ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 44 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 861 - 880 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
861 | โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ยธ. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อสนับสนุนงบประมาณให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน ๑๖
ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบเงินอุดหนุน
ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.)
และให้เลขาธิการ ป.ป.ส. มีอำนาจอนุมัติโครงการ แผนงาน และกิจกรรมภายใต้กรอบงบประมาณ
งบเงินอุดหนุน
รายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
และสามารถเบิกจ่ายเงินงบประมาณสนับสนุนหน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของประเทศเพื่อนบ้านแต่ละประเทศ
เพื่อให้มีการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ตามที่ได้รับจัดสรร
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงาน ป.ป.ส. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับขั้นตอนการใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณ
รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้าง เห็นควรดำเนินการขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านในการประเมินผลประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินโครงการที่ผ่านมา
เพื่อนำมาปรับปรุงการกำหนดกิจกรรมของโครงการในปีต่อ ๆ ไป
เพื่อให้การสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
862 | ขออนุมัติใช้เงินบำรุงเพื่อก่อสร้างอาคารจอดรถ 9 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 20,841 ตารางเมตร โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 1 หลัง | สธ. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ก่อสร้างอาคารจอดรถ ๙ ชั้น พื้นที่ใช้สอย ๒๐,๘๔๑ ตารางเมตร โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน ๑ หลัง ในวงเงิน ๑๓๙,๔๒๙,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามนัยมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
863 | ขอเพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการตั้งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | สธ. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการเพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
(อสม.) ให้เหมาะสมกับภาระงานที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับเรื่องนี้ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความรอบคอบ
ชัดเจน สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน
ความพร้อมในด้านการเงินการคลังและความจำเป็นเร่งด่วนในการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนความเหมาะสมเป็นธรรมในภาพรวมของบุคลากรของรัฐที่มีภารกิจในทำนองเดียวกัน
โดยให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
864 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่่ 15 ธันวามคม 2530 วันที่ 23 กรกฎาคม 2534 วันที่ 22 สิงหาคม 2543 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 ที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน สำหรับการดำเนินการก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กข้ามคลองสวีเฒ่า บนเส้นทางสายปากแพรก-วิสัยใต้ พร้อมถนนผิวจราจรหินคลุก หมู่ที่ 1 ตำบลปากแพรกเชื่อมตำบลวิสัยใต้ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร | มท. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗
ตุลาคม ๒๕๔๓ ที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน สำหรับการดำเนินการก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กข้ามคลองสวีเฒ่า
บนเส้นทางสายปากแพรก-วิสัยใต้ พร้อมถนนผิวจราจรหินคลุก หมู่ที่ ๑ ตำบลปากแพรก
เชื่อมตำบลวิสัยใต้ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าและบำรุงรักษาป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่าของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์
ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพรพิจารณาใช้จ่ายจากเงินรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพรดำเนินการเป็นลำดับแรก
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยและองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพรรับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เช่น
ควรดำเนินการในรูปแบบสะพานยกระดับต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศป่าชายเลน
และการขออนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปให้ถูกต้อง
เป็นปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
865 | การขออนุมัติปรับแผนการดำเนินงานและแผนเบิกจ่ายงบประมาณ รวมทั้งขอความเห็นชอบหลักการแนวทางดำเนินการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ กิจกรรมที่ 2 การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) | ดศ. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการปรับแผนการดำเนินงานและแผนเบิกจ่ายการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
กิจกรรมที่ ๒
การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน
(ASEAN Digital Hub) (กิจกรรมที่
๒) กิจกรรมย่อยที่ ๓ การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระบบใหม่ฯ
จากเดิมสิ้นสุดปี ๒๕๖๕ เป็นสิ้นสุดปี ๒๕๖๗ ๑.๒
เห็นชอบในหลักการขยายความจุเพิ่มเติมของระบบเคเบิลใต้น้ำ ASIA Direct Cable (ADC) ภายใต้กิจกรรมที่ ๒
กิจกรรมย่อยที่ ๓ การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระบบใหม่ฯ จากเดิม ๒๐๐ Gbps
ซึ่งเป็นความจุเบื้องต้นของประเทศไทยที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไว้
เป็นไม่เกินสิทธิการใช้วงจรทั้งหมด (เบื้องต้นที่ประมาณ ๙,๐๐๐ Gbps) โดยใช้งบประมาณของ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)
(บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ) และให้ความจุเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
และ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เช่น ควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. หากมีการขยายกรอบวงเงินลงทุนโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
กิจกรรมที่ ๒
การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน
(ASEAN Digital Hub) กิจกรรมย่อยที่
๓ การร่วมก่อสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระบบใหม่ที่เชื่อมต่อประเทศไทยกับประเทศต่าง
ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพิ่มเติมจาก ๒,๑๘๐ ล้านบาท
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป ๔. ในกรณีที่สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาอนุมัติให้
บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ ขยายความจุเพิ่มเติมของระบบเคเบิลใต้น้ำ Asia Direct Cable (ADC) ในแต่ละครั้งแล้ว
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรายงานผลการพิจารณาดังกล่าวต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติโดยเร็วด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
866 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายโครงการฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิง (โครงการหนองขวัญ) | กษ. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๓๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายโครงการฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำปิง (โครงการหนองขวัญ) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
รับความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่ควรพิจารณาศึกษาและปรับปรุงเป็นโครงสร้างถาวรเพื่อให้เกิดความคุ้มค่า
และการใช้ประโยชน์ในอนาคต และจัดทำแผนการดำเนินงาน พร้อมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประชาชนเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
867 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน กรณีแผนงานโครงการวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำประปา จำนวน 3 โครงการ | มท. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗
ตุลาคม ๒๕๔๓ ที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน
ในการดำเนินการแผนงานโครงการวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำประปา จำนวน ๓ โครงการ
ในพื้นที่ป่าชายเลนในตำบลสุโสะ อำเภอปะเหลียน และตำบลทุ่งกระบือ อำเภอย่านตาขาว
จังหวัดตรัง และตำบลกำแพง อำเภอละงู จังหวัดสตูล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าและบำรุงรักษาป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า
๒๐ เท่าของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์
ให้การประปาส่วนภูมิภาคพิจารณาใช้จ่ายจากแหล่งเงินนอกงบประมาณ เงินรายได้
พร้อมทั้งขอให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและการประปาส่วนภูมิภาครับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น
ขอให้ตรวจสอบว่าเข้าข่ายโครงการซึ่งต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นหรือไม่
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
868 | รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกระทรวงกลาโหม | กห. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการให้กระทรวงกลาโหม
โดยกองทัพเรือนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๑ รายการ
โครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ ๒
ภายใต้แผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก วงเงินทั้งสิ้น ๒,๔๘๐,๕๓๐,๐๐๐ บาท
เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ วงเงิน ๔๙๖,๑๐๖,๐๐๐ บาท
และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-พ.ศ. ๒๕๖๙ วงเงิน
๑,๙๘๔,๔๒๔,๐๐๐ บาท ๑.๒
อนุมัติให้กองทัพเรือเสนอรายละเอียดคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
เพิ่มเติม โครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ ๒ วงเงิน ๔๙๖,๑๐๖,๐๐๐ บาท
ภายใต้แผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ๑.๓
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณของกระทรวงกลาโหมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕ เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ๑.๔
เห็นควรให้กองทัพเรือจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว
โดยการกำหนดวัตถุประสงค์และสาระสำคัญของรายการ คุณลักษณะเฉพาะของครุภัณฑ์
ประมาณการราคา และผลการสอบราคาให้ชัดเจนครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย
ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสมจำเป็น
ตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป
ตลอดจนคำนึงถึงเหตุผลและความจำเป็นที่สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในปัจจุบัน
รวมถึงภาระงบประมาณในระยะยาวต่อไป เป็นลำดับแรกด้วย ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
869 | การขอจัดตั้งหมู่บ้านใหม่ บ้านห้วยขาบใหม่ หมู่ที่ 8 ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน โดยขอยกเว้นหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2539 | มท. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๓๙ เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดตั้งหมู่บ้าน ตำบล กิ่งอำเภอและอำเภอ
เพื่อดำเนินการจัดตั้งหมู่บ้านใหม่ บ้านห้วยขาบใหม่ หมู่ที่ ๘ ตำบลดงพญา
อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงบประมาณที่เห็นควรปฏิบัติตามเงื่อนไขแนบท้ายหนังสืออนุญาตอย่างเคร่งครัด
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
เพื่อเป็นค่าตอบแทนผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในการจัดตั้งหมู่บ้านใหม่ดังกล่าว
เห็นควรให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ ไปดำเนินการในลำดับแรกก่อน ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
870 | การให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมสำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย หมายเลข G1/65 G2/65 และ G3/65 | พน. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้สิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต
โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๒๒ (๑) และวรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๓ มาตรา ๕๓/๑ และมาตรา ๕๓/๘
แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
แก่ผู้ขอสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต ๑.๑.๑
อนุมัติให้บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
เป็นผู้ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตสำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข
G1/65 และ G3/65 ๑.๑.๒
อนุมัติให้บริษัท เชฟรอน ออฟชอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
เป็นผู้ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตสำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข
G2/65 ทั้งนี้
กระทรวงพลังงานได้จัดทำร่างสัญญาแบ่งปันผลผลิตของทั้ง ๓ แปลงสำรวจข้างต้น ตามแบบ
ชธ/ป๑๒ ท้ายกฎกระทรวงกำหนดแบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑.๒
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมีอำนาจลงนามกับผู้ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตสำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข
G1/65 G2/65 และ G3/65 โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา ๕๓/๒ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๓
เห็นชอบให้ใช้ข้อกำหนดการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการในสัญญาแบ่งปันผลผลิตของแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข
G1/65 G2/65 และ G3/65 ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘
๒.
ให้กระทรวงพลังงาน (กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า
การดำเนินการในขั้นตอนสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ G3/65 ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
จะต้องไม่ขัดต่อมาตรการทางกฎหมายที่กำหนดในกฎกระทรวงดังกล่าว
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
871 | การลงนามข้อตกลงรับทุนสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกภายใต้โครงการการผลักดันการประยุกต์ใช้และการจัดการตลอดวงจรของการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย | สกพอ. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างข้อตกลงโครงการการผลักดันการประยุกต์ใช้และการจัดการตลอดวงจรของการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
ภายใต้การสนับสนุนของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (Global
Environment Facility : GEF) ร่วมกับองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ
(United Nations Industrial Development Organization : UNIDO) และมอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามข้อตกลงรับการสนับสนุนฝ่ายไทย โดยเป็นที่ยอมรับระหว่างภาคีแล้วว่าไม่จำเป็นต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็มสำหรับลงนาม
รวมทั้งมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกำกับการดำเนินโครงการ
(Project Executing Entity) เพื่อดำเนินงานดังกล่าวต่อไป
โดยร่างข้อตกลงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคขนส่ง
โดยยกระดับการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าผ่านการเสริมสร้างนโยบายที่เป็นกรอบกำกับดูแล
การเสริมสร้างศักยภาพและการแบ่งปันองค์ความรู้
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตกระทรวงการต่างประเทศ เช่น (๑) หากมีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนงบประมาณรายจ่าย โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรงบประมาณ แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ และ (๒)
ควรมีการติดตามและประเมินผลโครงการเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ
เพื่อนำมาพัฒนาขยายผลในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนข้อตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
872 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะและระบบความปลอดภัยของอาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. .... | มท. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะและระบบความปลอดภัยของอาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะและระบบความปลอดภัยของอาคารที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม
โดยกำหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารที่จะใช้ประกอบธุรกิจโรงแรมต้องดำเนินการตามที่กำหนดในส่วนที่เกี่ยวกับโครงสร้างของโรงแรม
ระบบป้องกัน และระงับอัคคีภัย ระบบทางหนีไฟ ลักษณะภายใน และภายนอกของอาคาร
และการนำอาคารลักษณะพิเศษมาใช้ประกอบธุรกิจโรมแรม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
873 | ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป (อียู) สมัยพิเศษ ค.ศ. 2022 | กต. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป
(อียู) สมัยพิเศษ ค.ศ. ๒๐๒๒ เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๕ ณ กรุงบรัสเซลส์
ราชอาณาจักรเบลเยียม และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป
โดยนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำนโยบายเศรษฐกิจของไทยที่ให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับความยั่งยืนผ่านแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญต่อการทำการค้ากับ EU
และที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับความร่วมมืออาเซียน-EU รวมทั้งประเด็นภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยมีประเด็นที่สำคัญ เช่น
การต่อต้านก่อการร้าย และความมั่นคงทางไซเบอร์ การส่งเสริมระบบการค้าพหุภาคีที่เปิดกว้าง
เสรี ครอบคลุม และอยู่บนกฎกติกา และการเปลี่ยนผ่านสีเขียวและดิจิทัล เช่น การแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ EU ได้เน้นย้ำข้อริเริ่ม “Global
Gateway” ซึ่งมุ่งหวังที่จะระดมทุนมูลค่า
๓๐๐,๐๐๐ ล้านยูโร (๑๐.๘ ล้านล้านบาท) ภายในปี ๒๕๗๐
เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านต่าง ๆ รวมทั้งด้านดิจิทัล ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม และข้อสังเกตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
รวมทั้งเรื่องนโยบายและมาตรการเพื่อเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาสีเขียว
ควรส่งเสริมให้เกิดการค้าการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ
ในลักษณะไม่ก่อให้เกิดการกีดกันทางการค้าต่อประเทศไทยและประเทศสมาชิกอาเซียน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
874 | ร่างแผนพัฒนาระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) สำหรับสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง | พณ. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแผนพัฒนาระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) สำหรับสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน
ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง และอนุมัติให้อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างแผนพัฒนาระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) สำหรับสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดนภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
มีสาระสำคัญเพื่อมุ่งเน้นการเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน โลจิสติกส์
และดิจิทัลข้ามพรมแดน
การพัฒนายุทธศาสตร์ความร่วมมือและส่งเสริมการอำนวยความสะดวกการค้าและการลงทุน รวมทั้งการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างประเทศสมาชิกแม่โขง-ล้านช้าง
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแผนพัฒนาระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) สำหรับสาขาความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน
ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
ทั้งนี้ หากมีแผนในลักษณะเดียวกันนี้เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีในคราวถัดเห็นควรไปให้กระทรวงพาณิชย์นำเสนอสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อพิจารณากลั่นกรองตามขั้นตอนและกระบวนการตามนัยของมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
875 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566-พ.ศ. 2568 | มท. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กรมโยธาธิการและผังเมืองก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนตาลเดี่ยว
ระยะที่ ๒ อำเภอหล่มศักดิ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ระยะเวลาดำเนินการ ๙๐๐ วัน
ภายในวงเงิน ๒๖๙,๘๕๐,๐๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๑๘๙,๘๕๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๖๘
โดยให้กรมโยธาธิการและผังเมืองจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
สำหรับการขออนุมัติการดำเนินการดังกล่าวอยู่ภายในกรอบสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายที่กำหนดว่าต้องไม่เกินกว่าร้อยละ
๘ ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ
เรื่องกำหนดสัดส่วนต่าง ๆ เพื่อเป็นกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
876 | การประชุมระดับรัฐมนตรีบิมสเทค ครั้งที่ 19 | กต. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ
(Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral
Technical and Economic Cooperation : BIMSTEC) หรือบิมสเทค
ครั้งที่ ๑๙ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างถ้อยแถลงฯ
โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมที่แสดงถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิกบิมสเทคในการส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่าง
ๆ ได้แก่ การค้า การลงทุน การต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ
เกษตรและความมั่นคงทางอาหาร วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
ความเชื่อมโยงระหว่างประเทศสมาชิก ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานภายใต้ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์การดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ไทยพึงจะได้รับ
รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
877 | ขออนุมัติให้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 เพิ่มเติมสำหรับกรณีพื้นที่ประสบอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2566 ภายใต้กรอบวงเงินที่ได้รับการจัดสรร ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 | มท. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน
ปี ๒๕๖๕ เพิ่มเติมสำหรับกรณีพื้นที่ประสบอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๕ ถึงวันที่
๓๑ มกราคม ๒๕๖๖ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัด ๑๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร
ตรัง นครปฐม นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี พัทลุง ยะลา ระนอง
สงขลา สตูล สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี และจังหวัดอ่างทอง โดยใช้จ่ายจากวงเงินงบประมาณ
ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบเงินอุดหนุน
ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไปจากสำนักงบประมาณแล้ว และใช้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือ
เช่นเดียวกันกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๕
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ทั้งนี้
ครัวเรือนที่จะได้รับความช่วยเหลือในกรณีนี้จะต้องไม่เป็นครัวเรือนที่ได้รับความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน
ปี ๒๕๖๕ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ มาแล้ว โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจ
หรือผู้ประสบภัยยื่นคำร้องขอความช่วยเหลือภายใน ๓๐
วันนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
และให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับธนาคารออมสินเร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้แลวเสร็จภายใน
๖๐ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทย
(กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๔/๔๙๕๖ ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖) ที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการเร่งรัด
และตรวจสอบความถูกต้องในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
878 | ขอความเห็นชอบให้กรมป่าไม้ส่งมอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมโทรม “ป่าสวนเมี่ยง” เนื้อที่ประมาณ 361 ไร่ ให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม นำไปดำเนินการตามกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม | กษ. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรมป่าไม้ส่งมอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมโทรม
“ป่าสวนเมี่ยง” เนื้อที่ประมาณ ๓๖๑ ไร่ ให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
นำไปดำเนินการตามกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ที่เห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวจะต้องเป็นไปด้วยความถูกต้องและชัดเจนตามกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
รวมทั้งควรชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อสร้างการรับรู้และเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน
และให้ดำเนินการแจ้งคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัด (คทช.จังหวัด)
เพื่อพิจารณานำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมโทรม “ป่าสวนเมี่ยง” เนื้อที่ประมาณ ๓๖๑
ไร่ (เฉพาะกรณี) ออกจากพื้นที่เป้าหมาย คทช. และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
กำกับ ดูแล สมาชิกสมาคมทหารผ่านศึกพิการแห่งประเทศไทย ให้ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
879 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) | กค. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
880 | การดำเนินการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยพนักงานวิทยุสมัครเล่นไทย - ฟินแลนด์ | กสทช. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยพนักงานวิทยุสมัครเล่นไทย-ฟินแลนด์
เพื่ออนุญาตให้ผู้ประกอบการวิทยุสมัครเล่นชาวฟินแลนด์และชาวไทยสามารถดำเนินการตั้งสถานีวิทยุสมัครเล่นในประเทศของกันและกันได้
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างสองประเทศ และอนุมัติให้เลขาธิการ
กสทช. หรือผู้แทนลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยพนักงานวิทยุสมัครเล่นไทย-ฟินแลนด์
โดยให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม
(ยังไม่มีกำหนดการลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยพนักงานวิทยุสมัครเล่นไทย-ฟินแลนด์
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาแนวทางการจัดการความรู้ที่ได้รับจากการดำเนินการภายใต้ความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับวิทยุสมัครเล่นกับประเทศต่าง
ๆ อย่างเป็นระบบ
พร้อมทั้งจัดให้มีการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่สนใจอย่างเป็นวงกว้างหรือไวรอล
(viral) เพื่อให้เกิดการเพิ่มพูนความรู้และสร้างผลงานวิชาการด้านวิทยุสมัครเล่นศึกษา
ซึ่งจะช่วยให้เกิดการสร้างโอกาสในการพัฒนากิจการวิทยุสมัครเล่นในประเทศทั้งในด้านการส่งเสริมงานวิชาการด้านโทรคมนาคมด้วยคลื่นวิทยุ
การพัฒนาพนักงานวิทยุสมัครเล่นให้มีความเชี่ยวชาญเพิ่มขึ้น
และการเพิ่มจำนวนพนักงานวิทยุสมัครเล่นไว้ใช้ประโยชน์และเป็นเครือข่ายโทรคมนาคมสำรองในกรณีเกิดภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉินต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|