คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๓ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ ณ เกาะบังกา จังหวัดบังกา-เบลิตุง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีประจำแผนงาน IMT-GT ของไทย (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ และเห็นชอบมอบหมายภารกิจหน่วยงานตามผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๓ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับเอกสารผลการประชุมฯ ที่กล่าวถึงประเด็นด้านพลังงาน ๒ ประเด็น ได้แก่ (๑) โครงการความร่วมมือปาล์มน้ำมัน ซึ่งในปัจจุบันไทยไม่มีพันธกรณีความร่วมมือกับอินโดนีเซียและมาเลเซีย ในลักษณะที่เป็นโครงการร่วม แต่มีความร่วมมือทางวิชาการ ผ่านการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และ (๒) เรื่องการอนุรักษ์พลังงานในอาคาร ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน หรือการพัฒนาเมืองสีเขียวด้วยความร่วมมือกับธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) สำหรับเทศบาลนครหาดใหญ่และเทศบาลนครสงขลา ทั้งนี้ ประเด็นพลังงานดังกล่าวมีความสอดคล้องกับแนวนโยบายความร่วมมือด้านพลังงานของกระทรวงพลังงานในปัจจุบัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
               ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น ให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามแผนงานพัฒนาตามกรอบความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น แผนงาน IMT-GT และแผนงานระเบียงเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้นพิจารณานำแผนงานฯ ดังกล่าว มาประกอบการวางแผนพัฒนาโครงการภายในประเทศ โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐานให้มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกันด้วย ทั้งนี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ [เรื่อง ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๒ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT)] 
               ๓. ให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับประเด็นข้อห่วงกังวลของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการขับเคลื่อนโครงการสำคัญภายใต้แผนดำเนินงานระยะห้าปี ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ของแผนงาน IMT-GT ในโครงการสะพานถนนเชื่อมโยงจังหวัดสตูล-รัฐเปอร์ลิส รวมทั้งการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการพิจารณาความคุ้มค่าของโครงการดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญด้วย
               ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินำข้อเสนอในประเด็นด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพในส่วนของประเทศไทยบรรจุในแผนพัฒนาเมืองต้นแบบ "สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบฯ เป็นผู้กำกับและติดตามการดำเนินการตามแผนพัฒนาฯ ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด แล้วให้รายงานนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ในฐานะประธานกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อทราบและพิจารณาสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหน้าที่และอำนาจ รวมทั้งการแบ่งส่วนราชการของสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรบัญญัติให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง และเงินงบประมาณ บางส่วน จากกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และจากกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ไปให้แก่สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
               ๒. เห็นชอบให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพลังงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
               ๑. นางเปรมฤทัย วินัยแพทย์          ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๒. นายหร่อหยา จันทรัตนา           ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๗ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
               ๑. นายวิษณุ ทับเที่ยง                         ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
               ๒. นางวรวรรณ ชิตอรุณ                      ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
                                                                สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย
               ๓. นายพรเทพ การศัพท์                     ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๔. นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์            ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๕. นางเบญจมาพร เอกฉัตร์                 ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๖. นายวีรศักดิ์ ศุภประเสริฐ                 ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวง
               ๗. นายจุลพงษ์ ทวีศรี                        ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวง

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๖ ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
               ๑. นายณรงค์ อ่อนสอาด                    ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
               ๒. นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์          ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
                                                               [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายลักษณ์ วจนานวัช]
               ๓. นายธีระ วงษ์เจริญ                       ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
                                                               [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร)]
               ๔. นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์                 ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
               ๕. นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย                    ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
                                                               [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายลักษณ์ วจนานวัช)]
               ๖. นางกุลรัศมิ์ อนันต์พงษ์สุข               ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
                                                               [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร)]

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
               ๑. พลเอก ธนา วิทยวิโรจน์             ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
               ๒. พลเอก ณัฐติพล กนกโชติ          ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง ศาสตราจารย์ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ และรองศาสตราจารย์ชโยดม สรรพศรี ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลงและที่จะว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ โดยให้การแต่งตั้งศาสตราจารย์ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์ เป็นประธานกรรมการ มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป และรองศาสตราจารย์ชโยดม สรรพศรี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ จำนวน ๗ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
               ๑. นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม
               ๒. รองศาสตราจารย์กุลภัทรา สิโรดม
               ๓. นายอนุชิต อนุชิตานุกูล
               ๔. นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล
               ๕. นายอภิชาต ชินวรรโณ
               ๖. รองศาสตราจารย์กำจร ตติยกวี
               ๗. พลเอก วุฒินันท์ ลีลายุทธ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวพจนี  อรรถโรจน์ภิญโญ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือน แทน นายกุศล  แย้มสอาด กรรมการเดิมที่ลาออกจากตำแหน่ง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการแบบผังภูมิชุดใหม่ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป จำนวน ๑๒ คน ดังนี้
               ๑. ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ
                   ๑.๑ นายมงคล รักษาพัชรวงศ์               สาขาวิศวกรรมศาสตร์
                   ๑.๒ นายพิศิษฐ์ แสง-ชูโต                    สาขาอุตสาหกรรม
                   ๑.๓ นายกำพล วรดิษฐ์                       สาขาวิศวกรรมศาสตร์
                   ๑.๔ นางสาวอรพินท์ เจียรถาวร              สาขาวิทยาศาสตร์
                   ๑.๕ นายชำนาญ ปัญญาใส                    สาขาวิทยาศาสตร์
                   ๑.๖ นางสาวนุชนารถ เกษมพิบูลย์ไชย       สาขานิติศาสตร์
                   ๑.๗ นายวิมาน กฤตพลวิมาน                สาขานิติศาสตร์
                   ๑.๘ นายเศรษฐบุตร อิทธิธรรมวินิจ         สาขานิติศาสตร์
               ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน
                   ๒.๑ นายนันทชัย ทองแป้น                   สาขาวิศวกรรมศาสตร์
                   ๒.๒ นายวันชัย รัตนวงษ์                      สาขาวิศวกรรมศาสตร์
                   ๒.๓ นายจิรศักดิ์ รอดจันทร์                  สาขานิติศาสตร์
                   ๒.๔ นายปิยะบุตร บุญอร่ามเรือง             สาขานิติศาสตร์

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐) ตามลำดับ ดังนี้
               ๑. นายลักษณ์ วจนานวัช               รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
               ๒. นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร               รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ ดังนี้
               ๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์)
               ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว)

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมไม่อาจปฏิบัติราชการได้ จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐) ตามลำดับ ดังนี้
               ๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
                   (พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว)
               ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
                   (นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์)

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้
               ๑. พลเอก กิติกร ธรรมนิยาย               ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
               ๒. พลเอก พลภัทร วรรณภักตร์            ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๓๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๐ แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เป็นประธานกรรมการ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๓๔/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๗๑/๒๕๖๐ วันศุกร์ที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๐

คณะรัฐมนตรีมีมติ
               ๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า การยางแห่งประเทศไทยได้จัดทำโครงการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนยาง รวม ๓ โครงการ ดังนี้
                   ๑.๑ โครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งจากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า มีความต้องการใช้ยางในปี ๒๕๖๑ แบ่งออกเป็น น้ำยางข้น จำนวนประมาณ ๑๐๗,๔๓๑.๕๘ ตัน และยางแห้ง จำนวนประมาณ ๖๔,๔๘๔.๑๔ ตัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
                   ๑.๒ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยางพารา (ยางแห้ง) เพื่อดำเนินการดูดซับยางพาราออกจากระบบนำมาเก็บสต็อก
                   ๑.๓ โครงการควบคุมปริมาณผลผลิต โดยการปรับลดจำนวนพื้นที่การเพาะปลูกยางพาราและส่งเสริมให้ปลูกไม้ยืนต้นชนิดอื่นที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจแทน
                   ทั้งนี้ เมื่อโครงการดังกล่าวผ่านการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
               ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (การยางแห่งประเทศไทย) ดำเนินการสำรวจความต้องการใช้ยางของหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐให้ถูกต้อง ครบถ้วน ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการของหน่วยงานภาครัฐดังกล่าว ให้ใช้ยางพาราที่เป็นผลผลิตใหม่ที่ออกสู่ตลาดเท่านั้น (ห้ามนำยางพาราที่เก็บในสต็อกมาใช้) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มปริมาณความต้องการใช้ยางพาราที่มีอยู่ในตลาดภายในประเทศให้มากยิ่งขึ้น
               ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดการจัดทำมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ยางพาราให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้รวบรวมข้อมูลผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์จากยางพาราชนิดต่าง ๆ ให้ครบถ้วน เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐใช้ประโยชน์ในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องต่อไป