ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 03/11/2558 | ||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเพิ่มแหล่งการทำประมงในเขตประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ทะเล ซึ่งได้มี การเจรจาความร่วมมือด้านประมงไว้แล้ว เช่น บรูไนดารุสซาลาม กินี โดยให้เพิ่มเติมประเทศศรีลังกาซึ่งมีสัตว์ทะเลจำนวนมากด้วย ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลประชาชนแต่ละกลุ่มเพื่อนำมากำหนดแนวทางการดูแลความเป็นอยู่และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยพิจารณาให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่มอาชีพ และรายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านกำกับดูแลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการอย่างใกล้ชิด ในการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลและ Road Map ของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้แก่เจ้าหนาที่ทุกระดับในสังกัด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๒.๑ ให้สำนักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำแนวทางการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการทุกสังกัด โดยให้ครอบคลุมการประเมินความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล การบังคับบัญชาและการบริหารงาน ผลการปฏิบัติงานและผลสัมฤทธิ์ รวมทั้งความรู้ทั่วไป ทั้งนี้ ให้เสนอนายกรัฐมนตรีภายในปี ๒๕๕๘ และให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาทบทวนบทบาทการปฏิบัติงานของเอกอัครราชทูตและกงสุลประจำประเทศต่าง ๆ ให้มีบทบาทเชิงรุกในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศของรัฐบาลต่อไปด้วย ๒.๒.๒ ให้กระทรวงมหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวน การประเมินผลปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ เช่น เกษตรอำเภอ พาณิชย์จังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประเมินความรู้ ความเข้าใจในวัตถุประสงค์ ขั้นตอนการปฏิบัติในโครงการสำคัญของรัฐบาล เช่น มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชน (โครงการตำบลละ ๕ ล้านบาท) มาตรการช่วยเหลือปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกร เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวมีผลสำเร็จและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ๒.๓ ให้รัฐมนตรีใช้กลไกคณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐประจำกลุ่มกระทรวงในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลให้เกิดผลสัมฤทธิ์ มีประสิทธิภาพ และโปร่งใส ทั้งนี้ หากคณะอนุกรรมการฯ พบกรณีทุจริต รวมทั้งการใช้จ่ายงบประมาณไม่คุ้มค่าหรือไม่มีประสิทธิภาพ ให้รายงานรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ก่อน จากนั้นจึงจะรายงานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเพื่อรายงานนายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒.๔ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ เห็นชอบการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ โดยมีประเด็นเกี่ยวกับการแบ่งช่วงระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินและการปฏิรูปประเทศเป็น ๓ ระยะ นั้น ในส่วนของระยะที่ ๒ ซึ่งเป็นการบริหารราชการแผ่นดินและการปฏิรูปประเทศของรัฐบาล ให้แบ่งช่วงระยะเวลาและให้ส่วนราชการดำเนินการ ดังนี้ ๒.๔.๑ ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและการขับเคลื่อนการปฏิรูประยะที่ ๑ จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงาน ๒.๔.๒ ระหว่างวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๙-๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลและการขับเคลื่อนการปฏิรูประยะที่ ๒ จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อใช้เป็นแนวทางดำเนินการของหน่วยงาน ๒.๔.๓ ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ การดำเนินการเกี่ยวกับการสร้างความปรองดองและสมานฉันท์ให้คนในชาติ จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินการของหน่วยงานพร้อมทั้งจัดทำสรุปผลการดำเนินงาน ที่ผ่านมาเพื่อเตรียมส่งต่อให้รัฐบาลชุดต่อไป ๒.๔.๔ ระหว่างวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๐-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๐ การส่งต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามารับช่วงต่อจากรัฐบาลชุดนี้ จัดทำประเด็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องดำเนินการและกำหนดกลไก ในการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ๒.๕ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง และพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในปัจจุบันและเพียงพอกับ ความต้องการใช้น้ำในระยะต่อไปในด้านต่าง ๆ เช่น การอุปโภคบริโภค การรักษาระบบนิเวศน์ การทำการเกษตรกรรม แล้วรายงานคณะรัฐมนตรีตามกำหนดอย่างเคร่งครัดด้วย ๒.๖ ให้สำนักโฆษก (สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี) กรมประชาสัมพันธ์ และทุกส่วนราชการร่วมกันสร้าง การรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล เช่น การส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะเรื่อง การให้สิทธิประโยชน์ในภาพรวม นโยบายด้านการเงินการคลังของประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการเสียภาษี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับมาตรการป้องกันการเกิดปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) นโยบายการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ การประมูลคลื่นความถี่ (4G) รวมถึงความจำเป็นซึ่งต้องใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗ ในการแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วน โดยให้เน้นช่องทางการสื่อสาร ที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย เช่น social media โดยนำเสนอในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ๒.๗ ให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในการนำเสนอศิลปวัฒนธรรมไทย เช่น การแสดงโขน อาหารไทย ในรูปแบบที่ดึงดูดและเข้าใจได้ง่ายผ่านช่องทางการสื่อสารที่ประชาชนเข้าถึง ได้ง่าย เช่น social media หรือสื่อโทรทัศน์ ๒.๘ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย และการปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด และรายงานรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลและนายกรัฐมนตรีต่อไป ๒.๙ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดรูปแบบมาตรฐานในการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ของหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรอิสระ ให้มีความเหมาะสมกับภารกิจที่รับผิดชอบและคุ้มค่ากับงบประมาณในการดำเนินการ ๒.๑๐ ให้กระทรวงสาธารณสุข (องค์การเภสัชกรรม) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาผลกระทบและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาของการคุ้มครองข้อมูลยา การนำเข้ายา จากต่างประเทศ และการลงทุนจากบริษัทยาภายนอก ซึ่งทำให้ประเทศไทยต้องซื้อยาในราคาที่แพงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership : TPP) รวมทั้งความตกลงระหว่างประเทศอื่น ๆ ด้วย โดยให้มีผลการดำเนินการที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๕๙ ๒.๑๑ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักรวบรวมข้อเสนอและความต้องการของ ทุกส่วนราชการเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนา พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการวิจัยและพัฒนาในภาพรวมของประเทศอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว และให้มีผลงานวิจัยที่เป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๖๐ โดยคำนึงถึงแหล่งเงินทุน ในการวิจัย ผลตอบแทน นักวิจัย และให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศอย่างแท้จริงและเกิดความคุ้มค่าในการดำเนินการต่อไปด้วย ๒.๑๒ ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ตรวจสอบและเตรียมความพร้อมของระบบเทคโนโลยีและเครื่องมือต่าง ๆ ในการให้บริการภายในท่าอากาศยานต่าง ๆ ไม่ให้เกิดข้อขัดข้อง พร้อมทั้งจัดทำแผนการซ่อมและบำรุงรักษาเพื่อให้สามารถตอบสนองการให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง
|
.....