ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 45 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 881 - 900 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
881 | ขออนุมัติใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด ก่อสร้างอาคารหอผู้ป่วยใน 7 ชั้น (จำนวน 156 เตียง) โรงพยาบาลร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 1 หลัง | สธ. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติใช้เงินบำรุงโรงพยาบาลร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด
ก่อสร้างอาคารหอผู้ป่วยใน ๗ ชั้น (จำนวน ๑๕๖ เตียง) โรงพยาบาลร้อยเอ็ด
จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน ๑ หลัง ในวงเงิน ๑๕๓,๗๗๖,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงบประมาณ เช่น ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ต้องพิจารณาความสามารถในการรองรับน้ำเสียของระบบบำบัดดังกล่าว
และจะต้องมีการเดินระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อให้คุณภาพน้ำทิ้งเป็นไปตามมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากอาคารบางประเภทและบางขนาด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
882 | แนวทางการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ (พื้นที่เพิ่มเติม) | ยธ. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการศึกษาแนวทางการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ เพื่อสร้างงาน
สร้างอาชีพให้แก่ผู้พ้นโทษและผู้ต้องขังที่ได้รับการอนุมัติให้พักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ
โดยมีสาระสำคัญ เช่น รูปแบบของนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ หลักเกณฑ์และองค์ประกอบของนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์
และมาตรการและสิทธิประโยชน์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการประสานความร่วมมือกันตามหน้าที่และอำนาจ
เพื่อขับเคลื่อนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
โดยต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตามนัยความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
(การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร.
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เช่น เช่น
ควรมีการกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนนโยบายและควรมีการรวบรวมและรายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานในแต่ละพื้นที่นำร่อง
ตลอดจนปัญหาอุปสรรคที่ทำให้การดำเนินงานไม่ประสบความสำเร็จหรือเกิดความล่าช้า
ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
883 | แผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.14 | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ และใช้พิจารณาในการจัดทำงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ ตามนัยมาตรา ๑๗ (๒) แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้หน่วยงานภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
ควรให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ
รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการของภาครัฐ
เพื่อสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ด้วย
และควรพิจารณากลั่นกรองจัดลำดับความสำคัญของแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำให้สอดคล้องกับกรอบวงเงินงบประมาณที่จะได้รับจัดสรรในแต่ละปี
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
884 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - จอร์เจีย | คค. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-จอร์เจีย
ฉบับลงนามเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ และร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งจอร์เจีย
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างความตกลงฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers)
ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย โดยมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งต่อกันเป็นลายลักษณ์อักษรในลำดับสุดท้ายผ่านช่องทางการทูต
ระบุว่า ข้อกำหนดของกฎหมายภายในสำหรับการมีผลบังคับใช้ได้รับการดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นว่าบันทึกความเข้าใจฯ ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ
เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และหากกระทรวงคมนาคมยืนยันได้ว่าร่างเอกสารดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม
หรือการค้าหรือการลงทุนอย่างกว้างขวาง ก็ไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
ซึ่งกระทรวงคมนาคมยืนยัน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงว่าด้วยบริการการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งจอร์เจีย
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
885 | ขออนุมัติจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรโครงการโคบาลชายแดนใต้ ของกรมปศุสัตว์ | กษ. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรเงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้กรมปศุสัตว์ยืมเพื่อไปดำเนินการตามโครงการโคบาลชายแดนใต้
ของกรมปศุสัตว์ มีกำหนดชำระคืนภายใน ๗ ปี ระยะเวลาโครงการ พ.ศ. ๒๕๖๕ ถึง พ.ศ. ๒๕๗๒
โดยอนุมัติวงเงิน ทั้งสิ้น ๑,๕๖๖,๒๐๐,๐๐๐
บาท แยกเป็นเงินยืม จำนวน ๑,๕๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และเงินจ่ายขาด ๑๖,๒๐๐,๐๐๐ บาท ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการโคบาลชายแดนใต้
ของกรมปศุสัตว์
เพื่อดำเนินการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อที่สอดคล้องกับความจำเป็นและความต้องการของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
และฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น
ควรกำกับดูแลและติดตามประเมินผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการ
เพื่อให้การดำเนินโครงการเกิดประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผลตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
สามารถนำเงินส่งคืนกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรได้อย่างครบถ้วนในระยะเวลาที่กำหนด
พร้อมทั้งเร่งดำเนินโครงการตามแผนงานการดำเนินงานโดยเร็ว และรายงานผลการดำเนินงาน
ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการต่อคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรอย่างยั่งยืน ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้จัดทำแผนบริหารการจัดความเสี่ยงรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในกรณีที่ผลผลิตในระดับต้นน้ำของโครงการโคบาลชายแดนใต้
ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
886 | ขออนุมัติหลักการการสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการ "สานใจไทย สู่ใจใต้" โดยการสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนให้กับมูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ | นร.52 | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการการสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการ "สานใจไทย สู่ใจใต้"
และเห็นชอบให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี
เป็นเงินอุดหนุนให้แก่มูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ภายในกรอบวงเงิน ๑๑,๐๘๒,๐๐๐ บาท ต่อปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
เห็นควรให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการและงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงศึกษาธิการ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยงานที่ได้รับมอบภารกิจให้ร่วมจัดโครงการดังกล่าวเพิ่มขึ้น
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการในแต่ละปีได้แลกเปลี่ยน
เรียนรู้ ถอดบทเรียน สะท้อนความคิดเห็น และถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจไปยังกลุ่มเยาวชนอื่น
ๆ ที่ไม่ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ เพื่อเป็นการสร้างแรงกระตุ้น
แรงบันดาลใจในการเรียนและการปฏิบัติตนให้กับเด็กและเยาวชน
พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการและงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป พิจารณาจัดทำฐานข้อมูลผู้เข้าร่วมโครงการรายบุคคลในมิติต่าง ๆ
อย่างเป็นระบบ เพื่อติดตามผลของการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เร่งรัดการดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ (เรื่อง
ขออนุมัติหลักการโครงการส่งเสริมการสร้างคนดีตามหลักการทางศาสนาที่ถูกต้องเพื่อสืบสานและรักษาสังคมพหุวัฒนธรรมที่ดีงามของจังหวัดชายแดนภาคใต้
ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
887 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 เรื่อง โครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ. 2559 - 2572) | อว. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
888 | ขอทบทวนการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทาง เรื่อง ค่าบริการทางการแพทย์และเงินเหมาจ่ายช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล กรณีผู้บาดเจ็บจากสถานการณ์เหตุระเบิดแยกราชประสงค์ วันที่ 17 สิงหาคม 2558 ของกระทรวงสาธารณสุข | กค. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
889 | รายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และประชารัฐสวัสดิการใหม่ให้แก่ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ | กค. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบรายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ
ปี ๒๕๖๕ และกรอบระยะเวลาในการดำเนินโครงการฯ ปี ๒๕๖๕
โดยในกรณีที่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงกรอบระยะเวลาในการดำเนินการและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมพิจารณาปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ ให้รายงานคณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรกด้วย รวมทั้งเห็นชอบการจัดสรรประชารัฐสวัสดิการใหม่
โดยมอบหมายให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเป็นผู้รับผิดชอบกำหนดหลักเกณฑ์การใช้ประชารัฐสวัสดิการสำหรับผู้ได้รับสิทธิ์ตามโครงการฯ
และผู้ที่ได้รับมอบอำนาจให้ใช้สิทธิ์แทน รวมถึงการกำหนดแนวทางการดำเนินการกับผู้ได้รับสิทธิ์ตามโครงการฯ
ที่กระทำผิดหลักเกณฑ์การจัดสรรประชารัฐสวัสดิการ รวมทั้งอนุมัติงบประมาณงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๙,๑๔๐.๓๕๑๑ ล้านบาท
ให้แก่กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้กระทรวงการคลัง
(สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลัง คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ความสำคัญในเรื่องความพร้อมของการดำเนินการและประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการดังกล่าวให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทราบในโอกาสแรก
และควรมีการติดตามประเมินผลประสิทธิภาพการใช้จ่ายเงินเพื่อให้การจัดสวัสดิการตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่กำหนดไว้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัดโดยให้ผู้ที่ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบข้อมูลการได้รับสิทธิเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตนเองเท่านั้นตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ (เรื่อง โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) ๓.
ให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
890 | ขออนุมัติทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560 เรื่อง อนุมัติให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ดำเนินงานก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) | คค. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
891 | การจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน) | นร.12 | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการทบทวนการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์
และเห็นชอบในหลักการการจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน)
และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร.
ดำเนินการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในการจัดร่างกฎหมาย
เพื่อการจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน)
และปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเสนอ
และให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ ออกตามความในพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๖๒
กฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ และกฎหมายอื่น
ตลอดจนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
และหากการดำเนินการรับโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้
และงบประมาณของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีแล้วเสร็จ
ไปเป็นของหน่วยงานของรัฐประเภทอื่น (มิได้เป็นส่วนราชการหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ
พ.ศ. ๒๕๖๒) จะต้องยื่นขอเช่าอาคารและสิ่งปลูกสร้าง
ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุให้ถูกต้องตามกฎหมายที่ราชพัสดุต่อไป หากมีการจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี
(องค์การมหาชน) จำเป็นต้องกำหนดให้มีการติดตามและประเมินผลองค์กร โดยเฉพาะในช่วง ๕
ปีแรกของการดำเนินงาน
และควรมีการกำหนดมาตรการ/แนวทางการดำเนินงานเพื่อรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น
กรณีผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
เพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านงบประมาณของภาครัฐ และในเรื่องของการจ่ายค่าตอบแทนการเลิกจ้างและเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ปฏิบัติงาน
ควรกำหนดจ่ายในอัตราเดียวกันกับที่จ่ายแก่เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาพิงคนคร
(องค์การมหาชน)
ในส่วนที่ปฏิบัติงานในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗
รอบพระชนมพรรษา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและอยู่บนบรรทัดฐานเดียวกัน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
892 | ขอความเห็นชอบการแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (พลตำรวจโท พรชัย สุธีรคุณ) | อว. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง พันตำรวจโท พรชัย สุธีรคุณ
ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ
(ตามมติคณะกรรมการมาตรวิทยาแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๕)
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป
แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม (สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ) รับข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน ที่เห็นควรพิจารณาจัดทำระเบียบการสรรหาและหลักเกณฑ์การแต่งตั้งผู้อำนวยการสำหรับการแต่งตั้งผู้อำนวยการในโอกาสต่อไป
เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การสรรหาประธานกรรมการ
และกรรมการในคณะกรรมการองค์การมหาชน และผู้อำนวยการองค์การมหาชน
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
893 | การพิจารณารับรองวัดคาทอลิก ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. 2564 | วธ. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการรับรองวัดคาทอลิก
ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นวัดคาทอลิกตามกฎหมาย จำนวน ๓๓ วัด ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงศึกษาธิการ โดยกระทรวงวัฒนธรรมและมิซซังผู้ได้รับอนุญาตจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด มิซซังจะต้องดำเนินการขออนุญาตเข้าใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุต่อกรมธนารักษ์
เพื่อเข้าใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุด้วยวิธีการเช่าให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ ระเบียบ หลักเกณฑ์ และกฎหมายอื่น
ตลอดจนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
ในกรณีพื้นที่ที่ตั้งวัดคาทอลิกอยู่ในเขตพื้นที่ป่าไม้จะต้องได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ตามระเบียบ
กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ก่อนเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว
และให้มีรั้วแสดงขอบเขตของวัดคาทอลิกและโรงเรียนในระบบออกจากกันอย่างชัดเจน
โดยขนาดที่ดินที่เป็นที่ตั้งโรงเรียนที่เหลืออยู่จะต้องเป็นไปตามกฎกระทรวง
การขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบฯ
พร้อมทั้งให้โรงเรียนในระบบดำเนินการขอเปลี่ยนแปลงรายการในการตราสารจัดตั้งและการขอเปลี่ยนแปลงขนาดที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนในระบบต่อผู้อนุญาตที่กำกับดูแล
แล้วแต่กรณี หรือดำเนินการอย่างอื่นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนกำหนดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
894 | ขออนุมัติยกเลิกรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 รายการค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง 3 คัน | ป.ย.ป. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติยกเลิกรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามเหตุผลความจำเป็นดังกล่าวที่สำนักงาน ป.ย.ป. เสนอ สำหรับการเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ รายการข้างต้น จำนวน ๑,๗๙๖,๔๐๐ บาท
เป็นค่าตอบแทนหมาจ่ายเป็นการจัดหารถประจำตำแหน่ง และรายการอื่น ๆ
เพื่อประโยชน์ในการสนับสนุนการปฏิบัติราชการของสำนักงาน ป.ย.ป. นั้น
ควรพิจารณาให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
895 | ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จำนวน 3 ฉบับ | รง. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการ ๑.๑ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างงานในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) ๑.๒ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายค่าทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ และค่าทดแทนกรณีการตาย
อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ๑.๓ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ
(กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19) จำนวน
๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจในบางเรื่องให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
เช่น กำหนดให้ลูกจ้างมีวันหยุดพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี
กำหนดเพิ่มจำนวนวันลาเพื่อคลอดบุตร
กำหนดสิทธิได้รับค่าทดแทนกรณีถึงแก่ความตายอันมิใช่เนื่องจากการทำงานในปีที่จะเกษียณอายุ
เป็นต้น
รวมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่เห็นควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าวโดยเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์
เงื่อนไข และวิธีการที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๒๐ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.
๒๕๔๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าควรคำนึงถึงความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐประกอบการพิจารณาด้วย
และการจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการหรือประโยชน์อื่นใดของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมควรคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม
ตลอดจนสถานะทางการเงิน และผลการดำเนินงานของแต่ละรัฐวิสาหกิจ
รวมทั้งกำหนดมาตรการเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงประกาศในเรื่องนี้
เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณในระยะยาวต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
896 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายช่วยเหลือเยียวยาซื้อเรือประมงในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ตามโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีเร่งด่วน (เรือชุดที่ 1) | นร.52 | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายช่วยเหลือเยียวยาซื้อเรือประมงในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ตามโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีเร่งด่วน
(เรือชุดที่ ๑) จำนวน ๙๖ ลำ งบประมาณรวม ๑๖๓,๓๖๓,๔๐๐ บาท ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ
ทั้งนี้ ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าในส่วนวงเงินงบประมาณและแหล่งดำเนินการ
ควรให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และให้ความสำคัญกับกระบวนการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของกลุ่มเรือประมงที่ประสงค์จะเลิกอาชีพประมงในพื้นที่จังหวัดปัตตานีกับภาครวมของประเทศ
และพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์ และขั้นตอนการนำเรือประมงออกนอกระบบเช่นเดียวกับโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบที่มีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
897 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 เรื่อง แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” | ทส. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
898 | ขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (24 เมษายน 2555) เกี่ยวกับการเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ ในกรณีที่มีระยะเวลาเช่าน้อยกว่า 5 ปี | นร.12 | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ ในการเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการน้อยกว่า ๕ ปี เป็นกรณีเฉพาะราย
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ โดยให้เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖
แผนงานพื้นฐานด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐผลผลิตพัฒนาองค์กรให้มีขีดสมรรถสูง
รายการค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่ง ๒ คัน (ตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ.ร.)
ที่ได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว ในอัตราค่าเช่า ๓๕,๒๘๐ บาทต่อคันต่อเดือน
และขอให้สำนักงานพัฒนาระบบราชการเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๖๘ ให้สอดคล้องกับวงเงินตามสัญญาตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ (เรื่อง
การนำรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในราชการ)
ที่ให้ร่วมกันพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์ คุณลักษณะเฉพาะ ความเหมาะสมของค่าใช้จ่าย
และแนวทางการดำเนินการต่าง ๆ
เกี่ยวกับการเช่ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในภารกิจของหน่วยงานของรัฐ
ให้แล้วเสร็จสมบูรณ์โดยเร็ว เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนการนำรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในราชการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
899 | โครงการการยกระดับโรงพยาบาลปลวกแดง 2 ให้มีศักยภาพเป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาดเล็ก (M1) และมีมาตรฐานโรงพยาบาลคู่สัญญาของประกันสังคม | สกพอ. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติโครงการการยกระดับโรงพยาบาลปลวกแดง
๒ ให้มีศักยภาพเป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาดเล็ก (M1) และมีมาตรฐานโรงพยาบาลคู่สัญญาของประกันสังคม
ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กระทรวงสาธารณสุข
คณะกรรมการคัดเลือกตามข้อ ๑๒ ของประกาศคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง
หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน
พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และกระทรวงสาธารณสุขหน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำแนวทางหรือรายละเอียดการดำเนินโครงการฯ
ในด้านต่าง ๆ ให้ชัดเจนและครบถ้วน เช่น
การลงทุนเพิ่มเติมในช่วงระยะเวลาที่ดำเนินโครงการฯ พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ไปดำเนินการเป็นลำดับแรก และดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนได้รับเป็นสำคัญ ควรประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการตั้งแต่เริ่มต้นโดยเฉพาะประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
กระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการคัดเลือกตามข้อ ๑๒
ของประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง
หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน
พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พิจารณาความเหมาะสมของสมมติฐานด้านรายได้ของโครงการการยกระดับโรงพยาบาลปลวกแดง
๒ ให้มีศักยภาพเป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาดเล็ก (M1) และมีมาตรฐาน โรงพยาบาลคู่สัญญาของประกันสังคม และการกำหนดช่องทางการจัดหาแหล่งรายได้ของโรงพยาบาลปลวกแดง
๒ ที่หลากหลายเพิ่มเติม โดยเฉพาะในช่วง ๑๐ ปีแรก เพื่อกระจายความเสี่ยงของโครงการฯ
ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
900 | รับทราบรายงานผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 และขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 | มท. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|