ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 108 จากทั้งหมด 566 หน้า แสดงรายการที่ 2141 - 2160 จากข้อมูลทั้งหมด 11307 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2141 | ขอความเห็นชอบในหลักการการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ บางส่วน เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองลำรูใหญ่ จังหวัดพังงา | กษ | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ บางส่วน เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองลำรูใหญ่ จังหวัดพังงา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกรอบระยะเวลาของโครงการที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น ให้กรมชลประทานดำเนินการตามมติคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ และดำเนินการตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการให้ถูกต้องและครบถ้วนตามมาตรา ๘ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ เกี่ยวกับการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียชุมชนที่เกี่ยวข้องและประชาชนไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2142 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | นร07 | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ๑.๒ การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2143 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสภาการศึกษา แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ | ศธ | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบกรณี นายสุภกร บัวสาย พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาในคณะกรรมการสภาการศึกษา เนื่องจากลาออก ๑.๒ เห็นชอบแต่งตั้ง นายนิติ นาชิต เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาในคณะกรรมการสภาการศึกษา แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ๒. ให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทน อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน โดยให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ เมษายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ในครั้งต่อ ๆ ไปให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสภาการศึกษาให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2144 | การขอความเห็นชอบต่อถ้อยแถลงรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ว่าด้วยการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด 19) เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร ความปลอดภัยด้านอาหารและคุณค่าทางโภชนาการในอาเซียน | กษ | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ว่าด้วยการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด 19) เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร ความปลอดภัยด้านอาหารและคุณค่าทางโภชนาการในอาเซียน มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด 19) เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร ความปลอดภัยด้านอาหารและคุณค่าทางโภชนาการในอาเซียน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างถ้อยแถลงฯ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า นอกจากความมั่นคงและความปลอดภัยของอาหารแล้ว ประเทศสมาชิกอาเซียนควรคำนึงถึงการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หรือโรคที่อาจอุบัติใหม่ ตั้งแต่กระบวนการผลิต การขนส่ง จนกระทั่งถึงมือผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจต่อประเทศคู่ค้า และเป็นการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมิให้ล่าช้าออกไปด้วยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2145 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ และมาตรการเพิ่มสิทธิประโยชน์อื่นสำหรับบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขรองรับภาวะฉุกเฉินในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 | นร10 | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๓ ที่เห็นชอบให้จัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ รวมทั้งสิ้น ๔๐,๘๙๗ อัตรา ประกอบด้วย การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ เพื่อรองรับการบรรจุบุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องปฏิบัติงานด่านหน้าในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ให้เข้ารับราชการ รวม ๓๘,๑๐๕ อัตรา และการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ เพื่อรองรับการบรรจุนักศึกษาวิชาแพทยศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์ ที่เป็นนักศึกษาคู่สัญญากับกระทรวงสาธารณสุขและสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ รวม ๒,๗๙๒ อัตรา รวมทั้งมาตรการเพิ่มสิทธิประโยชน์อื่นสำหรับบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข รองรับภาวะฉุกเฉินในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ และให้พิจารณาบรรจุแพทย์แผนไทยโดยอาจใช้อัตรากำลังที่เหลืออยู่ไปพร้อมกันด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เหมาะสม เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร (๑) ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๓ เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ พร้อมปฏิทินการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ อย่างเคร่งครัด (๒) กำหนดนิยามคุณลักษณะของบุคลากรและลักษณะงานที่จะได้รับการพิจารณาให้เปลี่ยนสถานภาพเป็นข้าราชการให้มีความชัดเจน และสอดคล้องกับการให้ได้รับเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน รวมทั้งการเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษ และ (๓) เร่งจัดทำแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสาธารณสุขให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถวางระบบการบริหารอัตรากำลังให้สอดคล้องกับภารกิจบริการสุขภาพในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2146 | ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 เรื่อง การผ่อนปรนการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 | รง | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓ เรื่อง การผ่อนปรนการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ จากเดิมให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงแรงงานไปดำเนินการแก้ไขเงื่อนเวลาในร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ และร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่ ..) รวม ๒ ฉบับ ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ ตรวจพิจารณาแล้ว จากเดิม “วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓” เป็น “วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๓” และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงแรงงานได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2147 | ร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ. .... | รง | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยด้วยโรคติดต่อ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน ตามร่างข้อ ๓ และตามร่างข้อ ๔ ไม่เกินเก้าสิบวัน ทั้งนี้ ให้กฎกระทรวงมีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒. ให้กระทรวงแรงงาน (สำนักงานประกันสังคม) ร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณจัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดสำหรับมาตรการเยียวยาตามร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา ๒๘ และมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงแรงงานพิจารณาดำเนินการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และระยะเวลาที่เหมาะสมเท่าที่จำเป็นตามสถานการณ์อย่างเป็นธรรม รวมทั้งดำเนินการด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และระมัดระวัง เพื่อให้การจ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้เกิดผลกระทบทางการเงิน อันจะก่อให้เกิดภาระต่อรัฐบาล ตลอดจนวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคมทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องและเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมในอนาคตตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไปด้วย ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2148 | มาตรการรองรับการดำเนินการในระยะยาวตามประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (กรณีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 74/2557 ) | นร09 | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า โดยที่ปัจจุบันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อยู่ในภาวะระบาดใหญ่ทั่วโลก ประกอบกับระบบกฎหมายไทยใช้ระบบคณะกรรมการมากกว่าร้อยละเก้าสิบห้าของกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ทั้งหมด ทั้งการประกอบกิจกรรมภาครัฐและภาคเอกชน และรัฐบาลได้กำหนดมาตรการให้ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนปฏิบัติงานจากที่บ้าน (Work From Home : WFH) และมีระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อมิให้มีการชุมนุมของกลุ่มคนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้การประชุมในรูปแบบคณะกรรมการตามที่กฎหมายกำหนดทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนต้องกระทำผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ดี การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๗๔/๒๕๕๗ เรื่อง การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ อันเป็นกฎหมายกลางว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์มีบทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากมีข้อจำกัดบางประการที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้เต็มรูปแบบ เช่น ในเรื่ององค์ประชุมซึ่งอย่างน้อยหนึ่งในสามของผู้เข้าร่วมประชุมยังคงต้องมาอยู่ในสถานที่เดียวกัน และผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดต้องอยู่ในราชอาณาจักร จึงทำให้เกิดผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาระบาดอย่างรุนแรง ซึ่งภาคธุรกิจต้องปรับตัวอย่างมากเพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ สมควรตรากฎหมายกลางว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นพระราชกำหนดตามมาตรา ๑๗๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ขึ้นใช้บังคับแทนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าว จึงลงมติ
๑. เห็นชอบในหลักการให้มีกฎหมายกลางเพื่อรองรับการประชุมตามกฎหมายที่ดำเนินการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำร่างพระราชกำหนดตามหลักการดังกล่าว และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยเร่งด่วนต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2149 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและวงเงิน กรณีการทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา | กต | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๖ รายการค่าเช่าอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ วงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าทั้งสิ้น ๑๙,๐๐๘,๐๐๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่นกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๔,๗๕๒,๐๐๐ บาท เห็นควรให้ใช้จ่ายจากโครงการภารกิจทีมประเทศไทยเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ งบดำเนินงาน รายการค่าเช่าอาคารสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ ๔๘ แห่ง ซึ่งได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม สอดคล้องกับค่าเช่าที่จะต้องจ่ายจริงต่อไป สำหรับค่าเช่าอาคารที่ขออนุมัติครั้งนี้ วงเงินงบประมาณผูกพันข้ามปีส่วนที่เพิ่มขึ้นอยู่ภายในกรอบสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย ที่กำหนดไว้ว่าต้องไม่เกินร้อยละแปดของงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง กำหนดสัดส่วนต่าง ๆ เพื่อเป็นกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒. การเช่าอาคารดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ รวมถึงการใช้จ่ายเงินสำหรับการดำเนินภารกิจดังกล่าวจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่าและประหยัด โดยพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐอย่างยั่งยืน ตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2150 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อปรับปรุงระยะเขตทะเลชายฝั่งและแผนที่ท้ายกฎกระทรวงในส่วนของจังหวัดชลบุรี จากเดิม “เส้นโค้งเว้า” เป็น “เส้นตรงลากผ่านจุดพิกัด” เพื่อให้เกิดความชัดเจนของแนวเขตทะเลชายฝั่งสำหรับประมงพื้นบ้านกับประมงพาณิชย์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) การกำหนดทะเลชายฝั่งตามร่างกฎกระทรวงฯ มีผลกระทบต่อเขตพื้นที่รับผิดชอบของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัด และการประกอบอาชีพของประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์ สมควรที่จะได้เสนอแก้ไขประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดในเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้สอดคล้องด้วย เพื่อมิให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติ (๒) ควรประชาสัมพันธ์ให้ชาวประมงพื้นบ้านและชุมชนประมงชายฝั่งและประมงพาณิชย์ โดยเฉพาะประมงพาณิชย์ขนาดเล็กได้รับทราบและเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ เพื่อให้การดูแลรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำอยู่ในภาวะที่เหมาะสมและสามารถทำการประมงได้อย่างยั่งยืน และแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายตามเจตนารมณ์แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ (๓) ควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำทางทะเลในแต่ละพื้นที่ และ (๔) ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์ หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2151 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง | กษ | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง จากเดิม ๑๔ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๖๑) เป็น ๑๗ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๖๔) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม ๓,๖๗๐.๕๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการดำเนินโครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อมิให้โครงสร้างของโครงการฯ ที่ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วเสื่อมสภาพลงก่อนที่โครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และเพื่อให้สามารถเปิดใช้งานโครงการได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่เห็นควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระยะก่อสร้าง ซึ่งกำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอย่างเคร่งครัด และควรถอดบทเรียนจากการดำเนินโครงการกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง สำหรับการวางแผนก่อสร้างโครงการชลประทานในอนาคต ทั้งกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีส่วนได้เสียจากการดำเนินโครงการตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน เพื่อให้โครงการชลประทานสามารถดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และมีความคุ้มค่า ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ตั้งไว้และได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ในการดำเนินแผนงาน/โครงการ ในระยะต่อไป รวมทั้งโครงการอื่น ๆ ในอนาคต ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ และการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง การตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ) อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการที่ต้องขอปรับเปลี่ยนรายละเอียดแผนงาน/โครงการ หรือขอขยายระยะเวลาการดำเนินการออกไปในลักษณะเดียวกับเรื่องที่เสนอมาในครั้งนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2152 | ขออนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ และมาตรการเพิ่มสิทธิประโยชน์อื่นสำหรับบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขรองรับภาวะฉุกเฉินในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด 19 | สธ | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการกรอบอัตรากำลังข้าราชการตั้งใหม่ จำนวนรวม ๔๕,๖๘๔ อัตรา (๓๘,๑๐๕+๗,๕๗๙) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) รับเรี่องนี้ไปพิจารณาในรายละเอียด เงื่อนไข เงื่อนเวลา ให้ถูกต้อง เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์และความจำเป็นอันเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และกรอบอัตรากำลังของข้าราชการที่เกี่ยวข้องในภาพรวมทั้งหมดให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน ๒ สัปดาห์ ทั้งนี้ ให้พิจารณาในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ในสังกัดอื่น ๆ ด้วย และให้ คปร. นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการคัดเลือกบรรจุบุคคลซึ่งมิได้สำเร็จการศึกษาในวุฒิที่ ก.พ. กำหนด การสนับสนุนเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน การจัดสรรโควตาพิเศษ ความดีความชอบพิเศษ การเพิ่มอายุราชการเพิ่มทวีคูณ การลดดอกเบี้ยเงินกู้ การปรับอัตราชดเชย และการปรับสิทธิประโยชน์บุคลากรที่ได้รับความเสียหายกรณีปฏิบัติหน้าที่ ไปพิจารณาในรายละเอียดให้ถูกต้อง เหมาะสม และเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ. คปร. กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2153 | หลักเกณฑ์และแนวทางการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 พร้อมปฏิทินการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร07 | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ชะลอการดำเนินการโอนงบประมาณบูรณาการข้ามหน่วยรับงบประมาณตามระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ ๑.๒ การโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบด้วย หลักเกณฑ์และแนวทางการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และปฏิทินการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รับไปประสานงานกับองค์การมหาชนและหน่วยงานของรัฐที่ได้รับงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนและทุนหมุนเวียนตามแต่กรณี เพื่อถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทางการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ด้วย ๓. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2154 | มาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | มท | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบกำหนดนโยบายมาตรการค่าไฟฟ้าฟรีกับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน ๕ แอมป์ (ประเภทที่ ๑.๑ ของการไฟฟ้านครหลวง และประเภทที่ ๑.๑.๑ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) จาก ๕๐ หน่วยต่อเดือนเป็น ๙๐ หน่วยต่อเดือน โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานดำเนินการโดยให้ใช้เงินเรียกคืนรายได้เพื่อให้การไฟฟ้า มีฐานะการเงินตามเกณฑ์ที่กำหนดมาเป็นแหล่งเงินในการสนับสนุนการดำเนินการ ๑.๒ เห็นชอบการขยายระยะเวลาการชำระค่าไฟฟ้าให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน ๕ แอมป์ (ประเภทที่ ๑.๑ ของการไฟฟ้านครหลวง และประเภทที่ ๑.๑.๑ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) เป็นระยะเวลาไม่เกิน ๖ เดือนของแต่ละรอบบิลสำหรับใบแจ้งค่าไฟฟ้าประจำเดือนเมษายน ถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๖๓ โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยขยายระยะเวลาการชำระค่าไฟฟ้าให้การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคโดยไม่มีเบี้ยปรับ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า มาตรการค่าไฟฟ้าฟรีกับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน ๕ แอมป์ จาก ๕๐ หน่วยต่อเดือนเป็น ๙๐ หน่วยต่อเดือน เห็นควรพิจารณากลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่ซื้อไฟฟ้าตรงกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพิ่มเติมด้วย เพื่อให้ครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน ๕ แอมป์ทั้งประเทศ โดยแหล่งเงินในการสนับสนุนการดำเนินการเห็นควรให้กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และการไฟฟ้าทั้ง ๓ หน่วยงาน ร่วมกันพิจารณาโดยคำนึงถึงความเป็นธรรมกับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท และผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าในอนาคตประกอบด้วย ส่วนการขยายระยะเวลาการชำระค่าไฟฟ้าให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน ๕ แอมป์ เป็นระยะเวลาไม่เกิน ๖ เดือนของแต่ละรอบบิล เห็นควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการขยายระยะเวลาให้ครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลกระทบต่อทุกภาคครัวเรือน สำหรับผลกระทบต่อการดำเนินงานของการไฟฟ้าทั้ง ๓ หน่วยงานจากการขยายระยะเวลาการชำระค่าไฟฟ้าให้ผู้ใช้ไฟฟ้าดังกล่าว เห็นควรให้กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และการไฟฟ้าทั้ง ๓ หน่วยงาน ร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการบรรเทาผลกระทบ โดยพิจารณาปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2155 | ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อบริหารจัดการหน้ากากอนามัยในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) | พณ | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนิน “โครงการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” วงเงินรวมทั้งสิ้น ๘๐๑,๐๖๖,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการจัดหาในราคาที่เหมาะสม เกิดความคุ้มค่า ประหยัด และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการและประชาชนเป็นสำคัญ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับค่าชดเชยส่วนต่างราคาหน้ากากอนามัยให้ผู้ผลิต ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์จะต้องพิจารณาความต้องการใช้และกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการหน้ากากอนามัยในสถานการณ์การระบาดได้เพียงพอและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนได้รับทราบและป้องกันการกักตุน โดยประสานงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อดำเนินการจัดสรรและกระจายหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงตามลำดับความสำคัญอย่างเหมาะสม ทั่วถึง และเป็นธรรม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การจัดซื้อหน้ากากอนามัยจากโรงงานผลิตให้แก่กระทรวงมหาดไทยเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ทุกจังหวัดดังกล่าว จะต้องไม่ทับซ้อนกับการผลิตของโรงงานที่จะจัดสรรให้แก่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อแจกจ่ายบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งควรต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยควรมีการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยแก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงอย่างทั่วถึงตามความเหมาะสมและจำเป็น รวมทั้งควรให้ความรู้แก่ประชาชนในการใช้หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในแต่ละพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2156 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารเรียนรวมและปฏิบัติการ แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา | อว | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ให้มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณไว้เดิม จำนวน ๑๔๕,๑๐๐,๐๐๐ บาท เป็นจำนวน ๑๗๙,๑๙๙,๗๕๙.๔๔ ล้านบาท โดยใช้เงินรายได้ของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา สำหรับวงเงินค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นจากสัญญาเดิม จำนวน ๔๔,๔๒๙,๗๕๙.๔๔ บาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้พิจารณาความเหมาะสมของราคาแล้ว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๑.๒ ให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการดังกล่าว จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๖๔ ๒. การดำเนินโครงการต่าง ๆ ในครั้งต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามโครงการอย่างละเอียดรอบคอบให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติก่อนตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง การตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ) อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2157 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 โดยขออนุมัติผูกพันงบประมาณรายการค่าเช่าอุปกรณ์เครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบที่เกี่ยวข้อง จำนวน 30,000 เครื่อง วงเงิน 832.50 ล้านบาท | ยธ | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) ดำเนินการโครงการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวมาใช้เพื่อเป็นมาตรการทางเลือกแทนการลงโทษ ภายในกรอบวงเงิน ๘๗๗,๒๖๔,๒๐๐ บาท โดยผูกพันงบประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ ประกอบด้วย ค่าเช่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓๐,๐๐๐ เครื่อง ระยะเวลา ๓๐ เดือน เป็นวงเงินจำนวน ๘๓๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายสำหรับบริหารจัดการโครงการ จำนวน ๔๔,๗๖๔,๒๐๐ บาท โดยให้กรมคุมประพฤติดำเนินการต่อรองราคากับผู้รับจ้างจนถึงที่สุด โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2158 | ขออนุมัติปรับปรุงบัญชีโครงสร้างเงินเดือนของพนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย | กก | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยปรับปรุงบัญชีโครงสร้างเงินเดือนของพนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๕,๐๙๑,๒๓๓ บาท โดยบริหารค่าใช้จ่ายจากเงินที่ได้รับจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐบาล ๕ ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗ ด้วยวิธีแบ่งจ่ายตามค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพิจารณาปรับปรุงบัญชีโครงสร้างเงินเดือนของพนักงานในระดับอื่น ๆ ด้วย โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) และกระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยควรพิจารณาถึงผลประโยชน์ตอบแทนอื่น ๆ ที่ใช้เงินเดือนเป็นฐานคำนวณ ซึ่งรวมถึงประโยชน์ที่จะได้รับภายหลังเกษียณฯ (๒) กระทรวงการคลังควรได้มีการกำกับและติดตามให้รัฐวิสาหกิจมีการดำเนินการตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร ทั้งแผนการเพิ่มรายได้ การพัฒนาศักยภาพ การบริหารจัดการบุคลากร และการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานด้วย (๓) ค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการปรับปรุงบัญชีโครงสร้างเงินเดือนดังกล่าว เห็นควรให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพิจารณาใช้จ่ายจากเงินรายได้ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอขอให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป และ (๔) การประหยัดค่าใช้จ่ายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเพื่อชดเชยภาระค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำเนินภารกิจหลักขององค์กรประกอบด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2159 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติ ครัวเรือนละ 5,000 บาท ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 วันที่ 7 ตุลาคม 2562 และวันที่ 3 ธันวาคม 2562 | มท | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติ ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๒ วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ และวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ จากเดิมกำหนดสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติ ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ โดยขยายระยะเวลาดำเนินการออกไปถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายงบประมาณรายการนี้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการขอขยายเวลาเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๓ เพื่อมิให้งบประมาณดังกล่าวต้องถูกพับไป และเมื่อใช้จ่ายงบประมาณบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้รับอนุมัติเงินจัดสรรแล้วมีงบประมาณเหลือจ่าย ให้แจ้งสำนักงบประมาณภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ทราบยอดเงินเหลือจ่ายเพื่อดำเนินการนำงบประมาณส่งคืน รวมถึงรายงานผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่แสดงถึงประโยชน์ที่จะได้รับต่อสำนักงบประมาณภายในสิบห้าวันนับแต่สิ้นไตรมาสและวันที่การใช้จ่ายงบประมาณแล้วเสร็จ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
2160 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษ หมายเลข 9 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์และปีใหม่เป็นประจำทุกปี พ.ศ. 2550 | คค | 31/03/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปดำเนินการยกเลิกกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์และปีใหม่เป็นประจำทุกปี พ.ศ. ๒๕๕๐ เนื่องจากกฎกระทรวงดังกล่าวไม่มีสภาพใช้บังคับแล้ว และไม่มีความจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงเพื่อยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงดังกล่าว และให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งโดยด่วน ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....