ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 69 จากทั้งหมด 84 หน้า แสดงรายการที่ 1361 - 1380 จากข้อมูลทั้งหมด 1664 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1361 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 4/2565 | นร.04 | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19)
(ศบค.) ครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันพุธที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ (๑)
รายงานสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒)
รายงานมาตรการเปิดเรียนตามปกติในพื้นที่สถานศึกษา (On-Site) อยู่ได้กับโควิดในสถานศึกษา (๓) รายงานการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณี UCEP-COVID (๔) การปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร (๕) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ในเดือนมีนาคม
๒๕๖๕ (๖) รายงานการดำเนินการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 และ (๗)
ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1362 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทรายขาว อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย พ.ศ. .... | กษ. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทรายขาว
อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทรายขาว
อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการสร้างอ่างเก็บน้ำทำนบดิน หัวงาน
และอาคารประกอบตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำทบ อันเนื่องมาจากพระราชดำริตำบลทรายขาว
อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป
และรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม ที่เห็นว่าจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎหรือระเบียบ
และความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล
เกิดผลสัมฤทธิ์ หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1363 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหา บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2565 | กค. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหา
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (บกท.) ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) ความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ เช่น
การปรับโครงสร้างและปรับลดขนาดองค์กร การปรับปรุงฝูงบิน การปรับลดต้นทุน การจำหน่ายทรัพย์สินรอง การหารายได้
การหาแหล่งเงินทุน และ (๒) การขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การขอให้ธนาคารเจ้าหนี้คืนเงินกองทุนบำเหน็จของพนักงาน
บกท. การขอรับการสนับสนุนด้านการจัดสรรงบประมาณหน่วยงานของรัฐในการชำระหนี้คงค้างแก่
บกท. การขอรับการสนับสนุนกระบวนการขออนุญาตโอน (จำหน่าย) อากาศยานแก่ผู้ซื้อ
ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหา บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1364 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหา บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในการประชุมครั้งที่ 2/2564 | กค. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหา
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (บกท) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๗
กันยายน ๒๕๖๔ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับ บกท. เร่งพิจารณาปรับประเด็นการขอรับการสนับสนุนการดำเนินการและฟื้นฟูกิจการของ
บกท. ภายใต้กฎหมายและขอบเขตอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน ตลอดจนกฎ ระเบียบต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้อง โดยไม่เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาของศาลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้
ดังนี้ (๑) บกท.
ได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการโดยมีความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ
เช่น การลดจำนวนเครื่องบินเก่า การปรับลดค่าใช้จ่ายบุคลากร
การหารายได้จากช่องทางอื่น การวางแผนเครือข่ายเส้นทางบินสู่เมืองสำคัญ
การจำหน่ายทรัพย์สินรอง และการปรับโครงสร้างหนี้ (๒) การขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐประเด็นต่าง
ๆ เช่น ๑) ขอให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
เร่งดำเนินการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อให้
บกท. สามารถเข้ายื่นประมูลได้เร็วที่สุดและจัดเก็บอัตราค่าเช่าพื้นที่ในอัตราที่เหมาะสม
๒) ขอให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย พิจารณามาตรการจัดสรรเวลาเข้า-ออก
ของเที่ยวบิน และ (๓) ขอให้กระทรวงคมนาคมอนุญาตให้ บกท.
โอนอากาศยานที่ปลดประจำการแล้ว ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหา
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1365 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 3/2564 เรื่อง การให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกิจการพิเศษ | สกพอ. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๔
ซึ่งได้พิจารณาและมีมติเกี่ยวกับเรื่องการให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกิจการพิเศษ
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ๒. เห็นชอบหลักเกณฑ์
วิธีการ
และเงื่อนไขในการกำหนดสิทธิถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิทธิถือกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
และเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง
สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
เพื่อกิจการพิเศษ พ.ศ. .... ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
เพื่อกิจการพิเศษ รวม ๖ แห่ง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้กำหนดผู้เจรจาและทำความตกลงเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ในร่างประกาศนี้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า (๑)
การให้สิทธิประโยชน์สำหรับโครงการสนามบินอู่ตะเภาไม่อาจดำเนินการได้ภายใต้กฎหมายศุลกากรปัจจุบัน
(๒) ควรให้เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเป็นอีกหนึ่งโครงการนำร่องด้วย
และ (๓)
ผู้เจรจาและทำความตกลงเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ในร่างประกาศนี้ควรใช้รูปแบบขององค์คณะ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1366 | ขอรับความอนุเคราะห์ในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กษ. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
วงเงินงบประมาณ ๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท ให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรสามารถดำเนินภารกิจในการแก้ไขปัญหาหนี้สินและฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรให้กับสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรได้อย่างต่อเนื่อง
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1367 | การโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่คู่สัญญาในการขายที่ราชพัสดุที่ตกเป็นของแผ่นดินตามคำพิพากษาของศาล | กค. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่คู่สัญญาในการขายที่ราชพัสดุที่ได้มาโดยคำพิพากษาของศาลให้ตกเป็นของแผ่นดินจำนวน
๘๖ ราย ๙๔ รายการ (๑๓๑ แปลง)
ตามกฎกระทรวงการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่มิใช่ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงความจำเป็น เหมาะสม และประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1368 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พุทธศักราช 2474 | มท. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
พุทธศักราช ๒๔๗๔ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
พุทธศักราช ๒๔๗๔ (ฉบับที่ ๒) เพื่อปรับลดค่าธรรมเนียมในการออกใบอนุญาตประกอบอาชีพขายทอดตลาดและค้าของเก่าให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่ควรเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมในการออกใบอนุญาตประกอบอาชีพขายทอดตลาดและค้าของเก่าดังกล่าวให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง
และให้กระทรวงการคลังจัดทำงบประมาณรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการที่จัดทำที่เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นประจำทุกสิ้นปี
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1369 | การปรับปรุงหลักการจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร | นร.12 | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีเห็นชอบการปรับปรุงหลักการจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร
ดังนี้ (๑) ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง การปรับปรุงหลักการจำแนกประเภทของหน่วยงานของรัฐในการกำกับของฝ่ายบริหาร)
โดยเพิ่มประเภทขององค์การมหาชน จากเดิม ๒ ประเภท เป็น ๓ ประเภท
เพื่อรองรับหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติสภานโยบายการศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒
และมอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา ๕/๘
แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ครอบคลุมถึงหน่วยงานดังกล่าว
(๒) จำแนกให้กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนการออมแห่งชาติ
และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร
ประเภทกองทุนที่เป็นนิติบุคคล และ (๓)
จำแนกให้สำนักงานลูกเสือแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหารประเภทองค์การมหาชนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติเฉพาะ
ตามมติคณะรัฐมนตรีข้างต้น ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนเสนอ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนและกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงหน่วยงานที่เป็นอยู่เดิมเป็นลำดับแรกก่อน
เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนของภารกิจ
รวมทั้งคำนึงถึงหลักการรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ
ภาระงบประมาณค่าใช้จ่ายของภาครัฐที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
คำนึงถึงแผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐
โดยอาจวางระบบ หลักเกณฑ์ ตลอดจนแนวทางปฏิบัติในการกำกับดูแล
และบริหารจัดการองค์กรให้ชัดเจน
และควรเร่งรัดการดำเนินการในส่วนของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ภายหลังการปรับปรุงหลักการจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหารแล้วเสร็จ
เพื่อปรับรูปแบบการบริหารราชการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1370 | รายงานผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ [รายงานผลการตรวจสอบที่มีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน (เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีคัดค้านโครงการก่อสร้างทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา)] | สนง. กสม. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
[รายงานผลการตรวจสอบที่มีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษชน
(เรื่อง สิทธิมนุษยชน กรณีคัดค้านโครงการก่อสร้างทางเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา)]
เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง
ประกอบกับศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งเป็นการชั่วคราวห้ามมิให้กรุงเทพมหานครดำเนินโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
เฉพาะในส่วนของแผนงานที่ ๑ ไว้เป็นการชั่วคราว
จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ซึ่งปัจจุบันกรุงเทพมหานครได้ชะลอการดำเนินการต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวไว้แล้ว กระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาแล้วเห็นว่า
หากจัดให้มีการประชุมเพื่อพิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในระหว่างนี้
จะไม่สามารถได้ข้อสรุปผลการพิจารณาหรือกำหนดแนวทางการดำเนินการในระยะต่อไปได้อย่างชัดเจน
และข้อสรุปดังกล่าวอาจไม่เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางหรือศาลปกครองสูงสุด
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
ทั้งนี้
เมื่อศาลปกครองกลางหรือศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นที่ยุติประการใดแล้ว
ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะฯ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1371 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม
เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเงินเดือนอ้างอิงอันดับ ท.๑๑
ตามบัญชีอัตราเงินเดือนอ้างอิงของพนักงานมหาวิทยาลัยท้ายกฎกระทรวง พ.ศ. ๒๕๕๔
เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนสามัญในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
สำหรับงบประมาณที่จะต้องจ่ายเป็นเงินสมทบเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ตั้งแต่ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1372 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 3/2564 | นร.52 | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
(กพต.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๔ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑)
เรื่องเพื่อทราบ (๑ เรื่อง) ได้แก่ การถ่ายโอนภารกิจจ้างวิทยากรสอนภาษาให้แก่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
(๒) เรื่องติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการตามข้อสั่งการประธาน กพต. (๒ เรื่อง) ได้แก่
๑)
ความคืบหน้าการช่วยเหลือและพัฒนาแรงงานไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลุ่มที่เดินทางกลับจากต่างประเทศภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) และ ๒) ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ (๓)
เรื่องเพื่อพิจารณา (๘ เรื่อง) ได้แก่
๑) การศึกษาแนวทางการมอบอำนาจให้เลขาธิการ ศอ.บต. ตามมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒) กรอบการบูรณาการขับเคลื่อนความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ภายใต้แนวคิดจัดข้าราชการรับผิดชอบครัวเรือนยากจน ๓) โครงการขยายพื้นที่ปลูกไม้เศรษฐกิจและผลไม้เศรษฐกิจ
เพื่อสร้างความยั่งยืนทางด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐ ๔) โครงการยกระดับการพัฒนาพื้นที่เมืองต้นแบบเบตง จังหวัดยะลา “Amazean Jungle Trai” ๕) โครงการก่อสร้างกำแพงป้องกันการกัดเซาะบริเวณปากน้ำเทพา
ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ๖) โครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรทะเลประมงที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีเร่งด่วน
เรือชุดที่ ๑ ๗) โครงการพัฒนาศักยภาพด่านศุลกากรชายแดนไทย-มาเลเซีย (๙ ด่าน) เพื่อยกระดับการค้าชายแดนและความร่วมมือในมิติต่าง ๆ และ ๘)
การขอทบทวนมติ กพต. เมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เรื่อง
การพิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนกรณีครอบครัวนายอัลดุลเลาะอีซอมูซอ
และมติ กพต. เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๓ เรื่อง
การให้ความช่วยเหลือกรณีราษฎรเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ๓ ศพ
บนเทือกเขาตะเว ตำบลบองอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1373 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ 8) | สธ. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์
วิธีการ
และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ ๘) โดยมีการปรับอัตราค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน
เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินที่อยู่ในสภาวะอันตรายได้รับสิทธิที่จำเป็นและเหมาะสมต่อการรักษาพยาบาล
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และกำกับ ติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ ตามหลักเกณฑ์
วิธีการ เงื่อนไข อัตราที่กำหนด และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
พร้อมกับดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายของกระทรวงการคลังด้วย นอกจากนี้
การปรับลดหลักเกณฑ์ดังกล่าวควรคำนึงถึงคุณภาพการให้บริการเป็นสำคัญ
เพื่อไม่ให้กระทบต่อการรับบริการและการให้ความคุ้มครองการรักษาพยาบาลของประชาชนที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1374 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี | พณ. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
ในความร่วมมือทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมอุตสาหกรรม
โดยศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (ASEAN-Korea
Industrial Innovation Center : AKIIC) ที่จะจัดตั้งขึ้น
มีหน้าที่เสริมสร้างความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลี
รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีส่งเสริมการเชื่อมโยงเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมและการนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์
รวมทั้งการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ การจัดสัมมนา การประชุมเชิงปฏิบัติการต่าง
ๆ โดยรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีจะจัดสรรพื้นที่สำนักงานศูนย์ฯ รับผิดชอบค่าเช่าพื้นที่
ค่าดำเนินการศูนย์ฯ ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรศูนย์ฯ
และค่าใช้จ่ายในการวางแผนและดำเนินโครงการหรือกิจกรรมใด ๆ ภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓
มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทน
ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๔
เห็นชอบผู้แทนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติเป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมเป็นกรรมการบริหารศูนย์นวัตกรรมอุตสาหกรรมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายพลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1375 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล) | นร.04 | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล
เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีอีกหนึ่งวาระ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๕
เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1376 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายวิวัฒน์ เขาสกุล) | กค. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิวัฒน์ เขาสกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพสามิต ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต (นักวิชาการสรรพสามิตทรงคุณวุฒิ)
กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง
ตั้งแต่วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1377 | ขออนุมัติหลักการก่อสร้างที่ทำการสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง | ปช. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการก่อสร้างที่ทำการ
สำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง และก่อหนี้ผูกผันข้ามปีงบประมาณตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๕๒๔,๑๔๗,๐๐๐ บาท โดยผูกพันระหว่างปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๗ รวมเวลา ๓ ปี ดังนี้ ๑) ปีที่ ๑ (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕)
ใช้เงินคงเหลือสะสมสำนักงาน ป.ป.ช. จำนวน ๑๐๔,๘๒๙,๔๐๐ บาท และ ๒) ปีที่ ๒-๓ (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๗) จำนวน ๔๑๙,๓๑๗,๖๐๐ บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าการกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณจะต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ต่าง
ๆ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ
ประกาศและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ทั้งนี้
การเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างรายการดังกล่าวอยู่ภายใต้กรอบสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย
ที่กำหนดว่าต้องไม่เกินร้อยละแปดของบประมาณรายจ่ายประจำปี และต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้องบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1378 | การสมทบทุนในกองทุนเพื่อการพัฒนา ACMECS (ACMECS Development Fund) ของญี่ปุ่น เพื่อดำเนินโครงการ ACMECS Branding Project สนับสนุนภาคธุรกิจและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 | กต. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศในฐานะผู้ประสานงาน ACMECS กับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา
และในนามของประเทศสมาชิก ACMECS ในการรับโอนเงินสมทบทุนในกองทุนเพื่อการพัฒนา
ACMES (ACMECS Development Fund)
จากฝ่ายญี่ปุ่น เพื่อโอนเงินไปยังประเทศสมาชิกและหน่วยงานภายในประเทศของไทย
สำหรับดำเนินโครงการรายประเทศ ภายใต้โครงการ ACMECS Branding Project ตามจำนวนเงินที่ฝ่ายญี่ปุ่นอนุมัติ และเห็นชอบต่อร่างหนังสือโต้ตอบของฝ่ายไทย
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือโต้ตอบกับฝ่ายญี่ปุ่นเพื่อรับเงินสมทบทุนในกองทุนเพื่อการพัฒนา
ACMECS (ACMECS Development Fund)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1379 | ขออนุมัติในหลักการจัดสรรงบประมาณให้แก่โครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก | สธ. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการจัดสรรงบประมาณให้กับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อดำเนินโครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ต
สู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
โดยค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๒๓/๑๖๐ ลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๔)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลังกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดทำรายงานการศึกษาความเป็นไปได้และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(EIA)
เพื่อประกอบการพิจารณา
ควรศึกษาแนวทางความร่วมมือกับภาคเอกชนและจัดทำแผนรองรับความเสี่ยง
ควรพัฒนาการให้บริการทางการแพทย์ที่ทันสมัย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1380 | ขออนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (1. นายพรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ฯลฯ จำนวน 3 คน) | ยธ. | 01/03/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน ๓ คน ตามมาตรา ๔ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ มีนาคม ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายพรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ๒.
นายอุทัย สินมา
|