ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 102 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 2021 - 2040 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2021 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 12/2563 | นร11 | 29/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชนของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นค่าตอบแทนให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) รวมจำนวนไม่เกิน ๑,๐๕๔,๗๒๙ คนต่อเดือน ระยะเวลาตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๓ (รวม ๗ เดือน) กรอบวงเงินไม่เกิน ๓,๖๒๒.๓๑๙๕ ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุข (กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ) ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งให้เร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์และการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้อง ครบถ้วน อย่างเคร่งครัด ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2022 | ขออนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินการโครงการการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย | กษ. | 29/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อดำเนินการโครงการการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น
๑๗๑.๖๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) การให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับดูแล โครงการการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย
ให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และ (๒) การปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และ (๓) การกำหนดบทบาท ภารกิจ
และตัวชี้วัดของโครงการฯ
รวมทั้งรายละเอียดของงบประมาณที่แต่ละหน่วยงานขอรับการจัดสรรเพื่อการปฏิบัติภารกิจ
เพื่อให้เกิดความชัดเจนของขอบเขตงานในการปฏิบัติงานร่วมกันและการติดตามประเมินความสำเร็จของโครงการฯ
ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรรายงานผลการดำเนินโครงการฯ
ให้คณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติรับทราบต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2023 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราส่วนทุนกับเงินกู้ที่จะใช้ในการประกอบธุรกิจแก่ผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่มิใช่สถาบันการเงินจากเหตุระบาดของโรคติดเชื้่อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... | พณ | 29/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราส่วนทุนกับเงินกู้ที่จะใช้ในการประกอบธุรกิจแก่ผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่มิใช่สถาบันการเงินจากเหตุระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อไม่นำเงื่อนไขอัตราส่วนทุนกับเงินกู้ที่จะใช้ในการประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๖) ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๑ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๕ มาใช้บังคับกับผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่มิใช่สถาบันการเงิน (Non-Banks) ที่ได้รับสินเชื่อและได้ช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยให้ได้รับการผ่อนปรนเงื่อนไขในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรเพิ่มถ้อยคำให้ครอบคลุมผู้ประกอบวิสาหกิจการเงินที่ได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และควรกำหนดวิธีปฏิบัติรองรับการกลับไปใช้อัตราส่วนทุนกับเงินกู้ตามปกติ ภายหลังสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนปรน เช่น การทยอยลดสัดส่วนการก่อหนี้เดิมลง เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่มิใช่สถาบันการเงิน (Non-Banks) สามารถเตรียมการได้ รวมทั้งอาจทบทวนการขยายระยะเวลาการผ่อนปรนเงื่อนไขให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในอนาคต ไปประกอบการพิจารณา โดยพิจารณาให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่มิใช่สถาบันการเงิน (Non-Banks) ที่เป็นผู้ประกอบการชาวไทยด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และธนาคารแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรหารือร่วมกันเพี่อพิจารณาถึงความเหมาะสมของการขอปรับปรุงหลักเกณฑ์เงื่อนไขดังกล่าว โดยให้คำนึงถึงความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน และความเป็นธรรมกับผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่มิใช่สถาบันการเงินที่เป็นผู้ประกอบการชาวไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2024 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. .... | กษ | 21/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เพื่อลดภาระและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องและประโยชน์ที่จะได้รับให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมถึงการพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมเพื่อให้กลุ่มผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) สามารถดำรงอยู่ได้ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยการให้คำปรึกษาและให้ความรู้แก่ผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การวางแผนการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแบบผสมผสาน ตลอดจนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ทั้งในด้านการแปรรูปผลผลิตส่วนเกิน และการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าในทุกมิติ นอกจากนี้ ควรดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ในการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐในการบริหารราชการ และให้บริการประชาชนในสภาวะวิกฤต ที่มุ่งเน้นการนำระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) รวมทั้งเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารงานและให้บริการประชาชน โดยเร่งดำเนินการพัฒนาการให้บริการทั้งในการยื่นคำขอ ชำระค่าธรรมเนียม และรับใบอนุญาตดังกล่าว ผ่านระบบ e-Service เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายต้นทุนการผลิตของผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในอีกทางหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2025 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร07 | 21/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2026 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแผนปฏิบัติการด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจอาเซียน - ญี่ปุ่น | พณ | 21/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (ASEAN-Japan Economic Resilience Action Plan) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างเอกสารดังกล่าว โดยร่างแผนปฏิบัติการด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนาม ในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (AEM-METI) สมัยพิเศษ ว่าด้วยโควิด-๑๙ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่นในการตอบสนองต่อความท้าทายทางเศรษฐกิจต่าง ๆ จากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอันใกล้ชิดระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่น การบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ และการเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการกำหนดมาตรการทางยุทธศาสตร์และแนวทางการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2027 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารชุดที่พักอาศัยข้าราชการพร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ จำนวน 1 หลัง สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนนทบุรี | ยธ | 21/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม (กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน) เปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณจากที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม จากรายการอาคารชุดที่พักอาศัยข้าราชการ ขนาด ๑๘ ยูนิต จำนวน ๑ หลัง สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนนทบุรี เป็นรายการก่อสร้างอาคารชุดที่พักอาศัยข้าราชการ ขนาด ๑๒ ยูนิต จำนวน ๑ หลัง พร้อมส่วนประกอบ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดนนทบุรี ตำบลไทรน้อย อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี วงเงิน ๑๖,๔๑๙,๐๐๐ บาท และให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนเร่งดำเนินโครงการดังกล่าวให้ทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน อย่างโปร่งใส คุ้มค่า ประหยัด โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และเมื่อกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามนัยพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ จนได้ข้อยุติแล้ว กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจะต้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบความเหมาะสมของราคาก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงยุติธรรม (กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน) รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการจัดองค์ประกอบโครงการที่อยู่อาศัยให้ครอบคลุมกับการใช้ชีวิตของผู้อาศัยทุกเพศวัย ภายใต้แนวคิดการออกแบบเพื่อคนทั้งมวล (Universal Design) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. การดำเนินการแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในครั้งต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน) ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ และการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2028 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2558 เรื่อง แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียนของการไฟฟ้านครหลวง | มท. | 14/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ เรื่อง
แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน
ของการไฟฟ้านครหลวง พื้นที่ดำเนินการกลุ่มที่ ๓
(พื้นที่เปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินร่วมกับหน่วยงานสาธารณูปโภคอื่น)
จำนวน ๕ เส้นทาง ได้แก่ (๑) เส้นทางสุขุมวิท (ฝั่งจังหวัดสมุทรปราการ
ช่วงสถานีย่อยบางปิ้ง-ถนนเทศบาลบางปู ๗๗) (๒) เส้นทางถนนเพชรบุรี [ซอยสุขุมวิท ๖๓ (เอกมัย)-ถนนรามคำแหง]
และถนนรามคำแหง (ถนนเพชรบุรี-ถนนศรีนครินทร์ ช่วงถนนเพชรบุรี-ถนนพระราม ๙) (๓)
เส้นทางถนนอรุณอัมรินทร์ (เชิงสะพานพระราม ๘-ถนนประชาธิปก) (๔)
เส้นทางถนนบรมราชชนนี (ถนนจรัญสนิทวงศ์-ถนนอรุณอัมรินทร์) และ (๕)
เส้นทางถนนพรานนก (ถนนจรัญสนิทวงศ์-ถนนอรุณอัมรินทร์)
โดยอยู่ในกรอบวงเงินลงทุนเดิม ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้านครหลวง)
รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพลังงาน และสำนักงบประมาณ เช่น
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่ดำเนินการ
และควรมีการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานด้านสาธารณูปโภคและเมืองในการที่จะออกแบบโครงสร้างพื้นฐานของระบบถนนและทางเท้า
เพื่อให้สามารถรองรับการนำระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ลงใต้ดินในอนาคตด้วย เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
๒.
ให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้านครหลวง)
หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในการบูรณาการการดำเนินการนำสายไฟฟ้าลงดินและการติดตั้งสายสื่อสารและโทรคมนาคมเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการรื้อผิวถนนหรือทางเท้าซ้ำหลายครั้งและเป็นการประหยัดงบประมาณในการก่อสร้าง
และให้คำนึงถึงผลกระทบต่อความปลอดภัยและการคมนาคมของประชาชนในบริเวณพื้นที่ดำเนินการดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2029 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน - จีน สมัยพิเศษว่าด้วยโควิด - 19 | คค | 14/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน-จีน ว่าด้วยการเสริมสร้างการขนส่งและโลจิสติกส์ที่ราบรื่นเพื่อต่อสู้กับโควิด-19 และการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นเอกสารที่รัฐมนตรีของประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีนจะร่วมกันรับรองโดยไม่มีการลงนาม ในการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ ว่าด้วยโควิด-19 (ASEAN and China Transport Ministers’ Special Meeting on COVID-19) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๓ โดยระบบการประชุมทางไกล มีสาระสำคัญเป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นในการร่วมมือกันระหว่างอาเซียนและจีนในด้านการขนส่งและโลจิสติกส์อย่างยั่งยืนและเป็นหนึ่งเดียวกันในการเสริสร้างความแข็งแกร่งต่อการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก เช่น การดำเนินมาตรการอย่างแข็งขันเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า การขนส่งวัสดุและสินค้าที่จำเป็น รวมทั้งการอำนวยความสะดวกที่จำเป็นในการเข้า ออก และผ่านแดน ของวัสดุและสินค้า โดยหลีกเลี่ยงการหยุดชะงัก เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำหรือสาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ซึ่งไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2030 | ร่างปฎิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (High-Level Political Forum on Sustainable Development : HLPF) ประจำปี ค.ศ. 2020 | กต | 14/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (High-Level Political Forum on Sustainable Development : HLPF) ประจำปี ค.ศ. ๒๐๒๐ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือเอกอัครราชทูตคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่จะร่วมกันดำเนินการเพื่อบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ และตอบสนองและฟื้นฟูจากวิกฤติโควิด-๑๙ ในระดับโลก โดยยึดมั่นในความร่วมมือระหว่างประเทศและระบบพหุภาคี โดยครอบคลุมประเด็นด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง ๓ มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เช่น การขจัดความยากจน การเสริมสร้างความเสมอภาคระหว่างเพศ การเสริมสร้างหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลก การเสริมสร้างสันติภาพ การลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคน ระบบสาธารณสุขและการคุ้มครองทางสังคม ความมั่นคงทางอาหาร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน การฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ การส่งเสริมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การดำเนินการตามวาระปฏิบัติการแอดดิสอาบาบา (Addis Ababa Action Agenda) การสร้างขีดความสามารถด้านสถิติ การใช้ประโยชน์จากรายงานผลการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ระดับชาติ โดยสมัครใจ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2031 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่หนด (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | คค | 14/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนบางปะอิน-บางพลี และตอนพระประแดง-บางแค ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์การยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางในช่วงวันหยุดราชการดังกล่าว พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2032 | ขอเปลี่ยนแปลงรายการเครื่องเฮลิคอปเตอร์ (จำนวนที่นั่งไม่น้อยกว่า 14 ที่นั่ง) ขนาด 2 เครื่องยนต์ ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 1 ลำ ไปเป็นเครื่องบินขนาดกลาง แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 1 ลำ เพื่อใช้ปฏิบัติภารกิจการทำฝนหลวง | กษ | 14/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามนัยระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จากรายการเครื่องเฮลิคอปเตอร์ (จำนวนที่นั่งไม่น้อยกว่า ๑๔ ที่นั่ง) ขนาด ๒ เครื่องยนต์ ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ๑ ลำ เป็นรายการเครื่องบินขนาดกลาง แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ๑ ลำ เพื่อใช้ปฏิบัติภารกิจการทำฝนหลวง ภายในวงเงิน ๕๖๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท ตามผลการจัดซื้อเครื่องบินขนาดกลาง ที่ได้จัดซื้อในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายแล้ว จำนวน ๗๔,๒๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๔๙๓,๒๕๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-พ.ศ. ๒๕๖๕ รวมทั้งพิจารณายกเว้นไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง กรณีเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรในปีแรกต่ำกว่าร้อยละ ๒๐ ของวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2033 | การขอขยายระยะเวลาการชำระค่าเช่า ค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่า และลงนามในสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ราย กิจการร่วมค้า ไอซีบีแอนด์จี ตาก อินดัสเทรียล พาร์ก | กค | 14/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอขยายระยะเวลาการชำระค่าเช่า ค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่า (ผลประโยชน์ตอบแทนการเช่า) และลงนามในสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก ราย กิจการร่วมค้า ไอซีบีแอนด์จี ตาก อินดัสเทรียล พาร์ก ออกไปอีก ๓๐ วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด ๒. หากส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจะเสนอเรื่องเกี่ยวกับเขตเศรษฐกิจพิเศษในกรณีไม่เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน ให้รอนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเมื่อร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ มีผลใช้บังคับต่อไป ๓. เพื่อให้การช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ในภาพรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั่วถึงและเป็นธรรม ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดจัดทำหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนและการบริหารสัญญาระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนซึ่งเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐในการดำเนินโครงการ/กิจการต่าง ๆ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓ [เรื่อง หลักเกณฑ์การบริหารสัญญาระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)] ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2034 | การทบทวนภารกิจการายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (การรายงานผลการออกใบอนุญาต) | นร | 14/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดองเสนอ ดังนี้
๑. เปลี่ยนหน่วยงานที่รับรายงานผลการออกใบอนุญาต การตรวจสอบ และการรับรองมาตรฐานต่าง ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ เป็นสำนักงาน ก.พ.ร. ๒. เปลี่ยนแปลงรอบระยะเวลาการรายงาน โดยในระยะแรกให้จัดเก็บข้อมูลเป็นรายเดือน และรายงานเป็นรายไตรมาส และในระยะต่อไปเมื่อได้พัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการรายงานผลการออกใบอนุญาตฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้รายงานตามรอบระยะเวลาที่สำนักงาน ก.พ.ร. จะกำหนดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2035 | การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร | นร08 | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ออกไปอีก ๑ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๓) และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๓. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2036 | ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐอิสราเอลและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการจ้างแรงงานไทยทำงานชั่วคราวในภาคเกษตรในรัฐอิสราเอล | รง | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐอิสราเอลและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการจ้างแรงงานไทยทำงานชั่วคราวในภาคเกษตรในรัฐอิสราเอล และอนุมัติให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ลงนามในนามของผู้แทนฝ่ายไทยในความตกลงฯ รวมทั้งอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งทางการอิสราเอลเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป และออกหนังสือมอบอำนาจเต็มให้แก่เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในความตกลงฯ โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดความร่วมมือในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานชั่วคราวในภาคเกษตรของอิสราเอล ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้กระทรวงแรงงานรับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นสารัตถะและถ้อยคำเกี่ยวกับประโยคที่ ๒ ของข้อ ๖ ควรปรับให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นว่า ความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายในการส่งกลับคนไทยที่อยู่อย่างผิดกฎหมายในอิสราเอลเป็นกรณีที่เกิดขึ้นหลังจากสิ้นสุดสัญญาจ้างงานโดยอยู่ภายในกรอบของความตกลงฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2037 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าและบริการควบคุมปี ๒๕๖๓ จำนวน ๕๑ รายการ จำแนกเป็น ๔๖ สินค้า ๕ บริการ ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2038 | การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างไทยกับองค์การห้ามอาวุธเคมีสำหรับการบริจาคเงินเพื่อสมทบกองทุนสำหรับการก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติการแห่งใหม่ขององค์การห้ามอาวุธเคมี | กต | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างไทยกับองค์การห้ามอาวุธเคมีสำหรับการบริจาคเงินเพื่อสมทบกองทุนสำหรับการก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติการแห่งใหม่ขององค์การห้ามอาวุธเคมี (Organisation for the Prohibition of Chemical Weapons : OPCW) และอนุมัติให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก เป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ของฝ่ายไทย และโดยที่องค์การห้ามอาวุธเคมีแจ้งว่า ไม่จำเป็นต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในกรณีนี้จึงไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็มให้ผู้ลงนาม โดยร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ระบุสาระสำคัญเกี่ยวกับความประสงค์ของประเทศผู้บริจาคในการสมทบกองทุนสำหรับการก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติการ แนวทางการบริหารจัดการเงินบริจาค รายละเอียดของกิจกรรมที่จะดำเนินงานภายใต้กองทุนดังกล่าว โดยการบริหารเงินบริจาคจะอยู่ภายใต้กระบวนการตรวจสอบตามข้อบังคับและกฎระเบียบด้านการเงินขององค์การห้ามอาวุธเคมี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นเงินบริจาค เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสันถวไมตรี โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2039 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... | คค | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนบางปะอิน-บางพลี และตอนพระประแดง-บางแค ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงคมนคมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์การยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางในช่วงวันหยุดราชการดังกล่าว พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2040 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2563) | นร | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๙ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันพุธที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๑๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ๒. เห็นชอบให้แก้ไขจำนวนกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ จาก “จำนวน ๖๔ คน ประกอบด้วย กรรมาธิการที่คณะรัฐมนตรีเสนอชื่อ จำนวน ๑๖ คน และกรรมาธิการที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเลือก จำนวน ๔๘ คน โดยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาล จำนวน ๒๗ คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน จำนวน ๒๑ คน” เป็น “จำนวน ๗๒ คน ประกอบด้วย กรรมาธิการที่คณะรัฐมนตรีเสนอชื่อ จำนวน ๑๘ คน และกรรมาธิการที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเลือก จำนวน ๕๔ คน โดยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาล จำนวน ๓๐ คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน จำนวน ๒๔ คน”
|