ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1102 จากทั้งหมด 6217 หน้า แสดงรายการที่ 22021 - 22040 จากข้อมูลทั้งหมด 124327 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22021 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบ) | สว | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบ) ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ โดยมีข้อสังเกต ดังนี้ ๑.๑ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางควรประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสารการรับสมัครบุคคลเข้ารับการคัดเลือกเพื่อดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวให้ครอบคลุมทุกช่องทางของการสื่อสาร รวมถึงขอความร่วมมือไปยังสื่อสารมวลชนในแขนงต่าง ๆ เพื่อให้มีการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสารการรับสมัครดังกล่าวอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง ๑.๒ การกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของผู้พิพากษาสมทบที่ยาวนานขึ้น โดยไม่จำกัดจำนวนวาระการดำรงตำแหน่ง คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมควรกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบให้เข้มข้นขึ้น เพื่อป้องกันข้อครหาการปฏิบัติหน้าที่อยู่ในตำแหน่งยาวนาน และควรกำหนดมาตรการเพื่อสอดส่องและดูแลการประพฤติตนของผู้พิพากษาสมทบให้อยู่ในกรอบวินัยและจริยธรรมของผู้พิพากษาอย่างเคร่งครัด ๑.๓ ปัญหาการขาดแคลนผู้พิพากษาสมทบในบางพื้นที่ ศาลยุติธรรมอาจดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการจัดกลุ่มจังหวัด โดยกำหนดให้ผู้พิพากษาสมทบในกลุ่มจังหวัดดังกล่าวสามารถเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่เป็นองค์คณะร่วมนั่งพิจารณาคดีในจังหวัดที่อยู่ใกล้เคียงนั้นได้ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่แก้ไขเพิ่มเติมตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. มอบหมายให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
22022 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง แผนปฏิรูปสัมมาชีพชุมชน) | พม | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง แผนปฏิรูปสัมมาชีพชุมชน) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับข้อเสนอของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เนื่องจากการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนฐานราก ควรจัดระบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง เป็นรูปธรรม โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ไม่ขัดข้องในการจัดตั้งสำนักส่งเสริมสัมมาชีพชุมชนขึ้นภายในสถาบันฯ และตราพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์การขึ้นทำหน้าที่โดยเฉพาะ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งรายงานผลการพิจารณาฯ ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
22023 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีคัดค้านโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ | สม | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิมนุษยชน กรณีคัดค้าน โครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
๑. รัฐควรส่งเสริมให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเป็นโครงการที่ลงทุนและดำเนินการโดยชุมชน เพื่อประโยชน์อันเกิดจากโครงการ เช่น กระแสไฟฟ้า การจ้างงาน แหล่งท่องเที่ยว และเห็นควรปรับปรุงแก้ไขกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เอื้อและสอดคล้องต่อการริเริ่มพัฒนาโครงการโดยชุมชน เช่น ระเบียบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายไฟฟ้าและสัญญาซื้อขายไฟฟ้าให้เอื้อต่อการเสนอขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชนขนาดเล็ก ๒. คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ควรแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานลม โดยกำหนดให้ผู้ขออนุญาตจะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเพื่อนำมาพิจารณาประกอบการอนุญาต ๓. กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานควรพิจารณาปรับเปลี่ยนและเสนอนโยบายการพัฒนาพลังงานทดแทนโดยให้มีการสนับสนุนและพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากโรงฟ้าขนาดเล็กโดยชุมชน ๔. สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมควรเสนอต่อคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเพื่อพิจารณายกเลิกมติที่กำหนดให้โครงการโรงไฟฟ้ากังหันลมเป็นกิจการที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของเกษตรกร
|
|||||||||||||||||||||||||||
22024 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการเหมืองแร่โพแทช | อก | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการเหมืองแร่โพแทช ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงอุตสาหกรรมได้อนุญาตประทานบัตรการทำเหมืองแร่โพแทช จำนวน ๒ ราย ได้แก่ บริษัท เหมืองแร่โปแตชอาเซียน จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยคาลิ จำกัด โดยผ่านขั้นตอนที่ ๑ เป็นขั้นตอนการดำเนินการยื่นคำขอประทานบัตรในพื้นที่ และขั้นตอนที่ ๒ เป็นขั้นตอนการพิจารณาของกระทรวงอุตสาหกรรมผ่านคณะกรรมการชุดต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ยังคงเหลือขั้นตอนที่ ๓ เป็นขั้นตอนการตรวจเปิดการประกอบการ และอยู่ระหว่างการดำเนินการคำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่โพแทช จำนวน ๑ ราย คือ บริษัท เอเชีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งอยู่ในขั้นตอนที่ ๑ ๑.๒ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ลงพื้นที่เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๘ และเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๘ ชี้แจงชาวบ้าน โดยเชิญผู้มีส่วนได้เสียเข้าร่วมประชุมหารือพร้อมผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งได้เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียและผู้แทนจากทั้ง ๒ หน่วยงานดังกล่าวสอบถามรายละเอียดและข้อกังวล รวมถึงแนวทาง การแก้ไขปัญหา โดยมีเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการทำหน้าที่ตอบคำถาม ผลการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปด้วยดี และที่ประชุมเห็นด้วยกับโครงการพร้อมทั้งมีการรับรองรายงานการประชุมเรียบร้อยแล้ว ๑.๓ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการจัดทำรายงานการศึกษาและประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์การพัฒนาเหมืองแร่โพแทช (Strategic Environmental Assessment : SEA) ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยได้ศึกษาในเชิงพื้นที่ครอบคลุม ๔ มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ผลการศึกษาสรุปได้ว่า การพัฒนาเหมืองแร่โพแทชต้องเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียอย่างแท้จริง อีกทั้งโครงการเหมืองแร่โพแทชทั้ง ๓ โครงการได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยแล้ว ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการอนุญาตให้เปิดการทำเหมืองแร่โพแทช ควรจะต้องกำกับดูแลให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอย่างเคร่งครัด และให้ความสำคัญในการสนับสนุนการใช้กองทุนสุขภาพ เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง ป้องกันและส่งเสริมสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ ให้เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเกี่ยวกับการดำเนินกิจการและแผนการดำเนินกิจการระยะต่อไปของโครงการเหมืองแร่โพแทชเป็นระยะ ทั้งกรณีโครงการที่ได้รับอนุญาตประทานบัตรแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุญาตประทานบัตร รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบ ควบคุม กำกับดูแลการดำเนินการทำเหมืองแร่โพแทชให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ผู้ประกอบการได้เสนอไว้เป็นเงื่อนไขแนบท้ายในประทานบัตร และเป็นไปตามมาตรการป้องกันและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญในระดับสูงสุดในการให้การคุ้มครองสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ ตามมาตรา ๘๘/๑๒ และมาตรา ๘๘/๑๓ ตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติแร่ (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
22025 | สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2558/2559 ครั้งที่ 5 | กษ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ และครั้งที่ ๖ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ครั้งที่ ๕ ๑.๑.๑ สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ จำนวน ๓๓ แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม ๔๐,๕๙๑ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๘ ของปริมาตรน้ำกักเก็บทั้งหมด เป็นน้ำใช้การได้ ๑๗,๐๘๘ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๓๖ ของปริมาตรน้ำใช้การทั้งหมด ๑.๑.๒ การจัดสรรน้ำ ช่วงวันที่ ๑ พฤศจิกายน-๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ ใช้น้ำไปแล้ว ๗๒๕ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๗ ของแผนการจัดสรรน้ำ ส่วนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลอง) ใช้น้ำไปแล้ว ๕๙๔ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๐ ของแผนการจัดสรรน้ำ ๑.๑.๓ การบริหารจัดการน้ำและอาคารชลประทานในลุ่มน้ำเจ้าพระยาช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ช่วงวันที่ ๘-๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ กำหนดแผนการระบายน้ำจากเขื่อน จำนวน ๖ เขื่อน ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนนเรศวร และเขื่อนเจ้าพระยา ๑.๑.๔ สถานการณ์การเพาะปลูกข้าวในเขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา ณ วันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ ปลูกข้าวนาปี ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๖.๔๐ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว จำนวน ๕.๖๙ ล้านไร่ เสียหาย จำนวน ๐.๐๒ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว จำนวน ๐.๖๙ ล้านไร่ ปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑.๗๕ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว จำนวน ๐.๓๕ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว จำนวน ๑.๔๐ ล้านไร่ และปลูกข้าวนาปรัง ปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ จำนวน ๑.๒๙ ล้านไร่ ๑.๒ สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ครั้งที่ ๖ ๑.๒.๑ สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่งประเทศ จำนวน ๓๓ แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม ๔๐,๗๒๖ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๗ ของปริมาตรน้ำกักเก็บทั้งหมด เป็นน้ำใช้การได้ ๑๖,๘๒๓ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๓๖ ของปริมาตรน้ำใช้การทั้งหมด ๑.๒.๒ การจัดสรรน้ำ ช่วงวันที่ ๑ พฤศจิกายน-๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ อ่างเก็บน้ำใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ ใช้น้ำไปแล้ว ๘๖๙ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๘ ของแผนการจัดสรรน้ำ ส่วนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลอง) ใช้น้ำไปแล้ว ๗๐๓ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๔ ของแผนการจัดสรรน้ำ ๑.๒.๓ การบริหารจัดการน้ำและอาคารชลประทานในลุ่มน้ำเจ้าพระยาช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ช่วงวันที่ ๑๔-๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ กำหนดแผนการระบายน้ำจากเขื่อน จำนวน ๖ เขื่อน ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนนเรศวร และเขื่อนเจ้าพระยา ๑.๒.๔ สถานการณ์การเพาะปลูกข้าวในเขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา ณ วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ ปลูกข้าวนาปี ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๖.๔๐ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว จำนวน ๕.๙๔ ล้านไร่ เสียหาย จำนวน ๐.๐๒ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว จำนวน ๐.๔๔ ล้านไร่ ปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑.๗๕ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว จำนวน ๐.๖๒ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว จำนวน ๑.๑๓ ล้านไร่ และปลูกข้าวนาปรัง ปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ จำนวน ๑.๔๙ ล้านไร่ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันในการบริหารจัดการน้ำของประเทศทั้งระบบเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการใช้น้ำในระยะต่อไป โดยเฉพาะในกรณีที่พื้นที่เก็บน้ำไม่ตรงกับพื้นที่ที่ต้องการใช้น้ำ ให้พัฒนาในเรื่องระบบท่อส่งน้ำและระบบการกระจายน้ำ ตลอดจนการปรับปรุงแหล่งกักเก็บน้ำที่มีอยู่เดิมให้สามารถใช้งานได้ ทั้งนี้ ในการดำเนินการให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนและให้สร้างการรับรู้เรื่องวินัยการใช้น้ำให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
22026 | เป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2559 | กค | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี ๒๕๕๙ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินได้ทำความตกลงร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ว โดยกำหนดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีที่ร้อยละ ๒.๕ ? ๑.๕ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่าสาธารณชนและภาคธุรกิจให้ความสำคัญกับค่ากลางของอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายเพื่อประกอบการตัดสินใจในทางธุรกิจและการดำรงชีวิตประจำวัน ดังนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยควรมีการติดตามความเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งมีการชี้แจงสาเหตุและแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินแก่สาธารณชนโดยเร็วในกรณีที่อัตราเงินเฟ้อเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมายของนโยบายการเงิน ไปพิจารณาต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
22027 | ผลการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 15 ที่เมืองปาดัง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย | กต | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Rim Association : IORA) ครั้งที่ ๑๕ เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ เมืองปาดัง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยที่ประชุมได้ร่วมรับรองและลงนามเอกสาร ๓ ฉบับ (ร่างปฏิญญาสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียว่าด้วยความร่วมมือทางทะเล ร่างแถลงการณ์ปาดัง และบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของรัฐสมาชิกกรอบสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียว่าด้วยการประสานงานและร่วมมือเพื่อการค้นหาและช่วยเหลือในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย) และมอบหมายให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ประเด็นความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเล ได้แก่ การแต่งตั้งผู้ประสานงานหลักระดับชาติในเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเล การให้ข้อมูลแก่สำนักเลขาธิการ IORA (หน่วยงานด้านความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเลของไทย พร้อมทั้งขีดความสามารถและอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานดังกล่าว เป็นต้น) การลงนามและเป็นภาคีในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการประสานงานและร่วมมือเพื่อการค้นหาและช่วยเหลือในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย ๑.๒ ประเด็นเศรษฐกิจภาคทะเล ได้แก่ การให้ความเห็นชอบต่อข้อเสนอโครงการซึ่งเป็นผลจากการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจทางทะเล ครั้งที่ ๑ ที่มอริเชียส เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๘ ประกอบด้วย โครงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด และ/หรือ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งขนาดเล็กในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย โครงการฝึกอบรมด้านการจัดการการประมงระหว่างจับ การแปรรูปหลังการจับ และการเก็บรักษาสินค้าประมงและสินค้าจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ โครงการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนจากมหาสมุทร และการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย โครงการฝึกอบรมเรื่องการสำรวจทรัพยากรใต้ทะเลอย่างยั่งยืน โครงการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการปรับปรุงการค้าบริเวณมหาสมุทรอินเดียด้วยการส่งเสริมความเชื่อมโยงของท่าเรือ และโครงการจัดตั้งระบบตรวจการณ์ทางทะเลในบริเวณมหาสมุทรอินเดีย ๑.๓ ประเด็นการค้าและการลงทุน ได้แก่ การให้ประเทศสมาชิกแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียพิจารณาเข้าร่วมการประชุมด้านเศรษฐกิจและธุรกิจ ครั้งที่ ๒ (Economic and Business Conference : EBC-II) ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๓ เมษายน ๒๕๕๙ ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจภาคทะเล (Blue Economy) โครงการที่ ๑ โครงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด และ/หรือ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งขนาดเล็กในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียนั้น เห็นควรให้ความสำคัญกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งมากกว่าการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด เพราะจะมีส่วนสำคัญที่แสดงความตั้งใจและนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมของการแก้ไขปัญหา IUU ของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. เห็นชอบต่อข้อมติเรื่องการจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพัฒนาเอกสาร The Indian Ocean Rim Association (IORA) Concord และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศรับรองเอกสารดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||
22028 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (โครงการซ่อมแซมและปรับปรุงคันป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสำนักงานประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดอ่างทอง ถึงบริเวณวัดต้นสน ตำบลตลาดหลวง อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง) | มท | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จากโครงการซ่อมแซมและปรับปรุงเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี บ้านท่าไคร้ หมู่ที่ ๒๐ ตำบลกลาง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นโครงการซ่อมแซมและปรับปรุงคันป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสำนักงานประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดอ่างทอง ถึงบริเวณวัดต้นสน ตำบลตลาดหลวง อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในวงเงิน ๑๑,๖๘๗,๐๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๒,๓๔๐,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๙,๓๔๗,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าว ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และขอตกลงความเหมาะสมของราคากับสำนักงบประมาณก่อนลงนามในสัญญาขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งรัดงานซ่อมแซมและปรับปรุงคันป้องกันน้ำท่วมริมแม่น้ำเจ้าพระยาดังกล่าวโดยด่วน เพื่อสามารถป้องกันปัญหาน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากครั้งต่อไปได้อย่างทันการณ์และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
22029 | ขออนุมัติแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาฝิ่น ยาเสพติดและความมั่นคงพื้นที่ อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2560 - 2564) | ยธ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาฝิ่น ยาเสพติดและความมั่นคงพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ วัตถุประสงค์แผนแม่บทฯ เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่มีการปลูกฝิ่นและวางแนวทางให้สามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานให้ประชากรชนเผ่าในอมก๋อยให้สามารถพึ่งตนเอง พัฒนาด้านคุณภาพชีวิตให้ทัดเทียมกับพื้นที่อื่น ๆ พัฒนาสร้างศักยภาพในกลุ่มเป้าหมายทุกระดับให้เข้าใจอันตรายจากฝิ่น รวมถึงปราบปรามกดดันผู้เกี่ยวข้องและตัดทำลายพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างจริงจัง ๑.๒ ยุทธศาสตร์แผนแม่บทฯ ๖ ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย (๑) การพัฒนาระบบฐานข้อมูล (Intelligent Database) (๒) การควบคุมพื้นที่และบุคคลที่เกี่ยวข้อง (Affective Controlling) (๓) การบำบัดรักษา ติดตาม ฟื้นฟูอย่างครบวงจร (Easy Accessibility for Treatment) (๔) การป้องกันแก้ไขปัญหาฝิ่นและยาเสพติด (๕) การเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็ง อาชีพ และการอนุรักษ์ธรรมชาติ (Active Community) และ (๖) การอำนวยการบริหารจัดการ (Modern Management) ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินการตามแผนแม่บทดังกล่าว ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ ตามความจำเป็นและเหมาะสม และจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ในส่วนของการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด ให้สอดคล้องกับปฏิทินงบประมาณ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
22030 | งบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2556 และ 2557 | ยธ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ และสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
22031 | ขออนุมัติหลักการยุทธศาสตร์พัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ. 2558 - 2562 | กษ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการยุทธศาสตร์พัฒนาผลไม้ไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ โดยให้ความสำคัญในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจหลัก ๗ ชนิด ได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ลำไย ลิ้นจี่ และมะม่วง ดำเนินการภายใต้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ๕ ด้าน ได้แก่ (๑) การบริหารจัดการผลผลิต (๒) การบริหารจัดการการตลาด (๓) การวิจัยและพัฒนา (๔) พัฒนาองค์กรและเกษตรกร และ (๕) พัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศ โดยแบ่งแผนปฏิบัติการออกเป็น ๒ ระยะ ได้แก่ ระยะที่ ๑ (ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐) เน้นการจัดตั้งกลุ่มสร้างเครือข่ายและส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันเกษตรกรผู้ผลิตไม้ผลคุณภาพในพื้นที่การผลิตตามเขตความเหมาะสม (Zoning) และระยะที่ ๒ (ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๒) เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปเพื่อการเพิ่มมูลค่าผลผลิตในการขยายตลาดทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายและแหล่งที่มา ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ของแต่ละหน่วยงานรวมวงเงินทั้งสิ้น ๗๗๓.๖๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณากำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ฯ ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และให้รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการจัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ลิ้มรสผลไม้ไทยหรือเข้าร่วมการจัดงานเทศกาลผลไม้ไทย หรือจัดเส้นทางท่องเที่ยวแวะชิมผลไม้ในแหล่งผลิต เป็นต้น การเร่งรัดผลักดันการผลิตตามมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice) ให้เป็นมาตรฐานบังคับ เพื่อยกระดับความปลอดภัยของผลไม้ไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดสากล การติดตามสถานการณ์ผลผลิตผลไม้ในแต่ละปีอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง รวมทั้งวางแผนการกระจายผลผลิตในช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวผลไม้ในแต่ละชนิดและแต่ละพื้นที่ให้ชัดเจนและรวดเร็ว การตรวจสอบคุณภาพความปลอดภัยของผลไม้ส่งออกของไทยและที่นำเข้าในประเทศอย่างสม่ำเสมอ การส่งเสริมแนวทางเกษตรอินทรีย์ และเพิ่มบทบาทของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสถาบันการศึกษาในการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาสร้างนวัตกรรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
22032 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) | ทส | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปฏิรูปการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นด้วยกับการแบ่งเขตการใช้ประโยชน์และกำหนดพื้นที่คุ้มครองทางทะเล เนื่องจากจะเป็นการปกป้องผลประโยชน์ทางทะเล ส่งเสริมให้มีการจัดการทะเลไทยอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเห็นด้วยกับการปรบสมดุลการพัฒนาทะเลไทยตามแนวทางมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เนื่องจากจะเป็นการลดความขัดแย้งของการใช้ทรัพยากรทางทะเล รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของทรัพยากรทางทะเล ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
22033 | การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ 11 ในประเทศไทย พ.ศ. 2560 | ศธ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๑๑ ในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ระหว่างวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน-๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสที่จะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษา และเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะได้จัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยให้เยาวชนไทยในระดับโรงเรียนได้มีการพัฒนาความรู้และศักยภาพด้านดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์ รวมทั้งเป็นการกระตุ้นให้มีการเรียนการสอนดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์ในระดับอุดมศึกษาเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างนักดาราศาสตร์สมัยใหม่ให้กับประเทศไทยให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ งบประมาณดำเนินการรวมทั้งสิ้น ๖๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเตรียมการที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ แผนงานพัฒนาศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ผลผลิตผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ได้รับการพัฒนาและส่งเสริม งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนมูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษาในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ตามความจำเป็น ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและรายได้จากแหล่งอื่นที่ได้รับในการดำเนินโครงการดังกล่าว เพื่อประกอบการพิจารณาเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ การดำเนินการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันดังกล่าว ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
22034 | การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 9 (The 9th AMRDPE) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | มท | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งมีภารกิจสอดคล้องกับโครงการและกิจกรรมที่ประเทศไทยได้รับมอบหมายตามแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ฉบับปี ๒๐๑๖-๒๐๒๐ (Framework Action Plan on Rural Development and Poverty Eradication : FAPRDPE 2016-2020) รับโครงการและกิจกรรมดังกล่าวไปดำเนินการภายในห้วงเวลาตามแผนปฏิบัติการตามมติที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทฯ ครั้งที่ ๑๒ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กิจกรรมที่ประเทศไทยเสนอขอรับเป็นเจ้าภาพดำเนินการ - กิจกรรมที่ ๑ การจัดทำเอกสารเผยแพร่และแบ่งปันบทเรียนความสำเร็จและประเด็นท้าทายในการสร้างศักยภาพการพัฒนาที่มีชุมชนและหมู่บ้านเป็นกลไกขับเคลื่อน - กิจกรรมที่ ๒ การส่งเสริมผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเยาวชน - กิจกรรมที่ ๕ การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคเพื่อนำเสนอความก้าวหน้าด้านการคุ้มครองทางสังคมสำหรับแรงงานในภาคเกษตรกรรม ชาวนา และวิถีชาวประมง ๑.๒ กิจกรรมที่ประเทศไทยร่วมดำเนินการ - กิจกรรมที่ ๒๒ การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาคเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการจัดทำดัชนีความยากจนแบบหลายมิติและดัชนีความด้อยโอกาสแบบหลายมิติเพื่อกำกับการดำเนินงานคุ้มครองทางสังคม ๑.๓ กิจกรรมที่ประเทศไทยขอพิจารณาเมื่อประเทศเจ้าภาพกิจกรรมได้จัดทำข้อเสนอของกิจกรรมที่ชัดเจนแล้ว (ประเทศฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพหลัก) - กิจกรรมที่ ๑๑ การศึกษาดูงาน/ทุนสำหรับผู้จัดทำนโยบายการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะและที่อยู่อาศัยสำหรับคนยากจนที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง - กิจกรรมที่ ๑๖ การส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมผ่านรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ดำเนินการได้ ๒. ในส่วนของงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ไปดำเนินการ ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
22035 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารร่วมความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย - จีน ครั้งที่ 6 ครั้งที่ 7 และครั้งที่ 8 ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 | คค | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการบริหารร่วมความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๖ เมื่อวันที่ ๖-๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ นครเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ครั้งที่ ๗ เมื่อวันที่ ๑๑-๑๒ กันยายน ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และครั้งที่ ๘ เมื่อวันที่ ๒๘-๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ โดยภาพรวมของการประชุมทั้ง ๓ ครั้ง มีประเด็นหารือเกี่ยวกับความก้าวหน้าของการดำเนินการเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้และการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม รายละเอียดและเงื่อนไขเงินกู้สำหรับงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การหารือเกี่ยวกับหลักสูตรการฝึกอบรมสำหรับผู้ฝึกอบรมฝ่ายไทย ความก้าวหน้าการออกแบบวิศวกรรม โครงการฝึกอบรมบุคลากร รวมถึงรายงานสรุปการเลือกเส้นทางและระบบการเดินรถ และร่างรายงานศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ การหาข้อยุติเกี่ยวกับร่างกรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการกระชับความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ รวมทั้งการจัดพิธีวางศิลาฤกษ์ศูนย์การควบคุมและบริหารการเดินรถกลาง (โอซีซี) ร่วมกัน ณ บริเวณสถานีรถไฟเชียงรากน้อย และการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๙ ณ ประเทศไทย ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘ เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งปฏิบัติตามขั้นตอนข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดเพื่อให้สามารถเริ่มต้นก่อสร้างโครงการฯ ที่คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ประมาณเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ และให้ความสำคัญกับการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดโครงการฯ ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ รวมทั้งควรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถาบันการศึกษาพิจารณากำหนดหลักสูตรอบรมบุคลากรระยะกลางและระยะยาวร่วมกัน เพื่อเป็นพื้นฐานของการสนับสนุนให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบขนส่งทางรางภายในประเทศอย่างเป็นระบบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมจัดทำรายละเอียดโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน โดยเฉพาะรูปแบบการร่วมลงทุน งบประมาณในการลงทุน และแนวทางการใช้ประโยชน์และการออกแบบเมืองตามแนวเส้นทางและพื้นที่โดยรอบแนวเส้นทางเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
22036 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน | นร10 | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ของสำนักงาน ก.พ.ร. จำนวน ๒ โครงการ คือ โครงการเผยแพร่หลักธรรมาภิบาลให้แก่ประชาชน และโครงการปรับปรุงงานบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน (Fast Service)
|
|||||||||||||||||||||||||||
22037 | สรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ 4 | ยธ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๔ (ASEAN Ministerial Meeting on Drug Matters : AMMD) ระหว่างวันที่ ๒๘-๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ เมืองลังกาวี ประเทศมาเลเซีย โดยมติที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับความร่วมมือด้านยาเสพติด ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบที่จะจัดทำแผนงานอาเซียน (ASEAN Work Plan) ปี ๒๐๑๖ ฉบับต่อไป เนื่องจากฉบับปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในปี ๒๕๕๘ โดยประเทศอินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเพื่อจัดทำแผนงานดังกล่าว ระหว่างวันที่ ๒-๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้เสนอและรับรองจุดยืนของอาเซียน (ASEAN Position) เพื่อนำไปเสนอต่อการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด ครั้งที่ ๕๙ (59th Session of the Commission on Narcotic Drugs : CND) ในเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ และในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษ ปี ๒๕๕๙ ว่าด้วยเรื่องยาเสพติด (UNGASS) ในเดือนเมษายน ๒๕๕๙ เอกสารจุดยืนอาเซียนนี้จะเป็นการยืนยันว่า อาเซียนมีความมั่นคงที่จะไม่อดทนอดกลั้นต่อปัญหายาเสพติดเพื่อทำให้อาเซียนเป็นเขตปลอดยาเสพติด ๒. เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามมติที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๔ โดยร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศเพื่อนบ้านต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
22038 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลสัตว์ พ.ศ. .... | กษ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลสัตว์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตตามกฎหมายให้เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาลสัตว์ พ.ศ. ๒๕๓๓ และมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาลสัตว์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการสำรวจหรือรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎกระทรวงดังกล่าวจากผู้ประกอบการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อให้การออกกฎหมายมีกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียก่อนมีผลบังคับใช้และการดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
22039 | ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับมาตรการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางวิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะยานยนต์ต้นแบบในภูมิภาค จำนวน 4 ฉบับ | กค | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างประกาศกระทรวงการคลัง จำนวน ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่การนำเข้ารถยนต์ต้นแบบหรือรถจักรยานยนต์ต้นแบบเพื่อการวิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะให้แก่ผู้วิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะ ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินประเภทรถยนต์ต้นแบบเพื่อการวิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะที่ได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิตจากมูลค่าต้นทุนทั้งหมด ๓. ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ต้นแบบหรือรถจักรยานยนต์ต้นแบบเพื่อการวิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะ ๔. ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากร ตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์ต้นแบบหรือรถจักรยานยนต์ต้นแบบที่นำเข้ามาเพื่อวิจัย พัฒนา หรือทดสอบสมรรถนะที่ได้รับอนุมัติจากกรมสรรพสามิต |
|||||||||||||||||||||||||||
22040 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาต การอนุญาตให้จัดตั้งและดำเนินการสถานพยาบาลสัตว์ การโอนใบอนุญาต และการแสดงความจำนงเป็นผู้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลสัตว์ พ.ศ. .... | กษ | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขออนุญาต การอนุญาตให้จัดตั้งและดำเนินการสถานพยาบาลสัตว์ การโอนใบอนุญาต และการแสดงความจำนงเป็นผู้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลสัตว์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาต การอนุญาตให้จัดตั้งสถานพยาบาลสัตว์ การดำเนินการสถานพยาบาลสัตว์ การโอนใบอนุญาต และการแสดงความจำนงเป็นผู้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลสัตว์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบและเข้าใจสาระสำคัญ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ มีผลบังคับใช้อย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....