ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 67 จากทั้งหมด 84 หน้า แสดงรายการที่ 1321 - 1340 จากข้อมูลทั้งหมด 1664 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1321 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าตอบแทนและค่าจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการสำหรับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียน | ศธ. | 15/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าตอบแทนและค่าจ้างผู้ปฏิบัติงานให้ราชการสำหรับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียน
กรอบวงเงิน ๑,๘๔๘,๐๔๗,๒๒๘ บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
(ตามหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๒๑/๓๕๘๘ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๕)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแล และการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ควรพัฒนาระบบฐานข้อมูลอัตรากำลังผู้ปฏิบัติงานให้ราชการที่มีความถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
รวมทั้งประเมินแนวโน้มความต้องการอัตรากำลังผู้ปฏิบัติงานให้ราชการมีความเหมาะสมกับภารกิจ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1322 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 6/2565 | นร.11 สศช | 15/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1323 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 4 ในรูปแบบการประชุมด้วยตนเอง (In-person) | ทส. | 15/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1324 | รายงานผลการดำเนินการของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 | ปปท. | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ
(ศอตช.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ สรุปสาระสำคัญได้
ดังนี้ (๑) คณะกรรมการอำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ
จำนวน ๕ คณะ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ
ซึ่งมีผลการดำเนินงาน เช่น
ร่วมพิจารณาและกำหนดกรอบแนวทางการขับเคลื่อนการยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต
ติดตาม เร่งรัดและตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง (๒) ศอตช. ได้จัดทำระบบรับเรื่องร้องเรียน
ศอตช. ทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๓-๓๑ ธันวาคม ๒๔๖๔ รับเรื่องร้องเรียน
๑,๐๕๐ เรื่อง (๓) การดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา
๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ รวม ๘ คำสั่ง
จำนวน ๔๐๐ ราย (ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๓๕๗ ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๔๓
ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการนำเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีคำสั่ง จำนวน ๑๓ ราย) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการอำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1325 | ขออนุมัติวงเงินงบประมาณเงินอุดหนุนศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยโบราณคดีและวิจิตรศิลป์ ในองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามแผนพัฒนาระยะ 5 ปี ฉบับที่ 8 (ปีงบประมาณศูนย์ซีมีโอ สปาฟา 2565/2566 ถึง 2569/2570) | ศธ. | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยโบราณคดีและวิจิตรศิลป์
ในองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ศูนย์ซีมีโอ สปาฟา) ตามแผนพัฒนาระยะ ๕ ปี ฉบับที่ ๗ (ปีงบประมาณศูนย์ซีมีโอ
สปาฟา ๒๕๖๐/๒๕๖๑ ถึง ๒๕๖๓/๒๕๖๔)
และอนุมัติวงเงินงบประมาณอุดหนุนเพื่อใช้ในการดำเนินงานของศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยโบราณคดีและวิจิตรศิลป์
ในองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามแผนพัฒนาระยะ ๕ ปี
ฉบับที่ ๘ (ปีงบประมาณศูนย์ซีมีโอ
สปาฟา ๒๕๖๕/๒๕๖๖ ถึง ๒๕๖๙/๒๕๗๐) จำนวน ๑๒๕,๕๔๖,๑๐๐ บาท
ตามกรอบงบประมาณของสำนักงบประมาณ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรบูรณาการการดำเนินงาน แลกเปลี่ยนทรัพยากรและองค์ความรู้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และควรจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลความสำเร็จของโครงการและประโยชน์ที่ภาครัฐและประชาชนจะได้รับ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1326 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลเจ้าท่า และตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... | กษ. | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน
ในท้องที่ตำบลเจ้าท่า และตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน
เพื่อดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินในท้องที่ตำบลเจ้าท่า และตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์
เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็นโครงการจัดรูปที่ดิน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าควรเตรียมแนวทางสนับสนุนการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่
ความต้องการของตลาดและนโยบายสำคัญต่าง ๆ ของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1327 | ร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ. | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย
และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย
และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยเปลี่ยนชื่อพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย
และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ และแก้ไขเพิ่มเติม เป็น
“พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหาย ผู้ต้องหา และจำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ....”
และเพิ่มเติมการคุ้มครองผู้ต้องหาและจำเลยที่ถูกควบคุมในชั้นสอบสวน
ขยายระยะเวลาในการยื่นคำขอรับเงินค่าตอบแทน เงินทดแทน และค่าใช้จ่าย
รวมทั้งกำหนดให้สามารถยื่นคำขอดังกล่าวผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อในคดีอาญาให้ครอบคลุมถึงทั้งผู้เสียหาย
ผู้ต้องหา จำเลยที่ถูกควบคุมตั้งแต่ในชั้นสอบสวน จำเลยที่ถูกคุมขังในชั้นพิจารณาของศาล
ให้ได้รับการอำนวยความยุติธรรมอย่างสะดวก รวดเร็ว เท่าเทียมและเป็นธรรม
สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาในประเด็นการแก้ไขชื่อกฎหมายและความสอดคล้องกันของกฎหมายทั้งฉบับตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และให้รับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานศาลยุติธรรม ที่ควรกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ในพระราชบัญญัติโดยชัดเจนว่า
กรณีจำเลยที่มีสิทธิได้รับค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายตามพระราชบัญญัตินี้ต้องปรากฏว่าศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องเพราะเหตุใด
นอกจากนี้
ที่ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกำหนดให้คณะกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์กรณีที่คณะกรรมการพิจารณาแล้วไม่สมควรจ่ายค่าทดแทน
และค่าใช้จ่ายเนื่องจากข้อเท็จจริงในคดียังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมิเป็นผู้กระทำความผิดหรือการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดนั้น
ไม่ปรากฎขอบเขตในการใช้ดุลยพินิจของคณะกรรมการและอาจมีผลเป็นการก้าวล่วงคำพิพากษาของศาลซึ่งกระทบต่อสิทธิในการได้รับค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายของจำเลย
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1328 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายพุ่งพงษ์ สุวรรณเลิศ) | นร.06 | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายพุ่งพงษ์ สุวรรณเลิศ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบัน (ผู้อำนวยการระดับสูง)
สถาบันการข่าวกรอง สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านข่าวกรองความมั่นคงและสถาบันหลัก (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มิถุนายน
๒๕๖๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1329 | ขอถอนร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... (การปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2554) | กค. | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังถอนร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ....
(การปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๔) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1330 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาการชำระคืนหนี้เงินกู้ค่าออกแบบ ค่าก่อสร้าง และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2559 ออกไปจนถึงปี 2572 | คค. | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รัฐบาลรับภาระชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยของเงินกู้ค่าออกแบบค่าก่อสร้าง
และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ต่อไป ตั้งแต่ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จนถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๒ ทั้งนี้
หากประมาณการรายได้แตกต่างไปจากที่คาดการณ์ไว้มาก ทั้งกรณีสูงและต่ำกว่าประมาณการ กระทรวงคมนาคมจะพิจารณานำเสนอการรับภาระหนี้ของรัฐบาลให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งตามความเหมาะสม
และให้สำนักงบประมาณ พิจารณาจัดสรรงบประมาณให้แก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเป็นรายปี
จนถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๐๗๒๐/๑๒๑๒ ลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน
๒๕๖๔) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุดที่ นร ๑๑๐๖/๗๒๑๑
ลงวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๔) และประธานกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เช่น
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ควรประเมินผลประกอบการและฐานะทางการเงินเป็นระยะ
ๆ ควรพิจารณาปรับแผนการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ โดยการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้า
ควรเร่งจัดทำกลยุทธ์เพื่อเพิ่มรายได้ของโครงการฯ สายฉลองรัชธรรมเชิงรุก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1331 | สรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรณีขอให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2560 (เรื่อง ข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและข้อเสนอในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน) | สนง. กสม. | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
กรณีขอให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง
ข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและข้อเสนอในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย
กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน)
เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตอุทยานแห่งชาติกับที่ดินเอกชนทับซ้อนกัน
และกรณีราษฎรได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการทวงคืนผืนป่า
เนื่องจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเห็นว่า
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ยังไม่มีการพิจารณาดำเนินการหรือไม่รับพิจารณาดำเนินการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือยังไม่มีหลักประกันว่าจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
แต่อย่างใด
ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับมอบหมายเป็นหน่วยงานหลักรับประเด็นข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่งร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยมีความเห็นสรุปว่า
ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.
๒๕๐๗ ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
รวมทั้งการดำเนินการพิสูจน์สิทธิที่ดินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน
๒๕๔๑ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าไม้)
มีมาตรฐานตามกรอบของกฎหมายอยู่แล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1332 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 พ.ศ. .... | ทส. | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และกระทรวงพลังงาน เช่น ที่ควรเพิ่มเติมข้อความ ข้อ ๑ (๓)
“การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ”
ซึ่งนับว่าเป็นกิจกรรมที่สำคัญในการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะ ความรู้
และความสามารถเพิ่มขึ้น ข้อ ๓ (๑) “การวิจัย หรือการทดลองทางวิชาการ”
เพื่อให้การลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้กับสถาบันการศึกษาเอกชน และรัฐวิสาหกิจมีความครอบคลุมยิ่งขึ้น
และเพิ่มเติมในประเด็นข้อกำหนดในข้อ ๔ (๒)
“กิจการวางโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชน
กิจการวางท่อประปาเพื่อจำหน่ายให้ประชาชน
สำหรับการดำเนินการบำรุงรักษาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานหรือเพื่อความมั่นคงทางพลังงาน”
ซึ่งควรกำหนดให้ครอบคลุมกิจการปิโตรเลียม ไปประกอบการพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1333 | การปรับปรุงบทบาทภารกิจของภาครัฐ : แนวทางการขับเคลื่อนการนำร่องถ่ายโอนงานภาครัฐ (Sandbox) | นร.12 | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการขับเคลื่อนการนำร่องถ่ายโอนงานภาครัฐให้ภาคเอกชนหรือภาคส่วนอื่นร่วมดำเนินการหรือดำเนินการแทน
(Sandbox) โดยแบ่งงานได้
๒ กลุ่ม คือ กลุ่มที่ ๑ : งานที่มีโอกาสนำไปสู่การปฏิบัติได้สำเร็จ
เช่น งานตรวจเรือเพื่อออกใบสำคัญรับรองการตรวจเรือ (กรมเจ้าท่า) ด้วยการปรับปรุงหรือแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถถ่ายโอนงานตรวจเรือลำเลียงที่ใช้งานในน่านน้ำไทยได้
และเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการพัฒนาระบบการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์รองรับการจ่ายค่าธรรมเนียมและออกใบเสร็จ
และกลุ่มที่ ๒ : งานที่มีความท้าทายในการขับเคลื่อน เช่น
งานรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานภาคอุตสาหกรรม (กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน)
โดยปรับกฎหมายให้เอื้อกับการมอบเอกชนดำเนินการโดยกำหนดมาตรการส่งเสริม เช่น
ทบทวนและกำหนดอัตราค่าทดสอบในแต่ละด้านให้เหมาะสม/สะท้อนต้นทุนของภาคเอกชน
ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1334 | ขอความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีต่อร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี Abu Dhabi Dialogue ครั้งที่ 6 (The Joint Declaration of the Abu Dhabi Dialogue Sixth Consultation) | รง. | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี
Abu Dhabi Dialogue ครั้งที่ ๖ (The Joint Declaration of the Abu Dhabi Dialogue
Sixth Consultation) โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือที่สำนักเลขาธิการการประชุมระดับรัฐมนตรี
Abu Dhabi Dialogue (ADD) จะให้ความสำคัญต่อไปในอนาคต ได้แก่
(๑) การพัฒนาการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของแรงงานที่มีสัญญาจ้างชั่วคราว (๒)
การอำนวยความสะดวกและยกระดับการเคลื่อนย้ายฝีมือแรงงานและการเทียบคุณวุฒิแรงงานระหว่างประเทศผู้รับและประเทศผู้ส่งแรงงาน
เพื่อตอบสนองต่อภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปของงาน (๓)
การแก้ไขปัญหาข้อท้าทายที่เกิดจากการระบาดของเชื้อโควิด ๑๙ (๔)
การบูรณาการเพศภาวะในนโยบายด้านการส่งเสริมการจ้างงาน และ (๕)
การส่งเสริมความร่วมมือภายในภูมิภาค ระหว่างภูมิภาค และระหว่างประเทศ
รวมถึงข้อเสนอแนะในการดำเนินงานตามความร่วมมือดังกล่าว เช่น
ให้มีการศึกษาและการประเมินผลการดำเนินงานตามความร่วมมือที่สำคัญดังกล่าวด้วย
เป็นต้น (เป็นการเวียนเอกสารให้ประเทศสมาชิกรับรองโดยไม่มีการลงนามและไม่ได้กำหนดเวลา)
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1335 | เสนอคณะรัฐมนตรีเห็นสมควรให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นของกรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา | มท. | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นของกรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1336 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา 63/12 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 | นร.09 | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดขั้นตอนและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการยึด
การอายัด และการขายทอดตลาดทรัพย์สิน
และกำหนดอำนาจของศาลในส่วนที่เกี่ยวกับการบังคับคดีให้เป็นอำนาจของหัวหน้าหน่วยงานของรัฐ
พ.ศ .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดขั้นตอนและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการยึด การอายัด
และการขายทอดตลาดทรัพย์สินของมาตรการบังคับทางปกครองหรือคำสั่งทางปกครองกำหนดให้ชำระเงิน
และกำหนดอำนาจของศาลในส่วนที่เกี่ยวกับการบังคับคดีให้เป็นอำนาจของหัวหน้าหน่วยงานของรัฐ
ที่ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. รับทราบเหตุผลความจำเป็นที่ไม่อาจดำเนินการออกกฎกระทรวง
ดังนี้ ๒.๑ ร่างกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา
๖๓/๑๑ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่
๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
(กำหนดมูลค่าของจำนวนเงินที่ต้องชำระตามมาตรการบังคับทางปกครองที่หน่วยงานของรัฐอาจมอบหมายให้เอกชนสืบหาทรัพย์สินแทนได้) ๒.๒ ร่างกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา
๖๓/๑๑ วรรคสามและวรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
(กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกเอกชนที่สืบหาทรัพย์สิน การกำหนดค่าตอบแทน
และวิธีการจ่ายค่าตอบแทน) ๒.๓ ร่างกฎกระทรวงออกตามความในมาตรา
๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
(ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ (กำหนดลักษณะคำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ชำระเงินซึ่งอาจขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีบังคับทางปกครองแทนได้) รวม ๓ ฉบับ ได้ทันเวลาตามที่กฎหมายกำหนด ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1337 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต [กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] | สธ. | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบ ๑.๑
หลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต [กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ๑.๒.
ให้สถานพยาบาลที่รับผู้ป่วยก่อนวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๕ เรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามหลักเกณฑ์
วิธีการ
และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus
Disease 2019 (COVID-19)]
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
จนกว่าผู้ป่วยจะถูกจำหน่ายตามเกณฑ์การพิจารณาจำหน่ายผู้ป่วยของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ให้สถานพยาบาลที่รับผู้ป่วยนับแต่วันที่หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขนี้ มีผลใช้บังคับให้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามบัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายแนบท้ายหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขนี้ ๑.๓.
ให้กระทรวงการคลัง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานประกันสังคม สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
คณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ
เอกชน หรือกองทุนอื่นที่มีวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดบริการด้านการแพทย์หรือสาธารณสุขดำเนินการตามหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต และดำเนินการจ่ายค่าใช้จ่ายในอัตราตามบัญชีแนบท้ายหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต [กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019) (COVID-19)] ทั้งนี้
ในกรณีผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายว่าด้วยการประกันชีวิต
กฎหมายว่าด้วยประกันวินาศภัย ให้ใช้สิทธิดังกล่าวก่อน และกรณีค่าใช้จ่ายใดไม่ปรากฏตามบัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายแนบท้ายหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขนี้ ให้ใช้บัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายแนบท้ายหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต
ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๐ โดยอนุโลม ๑.๔.
ให้กองทุนของส่วนราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ
หรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดบริการด้านการแพทย์หรือสาธารณสุข
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ คณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน ดำเนินการแก้ไขปรับปรุง
กฎระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต
[กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019) (COVID-19)] ๑.๕.
ให้สถานพยาบาลซึ่งดำเนินการโดยกระทรวง ทบวง กรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น.
รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษาของรัฐ สภากาชาดไทย ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต
[กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019) (COVID-19)] ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และกำกับ ติดตาม ตรวจสอบ การใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ
ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข อัตราที่กำหนด และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
พร้อมกับการดำเนินการให้เป็นตามหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายของกระทรวงการคลังด้วย
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดบริการด้านการแพทย์หรือสาธารณสุขดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบข้อบังคับของหน่วยงาน
ดำเนินการจ่ายค่าใช้จ่ายในอัตราตามบัญชีแนบท้ายหลักเกณฑ์ฯ
และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
ให้เร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต
[กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019) (COVID-19)]
แก่ประชาชนให้ถูกต้องและทั่วถึงมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1338 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สผ. | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ รวม ๓ ฉบับ
ของสภาผู้แทนราษฎร ดังนี้ ๑.๑
ร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒
ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓
ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.
ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องใดได้หรือไม่ประการใด แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1339 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup)] | กค. | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรการภาษีจากมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนกิจการเงินร่วมลงทุนเดิมตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๙๗) พ.ศ. ๒๕๕๙ และพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ ๖๓๖)
พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรจากการโอนหุ้นและหน่วยทรัสต์ของการลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้นโดยตรงและการลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้นผ่านกิจการเงินร่วมลงทุน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและสำนักงบประมาณ
ที่ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว รวมถึงสถานการณ์
ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรกก่อน
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1340 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพระบาท และตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... | คค. | 08/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพระบาท
และตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลพระบาท และตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
๑๒๗ สายทางเลี่ยงเมืองลำปาง ตอนทางเลี่ยงเมืองลำปางด้านทิศตะวันออก จังหวัดลำปาง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวงกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
ให้กรมทางหลวงดำเนินการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเสนอสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนและได้รับความเห็นชอบรายงานฯ ก่อนลงนามในสัญญาก่อสร้าง
และให้กรมทางหลวงถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
(เรื่อง
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพื่อก่อสร้างหรือขยายถนน)
อย่างเคร่งครัดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|