ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 810 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 16181 - 16200 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16181 | สรุปผลการประชุม Asia-Pacific Ministerial Summit on the Environment | ทส | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม Asia-Pacific Ministerial Summit on the Environment ระหว่างวันที่ ๕-๘ กันยายน ๒๕๖๐ ณ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการประชุมที่ควบรวมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้องค์การสหประชาชาติของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกไว้ด้วยกัน ได้แก่ การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสำหรับเอเชียและแปซิฟิกของเอสแคป (Ministerial Conference on Environment and Development in Asia and Pacific : MCED) ครั้งที่ ๗ และการประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อมของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกในกรอบโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UN Environment’s Forum of Ministers and Environment Authorities of Asia Pacific) ครั้งที่ ๒ โดยมีหัวข้อหลัก คือ “Towards a resource efficient and pollution free Asia-Pacific” โดยมีประเด็นการประชุมที่สำคัญ เช่น (๑) การทบทวนความก้าวหน้าการดำเนินงานที่สำคัญจากการประชุม MCED ครั้งที่ ๖ โดยมีการหารือถึงความร่วมมือทั้งในระดับภูมิภาค ความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน และความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนากับประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อแก้ไขปัญหาในภูมิภาค (๒) การหารือถึงความก้าวหน้าการดำเนินงานตามข้อมติ UNEA สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมและประเด็นสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของภูมิภาค รวมถึงข้อคิดเห็นต่อการประชุม UNEA สมัยที่ ๓ ในประเด็นหัวข้อ “Towards to a pollution free planet” และร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับสูง และ (๓) การอภิปราย Ministerial Dialogue : “Towards a resource-efficient and pollution free Asia-Pacific region” เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับมาตรการที่จะมุ่งไปสู่การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และภาวะปลอดมลพิษในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16182 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐ) | กค | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐ) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนโครงการสานพลังประชารัฐ หรือเพื่อดำเนินการภายใต้โครงการสานพลังประชารัฐ สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16183 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... (ยกเว้นค่าธรรมเนียมในช่วงเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่เวลา 00.01 นาฬิกา ของวันที่ 28 ธันวาคม 2560 ถึงเวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 4 มกราคม 2561) | คค | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๑ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามมาตรการรณรงค์ความปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ของปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงคมนาคมอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16184 | การสมทบเงินกองทุนความร่วมมืออาเซียนบวกสาม | กต | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้เบิกจ่ายงบประมาณ จำนวน ๓๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบเงินอุดหนุนของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสมทบเงินอุดหนุนเข้ากองทุนความร่วมมืออาเซียนบวกสามเพิ่มเติม เพื่อใช้สำหรับส่งเสริมความร่วมมือในกรอบอาเซียนบวกสามต่อไป ๑.๒ อนุมัติการให้เงินสมทบเข้ากองทุนความร่วมมืออาเซียนบวกสามในครั้งต่อ ๆ ไป เมื่อมีการเรียกเก็บ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือคำนวณอัตราเงินสมทบกองทุนฯ ใหม่ จากที่ระบุไว้ในเอกสารข้อกำหนด (Terms of Reference) ของกองทุนความร่วมมืออาเซียนบวกสาม โดยไม่ต้องเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนความร่วมมืออาเซียนบวกสามในระยะที่ผ่านมา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับรายละเอียดของหลักเกณฑ์การจัดทำและการพิจารณาข้อเสนอโครงการตามมาตรฐานอาเซียนให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ทั่วถึง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนความร่วมมืออาเซียนบวกสามในการดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนาประเทศในสาขาต่าง ๆ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16185 | การขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาย่างกุ้ง (Yangon Declaration) ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ครั้งที่ 3 (3rd Asia-Pacific Water Summit) | ทส | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาย่างกุ้ง (Yangon Declaration) ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ ๓ (3rd Asia-Pacific Water Summit) มีสาระสำคัญเป็นการให้ความสำคัญกับเส้นทางที่จะนำไปสู่การยกระดับนวัตกรรมและการปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านน้ำในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เช่น การดำเนินการเพื่อการจัดการวัฏจักรน้ำที่ดี การเสริมสร้างธรรมาภิบาลสำหรับข้อแก้ไขปัญหาที่เป็นที่ยอมรับของสังคมและการเจริญเติบโตในทุกด้านเพื่อให้มั่นใจว่า “จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” การเชื่อมโยงช่องว่างทางการเงินระหว่างการเจริญเติบโตอย่างมีพลวัตและการดำเนินการตามมาตรการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านน้ำ และการส่งเสริมความร่วมมือในทุกระดับ โดยจะมีการรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุมฯ ครั้งที่ ๓ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ นครย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองในปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16186 | การบริหารจัดการท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 1 จังหวัดเชียงราย | กค | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๔ (เรื่อง ขอความเห็นชอบให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้บริหารท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๒ จังหวัดเชียงราย และให้ใช้ประโยชน์ท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย เป็นท่าเรือท่องเที่ยว) ในส่วนของข้อ ๒ ของมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว จากเดิม ที่มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานบริหารท่าเรือเชียงแสน แห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย เป็น มอบหมายให้เทศบาลตำบลเวียงเชียงแสนเป็นผู้บริหารจัดการท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย สำหรับการกำหนดอัตราค่าเช่าให้เป็นไปตามกฎระเบียบของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดเงื่อนไขในสัญญาให้มีการซ่อมแซมและบำรุงรักษาท่าเรือให้มีความมั่นคงแข็งแรง ตลอดจนจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบถ้วนตามมาตรฐานที่กำหนด และจัดหาบุคลากรที่มีประสบการณ์มาบริหารจัดการท่าเรือ รวมทั้งให้ความสำคัญของการประมาณการเรือท่องเที่ยวและจำนวนนักท่องเที่ยว ประมาณการรายได้และรายจ่าย เพื่อใช้เป็นแนวทางสำหรับการพิจารณาแผนการพัฒนาท่าเรือแห่งที่ ๑ ของเทศบาลตำบลเวียงเชียงแสน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อสนับสนุนให้การบริหารจัดการท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพิจารณากรอบแนวทางบริหารจัดการท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย ของเทศบาลตำบลเวียงเชียงแสน โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุให้แก่กรมธนารักษ์ และความสามารถในการจัดหาแหล่งเงินทุนสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาท่าเรือดังกล่าวและบริเวณโดยรอบให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ (landmark) ของอำเภอเชียงแสน ตามความเห็นของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเมื่อกระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเห็นชอบกรอบแนวทางการบริหารจัดการท่าเรือดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) เร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้เทศบาลตำบลเวียงเชียงแสนสามารถดำเนินการบริหารจัดการท่าเรือดังกล่าวได้โดยเร็ว ๒.๒ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) สนับสนุนการดำเนินงานของท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย โดยดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการและผู้ใช้บริการท่าเรือดังกล่าว ๒.๓ ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยดำเนินการสนับสนุนให้ท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ ๑ จังหวัดเชียงราย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ (landmark) โดยการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติทราบอย่างทั่วถึง รวมทั้งดำเนินการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือดังกล่าวกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อสนับสนุนการยกระดับการท่องเที่ยวของภาคเหนือในภาพรวมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16187 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 (เรื่อง แนวทางการจัดทำสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้าง) | สผ | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง แนวทางการจัดทำสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้าง) ตามความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า ขณะนี้พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ ซึ่งมาตรา ๙๓ กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องทำสัญญาตามแบบที่คณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐกำหนด โดยความเห็นชอบของสำนักงานอัยการสูงสุด และจะต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาด้วย ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการนโยบายฯ ได้กำหนดแบบสัญญาที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง และอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุดตามนัยมาตรา ๙๓ รวมถึงสัญญาจ้างออกแบบและควบคุมงานก่อสร้างด้วย สัญญาจ้างดังกล่าวได้มีการปรับแก้ในส่วนค่าจ้างงานควบคุมงานก่อสร้าง โดยกำหนดในกรณีที่ผู้รับจ้างก่อสร้างได้ปฏิบัติงานล่วงเลยกำหนดเวลาตามสัญญาจ้างก่อสร้าง เนื่องจากเหตุที่มิได้เกิดจากความผิดของผู้รับจ้างก่อสร้างและมิได้เกิดจากความผิดของผู้ให้บริการควบคุมงานก่อสร้าง ผู้ให้บริการควบคุมงานก่อสร้างจะได้รับค่าจ้างตามจำนวนวันที่ปฏิบัติล่วงเลยกำหนดเวลานั้น ตามสัดส่วนผลงานที่ผู้ให้บริการควบคุมงานก่อสร้างได้เข้าควบคุมงานจริง แต่ไม่เกินกว่าอัตราค่าจ้างรายเดือนตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้าง ซึ่งเป็นการนำแนวทางที่ได้มีการหารือร่วมกันกับหน่วยงานต่าง ๆ มาพิจารณาเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16188 | ขออนุมัติเกลี่ยโควตานำเข้านมผงขาดมันเนยที่ผู้ประกอบการนำเข้านมผงขาดมันเนยในโควตาของกลุ่มที่ 1 ไปให้กลุ่มที่ 2 | กษ | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการกรณีการใช้โควตานมผงขาดมันเนย ปี ๒๕๖๐ ของกลุ่มนิติบุคคลที่ ๑ (กลุ่มที่รับซื้อน้ำนมดิบ) คงเหลือ และมีการคืนโควตาเกลี่ยไปให้กลุ่มนิติบุคคลที่ ๒ (กลุ่มผู้ประกอบการทั่วไป) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม) กำกับดูแลให้กลุ่มนิติบุคคลที่ ๒ (กลุ่มผู้ประกอบการทั่วไป) ที่ได้รับโควตาคงเหลือจากกลุ่มนิติบุคคลที่ ๑ (กลุ่มที่รับซื้อน้ำนมดิบ) มีส่วนช่วยเหลือกลุ่มนิติบุคคลที่ ๑ (กลุ่มที่รับซื้อน้ำนมดิบ) เพื่อให้การรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรภายในประเทศเป็นไปตามบันทึกข้อตกลงที่มีอยู่อย่างเคร่งครัดและไม่ให้เกิดผลกระทบใด ๆ ต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้ตรวจสอบและกำกับดูแลให้การเกลี่ยโควตาภายในกลุ่มนิติบุคคลที่ ๒ (กลุ่มผู้ประกอบการทั่วไป) เป็นไปอย่างเหมาะสม เป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการบริหารจัดการโควตาในช่วงไตรมาสสุดท้าย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยด่วนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16189 | หลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสกรรมการ พนักงาน และลูกจ้างของบริษัทในเครือที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐวิสาหกิจ | กค | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการบริหารและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจและบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัส เพื่อช่วยให้บริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจมีแนวปฏิบัติในการจัดสรรโบนัสกรรมการ พนักงาน และลูกจ้างที่ชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยใช้วิธีเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินโบนัสกรรมการ พนักงาน และลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้แล้วเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติมขอแก้ไขข้อความในหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๘๐๘.๑/๑๙๘๗๙ ลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ข้อ ๒.๒ เป็นดังนี้ “ (๑) เกณฑ์การจ่ายโบนัสพนักงาน -ให้จ่ายโบนัสพนักงานในอัตราไม่เกินร้อยละ ๙ ของกำไรสุทธิ แต่ไม่เกิน ๕ เท่าของเงินเดือน -กรณีที่วงเงินไม่เกินร้อยละ ๙ ของกำไรสุทธิ ต่ำกว่า ๑ เท่าของเงินเดือน แต่มีกำไรสุทธิมากกว่า ๑ เท่าของเงินเดือน ให้จ่ายโบนัสพนักงานในอัตรา ๑ เท่าของเงินเดือน ...” ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงพลังงานและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้รัฐวิสาหกิจแม่รายงานผลการจัดสรรโบนัส และรายงานข้อมูลบริษัทตามแนวทางการบริหารและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจและบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจให้กระทรวงเจ้าสังกัดทราบ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ชี้แจงและทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้ให้รัฐวิสาหกิจ และบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทราบ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจใดมีปัญหาในการปฏิบัติใด ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีนี้ ให้หารือไปยัง สคร. โดยให้ สคร. เป็นผู้ตอบข้อหารือและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาจนได้ข้อยุติ เว้นแต่ในกรณีที่เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) และ/หรือคณะรัฐมนตรี ให้กระทรวงการคลัง โดย สคร. นำเรื่องดังกล่าวเสนอ คนร. และ/หรือคณะรัฐมนตรี พร้อมทั้งจัดทำข้อเสนอแนะและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16190 | การเปลี่ยนโฆษกสำนักงบประมาณ | นร07 | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนแปลงโฆษกสำนักงบประมาณ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นโฆษกสำนักงบประมาณ (นายบุญชู ประสพกิจถาวร) ๒. ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์การงบประมาณ เป็นผู้ช่วยโฆษกสำนักงบประมาณ (นางเพชรัตน์ เสรีพันธ์พาณิช)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16191 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิด หรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. .... | มท | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิด หรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วน ในท้องที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อประโยชน์ในด้านการป้องกันอัคคีภัย การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16192 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | สว | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้มีข้อสังเกตด้านต่าง ๆ ดังนี้ ๑) การจัดให้มีหลักเขตและป้ายหรือเครื่องหมายอย่างอื่น ๆ ควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการตั้งแต่การสำรวจและรังวัด เพื่อการจัดทำเครื่องหมายแสดงแนวเขตด้วย ๒) คณะกรรมการควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติประจำจังหวัด ควรแต่งตั้งคณะอนุกรรมการตามมาตรา ๑๑ (๖) ในระดับอำเภอ โดยมีนายอำเภอเป็นประธาน ๓) ควรมีคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติที่มีภารกิจบริหารจัดการป่าไม้และที่ดินป่าไม้ตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้และส่งเสริมให้มีพื้นที่ป่าไม้ในที่ดินประเภทอื่น ๆ ทั้งที่ดินกรรมสิทธิ์ และพื้นที่ของรัฐตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และ ๔) การเก็บค่าบริการหรือค่าตอบแทนสำหรับการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ให้บริการหรือให้ความสะดวกต่าง ๆ ควรดำเนินการผ่านคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16193 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ | ศธ | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ จากเดิม นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการสภาการศึกษา เป็น นายพะโยม ชิณวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เป็นโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ ตามคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สป ๑๕๓๗/๒๕๖๐ เรื่อง แก้ไขคำสั่งแต่งตั้งโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ โฆษกองค์กรหลักและองค์กรในกำกับกระทรวงศึกษาธิการ สั่ง ณ วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16194 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 | กษ | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) รับทราบร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม พ.ศ. .... (๒) ประธาน กนป. มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกันหารือแนวทางในการบริหารจัดการสต็อกน้ำมันปาล์มดิบ (๓) เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำกฎหมายลำดับรองเพื่อรองรับพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม พ.ศ. .... และ (๔) การครบกำหนดวาระของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ประธาน กนป. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16195 | รัฐบาลราชอาณาจักรบาห์เรนเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายอะห์มัด อับดุลเลาะฮ์ อะห์มัด อัลฮัรมะซี อัลฮาญะรี (Mr. Ahmed Abdulla Ahmed Alharmasi Alhajeri)] | กต | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอะห์มัด อับดุลเลาะฮ์ อะห์มัด อัลฮัรมะซี อัลฮาญะรี (Mr. Ahmed Abdulla Ahmed Alharmasi Alhajeri) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรบาห์เรนประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายอาเดล ยูซุฟ ซาตีร์ (Mr. Adel Youeif Sater) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16196 | รัฐบาลเติร์กเมนิสถานเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งเติร์กเมนิสถานประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายยัซคูลี มัมเมดอฟ (Mr. Yazkuli Mammedov)] | กต | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายยัซคูลี มัมเมดอฟ (Mr. Yazkuli Mammedov) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งเติร์กเมนิสถานประจำประเทศไทยคนแรก โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16197 | รายงานประจำครึ่งปี (มกราคม - มิถุนายน 2560) ของธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี (มกราคม-มิถุนายน ๒๕๖๐) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สรุปภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี ๒๕๖๐ มีทิศทางขยายตัวชัดเจนมากขึ้นที่ร้อยละ ๓.๕ โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการภาคการส่งออกสินค้าและบริการที่ขยายตัวดีตามเศรษฐกิจโลก ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามรายได้ในภาคเกษตรกรรมที่ปรับดีขึ้นเป็นสำคัญ สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่น่ากังวล ส่วนเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี ๒. สรุปการดำเนินงานของ ธปท. ๒.๑ ด้านนโยบายการเงิน คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เห็นว่า การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมในเวลานี้อาจไม่สามารถช่วยให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเร่งขึ้นได้มากนัก อีกทั้งยังประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะมีทิศทางปรับสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๐ กนง. จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๑.๕๐ ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๐ ๒.๒ ด้านนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. อยู่ระหว่างการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงิน เช่น แนวทางการกำกับดูแลเกี่ยวกับการจัดชั้นและการกันเงินสำรองเพื่อรองรับมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ ๙ (IFRS 9) ส่วนด้านนโยบายการกำกับตรวจสอบ ธปท. ได้ให้ธนาคารพาณิชย์จัดทำ Supervisory Stress Test ภายใต้สถานการณ์จำลองที่กำหนด เพื่อประเมินผลกระทบของสถานการณ์จำลองต่อเสถียรภาพระบบการเงินในระยะ ๓ ปีข้างหน้า (ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒) สำหรับการตรวจสอบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ตรวจสอบด้านการเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยไซเบอร์ และระบบรองรับ National e-Payment และการดำเนินการตามแผนการยกระดับความปลอดภัยของ ATM ๒.๓ ด้านนโยบายระบบการชำระเงิน ธปท. ได้ผลักดันการดำเนินงานภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) และร่วมกับกระทรวงการคลังผลักดันร่างพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. .... (ปัจจุบันได้ประกาศใช้แล้วเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๐) รวมทั้งร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อยกระดับการกำกับดูแลบริการการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ ธปท. ได้ดำเนินการปรับปรุงการบริหารจัดการความเสี่ยงของระบบบาทเนต (Bank of Thailand Automated High-value Transfer Network : BAHTNET)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16198 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 | คค | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วและเห็นว่ารายงานดังกล่าวถูกต้องตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16199 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2560 | กค | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๐ ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ ๓.๕ เพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๙ (ร้อยละ ๓.๑) อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๐ เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๐.๖๗ เร่งตัวขึ้นจากปีก่อน (ร้อยละ ๐.๑๙) เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินไทยโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี จากการที่สถาบันการเงินมีเงินสำรองและเงินกองทุนอยู่ในระดับสูงเพียงพอ ส่วนด้านเสถียรภาพต่างประเทศของไทยยังคงเข้มแข็งและสามารถรองรับความผันผวนของตลาดการเงินโลกได้ อย่างไรก็ดี กนง. เห็นว่า มีสัญญาณความเสี่ยงต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินเพิ่มขึ้นในบางจุด ได้แก่ (๑) ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ด้อยลงจากภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง และ (๒) พฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นภายใต้ภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานานโดยเฉพาะแนวโน้มการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ ๒. การดำเนินนโยบายการเงิน กนง. มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๑.๕๐ ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๐ ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๐ เงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐปรับแข็งค่าขึ้น สอดคล้องกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ซึ่งเป็นผลมาจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์สหรัฐ ๓. ประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่ กนง. ให้ความสำคัญ ได้แก่ (๑) การพัฒนากลยุทธ์การสื่อสารด้านการดำเนินนโยบายการเงินต่อสาธารณชน เพื่อสร้างความโปร่งใสและเพิ่มประสิทธิผลในการดำเนินนโยบายการเงิน (๒) การติดตามพัฒนาการและประเมินความเสี่ยงด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินอย่างต่อเนื่อง และผลักดันให้เกิดการปฏิรูปกรอบการกำกับดูแลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น (๓) การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย เช่น ปัญหาความสามารถในการชำระหนี้ของภาคเอกชน และศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และ (๔) การติดตามการพัฒนาเครื่องชี้วัดทางเศรษฐกิจควบคู่กับการใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อประโยชน์ต่อการพิจารณาดำเนินนโยบายในระยะต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16200 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติยศ และเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. 2497 | มท | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติยศ และเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. ๒๔๙๗ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๒๖) ออกตามความในพระราชบัญญัติยศ และเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. ๒๔๙๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในส่วนของเครื่องแบบผู้บังคับบัญชา และเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้เหมาะสมตามหลักนิยมและความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|