ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 809 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 16161 - 16180 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16161 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการตรวจปล่อยรถยนต์ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง หรือกรณีอื่น ๆ ทั้งนี้ ให้กำชับเจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดเตรียมการแสดงสำหรับการประชุม ASEAN ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม โดยแบ่งการแสดงออกเป็น ๔ กลุ่ม คือ (๑) การแสดงพื้นเมืองที่สะท้อนประเพณีวัฒนธรรมของภูมิภาคต่าง ๆ ของไทย (๔ ภาค) (๒) การแสดงโขนและหุ่นกระบอก (๓) การแสดงดนตรีและการขับร้องบทเพลงในรูปแบบที่ทันสมัยโดยนักร้องที่ผ่านการประกวดจากเวทีคุณภาพต่าง ๆ และ (๔) การแสดงที่สื่อเห็นถึงความมีเอกภาพและเชื่อมโยงกันของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค เช่น ASEAN Connectivity ในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่อลังการ ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) กำกับให้กรมประชาสัมพันธ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีคณะปฏิบัติการข่าวสาร (Information Operation) ๖ คณะ ตามกลุ่มภารกิจ (ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านการต่างประเทศ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และด้านการบริหารราชการแผ่นดิน) โดยให้คณะปฏิบัติการข่าวสารดังกล่าวมีหน้าที่สำคัญในการปฏิบัติการข่าวสารในเรื่องที่เป็นนโยบายหรือภารกิจสำคัญของรัฐบาลภายใต้กลุ่มภารกิจนั้น ๆ เพื่อสื่อสารและสร้างการรับรู้แก่ประชาชนให้ถูกต้อง ทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่มีผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน ประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก หรือประเด็นที่สื่อมวลชนอาจนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ครบถ้วน ในรูปแบบและผ่านช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย มีความถี่ในการสื่อสารที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มในสังคม ทั้งนี้ ให้กรมประชาสัมพันธ์นำเสนอรายชื่อคณะปฏิบัติการข่าวสารดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีโดยด่วน ๓.๒ ให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) โดยเฉพาะพื้นที่ที่แนวเขตที่ดินได้ข้อยุติแล้ว เพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อไปได้ ๓.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดให้มีการลงทะเบียนผู้ประสบอุทกภัยที่ต้องการให้รัฐจัดหาที่อยู่อาศัยแทนที่อยู่อาศัยเดิม ซึ่งตั้งอยู่ในแนวกีดขวางทางน้ำหรืออยู่ในเขตที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดดินถล่ม และได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยเป็นประจำทุกปี และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดหาพื้นที่เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ให้เหมาะสมและเพียงพอ โดยให้พิจารณาจัดสร้างเป็นที่อยู่อาศัยในลักษณะของบ้านสำเร็จรูป (Knockdown) ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยหรือสิ่งก่อสร้างที่กีดขวางทางน้ำด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16162 | รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2560 ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2560 (ครั้งที่ 6/2560) | มท | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ตั้งแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ (ครั้งที่ ๖/๒๕๖๐) โดยมีผลงานสะสมที่ทำได้ ๓๙.๕๙ % ส่วนการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรส่งมอบพื้นที่ทั้งหมดให้ผู้รับจ้างแล้ว เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ทั้งนี้ คณะทำงานติดตามความก้าวหน้าโครงการอาคารรัฐสภาแห่งใหม่มีความเห็นว่า เมื่องานก่อสร้างอาคารรัฐสภาเสร็จแล้ว อาจจะไม่สามารถใช้อาคารได้เนื่องจากตามสัญญาหลักเดิมได้ตัดปริมาณงานบางส่วนออกไป ได้แก่ งานระบบสาธารณูปโภค ระบบประกอบอาคาร ที่ทางผู้ออกแบบ (กลุ่มกิจการร่วมค้า สงบ ๑๐๕๑) ได้ออกแบบไว้แล้ว แต่ยังไม่รวมอยู่ในสัญญาหลัก (งานนอกงบประมาณ) และมีงานบางส่วนซึ่งมีความจำเป็นต้องทำเพิ่มเติมให้ครบถ้วน จึงเห็นว่าอาจต้องพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมประมาณ ๕,๕๓๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมจากรัฐบาลต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานติดตามความคืบหน้าการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารโครงการอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อย่างใกล้ชิด และกำกับให้การดำเนินการเสนอของบประมาณเพิ่มเติมของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยให้การก่อสร้างอาคาร ตลอดจนระบบงานอื่น ๆ แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๒ ตามกำหนดเวลาที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๖ มิถุนายน ๒๕๖๐)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16163 | ข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและข้อเสนอในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน | ทส | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาและผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและข้อเสนอในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตอุทยานแห่งชาติกับที่ดินเอกชนทับซ้อนกัน และกรณีราษฎรได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการทวงคืนผืนป่าตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยมีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและข้อเสนอในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย เช่น แก้ไขนิยามคำว่า “ป่า” แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ และแก้ไขเงื่อนเวลายื่นคำร้องตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ เป็นต้น ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รวบรวมผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและข้อเสนอในการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน เรียบร้อยแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16164 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางภัทร์อนงค์ จองศิริเลิศ) | สธ | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีอนุมัติแต่งตั้ง นางภัทร์อนงค์ จองศิริเลิศ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนักวิชาการอาหารและยาทรงคุณวุฒิ (ด้านอาหารและยา) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16165 | รายงานผลการตรวจสอบที่มีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหา [พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2560 มาตรา 18] | คค | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการตรวจสอบที่มีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน [ในกรณีที่มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๘] ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นด้วยกับผลการดำเนินการของกระทรวงคมนาคม โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีความเห็นเพิ่มเติมว่า การประเมินผลกระทบจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๘ เป็นเรื่องที่กระทรวงคมนาคมต้องดำเนินการและควรมีการพิจารณาผลกระทบที่เกิดจากการปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำแต่ละประเภทอย่างละเอียดรอบคอบ รวมถึงความจำเป็นที่ต้องอนุญาตให้มีสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ และการเยียวยาดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมาย โดยผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน นอกจากนี้ ยังมีความซ้ำซ้อนของกฎหมายเกี่ยวกับการเดินเรือในน่านน้ำไทย การแจ้งสิ่งปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดด้วย ส่วนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติยังมีข้อเสนอแนะในเรื่องการแก้ไขกฎกระทรวงที่เกี่ยวกับสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำ การประเมินและวิเคราะห์ผลในการออกกฎหมาย (Regulatory Impact Assessment : RIA) รวมทั้งการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทยในเรื่องนิยามของชุมชนชายฝั่งและชุมชนริมน้ำแยกออกจากสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงคมนาคมจะต้องดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไป และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16166 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาทัศนมาตรเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... | สธ | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาทัศนมาตรเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สาขาทัศนมาตรที่เป็นการประกอบโรคศิลปะเกี่ยวกับสายตาของมนุษย์ เป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. ๒๕๔๒ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดบทนิยามคำว่า “ทัศนมาตร” และการกำหนดบทบัญญัติในร่างมาตรา ๑๓ ที่กำหนดยกเว้นไม่ให้พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับแก่การประกอบอาชีพเกี่ยวกับการตรวจวัดสายตาและการประกอบแว่นตาในร้านแว่นตา นั้น อาจทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติที่ลักลั่นกัน เมื่อกระทรวงสาธารณสุขประสงค์จะกำหนดให้สาขาทัศนมาตรเป็นสาขาหนึ่งของการประกอบโรคศิลปะ จึงควรกำหนดให้การดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16167 | การขยายระยะเวลาการลดค่าธรรมเนียมสำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ (ร่างกฎกระทรวงลดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ พ.ศ. ....) | พณ | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงลดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการลดอัตราค่าธรรมเนียม การจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ (ในท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลา เฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล) ลงกึ่งหนึ่ง ต่อไปอีก ๓ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์ในวงกว้างเพื่อให้ผู้ประกอบการทราบถึงการขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าว รวมทั้งควรมีการติดตามและประเมินผลอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16168 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนกันยายน 2560 | พณ | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การส่งออกของไทยในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ มีมูลค่า ๒๑,๘๑๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมการส่งออกใน ๙ เดือนแรกของปี ๒๕๖๐ (มกราคม-กันยายน ๒๕๖๐) ขยายตัวที่ร้อยละ ๙.๓ (YoY) เป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ ๖ ปี เทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน และการนำเข้าของไทยในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ คิดเป็นมูลค่า ๑๘,๔๕๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวม ๙ เดือน (มกราคม-กันยายน ๒๕๖๐) ขยายตัวร้อยละ ๑๔.๘ (YoY) ๒. มูลค่าการค้าในรูปของเงินบาท เดือนกันยายน ๒๕๖๐ การส่งออกมีมูลค่า ๗๒๐,๑๗๖ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๗.๘ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า ๖๑๗,๐๒๗ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๕.๔ ส่งผลให้การค้าเกินดุล ๑๐๓,๑๔๙ ล้านบาท รวม ๙ เดือนแรก การส่งออกมีมูลค่า ๖,๐๐๑,๓๗๖ ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๔) การนำเข้ามีมูลค่า ๕,๖๕๔,๔๐๖ ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑.๙) และการค้าเกินดุล ๓๔๖,๙๗๐ ล้านบาท สำหรับมูลค่าการค้าในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนกันยายน ๒๕๖๐ การส่งออกมีมูลค่า ๒๑,๘๑๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑๒.๒ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า ๑๘,๔๕๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๙.๗ ส่งผลให้การค้าเกินดุล ๓,๓๕๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวม ๙ เดือนแรก การส่งออกมีมูลค่า ๑๗๕,๔๓๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ ๙.๓) การนำเข้ามีมูลค่า ๑๖๓,๒๐๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๔.๘) และการค้าเกินดุล ๑๒,๒๓๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๓. การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๑ และขยายตัวได้ดีเกือบทุกรายการ โดยสินค้าที่มีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ยางพารา น้ำตาลทราย ไก่ รวมถึงข้าว ที่มีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๘ รวม ๙ เดือน มีการส่งออกข้าว ๘.๒ ล้านตัน ขยายตัวสูงในตลาดแอฟริกา เอเชียใต้ สหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (The Commonwealth of Independent States : CIS) สินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๗ โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ที่ส่งออกไปตลาดสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ต่างขยายตัวระดับสูง อีกทั้งการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อการผลิตคงยังมีอย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่าแนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ๔. การส่งออกรายตลาด ยังคงขยายตัวได้ดีในทุกตลาดสำคัญ โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีอัตราการขยายตัวมากกว่า ๒ หลักต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๑๑ ตลาดประเทศในกลุ่มอาเซียน เอเชียใต้ และกลุ่ม CIS มีการขยายตัวในระดับสูง ที่ร้อยละ ๑๓.๙ ๓๔.๖ และ ๙๓.๒ ตามลำดับ ๕. การส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือปี ๒๕๖๐ คาดวาจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องและการจ้างงานปรับตัวดีขึ้น เศรษฐกิจจีนที่ยังคงเติบโตได้ดีอย่างมีเสถียรภาพ และเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการส่งออก นอกจากนี้การฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสถานการณ์ราคาน้ำมันเริ่มอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพจากการปรับตัวเข้าสู่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานน้ำมัน สำหรับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกา ในเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ จะช่วยลดแรงกดดันค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของนโยบายทางการค้าของประเทศคู่ค้าหลัก และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ตึงเครียดยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16169 | ขออนุมัติดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริและขอผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเลนปากพยา - ปากนคร แปลงที่ 1 | กษ | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริและขอผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเลนปากพยา-ปากนคร แปลงที่ ๑ กรอบวงเงินงบประมาณโครงการทั้งสิ้น ๙,๕๘๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ สำนักงบประมาณได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รอบรับไว้แล้ว จำนวน ๒๖๕,๒๙๗,๖๐๐ บาท ส่วนงบประมาณที่จะใช้ดำเนินงานในปีงบประมาณต่อไป ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) เร่งรัดการดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน ๓ ปี โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ การดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และแนวทางปฏิบัติสำหรับการดำเนินการใช้ประโยชน์พื้นที่ชายเลนที่เกี่ยวข้อง การก่อสร้างทางระบายน้ำใหม่ควรมีการศึกษาผลกระทบด้านประวัติศาสตร์ การรักษาระดับน้ำใต้ดินในหน้าแล้ง โดยดำเนินการลักษณะฝายมีชีวิต/ฝายน้ำล้น และการนำผลการรับฟังความเห็นจากภาคประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาเสนอเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ดำเนินการขอตั้งงบประมาณให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าหรือบำรุงป่าชายเลนไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่า ตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งว่าด้วยการปลูกและการทำนุบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม กรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๕๖ อย่างเคร่งครัด และยื่นเรื่องขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ดำเนินการสร้างความเข้าใจและการยอมรับจากราษฎรที่ได้รับผลกระทบและผลประโยชน์จากการดำเนินโครงการฯ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ตามแผนปฏิบัติการที่กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16170 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการปรับพื้นที่ปลูกพืชทดแทนการปลูกข้าวรอบที่ 2 ภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี 2560/61 (ด้านการผลิต) | กษ | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการปรับพื้นที่ปลูกพืชทดแทนการปลูกข้าวรอบที่ ๒ ภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี ๒๕๖๐/๖๑ (ด้านการผลิต) จำนวน ๓ โครงการ ได้แก่ โครงการขยายการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๑ โครงการขยายการปลูกพืชปุ๋ยสด ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๑ และโครงการส่งเสริมการปลูกพืชอาหารสัตว์ ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี ๒๕๖๐/๖๑ (ด้านการผลิต) ทั้ง ๓ โครงการ กรอบวงเงินรวมทั้งสิ้นไม่เกิน ๑,๖๘๗.๑๕๕๗ ล้านบาท โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในวงเงิน ๔๔.๐๐๕๗ ล้านบาท โดยส่วนที่เหลืออนุมัติให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ แล้ว ภายในกรอบวงเงินไม่เกิน ๑,๖๔๓.๑๕๐๐ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้เพื่อให้เกษตรกรได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๓.๑ ให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์โครงการฯ รวมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจในรายละเอียดและเงื่อนไขของโครงการฯ ให้เกษตรกรรับทราบอย่างถูกต้อง ทั่วถึง และกำกับดูแลการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติงานโครงการฯ ด้วย ๓.๒ กำหนดให้พื้นที่สำหรับการดำเนินโครงการฯ ในครั้งนี้ต้องไม่ใช่พื้นที่เดียวกับโครงการอื่นที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวรอบที่ ๒ ปี ๒๕๖๐/๖๑ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ [เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่การปลูกพืชให้เหมาะสม ภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี ๒๕๖๐/๖๑ (ด้านการผลิต) ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๑ และโครงการปลูกพืชปุ๋ยสด ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๑ รวมทั้งจะต้องไม่ใช่พื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวไปประกอบกิจกรรมอื่นเป็นการถาวรไปแล้ว ได้แก่ โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงกระบือ โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงแพะ โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการทำนาหญ้า โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวไม่เหมาะสมเป็นเกษตรกรรมทางเลือกอื่น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ [เรื่อง มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต (เพิ่มเติม)] โครงการโคบาลบูรพา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ (เรื่อง ขอสนับสนุนงบกลางเพื่อดำเนินงานโครงการโคบาลบูรพา) และโครงการปลูกพืชอาหารสัตว์ทดแทนนาข้าว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ [เรื่อง โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่การปลูกพืชให้เหมาะสม ภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี ๒๕๖๐/๖๑ (ด้านการผลิต)] ๓.๓ ประสานงานกับโรงงานอาหารสัตว์ที่เป็นผู้รับซื้อเมล็ดข้าวโพดตามโครงการส่งเสริมการปลูกพืชอาหารสัตว์ ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๑ โดยให้ภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการปฏิบัติตามเงื่อนไขในการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ชนิดเมล็ด กิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า ๘ บาท ในมาตรฐานคุณภาพข้าวโพดของสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ ข้าวโพดเบอร์ ๒ ความชื้นไม่เกินร้อยละ ๑๔.๕ ณ หน้าโรงงานอาหารสัตว์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลดทอนตามชั้นคุณภาพ และระยะทางอย่างเป็นธรรมแก่เกษตรกร ซึ่งเป็นเงื่อนไขเดียวกับเงื่อนไขโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ [เรื่อง มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปี ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) : การปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๙/๖๐ รอบที่ ๒ (มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปี ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) : การปรับเปลี่ยนปลูกพืชหมุนเวียน)] ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามสถานการณ์การผลิตและการค้าอาหารสัตว์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งบริหารจัดการการนำเข้าอาหารสัตว์ทั้งในส่วนของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสินค้าเกษตรอื่นที่ใช้ทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เช่น ข้าวสาลี และกากข้าวโพดเอทานอล (Distillers Dried Grains with Solubles : DDGS) อย่างรัดกุม ๕. ในการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรโดยผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นั้น กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. จะต้องดำเนินการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรโดยไม่หักเงินที่เกษตรกรพึงได้รับจากโครงการปรับพื้นที่ปลูกพืชทดแทนการปลูกข้าวรอบที่ ๒ ภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี ๒๕๖๐/๖๑ ไปใช้เพื่อการอื่นก่อน เช่น การชำระหนี้ที่เกษตรกรมีอยู่กับ ธ.ก.ส. เป็นต้น ๖. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การกำหนดพื้นที่ในการดำเนินโครงการฯ ไม่ให้ทับซ้อนกัน การตรวจสอบเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ไม่ให้ซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน การเร่งประชาสัมพันธ์โครงการฯ ให้เกษตรกรได้รับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึง การพิจารณาระยะเวลาดำเนินการให้มีความเหมาะสมและสามารถดำเนินการได้ในระยะเวลาที่กำหนด การติดตามการดำเนินโครงการฯ การกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน และการประเมินผลการดำเนินโครงการฯ เพื่อรายงานให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวและคณะรัฐมนตรีทราบ รวมทั้งร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวางแผนการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และให้ความสำคัญกับการให้ความรู้แก่เกษตรกรในการปรับเปลี่ยนพื้นที่การปลูกข้าวที่ไม่เหมาะสมไปปลูกพืชอื่น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16171 | รายงานผลการขับเคลื่อนแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 | มท | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการขับเคลื่อนแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยมี ๒๐ กระทรวง ๙ หน่วยงาน (ไม่สังกัดกระทรวง) ได้แจ้งรายชื่อเอกสารที่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐต้องการใช้ในการให้บริการประชาชน ซึ่งเอกสารที่หน่วยงานขอเชื่อมโยงตั้งแต่ ๑๒ หน่วยงานขึ้นไป เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หนังสือเดินทาง หนังสือรับรองนิติบุคคล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของฐานข้อมูลเร่งดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน ๑ ปี นับจากวันที่ได้รับแจ้งรายชื่อฐานข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การขับเคลื่อนแนวทางการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐ) ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการบูรณาการฐานข้อมูลประชาชนและการบริการภาครัฐในส่วนที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันทีให้แล้วเสร็จก่อน และนำฐานข้อมูลที่บูรณาการแล้วดังกล่าวมาใช้ในการอำนวยความสะดวกและให้บริการแก่ประชาชนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกและให้บริการของภาครัฐดังกล่าวให้ชัดเจนและทั่วถึงด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16172 | รายงานผลการกู้เงินภายใต้ Euro Commercial Paper (ECP Programme) ประจำปีงบประมาณ 2560 | กค | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินภายใต้ Euro Commercial Paper (ECP Programme) ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศภายใต้ ECP Programme จำนวน ๖ ครั้ง ภายใต้กรอบวงเงิน ๑๕๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามสัญญาให้กู้ยืมเงินต่อบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (บกท.) โดย บกท. นำรายได้มาชำระหนี้คืน จำนวน ๒๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น ณ สิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๐ กระทรวงการคลังมีเงินกู้คงค้างภายใต้ ECP Programme จำนวน ๑๓๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีวงเงินกู้คงเหลือภายใต้ ECP Programme วงเงิน ๑,๘๗๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16173 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. .... | สว | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประสานงานร่วมกันเพื่อเตรียมการยกเลิกกฎหมายเดิมที่ใช้กำกับดูแลระบบการชำระเงินในปัจจุบัน โดย ธปท. ได้ประสานกับกรมบังคับคดีเพื่อกำหนดแนวปฏิบัติและออกประกาศกำหนดเป็นหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดสรรเงินรับล่วงหน้าคืนให้แก่ผู้ใช้บริการ และได้มีการประชุมชี้แจงเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติระบบการชำระเงินฯ ตลอดจนหลักเกณฑ์การกำกับดูแลต่อผู้ประกอบธุรกิจระบบการชำระเงินและบริการการชำระเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับของกฎหมายนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อมวลชน และช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ของ ธปท. และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นต้น นอกจากนี้ ธปท. ได้มีการติดตามข้อมูลเกี่ยวกับ Cryptocurrency (การติดตามดูแลการพัฒนาของหน่วยข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นสื่อในการชำระเงิน) รวมถึงติดตามพัฒนาการด้านการกำกับดูแลของธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการพิจารณาแนวนโยบายในการดำเนินการ และได้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสื่อสารเพื่อให้ความรู้ต่อสาธารณชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16174 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอย่างไม่เป็นทางการของการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย (CICA) | กต | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอย่างไม่เป็นทางการของการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia : CICA) เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๐ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวต่อที่ประชุมฯ ถึงบทบาทที่สำคัญของ CICA ในการเสริมสร้างเสถียรภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืนของภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยได้รับความไว้วางใจจากประเทศสมาชิกให้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในสาขาการพัฒนาที่ยั่งยืนของ CICA และพร้อมแบ่งปันประสบการณ์ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งมีหลักเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักนำทางให้แก่ประเทศสมาชิก CICA นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นสำคัญต่าง ๆ เช่น การเสริมสร้างความร่วมมือในประเด็นท้าทายร่วมกัน (การก่อการร้าย ลัทธิสุดโต่ง และการใช้ความรุนแรง) และการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่าง CICA กับองค์การระดับภูมิภาคและระว่างประเทศ ได้แก่ อาเซียน กรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) และสหประชาชาติ รวมทั้งได้รับรองถ้อยแถลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิก CICA ในโอกาสครบรอบ ๒๕ ปี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16175 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบ) | สว | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบ) สรุปได้ว่า ในการประกาศรับสมัครบุคคลเข้ารับการคัดเลือกเพื่อดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัวจะได้ประชาสัมพันธ์การรับสมัครให้ครอบคลุมมากกว่าเดิม โดยส่งประกาศรับสมัครไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงาน กสทช. เป็นต้น ส่วนการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการคัดเลือกผู้พิพากษาสมทบและการโยกย้ายผู้พิพากษาสมทบ นั้น ได้ออกระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลงาน ความรู้ และความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่และการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๖๐ และระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบในศาลเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ แล้ว ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16176 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบึง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนเพื่อเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนและส่งมอบพื้นที่โครงการขยายทางหลวงชนบท ชบ. ๓๐๐๙ ตามโครงการขยายทางต่างระดับข้ามทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16177 | รัฐบาลสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นางลัยลา อะห์มัด บะฮาอุดดีน (Mrs. Laila Ahmed Bahaa-Eldin)] | กต | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางลัยลา อะห์มัด บะฮาอุดดีน (Mrs. Laila Ahmed Bahaa-Eldin) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายฮาซิม อัสสัยยิด บะดะวีย์ อัฏฏอฮิรีย์ (Mr. Hazem Elsayed Badawy Eltahry) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16178 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐมาลี | กต | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) ที่ ๒๓๗๔ (ค.ศ. ๒๐๑๗) เกี่ยวกับสาธารณรัฐมาลี ซึ่งกำหนดมาตรการลงโทษประกอบด้วย การห้ามเดินทางและการอายัดทรัพย์สินบุคคลหรือองค์กรที่สนับสนุนกิจกรรมของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ขัดขวางกระบวนการสันติภาพ ตลอดจนการจัดตั้งคณะกรรมการและคณะผู้เชี่ยวชาญเพื่อสนับสนุนกระบวนการเสริมสร้างสันติภาพในสาธารณรัฐมาลี ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานอัยการสูงสุด และธนาคารแห่งประเทศไทย ถือปฏิบัติและปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับรายชื่อบุคคลและองค์กรที่ถูกมาตรการห้ามเดินทางและอายัดทรัพย์สินให้เป็นไปตามรายการล่าสุดเพื่อดำเนินมาตรการห้ามเดินทางและอายัดทรัพย์สินตามข้อมูลเว็บไซต์ของสหประชาชาติ (https://www.un.org/sc/suborg/en/sanctions/2374X) ภายใต้หัวข้อ “Sanctions List Materials” ซึ่งคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นโดยข้อมติ UNSC ที่ ๒๓๗๔ (ค.ศ. ๒๐๑๗) จะปรับปรุงรายชื่อบุคคลและองค์กรที่ถูกมาตรการลงโทษเป็นระยะ รวมทั้งเฝ้าระวังบุคคลและองค์กรเหล่านี้ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกรรมใด ๆ ในประเทศไทย ตลอดจนแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบเพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่ขอแก้ไขเพิ่มเติมข้อกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่กระทรวงการต่างประเทศอ้างถึง ได้แก่ (๑) แก้ไข “พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติ” เป็น “พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติ” และ (๒) เพิ่มเติม “พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติ” ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16179 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความ ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร รวม 2 ฉบับ (มาตรการสร้างความเป็นกลางทางภาษีกรณีผลตอบแทนจากการฝากเงินตามหลักการของศาสนาอิสลาม) | กค | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการสร้างความเป็นกลางทางภาษีกรณีผลตอบแทนจากการฝากเงินตามหลักการของศาสนาอิสนาม โดยยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผลตอบแทนเงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยให้สอดคล้องกับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับผลตอบแทนจากเงินฝากประเภทดังกล่าวของสถาบันการเงินอื่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นกลางและสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16180 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนตุลาคม 2560 | ยธ | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนตุลาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๑๑ ฉบับ และกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๕ เรื่อง เช่น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๖ ฉบับ เช่น ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลาแต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๘๓ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๒๙ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๕๔ ฉบับ เช่น ร่างพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติระบบการแพทย์ปฐมภูมิ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการขยะแห่งชาติ พ.ศ. .... ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๒๙ เรื่อง และยังไม่ได้รับการรายงาน จำนวน ๑ เรื่อง คือ เรื่อง มาตรการคุ้มครองพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานแล้ว จำนวน ๓๑ เรื่อง และยังไม่ได้รับการรายงานในกลุ่มมาตรการปฏิรูปประเทศ จำนวน ๗ เรื่อง เช่น เรื่อง สร้างความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตย วัฒนธรรมทางการเมือง การเลือกตั้ง และตรวจสอบการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง
|
.....