ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 68 จากทั้งหมด 84 หน้า แสดงรายการที่ 1341 - 1360 จากข้อมูลทั้งหมด 1664 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1341 | การเข้าร่วมเป็นภาคีของไทยในสถาบันวัคซีนนานาชาติ (International Vaccine Institute : IVI) | สธ. | 08/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีสถาบันวัคซีนนานาชาติ
(International VaccineInstitute : IVI) อย่างสมบูรณ์ และอนุมัติให้ประเทศไทยสนับสนุนงบประมาณแก่
IVI ปีละ ๑๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี
หมวดเงินอุดหนุนของกระทรวงสาธารณสุข เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ
จัดทำสัตยาบันสาร (Instrument of Ratification) เพื่อการเข้าร่วมเป็นภาคี IVI อย่างสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนงบประมาณแก่สถาบันวัคซีนนานาชาติ (IVI) ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1342 | การกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ในปี 2565 - 2567 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน. | 08/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน
ในปี ๒๕๖๕-๒๕๖๗ ภายใต้กรอบวงเงินไม่เกิน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยวิธีการจัดหาเงินกู้ในรูปแบบ Term Loan อายุไม่เกิน ๓ ปี ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
และให้กระทรวงพลังงาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าวงเงินกู้ดังกล่าวของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจะต้องได้รับการจัดสรรในการบริหารหนี้สาธารณะก่อน
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยจึงจะกู้ได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1343 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายสมัย ลี้สกุล และนายนิรุตติ สุทธินนท์) | นร.04 | 08/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสมัย ลี้สกุล และนายนิรุตติ สุทธินนท์ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1344 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับการปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้างเป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... | กษ. | 08/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับการปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้างเป็นมาตรฐานบังคับ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับปางช้างเป็นมาตรฐานบังคับเพื่อกำหนดเกณฑ์การปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้างในการจัดการควบคุมดูแลและเลี้ยงช้างให้ถูกต้องและเหมาะสม
เป็นไปตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้
ให้ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีผลใช้บังคับพร้อมกับร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ผลิต
ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตเป็นผู้ผลิต
ผู้ส่งออก หรือผู้นำเข้าสินค้าเกษตรตามมาตรฐานบังคับ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้มีผลใช้บังคับพร้อมกับร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับการปฏิบัติที่ดีสำหรับปางช้างเป็นมาตรฐานบังคับ
พ.ศ. .... ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1345 | โครงการอาชีวะ ฝีมือชน พัฒนากำลังคนชายแดนใต้ | ศธ. | 08/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการอาชีวะ
ฝีมือชน พัฒนากำลังคนชายแดนใต้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการดังกล่าว
เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรแล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อมาดำเนินการเป็นลำดับแรก
ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๖๘
เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น ควรมีการควบคุม กำกับ ติดตาม
และประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
และควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อแนวทางการดำเนินโครงการอาชีวะฯ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1346 | ขอขยายระยะเวลาโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียวโดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ (Greening Industry Through Low Carbon Technology Application for SMEs) | อก. | 08/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาดำเนินโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียวโดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ
(Greening Industry Through Low Carbon Technology Application for
SMEs) ออกไปถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้กระทรวงอุตสาหกรรมจัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินโครงการฯ
ให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม
รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรมแจ้งความคืบหน้า
รวมถึงปัญหา/อุปสรรค ในการดำเนินโครงการฯ
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบ
ในฐานะหน่วยงานกลางประสานการดำเนินงานเชิงปฏิบัติการของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (Global
Environment Facility : GEF) และให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาปรับวิธีดำเนินโครงการฯ
ให้สามารถดำเนินโครงการฯ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยเร่งรัดการขยายระยะเวลาโครงการฯ ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว
และติดตามประเมินผลความสำเร็จของโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายระยะเวลา ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณโครงการฯ
ที่ได้รับการสนับสนุนจาก GEF ที่คงเหลือ จำนวน ๑.๑
ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1347 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 08/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการเป็นการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน
ในบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ ตอนที่ ๑
สินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทที่ ๐๑.๐๕ น้ำมันดีเชล และน้ำมันอื่น ๆ
ที่คล้ายกัน และประเภทที่ ๐๑.๑๒ น้ำมันเตาและน้ำมันที่คล้ายกัน
ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๕
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเชลและน้ำมันเตาที่สะท้อนต้นทุนตามข้อเท็จจริง
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และให้ความสำคัญกับการจัดหารายได้เพิ่มเติมเพื่อชดเชยการสูญเสียรายได้จากการดำเนินมาตรการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเชลและน้ำมันเตาในครั้งนี้ด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1348 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | ยธ. | 08/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ได้แก่ (๑) การดำเนินงานของคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ
(๒) การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบกรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ
(๓) การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการเยียวยากรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ
(๔) การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการป้องกันการกระทำทรมานและบังคับให้หายสาบสูญ และ
(๕) การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการคัดกรองกรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1349 | การแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน (สคจ.) | นร.01 | 08/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน
จำนวน ๖ กรณีปัญหา ได้แก่ (๑) พิจารณาแก้ไขปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการประสานงานเร่งรัดติดตามการแก้ไขของสมัชชาคนจน
(๒) พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน อำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหคีรี อำเภอโกรกพระ
จังหวัดนครสวรรค์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ ทับที่ทำกินของราษฎร (๓)
กรณีปัญหาโครงการอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ (๔)
กรณีปัญหาที่สาธารณประโยชน์โคกหนองเหล็ก จังหวัดสุรินทร์ (๕)
กรณีปัญหาราษฎรได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่า เขตป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่
(บ้านเก้าบาท) อำเภอนางรอง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ และ (๖)
กรณีปัญหาตัดโค่นยางพาราเพื่อปลูกใหม่ในพื้นที่จังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุง
และจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจนเสนอ
และให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของประชาชนอย่างต่อเนื่องตามหน้าที่และอำนาจให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1350 | ร่างกฎหมายตามมาตรการบรรเทาภาระภาษีสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล | กค. | 08/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามโครงการพัฒนาและทดสอบการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับการใช้งานภาคประชาชน ตั้งแต่วันที่ ๑
ของเดือนถัดจากเดือนที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มถึงวันที่
๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ และร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
สำหรับผลประโยชน์ที่ได้รับจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลเฉพาะซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน
เป็นจำนวนเท่ากับผลขาดทุนจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลที่เกิดขึ้นในปีภาษีเดียวกัน
ทั้งนี้ เฉพาะผลประโยชน์และผลขาดทุนจากการโอนคริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีวว่าการกระทรวงการคลัง
ตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป
ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและมาตรการของสินทรัพย์ดิจิทัลให้มีความชัดเจนและครอบคลุมสินทรัพย์ดิจิทัลทุกประเภท
ในระหว่างที่การดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕
ยังไม่แล้วเสร็จ
รวมทั้งให้กำหนดกระบวนการทบทวนมาตรการกำกับดูแลเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคตด้วย
ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์
ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว
วิธีการคำนวณผลประโยชน์ควรเป็นวิธีการที่เข้าใจได้ง่ายเพื่อประชาชนปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง
รวมทั้งไม่สร้างภาระแก่ประชาชนเกินสมควร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการศึกษาแนวทางและประเมินรูปแบบการทำธุรกรรมในตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
และกำหนดมาตรการทางภาษีที่เหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1351 | การปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง | นร.12 | 08/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของกรมศุลกากร
กระทรวงการคลัง โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๔ เมษายน ๒๕๖๐
เกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานราชการส่วนกลางในภูมิภาคต้องไม่มีหน่วยงานของกรมที่เป็นราชการส่วนภูมิภาคหรือราชการส่วนกลางในภูมิภาค
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ. เช่น
กรมศุลกากรจะต้องบริหารอัตรากำลังภายใต้กรอบอัตรากำลังที่มีอยู่เดิมให้เป็นไปอย่างคุ้มค่าและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
โดยต้องไม่ขอรับการจัดสรรอัตรากำลังเพิ่มใหม่เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรภาครัฐในภาพรวม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1352 | การขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นรายปีเป็นการจ่ายขาดให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค (งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566) | นร.01 | 08/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นรายปีเป็นการจ่ายขาดให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภค
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
จำนวนทั้งสิ้น ๓๙๕,๑๔๗,๐๙๘ บาท ตามนัยพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๖๒
มาตรา ๑๖ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงบประมาณ
โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และกำกับ ติดตามการใช้จ่ายเงินอุดหนุนฯ ให้เป็นไปตามกฎหมาย
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประสิทธิภาพ ผลสัมฤทธิ์ และผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการดำเนินงานของสภาองค์กรของผู้บริโภค
ไปดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
ขอให้สภาองค์กรของผู้บริโภครับข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรพิจารณาให้ความสำคัญกับแผนงานโครงการที่ส่งผลต่อการคุ้มครอง พิทักษ์สิทธิ์
ผู้บริโภค และการให้ความรู้แก่ประชาชนโดยตรงเป็นลำดับแรก และพิจารณานำเงินรายได้ของสภาองค์กรผู้บริโภคมาดำเนินการ
รวมทั้งพิจารณาความซ้ำซ้อนของกิจกรรมที่เสนอขอ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1353 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (นายพิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ) | สธ. | 08/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายพิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการโรงพยาบาลบ้านแพ้ว
แทนประธานกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘
มีนาคม ๒๕๖๕) เป็นต้นไป
และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1354 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย ครั้งที่ 6 | กต. | 01/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย
ครั้งที่ ๖ เมื่อวันที่ ๑๑-๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๔ ณ กรุงนูร์-ซุลตัน สาธารณรัฐคาซัคสถาน โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคาซัคสถาน
เป็นประธาน CICA และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนพิเศษของรองนายกรัฐมนตรี
(นายดอน ปรมัตถ์วินัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองร่างเอกสาร
โดยที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นประเด็นต่าง ๆ
รวมถึงประเด็นการรับรองเอกสารผลลัพธ์ของการประชุม
ซึ่งมีเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมที่ได้รับรอง จำนวน ๔ ฉบับ
และเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมที่ไม่สามารถบรรลุฉันทามติร่วมกันได้ จำนวน ๑ ฉบับ
ซึ่งประธาน CICA
ได้เสนอขอปรับรูปแบบของเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ เป็นถ้อยแถลงของประธาน มีสาระสำคัญ
เช่น ความมั่นคงระหว่างภูมิภาค การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การต่อต้านการก่อการร้าย
และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1355 | ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การพิจารณาพิพากษาคดีอาญาเกี่ยวกับภาษีอากร) | ศย. | 01/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ศาลภาษีอากรมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาที่เกี่ยวกับภาษีอากรและให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับแก่การพิจารณาพิพากษาคดีดังกล่าว
โดยอนุโลมกำหนดให้การออกข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินกระบวนการพิจารณาในส่วนคดีอาญาต้องไม่ทำให้สิทธิในการต่อสู้คดีอาญาของจำเลยลดน้อยลงกว่าที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย
แก้ไขเพิ่มเติมการรับทราบกำหนดนัดของศาลในคดีศาลเพ่ง
และแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์ ฎีกา คำพิพากษา
หรือคำสั่งศาลในคดีอาญาที่เกี่ยวกับภาษีอากร
รวมถึงให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาใช้บังคับแก่การพิจารณาพิพากษาคดีดังกล่าวในศาลอุทธรณ์ชำนัญพิเศษและศาลฎีกาโดยอนุโลม
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ
เช่น แก้ไขกฎหมายให้มีความครอบคลุม ชัดเจน
และสอดคล้องกับหลักการของกฎหมายภาษีอากรที่ดีมากยิ่งขึ้น เพิ่มเติมถ้อยคำว่า
“เจ้าหน้าที่” ไว้ในมาตรา ๗ (๑) ด้วย หากมีการแก้ไขถ้อยคำในมาตรา ๗ (๑)
ดังกล่าวจะต้องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายในมาตราอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ต้องพิจารณาคุณสมบัติของผู้พิพากษาที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งในคดีภาษีอากรและคดีอาญาควบคู่กันด้วย
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ ๓. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ เช่น ควรแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๘ โดยตัดข้อความ
“เกี่ยวกับภาษีอากร” ออก
ก็จะส่งผลให้คดีคำสั่งทางปกครองที่เกี่ยวกับภาษีอากรในเรื่องอื่น ๆ
ที่มิใช่การประเมินภาษีอากรนั้นจะต้องผ่านการอุทธรณ์โดยถูกต้องตามกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองก่อน
จึงจะฟ้องคดีต่อศาลภาษีอากรได้ การเปลี่ยนแปลงเขตอำนาจของศาลตามที่กำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้จะไม่กระทบต่อการดำเนินงานตามภารกิจหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรม
ควรพิจารณาดำเนินการปรับปรุงอาคารศาลเดิมเป็นสถานที่ทำการแทนการลงทุนก่อสร้างอาคารที่ทำการแห่งใหม่
อันเป็นการคำนึงถึงความคุ้มค่าและต้นทุนที่อาจลดลงได้ พิจารณากรอบอัตรากำลังข้าราชการตุลาการและข้าราชการศาลยุติธรรมเพื่อให้สอดรับกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว
พิจารณาเกลี่ยอัตรากำลังที่ปฏิบัติงานในส่วนคดีอาญาเกี่ยวกับภาษีอากรจากศาลยุติธรรมอื่นก่อนเป็นลำดับแรก
พิจารณานำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการพิจารณาพิพากษาคดี และการบริหารจัดการคดีของศาลภาษีอากร
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติราชการ
และมอบหมายให้คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม และคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม
ร่วมกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1356 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะและคุณสมบัติของวัสดุและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารประเภทควบคุมการใช้ พ.ศ. .... | มท. | 01/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะและคุณสมบัติของวัสดุและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารประเภทควบคุมการใช้
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะและคุณสมบัติของวัสดุและผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการก่อสร้างอาคารที่อาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ
ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของประชาชน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ที่เห็นว่าควรแก้ไขร่างข้อความในร่างข้อ ๙ วรรค ๑ ร่างข้อ ๑๐ วรรค ๑ และร่างข้อ ๑๒
วรรค ๒ ให้ครอบคลุมถึงการป้องกันเสียง เพื่อให้สอดคล้องกับนิยาม
“วัสดุตกแต่งผิวผนังและผิวฝ้าเพดานภายใน” และ “ระบบผนังกระจก” ในร่างข้อ ๓
ที่กล่าวถึงวัสดุที่ใช้ในการป้องกันเสียง
และสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับเจ้าของโครงการ ผู้ออกแบบ
และผู้ก่อสร้างอาคารด้วย ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรแก้ไขร่างข้อความในร่างข้อ
๙ วรรค ๑ ร่างข้อ ๑๐ วรรค ๑ และร่างข้อ ๑๒ วรรค ๒ ให้ครอบคลุมถึงการป้องกันเสียง
เพื่อให้สอดคล้องกับนิยาม “วัสดุตกแต่งผิวผนังและผิวฝ้าเพดานภายใน” และ
“ระบบผนังกระจก” ในร่างข้อ ๓ ที่กล่าวถึงวัสดุที่ใช้ในการป้องกันเสียง
และสร้างการรับรู้และความเข้าใจกับเจ้าของโครงการ ผู้ออกแบบ
และผู้ก่อสร้างอาคารด้วย และเมื่อร่างกฎกระทรวงฯ
ประกาศใช้บังคับแล้วพนักงานท้องถิ่นควรกำกับ ดูแล ให้เป็นตามร่างกฎกระทรวงฯ
ดังกล่าว อย่างเข้มงวดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1357 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความรุนแรงต่อเด็กในครอบครัว ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา | สว. | 01/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
ความรุนแรงต่อเด็กในครอบครัว ของคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน
สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา
ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้พิจารณาร่วมกับหนวยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มีการสำรวจรวบรวมวิเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ
และจัดทำรายงานตามมาตรา ๑๗
แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐
เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาประจำทุกปี
กรมกิจการเด็กและเยาวชนได้จัดให้แอปพลิเคชัน (Application) “คุ้มครองเด็ก” และเว็ปไซต์ https//cpic.dcy.go.th เพื่อสามารถแจ้งข้อมูลผ่านระบบแจ้งเหตุ
โดยมีเจ้าหน้าที่พร้อมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือตลอด ๒๔ ชั่วโมง และดำเนินโครงการเสริมสร้างศักยภาพครอบครัวลดความรุนแรงในเด็กร่วมกับจังหวัด
และกลไกสหวิชาชีพในพื้นที่ตามโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “New Gen Say No-คนรุ่นใหม่ไร้ความรุนแรง” ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1358 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 5/2565 | นร.11 สศช | 01/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1359 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2560 (เรื่อง รายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 41) เพื่อศึกษาสำรวจและออกแบบทางหลวงหมายเลข 348 เชื่อมโยงอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว - อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ | คค. | 01/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมเข้าทำการศึกษา สำรวจ
เก็บข้อมูลในเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔๘
เพื่อประกอบการพิจารณาทางเลือกในการขยายทางหลวงแผ่นดินเชื่อมโยงอำเภออรัญประเทศ
จังหวัดสระแก้ว กับอำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
และเมื่อกระทรวงคมนาคมทำการศึกษาเสร็จสิ้นแล้ว
ให้เร่งแจ้งผลการดำเนินงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะหน่วยงานหลัก
(Focal point) ที่รับผิดชอบด้านมรดกโลกของประเทศไทยเพื่อดำเนินการแจ้งศูนย์มรดกโลกต่อไป
ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก เช่น
การดำเนินการของกระทรวงคมนาคมต้องเป็นการเข้าไปเพื่อทำการศึกษาและสำรวจความเป็นไปได้เท่านั้น
โดยไม่มีนัยในการอนุมัติโครงการใด ๆ กระทรวงคมนาคมควรแจ้งผลการศึกษาให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแจ้งศูนย์มรดกโลกเพื่อทราบและเสนอข้อคิดเห็น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1360 | ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ หรือการตรวจสอบในกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | สธ. | 01/03/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการ ๑.๑
ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ
องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ
หรือการตรวจสอบในกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าขึ้นบัญชีสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ
องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ที่ทำหน้าที่ในการประเมินเอกสารทางวิชาการ การตรวจวิเคราะห์ การตรวจสถานประกอบการ
หรือการตรวจสอบในกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา ๑.๒
ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
อัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดที่จะจัดเก็บจากผู้ยื่นคำขอในกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา
รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่ควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าของรายได้จากการดำเนินการภายหลังขึ้นบัญชีดังกล่าว
โดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานในกำกับของรัฐ
เพื่อความเหมาะสมในการพิจารณากำหนดอัตราค่าขึ้นบัญชี
และควรแก้ไขถ้อยคำในบทอาศัยอำนาจให้ตรงตามบทอาศัยอำนาจที่แท้จริง ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม
รวมทั้งรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดรายการและอัตราค่าใช้จ่ายสูงสุดต้องไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการเกินสมควร
โดยกระทรวงสาธารณสุขควรพิจารณากำหนดอัตราค่าใช้จ่ายที่จะจัดเก็บจริงให้มีความเหมาะสมและไม่เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการ
โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|