ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1106 จากทั้งหมด 6217 หน้า แสดงรายการที่ 22101 - 22120 จากข้อมูลทั้งหมด 124327 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22101 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล (ธันวาคม พ.ศ. 2558) | ทก | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล (ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล ประชาชนร้อยละ ๘๘.๒ ระบุว่า ติดตามฯ มีเพียงร้อยละ ๑๑.๘ ที่ไม่ติดตาม โดยผู้ที่ติดตามระบุว่าติดตามจากสื่อโทรทัศน์มากที่สุด ร้อยละ ๘๖.๕ รองลงมา ได้แก่ เพื่อน/ญาติ/คนในครอบครัว ร้อยละ ๑๔.๗ หนังสือพิมพ์/สื่อสิ่งพิมพ์ ร้อยละ ๑๔.๕ เจ้าหน้าที่รัฐ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ร้อยละ ๑๐.๘ อินเทอร์เน็ต ร้อยละ ๑๐.๑ ๒. รายการ/ข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนติดตามมากที่สุด คือ รายการคืนความสุขให้คนในชาติ ร้อยละ ๘๕.๒ รองลงมา ได้แก่ ข่าวสารของรัฐบาล เช่น รายการข่าวทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต ฯลฯ ร้อยละ ๘๔.๘ รายการเดินหน้าประเทศไทย ร้อยละ ๘๓.๔ ๓. ประชาชนสูงกว่าร้อยละ ๙๐ ระบุว่า ทราบเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐบาลที่ผ่านมา โดยเรื่องที่ระบุว่าทราบ ได้แก่ การควบคุมสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคา ๘๐ บาท ร้อยละ ๙๘.๑ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ร้อยละ ๙๖.๙ การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ร้อยละ ๙๒.๗ โครงการจัดสวัสดิการเพื่อพี่น้องประชาชน ร้อยละ ๙๒.๓ การจัดระเบียบสังคม เพื่อทำให้สังคมน่าอยู่ ร้อยละ ๙๑.๘ การปราบปรามผู้มีอิทธิพล ร้อยละ ๙๑.๕ และการป้องกัน/แก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ร้อยละ ๙๑.๑ ๔. ประชาชนสูงกว่าร้อยละ ๙๒ มีความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของรัฐบาล โดยเรื่องที่มีความพึงพอใจ ๓ อันดับแรก ได้แก่ การควบคุมสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคา ๘๐ บาท ร้อยละ ๙๙.๙ โครงการจัดสวัสดิการเพื่อพี่น้องประชาชน ร้อยละ ๙๙.๙ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ร้อยละ ๙๙.๕ และการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ร้อยละ ๙๘.๙ ๕. ประชาชนร้อยละ ๙๙.๓ มีความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานในภาพรวมของรัฐบาล (มาก-มากที่สุด ร้อยละ ๖๓.๙ ปานกลาง ร้อยละ ๓๐.๗ และน้อย ร้อยละ ๔.๗) ๖. ประชาชนร้อยละ ๙๘.๙ มีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ (มาก-มากที่สุด ร้อยละ ๖๐.๒ ปานกลาง ร้อยละ ๓๒.๙ และน้อย ร้อยละ ๕.๘) ๗. การกำหนดให้ประชาชนทุกคนต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ต่อรัฐ เพื่อจัดทำฐานข้อมูลในการวางแผนจัดสวัสดิการ ประชาชนร้อยละ ๕๒.๒ ระบุว่า เห็นด้วย และมีร้อยละ ๒๖.๐ ที่ไม่เห็นด้วย ขณะที่ร้อยละ ๒๑.๘ ยังไม่แน่ใจ ๘. เรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเร่งด่วน ได้แก่ การควบคุมสินค้าอุปโภค บริโภคไม่ให้มีราคาแพง ร้อยละ ๕๓.๒ การแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรราคาตกต่ำ ร้อยละ ๓๕.๗ การแก้ปัญหายาเสพติด ร้อยละ ๒๙.๕ การแก้ปัญหาหนี้สิน ร้อยละ ๒๕.๘ และการปรับขึ้นค่าแรงให้เพียงพอกับค่าครองชีพ ร้อยละ ๑๘.๑
|
|||||||||||||||||||||
22102 | โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ระยะที่ 2 | กค | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ระยะที่ ๒ และงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน ๑๐,๐๑๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในภาพรวมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ เห็นควรให้เสนอคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมพิจารณาก่อนดำเนินการ ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าวให้ธนาคารออมสินพิจารณาการอนุมัติสินเชื่อให้กับสถาบันการเงินและผู้ประกอบการอย่างรอบคอบและตรง SMEs กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการโดยการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำอย่างแท้จริง สำหรับค่าใช้จ่ายและภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้น เห็นควรให้ธนาคารออมสินเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละปีงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป และหากธนาคารออมสินจะขอนำส่วนต่างระหว่างค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ได้รับชดเชยมาบวกกลับเพื่อคำนวณโบนัสประจำปีของพนักงานนั้น เห็นควรให้ธนาคารออมสินเสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังทำการประเมินผลการดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ระยะที่ ๑ ควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ระยะที่ ๒ และเมื่อดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ระยะที่ ๒ เสร็จสิ้นแล้ว ให้กระทรวงการคลังประเมินผลการดำเนินโครงการดังกล่าวและเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
22103 | ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... | นร09 | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาปรับแก้ไขถ้อยคำในส่วนของบทนิยามคำว่า “คดีทุจริตและประพฤติมิชอบ” ให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ สำหรับการดำเนินงานด้านงบประมาณให้สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
22104 | โครงการของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี 2559 ของกระทรวงการต่างประเทศ | กต | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. โครงการห้องสมุดอาเซียน ๒. โครงการเสริมทักษะภาษาอังกฤษให้แก่เยาวชนต้อนรับประชาคมอาเซียน ๓. โครงการให้บริการทำหนังสือเดินทางนอกเวลาราชการ
|
|||||||||||||||||||||
22105 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | กห | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพร้อมคณะ ระหว่างวันที่ ๑๗ ถึงวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือทางทหารระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป ไทย-ลาว ครั้งที่ ๒๒ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การเข้าเยี่ยมคำนับ นายทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันที่จะเสริมสร้างมิตรภาพและความเข้าใจระหว่างกองทัพและประชาชนของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เห็นว่าทั้งสองฝ่ายควรร่วมกันแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างสันติวิธี และจะไม่ยอมให้ผู้ไม่หวังดีมาสร้างปัญหาความขัดแย้งและความแตกแยกภายในของแต่ละประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างกัน ๑.๒ การเข้าเยี่ยมคำนับ พลโท แสงนวน ไซยะลาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศ สปป.ลาว ทั้งสองฝ่ายได้หารือและเห็นชอบร่วมกันในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และยกระดับความร่วมมือทางทหารระหว่างกันให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น รวมถึงการแลกเปลี่ยนการเยือนในทุกระดับการฝึกศึกษาและการประสานงานในด้านต่าง ๆ ให้ใกล้ชิดมากขึ้น โดยรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เสนอให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและความร่วมมือในการจัดระเบียบชายแดน เพื่อป้องกัน สกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด การลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย รวมทั้งเสนอการทำเส้นเขตแดนให้เป็น “เส้นแห่งความร่วมมือ” เพื่ออำนวยความสะดวกเสริมสร้างความปลอดภัย และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนของทั้งสองประเทศในฐานะประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีชายแดนติดต่อกัน ๑.๓ ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยฯ ครั้งที่ ๒๒ มีความคืบหน้าในหลายประเด็นที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ร่วมกัน โดยทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านความมั่นคงบริเวณชายแดน ไทย-ลาว ฉบับใหม่ เพื่อเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ สันติภาพ มิตรภาพ และเสถียรภาพของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากขึ้น ทั้งนี้ สาระสำคัญยังคงยึดถือแนวทางตามความตกลงฉบับเดิมที่หมดอายุลง โดยปรับให้ทันสมัยและมีความอ่อนตัวมากขึ้น ๒. ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการเจรจาเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่สอดคล้องกับเป้าหมายตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย โดยเฉพาะแนวโน้มความต้องการไฟฟ้า และขีดความสามารถของระบบไฟฟ้าและสายส่งภายในประเทศ รวมทั้งความเป็นไปได้ในการผันน้ำจากเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำที่ประเทศเพื่อนบ้านจะสร้างในอนาคตเข้ามาใช้ประโยชน์ในฝั่งประเทศไทยด้วย
|
|||||||||||||||||||||
22106 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนตุลาคม 2558 | นร11 | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ในขณะที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม และดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนปรับตัวลดลง และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่สามตามการขยายตัวของดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน และจำนวนนักท่องเที่ยว รวมทั้งการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่สนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก การลดลงของราคาสินค้าส่งออก และผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งทำให้ดัชนีผลผลิตภาคเกษตร ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม และการส่งออกปรับตัวลดลง และเป็นข้อจำกัดที่สำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในขณะที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||
22107 | รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลครบรอบ 1 ปี (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 12 กันยายน 2558) | นร | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลได้เสนอรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ครบรอบ ๑ ปี (๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๑๒ กันยายน ๒๕๕๘) เพื่อเผยแพร่และนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22108 | โครงการประชารัฐเพื่อผู้มีรายได้น้อย | นร04 | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการประชารัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยขอรับการสนับสนุนงบกลาง จำนวน ๑,๓๐๐ ล้านบาท ให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติสนับสนุนให้กองทุนชุมชนเมืองในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๙๕๘ กองทุน และกองทุนชุมชนทหารในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๑๘๐ กองทุน จำนวน ๑,๑๓๘ ล้านบาท เป็นค่าบริหารจัดการ จำนวน ๑๖๒ ล้านบาท และโครงการตลาดประชารัฐเพื่อประชาชนในกรุงเทพมหานคร โดยมีสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ และสถาบันการเงินของรัฐ ร่วมออกเงินทุนสนับสนุนในการจัดทำตลาดประชารัฐทั้งสี่มุมเมือง ทั้งในเรื่องโครงสร้าง รูปแบบ การบริหารจัดการ การประชาสัมพันธ์ และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เสนอ ๒. ในส่วนของงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการประชารัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ให้ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ตามนัยมาตรา ๑๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑,๓๐๐ ล้านบาท โดยให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง เพื่อขอรับเงินอุดหนุนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติในการดำเนินโครงการฯ และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการตลาดประชารัฐเพื่อประชาชนในกรุงเทพมหานคร ประมาณ ๕๐ ล้านบาท นั้น เห็นควรให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติและสถาบันการเงินของรัฐที่เกี่ยวข้อง ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
22109 | การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล | ทส | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวมโดยมิให้กรรมสิทธิ์ แต่อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐเป็นกลุ่มหรือชุมชนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติกำหนดในรูปแบบสหกรณ์ หรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสม โดยการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวให้หน่วยงานของรัฐซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของประเภทที่ดินกำหนดระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อกำหนด หรือเงื่อนไขภายใต้ความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. รับทราบกระบวนการการจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติพื้นที่ดำเนินการ ระยะที่ ๑ กระบวนการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ ส.ป.ก. สำหรับพื้นที่ดำเนินการระยะที่ ๒ และผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการจัดให้ชุมชนเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินได้ตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการที่ดินทำกินตามนโยบายรัฐบาลให้เกิดประโยชน์สูงสุด และจัดให้มีการปลูกป่าเพิ่มเติมในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม รวมทั้งพิจารณาออกกฎหมายเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐแต่ไม่สามารถนำมาเรียกร้องให้รัฐออกเอกสารสิทธิ เช่น โฉนดที่ดินให้ในภายหลัง ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติควรคำนึงถึงความจำเป็นในการช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นหลักสำคัญมากกว่าสิทธิในการจัดสรร และเพื่อเป็นการลดข้อพิพาทระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน และควรมีการประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติให้กับประชาชนทั่วไปทราบในวงกว้างควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และในกระบวนการดำเนินการจัดที่ดินให้เกษตรกรควรเพิ่มกระบวนการประเมินและเตรียมความพร้อมของกลุ่มเกษตรกร เพื่อให้มีทักษะหรือองค์ความรู้ในการบริหารจัดการทรัพยากรให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการจัดสรรที่ดิน และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมสำหรับสมาชิกทุกคน ลดความเสี่ยงต่อการเกิดความขัดแย้งในการใช้ทรัพยากรที่ดินร่วมกันจนอาจทำให้การดำเนินกระบวนการจัดหาที่ดินไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ ควรมีหลักเกณฑ์ในการแก้ปัญหากลุ่มเกษตรกรไม่สามารถรวมกันได้ หรือไม่ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการที่ดินที่ได้รับไปแล้ว รวมทั้งควรดำเนินการให้สอดคล้องและถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22110 | การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2555 - 2558 | กค | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการพิจารณาอนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี และเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่นอกเหนือจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบกลางและเงินงบประมาณเหลือจ่าย) ๑.๒ อนุมัติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณที่ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ในส่วนของเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ และเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่นอกเหนือจากพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๕๘ สำหรับโครงการที่มีความพร้อมและสามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๕,๖๔๐.๙๔ ล้านบาท และ ๔.๒๓๖.๓๖ ล้านบาท (ตามลำดับ) ส่วนเงินงบประมาณที่เหลือจำนวน ๑,๑๗๙.๕๙ ล้านบาท และ ๕๐๐.๕๓ ล้านบาท (ตามลำดับ) เห็นควรให้เงินงบประมาณนั้นพับไป ๑.๓ อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่นอกเหนือจากพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๕๘ ภายหลังเดือนกันยายน ๒๕๕๘ กรณีส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐส่งเรื่อง รายการเงินงบประมาณดังกล่าวให้กระทรวงการคลังเพิ่มเติมในภายหลัง และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามให้มีการก่อหนี้ผูกพันให้เป็นไปตามกำหนดระยะเวลาและตรงตามวัตถุประสงค์ของการใช้เงินงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลให้หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐติดตามและเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ หากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้เงินงบประมาณนั้นพับไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) และสำนักงบประมาณรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือนต่อไปด้วย ๔. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
22111 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา แทนตำแหน่งที่ว่าง (นางกรรณิการ์ แสงทอง) | ยธ | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางกรรณิการ์ แสงทอง อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา แทนพันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ลาออก ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
22112 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย - จีน (JC เศรษฐกิจ) ครั้งที่ 4 (The Fourth Meeting of the Joint Committee on Trade, Investment and Economic Cooperation between Thailand and China) | พณ | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน (JC เศรษฐกิจ) ครั้งที่ ๔ (The Fourth Meeting of the Joint Committee on Trade, Investment and Economic Cooperation between Thailand and China) เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และมนตรีแห่งรัฐ (เทียบเท่ารองนายกรัฐมนตรี) (นายหวัง หย่ง) เป็นประธานร่วมการประชุม ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นเวทีการหารือระดับสูง เพื่อกำหนดนโยบายการปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน บนพื้นฐานของยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศที่ลักษณะเกื้อกูลกันและกัน และมอบหมายกระทรวงที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามผลการประชุม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. การตั้งเป้าขยายมูลค่าการค้าสองฝ่ายเพิ่มเป็นสองเท่าของมูลค่าการค้าปัจจุบันภายใน ๕ ปี (๑๒๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ๒๕๖๓) ๒. การเชิญนักลงทุนจีนให้เข้ามาลงทุนใน ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมายตามแนวนโยบายของรัฐบาล ๓. การจัดตั้งหน่วยงานกลาง (focal point) ระหว่างไทยกับจีน ๔. การเพิ่มการค้าสินค้าเกษตร (ข้าว/ยางพารา/มันสำปะหลัง/สินค้าเกษตรอื่น ๆ) ๕. โครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และการขยายความร่วมมือด้านระบบรางขนส่งไปพร้อมกับการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ ๖. ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นวัตกรรม และความร่วมมือด้านอวกาศ ๗. ความร่วมมือด้านสุขอนามัยและมาตรฐานการตรวจสอบ ๘. ความร่วมมือด้านการเงิน ๙. ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ๑๐. ความร่วมมือด้านพลังงาน ๑๑. ความร่วมมือในระดับท้องถิ่น ๑๒. ความร่วมมือด้านการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ |
|||||||||||||||||||||
22113 | การแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนสถาบันหรือองค์การอิสระ และบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง เป็นกรรมการในคณะกรรมการผังเมือง (จำนวน 13 คน 1. นายปรีชา รณรงค์ ฯลฯ) | มท | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนสถาบันหรือองค์การอิสระ และบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง เป็นกรรมการในคณะกรรมการผังเมือง จำนวนรวม ๑๓ คน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๙ คน ๑.๑ ด้านการผังเมือง นายปรีชา รณรงค์ ๑.๒ ด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ นายสายสุรีย์ บุนนาค นายตรีภพ จันทรประภา ๑.๓ ด้านวิศวกรรมศาสตร์ นายรัชทิน ศยามานนท์ ๑.๔ ด้านนิติศาสตร์ นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ นายวัฒนา เชาวสกู ๑.๕ ด้านสิ่งแวดล้อม นายสง่า โภคบุตร ๑.๖ ด้านเศรษฐศาสตร์ และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันอุดมศึกษาที่มีหลักสูตรด้านการผังเมือง นายนิพันธ์ วิเชียรน้อย ๑.๗ ด้านสังคม พลเอก ไตรรัตน์ รังคะรัตน์ ๒. ผู้แทนสถาบันหรือองค์กรอิสระ และบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง จำนวน ๔ คน ๒.๑ นายสมศักดิ์ จุฑานันท์ ๒.๒ นายสมพล ยุติธรรม ๒.๓ นายธีระพันธุ์ ทองประวัติ ๒.๔ นายสมศักดิ์ ตั้งทรงศิริศักดิ์
|
|||||||||||||||||||||
22114 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (นางสาลินี วังตาล และนายสมชาติ สร้อยทอง) | พณ | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาลินี วังตาล และนายสมชาติ สร้อยทอง เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22115 | รายงานผลการจัดจ้างโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. และประตูระบายน้ำ คลองลาดพร้าว คลองบางบัว คลองถนน คลองสอง และคลองบางซื่อ จากบริเวณเขื่อนเดิมอุโมงค์ยักษ์พระรามเก้า - รามคำแหง ไปทางประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ | มท | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการจัดจ้างโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล. และประตูระบายน้ำ คลองลาดพร้าว คลองบางบัว คลองถนน คลองสอง และคลองบางซื่อ จากบริเวณเขื่อนเดิมอุโมงค์ยักษ์พระรามเก้า-รามคำแหง ไปทางประตูระบายน้ำคลองสายใต้ ซึ่งสำนักงบประมาณเห็นชอบความเหมาะสมของราคาค่าก่อสร้างโครงการดังกล่าว ในวงเงิน ๒,๔๒๓,๕๐๐,๐๐ บาท ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๔๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือจำนวน ๒,๑๘๐,๕๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้กรุงเทพมหานครเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามความจำเป็นและเหมาะสมเพื่อให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22116 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน (ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งประกอบด้วย ๓ โครงการ ๑๑ กิจกรรม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ท่องธรรมชาติฟรีทั่วไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ๑.๑ เปิดให้บริการเข้าอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าโดยไม่คิดค่าบริการ ๑.๒ เข้าชมฟรีสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ (Aquarium) จังหวัดภูเก็ต ๑.๓ การยกเว้นค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์สิรินธร อำเภอสหัสขันธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ๑.๔ การยกเว้นค่าเข้าชมศูนย์วิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ จังหวัดขอนแก่น ๑.๕ งานช้างไทย ตำนานยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดิน ประจำปี ๒๕๕๙ (The Great Legend of Thai Elephant) ณ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ๑.๖ “Gift Vouchers ของขวัญวันปีใหม่ ๒๕๕๙” เป็นบัตรเข้าสวนสัตว์ในสังกัดองค์การสวนสัตว์ทั้ง ๗ แห่งฟรี ๑.๗ ของขวัญวันเด็กแห่งชาติ ปี ๒๕๕๙ โดยองค์การสวนสัตว์มอบความสุขให้แก่เด็ก ๆ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ๙ มกราคม ๒๕๕๙ ให้เด็กที่สูงต่ำกว่า ๑๓๕ เซนติเมตร เข้าชมสวนสัตว์ในสังกัดองค์การสวนสัตว์ฟรี อีกทั้งได้ของขวัญของรางวัลมากมาย ๒. คนกับป่าพึ่งพาสู่ความยั่งยืน ได้แก่ ๒.๑ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไม้สักที่ทำจากสวนป่าปลูกขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ๒.๒ การจัดที่ดินให้ผู้ไร้ที่ทำกิน โดยมอบหนังสืออนุญาตให้ราษฎรเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเลนปากน้ำ ตำบลปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื้อที่ประมาณ ๑,๖๐๐ ไร่ ๒.๓ ครูป่าไม้ให้บริการประชาชน รวมทั้งการให้ความรู้ คำแนะนำทางวิชาการด้านป่าไม้ ๓. ทส. ลดโลกร้อนเพื่อประชาชน ได้แก่ โครงการจัดทำเกมส์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านสื่อสังคมออนไลน์
|
|||||||||||||||||||||
22117 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน (ของกระทรวงพลังงาน) | พน | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดเตรียมของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ของกระทรวงพลังงาน โดยได้ดำเนินมาตรการเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ระหว่างการฟื้นตัว ได้แก่ การลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซปิโตรเลียมเหลว และค่าไฟฟ้า รวมถึงส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกภาคส่วน ซึ่งจะเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาวให้กับประชาชนในอีกทางหนึ่งด้วย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22118 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. เห็นชอบให้ยืนยันหลักการและเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐมีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริงเป็นเบื้องต้นได้ โดยให้ปรับถ้อยคำจาก “...ให้เลขาธิการมีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นแทนคณะกรรมการ ป.ป.ท. ...” เป็น “...ให้เลขาธิการมีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริงเป็นเบื้องต้น เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ท. ให้ความเห็นชอบแล้ว...” และมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22119 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยืนยันหลักการและเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐมีอำนาจไต่ส่วนข้อเท็จจริงเป็นเบื้องต้นได้ โดยให้ปรับถ้อยคำจาก “...ให้เลขาธิการมีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริงเป็นเบื้องต้นแทนคณะกรรมการ ป.ป.ท. ...” เป็น “...ให้เลขาธิการมีอำนาจไต่สวนข้อเท็จจริงเป็นเบื้องต้น เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ท. ให้ความเห็นชอบแล้ว...” และมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22120 | การเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างวันที่ 18 - 19 ธันวาคม 2558 | กต | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการเดินทางเยือนประเทศไทยของนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน) อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๑๘-๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ ว่า นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้เข้าร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการระหว่าง ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๒ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “หุ้นส่วนเพื่อสันติภาพและความมั่งคั่ง” โดยผลการประชุมสรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเร่งรัดดำเนินการลาดตระเวนบริเวณชายแดนร่วมกันเพื่อปราบปรามการลักลอบตัดไม้ และส่งเสริมความร่วมมือด้านการปราบปรามการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติ ๒. ด้านการเชื่อมโยง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะพัฒนาการขนส่งทางถนน การเดินเรือชายฝั่ง การบริการเดินรถไฟ โดยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรหนองเอี่ยนและสตึงบท ๓. ด้านเศรษฐกิจ ๓.๑ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน โดยมุ่งหวังที่จะให้มีมูลค่าการค้าทวิภาคีเพิ่มขึ้นเป็น ๓ เท่าของมูลค่าการค้าในปัจจุบันภายในปี ๒๕๖๓ และจะเจรจาความตกลงเพื่อการยกเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างกันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๓.๒ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้กล่าวปาฐกถาในการสัมมนาธุรกิจระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้แก่ภาคธุรกิจไทยได้ไปลงทุนในกัมพูชาเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ สภาธุรกิจไทย-กัมพูชา และสภาธุรกิจกัมพูชา-ไทย ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันด้วย ๔. ด้านแรงงาน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือและการคุ้มครองด้านแรงงานระหว่างกัน และมุ่งมั่นที่จะขจัดปัญหาการค้ามนุษย์และการลักลอบเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย โดยทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในบันทึกความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานและข้อตกลงว่าด้วยการจ้างงานระหว่างกัน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้ร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการระหว่าง ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๒ ที่จะกำหนดทิศทางความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีและความร่วมมือในอนาคต โดยแสดงความพร้อมที่จะพัฒนาความร่วมมืออันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประชาคมอาเซียนอีกด้วย ทั้งนี้ ในปี ๒๕๕๙ นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้เชิญนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีร่วมครั้งที่ ๓ ณ กรุงพนมเปญด้วย
|
.....