหนองเอี่ยน - สตึงบท | คค | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก สะพานข้ามพรมแดน และถนนเชื่อมโยง ณ จุดผ่านแดนบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท เป็นกรอบความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการเชื่อมโยงทางบก ณ จุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกในด้านการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และมีอำนาจแต่งตั้งคณะทำงานที่เกี่ยวข้องตามบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนสำหรับการลงนามดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมและคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไทย-กัมพูชา (JCR) ครั้งที่ ๒ ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ สามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. สำหรับการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อดำเนินการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก สะพานข้ามพรมแดน และถนนเชื่อมโยง ณ จุดผ่านแดนบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท โดยรัฐบาลไทยจะจัดหาเงินกู้ให้รัฐบาลกัมพูชาเพื่อดำเนินการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก ผ่านสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน วงเงินงบประมาณ ๙๒๘,๑๑๐,๖๘๑ บาท และจะดำเนินการช่วยเหลือแบบให้เปล่า เป็นเงินจำนวน ๑๗๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผ่านกระทรวงคมนาคมในการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ที่บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงคมนาคมตัดข้อความในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ข้อที่ ๓ ในส่วนที่กล่าวถึงจำนวนเงินกู้ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขเงินกู้ รวมทั้งการช่วยเหลือแบบให้เปล่าสำหรับการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก ณ จุดผ่านแดนสตึงบท และถนนเชื่อมต่อไปยังถนนหมายเลข ๕ ในราชอาณาจักรกัมพูชา และสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ๔. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาเตรียมความพร้อมวางแผนการใช้พื้นที่และอัตรากำลังที่เหมาะสม เพื่อรองรับการเปิดด่านศุลกากร และการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๕. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||||||||
22135 | ขออนุมัติลงนามในร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 2 | กต | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๒ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาปรับเนื้อหาในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ รวม ๒ ประเด็น ก่อนดำเนินการต่อไป ดังนี้ ๑.๑ ข้อ ๔.๑ ข. ที่กำหนดว่า “รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยได้อนุมัติเงินกู้ผ่อนปรน จำนวน ๙๒๘ ล้านบาท สำหรับการก่อสร้างอาคารด่านศุลกากรของจุดผ่านแดนถาวรสตึงบทและถนนเชื่อมโยงไปยังทางหลวงหมายเลข ๕ ของราชอาณาจักรกัมพูชา" นั้น โดยที่ยังไม่มีการอนุมัติเงินกู้ผ่อนปรนดังกล่าว จึงให้กระทรวงการต่างประเทศปรับข้อความให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง เนื่องจากการอนุมัติเงินกู้ดังกล่าวต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องก่อน ๑.๒ ให้ตัดประเด็นข้อ ๔.๒ เรื่อง การอ้างสิทธิ์ทับซ้อนทางทะเลเพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ [เรื่อง ขออนุมัติร่างแนวทางการดำเนินงาน (Roadmap) ของคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย-กัมพูชา] ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำหรือสาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติหรือเห็นชอบไปแล้ว หากการปรับเปลี่ยนไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๔. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||||||||
22136 | โครงการจัดหาเครื่องตรวจจับความเร็วและเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์เพื่อใช้ในการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน | มท | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณจัดหาเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ จำนวน ๒,๙๓๐ เครื่อง ราคาเครื่องละ ๘๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๒๓๔,๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
22137 | โครงการอบรมเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 และจากปัญหาราคาสินค้าเกษตร | กษ | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนการปฏิบัติงานโครงการอบรมเพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิตของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ และจากปัญหาราคาสินค้าเกษตร เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภาวะภัยแล้งในปี ๒๕๕๘/๕๙ และผลกระทบจากปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ให้มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพและมีความยั่งยืน สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการประกอบอาชีพหลักและอาชีพเสริมในช่วงที่ประสบปัญหาภัยแล้งหรือราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เป้าหมายเกษตรกร ๒๒๐,๕๐๐ ราย แบ่งเป็น ๕ รุ่น รุ่นละ ๕๐ ราย ใช้พื้นที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ๘๘๒ ศูนย์ ใน ๗๗ จังหวัด เริ่มดำเนินการวันที่ ๑ กุมภาพันธ์-๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยในส่วนของงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่อนุมัติกรอบวงเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการฯ ในวงเงินทั้งสิ้น ๑,๐๖๔,๕๗๔,๐๐๐ บาท และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเตรียมความพร้อมและกำกับดูแลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามระยะเวลาของแผนปฏิบัติงานที่เสนอ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้บรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทยประสานงานกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติในการสนับสนุนการสร้างเครือข่ายของประชาชนกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่เพื่อดำเนินการปฏิรูปการเกษตร การสร้างการเรียนรู้ร่วมกันผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรทั่วประเทศ โดยมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการและใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ด้วย ๓. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ เรื่อง โครงการตามแผนพัฒนาอาชีพเกษตรกรตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ กรณีการปลูกพืชใช้น้ำน้อย โดยอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๖๗,๕๖๖,๖๘๕ บาท ให้กรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||
22138 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายสมเกียรติ ศรีประเสริฐ) | นร08 | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมเกียรติ ศรีประเสริฐ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
22139 | การแต่งตั้งรองผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (จำนวน 3 คน 1. นายพิชัย รุจิโรจน์สุวรรณ ฯลฯ) | ทส | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งรองผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จำนวน ๓ คน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายพิชัย รุจิโรจน์สุวรรณ ๑.๒ นายเกษม วัยวุฒิ ๑.๓ นางพรเพ็ญ วรวิลาวัณย์ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาดำเนินการแก้ไขกฎหมายจัดตั้งองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เพื่อให้การแต่งตั้งรองผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเช่นเดียวกับการแต่งตั้งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
22140 | การจัดกิจกรรม "เติมความสุข ให้คนไทย จากใจทหาร" เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน | กห | 15/12/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดกิจกรรม “เติมความสุข ให้คนไทย จากใจทหาร” ปี ๒๕๕๙ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้
๑. การจัดเตรียมกำลังเตรียมพร้อม เพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนในพื้นที่ตามแนวชายแดนและพื้นที่ที่มีความสำคัญด้านความมั่นคงของประเทศ ๒. จัดตั้งจุดบริการช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยจัดจุดพักรถ จุดบริการ ชุดแพทย์พยาบาล ชุดตรวจและซ่อมรถยนต์ ตามถนนสายหลักบริเวณด้านหน้าที่ตั้งของหน่วยทหาร รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยวทางทะเล บริเวณชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยและด้านทะเลอันดามัน ๓. การอำนวยความสะดวกจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคราคาถูกภายในพื้นที่ของหน่วยทหารทั่วประเทศเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยในการลดค่าครองชีพ ๔. เปิดแหล่งท่องเที่ยวและพิพิธภัณฑ์ในเขตทหารทั่วประเทศ โดยไม่คิดค่าบริการ ๕. ให้บริการศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในหน่วยทหารทั่วประเทศ
|
.....