ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 54 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 1061 - 1080 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1061 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามความตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศระหว่างองค์การวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป (เซิร์น) และราชอาณาจักรไทยเกี่ยวกับความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านฟิสิกส์พลังงานสูง | วท | 20/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการจัดทำและลงนามความตกลงความร่วมมือระหว่างประเทศระหว่างองค์การวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป (เซิร์น) (The European Organization for Nuclear Research : CERN) และราชอาณาจักรไทยเกี่ยวกับความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านฟิสิกส์พลังงานสูง มีสาระสำคัญเป็นการเปิดโอกาสให้นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร และผู้ปฏิบัติงานด้านเทคนิคของไทยได้เข้าร่วมในโครงการวิจัยต่าง ๆ ของเซิร์น โดยไทยจะสนับสนุนให้ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยต่าง ๆ ของไทยได้เข้าร่วมในโครงการวิจัยของเซิร์น โดยเฉพาะสาขาฟิสิกส์เชิงทฤษฎีและฟิสิกส์เชิงทดลอง วิศวกรรมด้านเครื่องเร่งอนุภาคและเครื่องตรวจวัด และการคำนวณ และเซิร์นจะเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญของไทยสามารถสมัครเข้ารับการพิจารณาเป็น Associate Member ของเซิร์น รวมทั้งอาจพิจารณาให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในระหว่างที่ปฏิบัติงานที่เซิร์นด้วย ๑.๒ อนุมัติให้ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงความร่วมมือฯ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามในร่างความตกลงความร่วมมือฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่าข้อ ๕ ของร่างความตกลงความร่วมมือฯ ระบุว่า การดำเนินการตามความตกลงนี้ให้เป็นไปตามพิธีสารที่จัดทำขึ้นระหว่างเซิร์นและไทย และ/หรือสถาบันทางวิทยาศาสตร์และมหาวิทยาลัยของไทย ดังนั้น หากมีกรณีที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมิได้เข้าร่วมจัดทำหรือกำหนดรายละเอียดในการจัดทำพิธีสารดังกล่าวด้วย ก็ควรที่จะต้องมีกลไกในการกำกับดูแลเพื่อตรวจสอบการทำพิธีสารให้อยู่ภายใต้กรอบของความตกลงความร่วมมือฯ ต่อไป และเห็นควรเร่งเตรียมความพร้อมของบุคลากรไทยให้สามารถรองรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านฟิสิกส์พลังงานสูง และมีความพร้อมต่อการพัฒนาความร่วมมือกับเซิร์นต่อไปในอนาคต รวมทั้งควรเร่งพัฒนาความเข้มแข็งในการดำเนินงานวิจัยขั้นพื้นฐานของประเทศเพื่อนำสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฟิสิกส์พลังงานสูงในอนาคต โดยให้ความสำคัญกับการทำงานในเชิงบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ กิจกรรมความตกลงความร่วมมือฯ เห็นควรให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๕. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยต่าง ๆ พิจารณาเสนอหัวข้อของงานวิจัยในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้านฟิสิกส์พลังงานสูงที่เป็นประโยชน์และสอดคล้องกับนโยบายที่สำคัญต่าง ๆ ของประเทศ เช่น นโยบายประเทศไทย ๔.๐ โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) และ ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) เป็นต้น เพื่อให้งานวิจัยตามความตกลงความร่วมมือฯ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1062 | แผนงานโครงการขับเคลื่อนการยกระดับการบริการภาครัฐที่จะขอใช้เงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (Structural Adjustment Loan: SAL) | นร12 | 20/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ยกเลิกการดำเนินโครงการบูรณาการงานบริการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ (Thailand Gateway) ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการให้กันวงเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (Structural Adjustment Loan : SAL) ที่เหลือ จำนวน ๘๐๐ ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามแผนการยกระดับการบริการภาครัฐ ระยะที่ ๒ ตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อขับเคลื่อนการยกระดับการบริการภาครัฐใน ๓ เรื่อง ได้แก่ ๑) การพัฒนาระบบการประเมินความพึงพอใจของประชาชนต่อการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐ (Citizen Feedback) ๒) การพัฒนาระบบติดตามการให้บริการ (Tracking System) และ ๓) การพัฒนาระบบการจองคิวกลาง (Queue Online) ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน แผนงานดังกล่าวจะต้องไม่ได้รับจัดสรรเงินจัดสรรเงินงบประมาณและสำนักงาน ก.พ.ร. จะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณารายละเอียดโครงการและการขอใช้เงินกู้ SAL คงเหลืออีกครั้งก่อนการดำเนินการ และให้เร่งรัดติดตามการดำเนินงานภายใต้แผนการส่งเสริมและพัฒนาธรรมาภิบาลในภาคราชการเพื่อการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีอย่างยั่งยืน ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพที่ยังไม่ได้รายงานการปิดโครงการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และส่งคืนเงินเหลือจ่ายก่อนเริ่มดำเนินการตามแผนดังกล่าว รวมทั้งเห็นควรให้ดำเนินการตามระยะที่ ๑ ก่อน และให้ประเมินผลการดำเนินโครงการ ซึ่งหากเห็นว่าการดำเนินการเกิดความคุ้มค่า เกิดประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม จึงจะดำเนินการในระยะต่อ ๆ ไป โดยให้สำนักงาน ก.พ.ร. ขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance : O&M) รวมถึงผู้รับผิดชอบภายหลังจากการดำเนินโครงการ ๓ ปีด้วย ตลอดจนให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และสำหรับกรณีที่ต้องจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐที่มีวงเงินเกิน ๑๐๐ ล้านบาท ขึ้นไป จะต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๔๗ (เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ) และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้กระทรวงการคลังจะจัดสรรเงินให้กับสำนักงาน ก.พ.ร. ตามแผนงาน/แผนเงินที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริง และให้สำนักงาน ก.พ.ร. รายงานความก้าวหน้าของโครงการให้กระทรวงการคลังทราบภายในวันที่ ๗ ของทุกเดือน รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า โครงการดังกล่าวจะต้องมีแผนงานโครงการที่ชัดเจนมีความพร้อมในการดำเนินโครงการและอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์การจัดสรรเงินกู้ที่ได้กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. นำเงินกู้ SAL คงเหลือ (จากการกันวงเงินไว้) จำนวน ๓๐๒,๔๒๗,๔๕๑.๒๗ บาท รวมถึงเงินที่สำนักงาน ก.พ.ร. ขอกันไว้และไม่มีการใช้จ่ายตามระยะเวลาและตามแผนที่กำหนดในครั้งนี้ ส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1063 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข็มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ครั้งที่ 4 | นร07 | 20/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ วงเงินทั้งสิ้น ๕,๕๔๗,๓๔๔,๙๐๐ บาท ให้แก่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ จำนวน ๑๙ โครงการ ซึ่งสำนักงบประมาณจะได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฯ ให้กับหน่วยงานภายใต้ทั้ง ๒ กระทรวงดังกล่าวต่อไป สำหรับวงเงินที่เหลืออยู่อีกจำนวน ๘๐๕,๓๑๐,๐๔๐ บาท สำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรให้หน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการในการขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จะได้พิจารณาอนุมัติต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1064 | รายงานความก้าวหน้าโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐ ปี 2561 | กษ | 20/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐ ปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ หน่วยงานภาครัฐที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ปี ๒๕๖๑ ในการจัดซื้อยางพารา จำนวน ๗ กระทรวง ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๑๐,๗๕๖,๗๑๒,๕๕๕.๐๐ บาท โดยมีปริมาณการใช้น้ำยางข้น ๘,๑๕๔.๔๖๓ ตัน และปริมาณการใช้ยางแห้ง ๗๘๕.๘๕๐ ตัน ๑.๒ หน่วยงานที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี ๒๕๖๑ จำนวน ๔ หน่วยงาน เป็นวงเงินงบประมาณ ๒๗,๕๔๓,๒๕๓,๓๓๕.๐๐ บาท โดยมีปริมาณการใช้น้ำยางข้น ๕๙,๓๓๐.๐๕๐ ตัน ปริมาณการใช้ยางแห้ง ๔๐๑.๔๙๐ ตัน ๑.๓ หน่วยงานที่อยู่ระหว่างการขอรับงบประมาณเพิ่มเติม ปี ๒๕๖๑ จำนวน ๑ หน่วยงาน เป็นวงเงินงบประมาณ ๓,๕๔๘,๐๒๐,๙๐๐.๐๐ บาท โดยมีปริมาณการใช้น้ำยางข้น ๓,๕๐๙.๕๐๐ ตัน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐฯ จะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมและความพร้อมในการดำเนินการที่ทันต่อสถานการณ์ของปริมาณน้ำยางในตลาด รวมถึงประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับจากการดำเนินโครงการ โดยมีการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณบรรลุวัตถุประสงค์และเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในการดำเนินโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐ ให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อนำยางไปใช้ตามความต้องการของหน่วยงาน โดยใช้งบประมาณของหน่วยงานเป็นหลัก ทั้งนี้ รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณเท่าที่จำเป็น ให้การยางแห่งประเทศไทยเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรับซื้อยางจากเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราเท่านั้น ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1065 | ขอความเห็นชอบการชดเชยค่าใช้จ่ายกรณีเกิดภาวะขาดทุนจากการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2558/59 ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการชดเชยภาระขาดทุนจากการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ จำนวน ๙๐๖.๘๒ ล้านบาท ให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผ่านการขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป และให้ ธ.ก.ส. จัดทำรายละเอียดและหลักฐานแสดงผลการดำเนินโครงการที่ขาดทุน พร้อมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการดำเนินการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์การผลิต การตลาด และราคาข้าวเปลือก ในการดำเนินการระบายข้าวเปลือกเพื่อลดภาระขาดทุนจากการดำเนินโครงการ รวมทั้งนำบทเรียนจากการดำเนินการที่ผ่านมาและข้อเสนอแนะของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีตามนัยมติคณะรัฐมนตรี (๙ มกราคม ๒๕๖๑) มาพิจารณากำหนดเป็นแนวทางในการดำเนินการโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีในปีต่อ ๆ ไป รวมทั้งกำหนดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินโครงการเพื่อพิจารณาความคุ้มค่าในการดำเนินงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1066 | การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามมาตรา 23 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศของสำนักงาน ปปง. | ปง | 13/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศของสำนักงาน ปปง. ภายในวงเงิน ๒๑๒,๔๒๙,๐๐๐ บาท ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๑,๘๖๔,๔๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๘๐,๕๖๔,๖๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงาน ปปง. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับดูแล โครงการฯ ให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และในการดำเนินโครงการฯ หากมีการเปลี่ยนแปลงในหลักการและวัตถุประสงค์ไปจากเดิม จะต้องนำโครงการฯ เสนอให้คณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐพิจารณาอีกครั้ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1067 | โครงการจัดตั้งระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (Eastern Fruit Corridor) | อก | 06/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการจัดตั้งระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (Eastern Fruit Corridor) มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับภาคตะวันออกเป็นมหานครผลไม้ของโลก รวมทั้งมีส่วนในการเพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตร แก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรผันผวนตามปริมาณการผลิต สนับสนุนเทคโนโลยีการเก็บรักษาผลไม้และการขนส่งให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด โดยลดความเสี่ยงด้านการผลิต และส่งเสริมให้เกิดการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมบูรณาการการดำเนินโครงการฯ นี้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้โครงการฯ มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกับแผนยุทธศาสตร์การค้าผลไม้ครบวงจร ของกระทรวงพาณิชย์ แล้วให้นำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกพิจารณาก่อนดำเนินการต่อไป สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยการดำเนินโครงการฯ ระยะที่ ๑ ในส่วนที่เกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Detail Design) และประกาศการทดสอบความในของนักลงทุน (Market Sounding) มอบหมายหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวกับการเสริมสร้างประสิทธิภาพการค้าเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานและการบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน โดยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมทั้งรายละเอียดเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์นำโครงการฯ บรรจุในแผนยุทธศาสตร์การค้าผลไม้ครบวงจร เพื่อให้ภาพรวมการขับเคลื่อนการค้าผลไม้ไทยมีความครบถ้วนยิ่งขึ้น ส่วนในปีต่อ ๆ ไป ให้นำผลการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการฯ มากำหนดรูปแบบการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP) ซึ่งหากมีความจำเป็นที่จะต้องขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อการก่อสร้างและติดตั้งระบบ ให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรวมถึงการพิจารณาจากแหล่งเงินอื่นตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการศึกษาปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการในอดีต เช่น โครงการจัดตั้งตลาดกลางสินค้าเกษตรจังหวัดตราด และโครงการสร้างห้องเย็นแช่เยือกแข็งผลไม้เพื่อเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าและส่งออกผลไม้ภาคตะวันออก เป็นต้น เพื่อให้การออกแบบโครงการฯ ได้โครงการที่เป็นประโยชน์และคุ้มค่าในการลงทุน ควรมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายสินค้าให้ชัดเจน อาทิ ผลไม้สด ผลไม้แปรรูป สารสกัดจากผลไม้ โดยพิจารณาความสอดคล้องกับพฤติกรรมและความสามารถในการผลิตผลไม้สดในพื้นที่ รวมถึงประเภทและรูปแบบของการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (East Economic Corridor : EEC) ร่วมด้วย ควรพิจารณาแนวทางการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับชาวสวนผลไม้และผู้ประกอบการในพื้นที่ร่วมด้วย รวมทั้งควรพิจารณาทางเลือกในการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายความร่วมมือของกลุ่มคลัสเตอร์ผลไม้ภาคตะวันออกที่มีอยู่ในปัจจุบันในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้และผู้ประกอบการในพื้นที่ และภายหลังจากการศึกษาและออกแบบโครงการฯ ที่มีความครบถ้วนของข้อมูลต่าง ๆ แล้ว ควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณารายละเอียโครงการฯ และกรอบวงเงินงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1068 | มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและชุมชน | กก | 06/02/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและชุมชน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การดำเนินการด้านอุปสงค์ของการท่องเที่ยว (Demand Side) ประกอบด้วย (๑) Enjoy Local คือ การส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวเข้าเมืองรองด้วยบัตร TAT Plus ผ่านระบบออนไลน์ในการใช้จ่ายและท่องเที่ยวในเมืองรองและชุมชน (๒) SET In the Local กระตุ้นกลุ่มตลาด MICE จัดประชุม สัมมนา และกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ในเมืองรองและชุมชนในวันธรรมดา (๓) Local Link มุ่งเน้นความร่วมมือกับบริษัทนำเที่ยวหรือตัวแทนจำหน่ายให้ได้รับสิทธิพิเศษ (๔) Eat Local คือ การส่งเสริมอาหารถิ่น ใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น ชักจูงนักชิมผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขายให้เกิดความต่อเนื่อง (๕) Our Local คือ การสร้างสรรค์กิจกรรมในชุมชนบนพื้นฐานวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ (๖) Local Heros คือ กิจกรรม Mobile Clinic เพื่อการพัฒนาคน เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนจากองค์ความรู้ต่าง ๆ ให้ชุมชนเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันในอนาคต และ (๗) Local Strong คือ การบูรณาการภาครัฐและภาคเอกชนสร้างความเข้มแข็งในห่วงโซ่อุปทานและสินค้าพร้อมขาย พัฒนา Creative Tourism และสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว ๑.๒ การดำเนินการด้านอุปทานของการท่องเที่ยว (Supply Side) โดยดำเนินการจัดทำมาตรการ โครงการ เพื่อให้สอดคล้องต่อการขับเคลื่อนของภาครัฐในเป้าหมายของการกระจายรายได้สู่เมืองรองและชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ และกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ๒. ในส่วนของโครงการจัดตั้งศูนย์ประชุมนานาชาติเพื่อรองรับกิจกรรมในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (Meetings, Incentive Travel, Conventions, Exhibitions : MICE) ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความจำเป็นและความเหมาะสมของการดำเนินโครงการดังกล่าวให้ชัดเจนก่อน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศ ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาบูรณาการการดำเนินการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองและชุมชนให้สอดคล้องเชื่อมโยงกับการดำเนินการขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) รวมทั้งให้พิจารณาส่งเสริมการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้เหมาะสมและเป็นที่น่าสนใจแก่นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นด้วย เช่น การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่ป่าชายเลน การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่ป่าในเมือง กิจกรรมที่เน้นให้เยาวชนมีโอกาสเรียนรู้วิธีการดำรงชีพในป่า การสร้างการมีส่วนร่วมจากมัคคุเทศก์น้อยในชุมชน การกำหนดกิจกรรมเพิ่มเติมที่นักท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมหรือสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ระหว่างการเดินทางเชื่อมโยงจากแหล่งท่องเที่ยวพื้นที่เป้าหมายแต่ละแห่ง เป็นต้น ๔. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณากำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติในกรณีที่ประสบภัยที่อยู่นอกเหนือความคุ้มครองของการทำประกันภัยเดินทาง โดยให้พิจารณาใช้จ่ายจากเงินกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามความจำเป็นและเหมาะสมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทย เช่น กรณีที่เข้าพักในที่พักสัมผัสวัฒนธรรม หรือโฮมสเตย์ (Homestay) เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1069 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหมากแข้ง ตำบลหนองบัว ตำบลหนองนาคำ ตำบลหนองขอนกว้าง ตำบลบ้านจั่น และตำบลโนนสูง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. .... | คค | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหมากแข้ง ตำบลหนองบัว ตำบลหนองนาคำ ตำบลหนองขอนกว้าง ตำบลบ้านจั่น และตำบลโนนสูง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงชนบทตามโครงการผังเมืองรวมเมืองอุดรธานี และสร้างถนนเชื่อมต่อสาย ง๘ กับสาย ก๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า กรมทางหลวงชนบทควรให้ความสำคัญกับการกำหนดมาตรการป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และประสานกับการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อร่วมกันกำหนดรูปแบบการดำเนินโครงการที่เหมาะสมและสอดคล้องกับแผนพัฒนาระบบรถไฟในพื้นที่เพื่อให้เกิดการบูรณาการแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพและลดภาระการลงทุนของภาครัฐในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1070 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 5 | ทส | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ (Greater Mekong Subregion Environment Ministers’ Meeting : GMS EMM) จำนวน ๒ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) ร่างกรอบยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการของแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อม (ระยะที่ ๓) (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) เป็นเอกสารที่กำหนดยุทธศาสตร์และแผนงานในการดำเนินการตามแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อมในระยะที่ ๓ (ระยะเสริมสร้างความเข้มแข็ง) โดยเป็นการกำหนดให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ ของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงได้ และ (๒) ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ เป็นเอกสารที่แสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันของรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในการให้คำมั่นร่วมกันเพื่อสร้างเศรษฐกิจสีเขียวที่ครอบคลุมและยั่งยืนตามแนวทางของแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมุ่งเน้นการเชื่อมโยงแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อมกับระเบียงเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและส่งเสริมการดำเนินโครงการของกรอบการลงทุนระดับภูมิภาคที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ จำนวน ๒ ฉบับดังกล่าว ในการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ จำนวน ๒ ฉบับดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายนำเสนอประเด็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาและเพิ่มพื้นที่การปลูกป่าต่อที่ประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ ด้วย ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดศึกษาการจัดการผลกระทบเนื่องมาจากการจัดการความเสี่ยงและป้องกันผลกระทบเนื่องมาจากภัยธรรมชาติและภัยพิบัติข้ามแดน และร่วมหารือเพื่อสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติอย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1071 | ขออนุมัติดำเนินโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย - ลาว ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามกรอบการดำเนินงานความร่วมมือไทย - ลาว พ.ศ. 2561 - 2564 (Framework for Thai-Lao Cooperation 2018 - 2021) | ทส | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการดำเนินโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย-ลาว ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ แหล่งอนุรักษ์ความหลากหลายของพันธุ์พืชที่มีค่าหายากและใกล้สูญพันธุ์ประจำท้องถิ่นไทยและลาว และเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติของไทยและลาว ตามกรอบการดำเนินงานความร่วมมือไทย-ลาว พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ (Framework for Thai-Lao Cooperation 2018-2021) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-พ.ศ. ๒๕๖๔ กรอบวงเงินทั้งสิ้น ๑๕.๐๑๕๗ ล้านบาท ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดทำรายละเอียดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโครงการดังกล่าว และเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1072 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินรายการโครงการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐาน GMP ขององค์การอนามัยโลก | สธ | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินรายการโครงการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐาน GMP ขององค์การอนามัยโลก หมวดงบลงทุน ค่าควบคุมงานก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ในระดับอุตสาหกรรม ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก จำนวน ๑,๓๔๘,๒๓๘.๒๐ บาท โดยใช้เงินรายได้ขององค์การเภสัชกรรม ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุข (องค์การเภสัชกรรม) รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำกับดูแลการบริหารโครงการฯ ให้เป็นไปตามแผนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าและส่งผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายขององค์การเภสัชกรรมในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด เพื่อให้โรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ในระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐาน GMP ขององค์การอนามัยโลกสามารถเปิดทำการได้ทันภายในปี ๒๕๖๓ ตามแผนที่กำหนดไว้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข (องค์การเภสัชกรรม) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้มีผู้รับผิดชอบการดำเนินโครงการฯ ที่คลาดเคลื่อนและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1073 | ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กค | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ จำนวน ๒๙๐,๕๙๓,๒๔๖ บาท เพื่อให้กรมบัญชีกลางใช้ในการดำเนินโครงการจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๖๐ เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการโดยคำนึงถึงความประหยัด คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดของราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินโครงการจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐในปี ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา รวมทั้งประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการฯ รวบรวมปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ พร้อมทั้งแนวทางการแก้ไขปรับปรุง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลร้านธงฟ้าประชารัฐที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ดำเนินกิจการตามมาตรฐานที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดอย่างเคร่งครัด และให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐให้ทราบถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของการเข้าร่วมโครงการฯ อย่างชัดเจนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1074 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ครั้งที่ 3 | นร07 | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ วงเงิน ๒,๑๐๕,๙๖๗,๕๖๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ จำนวน ๗ โครงการ ซึ่งสำนักงบประมาณจะได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฯ ให้กับ ๗ โครงการดังกล่าวต่อไป สำหรับวงเงินที่เหลืออยู่อีก จำนวน ๖,๓๕๒,๖๕๔,๙๐๐ บาท สำนักงบประมาณจะพิจารณาจัดสรรให้หน่วยงานที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการในการขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จะได้พิจารณาอนุมัติต่อไป ๑.๒ รายการงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ดำเนินการตามแนวทางการขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๑๐ (๓) กำหนดว่ากรณีวงเงินเกินหนึ่งร้อยล้านบาท สำนักงบประมาณจะเสนอเรื่องต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ เมื่อนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว จะต้องนำเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1075 | การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน | มท | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินงานการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๑/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๑ แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน โดยมีกลไกคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศฯ ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชาติ ระดับจังหวัด/กทม. ระดับอำเภอ/เขต และทีมขับเคลื่อนฯ ระดับตำบล เพื่อบูรณาการกลไกการขับเคลื่อน บูรณาการชุดความรู้ แผนงาน/โครงการ และงบประมาณ ลงไปในพื้นที่เป้าหมาย ๑.๒ กระทรวงมหาดไทยได้จัดประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จังหวัด และอำเภอ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจในกรอบแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการฯ และเพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับส่วนกลาง จังหวัด อำเภอ และตำบล ๑.๓ การดำเนินงานโครงการฯ ในระยะต่อไป จะกำหนดประชุมหารือเพื่อวางกรอบแนวทางการปฏิบัติงานตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๑ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล และกำหนดจัดประชุมมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ในระดับจังหวัดและระดับอำเภอ ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ๒. ให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือกระทรวงมหาดไทยในการดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน และสนับสนุนกลไกในการปฏิบัติงานในพื้นที่ทุกระดับ โดยในการดำเนินโครงการดังกล่าวให้คำนึงถึงความเหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจ อำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน และงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรด้วย ๓. ให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานของรัฐในระดับพื้นที่ รวมทั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรบูรณาการการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานและเพื่อให้โครงการดังกล่าวเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการดำเนินงานในภาพรวม รวมทั้งปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ต่อนายกรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ ด้วย ๔. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม [สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)] ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการข้อมูลต่าง ๆ ภายใต้โครงการไทยนิยม ยั่งยืน กับการดำเนินการในเรื่อง Big Data ด้วย เพื่อให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานของรัฐสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1076 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย - จีน ครั้งที่ 17 - 22 ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 | คค | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๑๗-๒๒ ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ มีสาระสำคัญเป็นการหารือร่วมกันเพื่อให้การดำเนินโครงการฯ แล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการ เช่น การว่าจ้างฝ่ายจีนในร่างสัญญา ๒.๑ (การออกแบบรายละเอียด) ร่างสัญญา ๒.๒ (ที่ปรึกษาควบคุมงานการก่อสร้าง) และร่างสัญญา ๒.๓ (งานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร) กรอบวงเงินและแนวทางการก่อสร้างโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน การอบรมและทดสอบจากสภาวิศวกรและสภาสถาปนิกของไทย และการถ่ายทอดความรู้ เป็นต้น และเพื่อให้เป็นไปตามโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่คณะกรรมการบริหารการพัฒนาโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1077 | รายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 (Annual Inspection Report : Fiscal Year 2017) | นร01 | 30/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (Annual Inspection Report : Fiscal Year 2017) ประกอบด้วย ๒ ประเด็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล (Issue) คือ (๑) การจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อม และ (๒) เรื่อง การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อม จากการตรวจติดตามการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อม พบว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งรัดดำเนินการขับเคลื่อนการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งแวดล้อม โดยดำเนินการตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ตามบทบาทหน้าที่ที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง และดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะผู้ตรวจราชการ รวมทั้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาขยะบนบก/น้ำ/ทะเล อย่างไรก็ดี จากการรายงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า ยังมีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการบางประการและยังไม่มีแนวทางในการปฏิบัติที่ชัดเจน ๒. ประเด็นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง การดำเนินโครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ และโครงการภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ตรวจราชการกระทรวงได้ร่วมกันให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะแก่หน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหา และเร่งรัดให้หน่วยงานสามารถดำเนินการแล้วเสร็จและบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด และจากการตรวจติดตามการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในงานตรวจราชการแบบบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีอย่างจริงจัง สามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สนับสนุนช่องทางการตลาด ปรับปรุงการบริหารจัดการให้รองรับผู้ประกอบการและความต้องการของกลุ่มผู้ซื้อที่เพิ่มขึ้น พัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้มีความมั่นคง และสามารถยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนสู่สากล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1078 | โครงการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในอุดมศึกษาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลก (ทุนพัฒนาอาจารย์) พ.ศ. 2561 - 2580 | ศธ | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการถอนเรื่อง โครงการพัฒนาศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในอุดมศึกษาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลก (ทุนพัฒนาอาจารย์) พ.ศ ๒๕๖๑-๒๕๘๐ คืนไปเพื่อพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา เช่น ควรมีการผสมผสานระหว่างการให้ทุนรัฐบาลและการขอทุนจากสถาบันในต่างประเทศ ในส่วนของทุนพัฒนาอาจารย์หลังปริญญาเอก หากมีการขยายไปยังกลุ่มเป้าหมายสถาบันอื่น ๆ เช่น สถาบันอุดมศึกษาที่สังกัดตามกระทรวงต่าง ๆ จะทำให้กลุ่มเป้าหมายมีความครอบคลุมมากขึ้น ควรมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และผลกระทบโครงการเมื่อสิ้นสุดโครงการในระยะที่ ๑ ก่อนการดำเนินโครงการในระยะที่ ๒ ต่อไป เพื่อให้การบริหารจัดการทุนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และควรมีฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการจัดสรรทุนกับแหล่งทุนอื่น ๆ ที่มีการจัดสรรทุนให้แก่อาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาด้วย เป็นต้น รวมทั้งข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไปประกอบการพิจารณาด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1079 | การดำเนินโครงการของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน | ทส | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีและออกหนังสืออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่าแล้ว คือ โครงการสนับสนุนธุรกิจประมงพื้นบ้าน จังหวัดปัตตานี ตามแนวทางขับเคลื่อนโครงการต้นแบบ “สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เนื้อที่ ๓ ไร่ โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ และออกหนังสืออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๒. โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังมิได้ออกหนังสืออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า ได้แก่ (๑) โครงการก่อสร้างพุทธมณฑลจังหวัดสงขลา และศูนย์กีฬาและส่งเสริมคุณภาพตำบลน้ำน้อย เนื้อที่ ๑๕๑-๑/๗๓ ไร่ (๒) โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู ตำบลแหลมสน อำเภอละงู จังหวัดสตูล เนื้อที่ ๓.๖ ไร่ (๓) โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองตำมะลัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เนื้อที่ ๗.๖๘ ไร่ (๔) โครงการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ ๔๕๓ ไร่ และ (๕) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำคลอง D2 ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เนื้อที่ ๑๖๕-๓-๖๗ ไร่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1080 | จิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ | นร | 23/01/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๐ และ ๓ มกราคม ๒๕๖๑ เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาเพื่อสังคมของส่วนราชการ ที่เห็นชอบให้ส่วนราชการเชิญชวนให้ประชาชนจิตอาสาตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเข้าร่วมในกิจกรรมการดำเนินการต่าง ๆ ของส่วนราชการที่เป็นการพัฒนาสังคม เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนให้เป็นไปอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น นั้น การดำเนินการดังกล่าวจะจัดทำเป็นโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้จิตอาสาไปช่วยงานภาครัฐและบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ประกอบด้วย งานด้านการพัฒนา งานช่วยเหลือภัยพิบัติ และงานกิจกรรมพิเศษ ทั้งนี้ การจัดโครงสร้างการบริหารจัดการประกอบด้วย (๑) ศูนย์อำนวยการใหญ่โครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ (๒) คณะกรรมการผู้ประสานงานโครงการจิตอาสาพระราชทาน ซึ่งจะทำหน้าที่สนับสนุนและประสานงานกับส่วนราชการในพระองค์และหน่วยงานภาครัฐไปสู่การปฏิบัติ โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่ประสานงานระหว่างศูนย์อำนวยการใหญ่โครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริและคณะกรรมการผู้ประสานงานโครงการจิตอาสาพระราชทาน ๒. ให้ทุกส่วนราชการให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินการที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มศักยภาพ ๓. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานความคืบหน้าในการดำเนินโครงการฯ ให้คณะรัฐมนตรีรับทราบทุกเดือนด้วย
|
.....