ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 805 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 16081 - 16100 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16081 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 จำนวน 3 ฉบับ | อก | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการสรรหาบุคคลที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการแร่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการแร่ ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการแร่จังหวัด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการแร่จังหวัด ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มผู้เชี่ยวชาญด้านผลกระทบต่อสุขภาพจากมลพิษสิ่งแวดล้อมในร่างกฎกระทรวงฯ ตามข้อ ๑.๑ และปรับชื่อผู้ทรงคุณวุฒิในร่างกฎกระทรวงฯ ตามข้อ ๑.๒ และร่างกฎกระทรวงฯ ตามข้อ ๑.๓ “ผู้ซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือมีประสบการณ์... และด้านสุขภาพ ด้านละหนึ่งคน” เป็น “ผู้ซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ... และด้านผลกระทบต่อสุขภาพจากมลพิษสิ่งแวดล้อม ด้านละหนึ่งคน” รวมทั้งควรเพิ่มผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติในคณะกรรมการสรรหาทั้งในร่างกฎกระทรวงฯ ตามข้อ ๑.๑ และร่างกฎกระทรวงฯ ตามข้อ ๑.๒ และควรเพิ่มผู้แทนจากภาคประชาสังคมในร่างกฎกระทรวงฯ ตามข้อ ๑.๓ นอกจากนี้ ควรให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสามารถได้รับการคัดเลือกจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลในเครือข่ายภาคประชาสังคมด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพได้ด้วย และควรกำหนดให้ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแสดงบัญชีทรัพย์สินและเปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อแสดงความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16082 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการขออนุญาตและการอนุญาตให้ส่งออก นำเข้า และนำผ่าน ราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. .... | พณ | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการขออนุญาตและการอนุญาตให้ส่งออก นำเข้า และนำผ่าน ราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตให้ส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการขออนุญาตและการอนุญาตให้ส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า โดยให้สามารถรองรับการขออนุญาตและการอนุญาตนำผ่านซึ่งสินค้า ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาในประเด็นปัญหาข้อกฎหมายและความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรปรับถ้อยคำในร่างข้อ ๕ และร่างข้อ ๑๐ ของร่างกฎกระทรวงฯ เพื่อให้สอดคล้องกับร่างข้อ ๑๑ และร่างข้อ ๑๒ โดยใช้ถ้อยคำว่า “...เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามความตกลงหรือพันธกรณีระหว่างประเทศ...” ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์แนวทางปฏิบัติตามกฎกระทรวงฯ อย่างทั่วถึงหลังมีผลใช้บังคับ เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16083 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... | ทส | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้มีกฎหมายว่าด้วยการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อกำหนดกลไกในการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นการเฉพาะ และส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16084 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์ สินค้าฟุ่มเฟือย น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยาน เฮลิคอปเตอร์ และ เรือเป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์ สินค้าแร่ และรูปปั้นที่ส่งมาจากหรือมีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร และกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์ สินค้าฟุ่มเฟือย น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยาน เฮลิคอปเตอร์ เรือ สินค้าแร่ และรูปปั้น เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออก ห้ามนำเข้า และห้ามนำผ่านราชอาณาจักร ไปยังกองกำลังติดอาวุธ เพื่อใช้สนับสนุนกองกำลังติดอาวุธของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี พ.ศ. .... | พณ | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์ สินค้าฟุ่มเฟือย น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยาน เฮลิคอปเตอร์ และ เรือเป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและห้ามนำผ่านไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์ สินค้าแร่ และรูปปั้นที่ส่งมาจากหรือมีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร และกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์ สินค้าฟุ่มเฟือย น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยาน เฮลิคอปเตอร์ เรือ สินค้าแร่ และรูปปั้น เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออก ห้ามนำเข้า และห้ามนำผ่านราชอาณาจักร ไปยังกองกำลังติดอาวุธ เพื่อใช้สนับสนุนกองกำลังติดอาวุธของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๒๒๗๐ (ค.ศ. ๒๐๑๖) และที่ ๒๓๒๑ (ค.ศ. ๒๐๑๖) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศไปประกอบการพิจารณาด้วยว่า หากกระทรวงพาณิชย์ประสงค์จะประกาศใช้ร่างประกาศฯ ไปพลางก่อน เห็นควรเพิ่มข้อ ๘(๙) ในร่างประกาศฯ เพื่อเป็นข้อยกเว้นสำหรับ “การส่งออก นำเข้า หรือนำผ่านอื่นใดที่ได้รับความเห็นชอบจากสหประชาชาติเป็นรายกรณี โดยเป็นไปตามเงื่อนไขของข้อมติ” รวมทั้งเพิ่มเติมรายการสินค้าบางรายที่ยังไม่ได้กำหนดอยู่ในบัญชีแนบท้ายประกาศให้ครบถ้วนด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรออกร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับใหม่เพื่อให้ครอบคลุมข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติให้ครบถ้วนโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16085 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... | สว | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยกระทรวงแรงงานได้ยกร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และการดำเนินการของสถานประกอบกิจการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นของลูกจ้าง พ.ศ. .... เพื่อคุ้มครองลูกจ้างที่มีอายุไม่ถึงยี่สิบปีบริบูรณ์ และกระทรวงสาธารณสุขได้ออกระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยกำหนดให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีสัดส่วนชายและหญิงที่ใกล้เคียงกัน และให้มีผู้แทนจากองค์กรพัฒนาเอกชนร่วมด้วยตามข้อสังเกตฯ ดังกล่าวแล้ว สำหรับการจัดทำกระบวนการคุ้มครองหรือแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการป้องกัน ช่วยเหลือ แก้ไข และเยียวยาปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัยได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแนวทางการจัดการรับเรื่องร้องเรียนปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจัดทำร่างขั้นตอนการส่งต่อเรื่องร้องทุกข์และร้องเรียนตามพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. ๒๕๕๙ รวมทั้งติดตามการรับเรื่องร้องเรียนด้วย นอกจากนี้ในการกำหนดมาตรฐานการจัดสวัสดิการสังคมนั้น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ยกร่างกฎกระทรวงการจัดสวัสดิการสังคมที่เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กและวัยรุ่นด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16086 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การถ่ายโอนภารกิจ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และข้อเสนอแนะของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การถ่ายโอนภารกิจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว สรุปผลการพิจารณาว่า การถ่ายโอนภารกิจด้านสาธารณสุข โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผ่านเกณฑ์ประเมินความพร้อมโดยความสมัครใจ โดยคำนึงถึงความต้องการและประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นหลัก การปรับเกณฑ์การประเมินความพร้อมและปรับคณะกรรมการประเมินความพร้อม เพื่อรองรับการถ่ายโอนภารกิจ ส่วนร่างแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๓) และร่างแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ๓) ในส่วนการถ่ายโอนภารกิจด้านสาธารณสุขโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยกระทรวงสาธารณสุขมีส่วนนำร่วมและให้กระทรวงสาธารณสุขศึกษาคุณลักษณะ ปัจจัยแห่งความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคภายหลังการถ่ายโอนภารกิจด้านสาธารณสุขให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16087 | ข้อเสนอแนะนโยบายเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีนโยบายและแผนการดำเนินงานเพื่อลดความพิการแต่กำเนิด โดยการกำหนดให้กรดโฟลิกเป็นส่วนประกอบในอาหาร | สธ | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีนโยบายและแผนการดำเนินงานเพื่อลดความพิการแต่กำเนิด โดยการกำหนดให้กรดโฟลิกเป็นส่วนประกอบในอาหาร ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้แจ้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบด้วย สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ให้กรมอนามัยจัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่รับผิดชอบเกี่ยวกับสตรีและเด็ก ได้แก่ สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมทำแผนการดำเนินงาน เพื่อลดความพิการแต่กำเนิด โดยให้ดำเนินการประชุมภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ๒. ให้กรมอนามัยเน้นการดำเนินการแก่หญิงวัยเจริญพันธุ์และคู่สมรสที่พร้อมจะมีบุตรให้ได้รับทราบถึงประโยชน์ของโฟเลตและกรดโฟลิกในการลดความพิการแต่กำเนิดผ่านทางคลินิก ANC และโรงเรียนพ่อแม่ และให้กรมอนามัยร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรมดำเนินการส่งเสริมให้หญิงวัยเจริญพันธุ์เข้าถึงยาและได้รับก่อนตั้งครรภ์ทุกสัปดาห์ อย่างน้อย ๑๒ สัปดาห์ และปรับให้ยาเม็ด Triferdine? เมื่อตั้งครรภ์แล้ว วันละ ๑ เม็ด ตลอดการตั้งครรภ์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้กรมอนามัยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาพัฒนานโยบายและแผนการดำเนินงานสำหรับการกำหนดให้เติมกรดโฟลิกเป็นส่วนประกอบในอาหาร ๓. ให้กรมอนามัยประสานความร่วมมือในเรื่องการวิจัยและทุนสนับสนุนการวิจัย การเติมกรดโฟลิกลงในอาหารร่วมกับหน่วยงาน เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยจัดการประชุมภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16088 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 7 | กต | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๗ (7th Mekong-ROK Foreign Ministers’ Meeting) ระหว่างวันที่ ๓๑ สิงหาคม-๑ กันยายน ๒๕๖๐ ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ ได้รับรองแผนปฏิบัติการความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๓ ซึ่งระบุรายการกิจกรรมและโครงการที่จะมีการดำเนินการต่อไปในช่วง ๓ ปีข้างหน้า โดยครอบคลุมความร่วมมือ ๖ สาขา ได้แก่ (๑) โครงสร้างพื้นฐาน (๒) เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (๓) การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (๔) การพัฒนาทรัพยากรน้ำ (๕) การเกษตรและพัฒนาชนบท และ (๖) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งระบุข้อเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพของกองทุนและโครงการความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี (Mekong-ROK Cooperation Fund : MRCF) และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ๒. ที่ประชุมฯ ได้รับรองถ้อยแถลงประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๗ ซึ่งกล่าวถึงความคืบหน้าของความร่วมมือระหว่างประเทศลุ่มน้ำโขงและสาธารณรัฐเกาหลี และรับรองโครงการที่ประเทศสมาชิกเสนอเพื่อรับการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุนความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี เช่น แนวทางและการรับรองอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Buidings) ในกัมพูชา เสนอโดยกัมพูชา และการส่งเสริมการโยกย้ายถิ่นฐานอย่างปลอดภัยสำหรับแรงงานข้ามชาติที่ย้ายถิ่นชั่วคราวมายังประเทศไทย เสนอโดยไทย เป็นต้น ๓. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมฯ โดยเน้นย้ำความต่อเนื่องของไทยในฐานะประเทศผู้นำในสาขาการเกษตรและการพัฒนาชนบทที่ได้สนับสนุนการดำเนินโครงการ “Comprehensive Training to Increase Efficiency of Rice Production in the Mekong Sub-region” และการแสดงความพร้อมของไทยที่จะส่งเสริมบทบาทอนุภูมิภาคในเวทีโลกในฐานะประธานการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ในอนาคตอันใกล้ ได้แก่ ACMECS ASEAN และ APEC
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16089 | ผลการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 25 และการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 29 | กต | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๕ และการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๙ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๘-๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ นครดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมการประชุมฯ และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมฯ และผลการหารือต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ ได้รับรองปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๕ และถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๙ โดยสมาชิกเอเปคส่วนใหญ่เห็นว่า เอเปคควรแสดงบทบาทนำในการเรียกความเชื่อมั่นต่อการค้าเสรี การยึดมั่นต่อระบบการค้าพหุภาคี และสนับสนุนการจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (Free Trade Area of the Asia-Pacific : FTAAP) ที่มีคุณภาพสูง ๒. นายกรัฐมนตรีได้หารือทวิภาคีกับผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเกี่ยวกับการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรีแจ้งว่าจะเร่งดำเนินกระบวนการภายในโดยเร็ว รวมทั้งได้หารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยนายกรัฐมนตรีได้ขอให้ฝ่ายเวียดนามพิจารณาแก้ปัญหาเรื่องข้อกำหนดเกี่ยวกับการนำเข้ารถยนต์ของเวียดนาม และช่วยดูแลการลงทุนของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด ที่จังหวัดบาเหรี่ยะ-หวุงเต่า ๓. นายกรัฐมนตรีได้เสนอต่อที่ประชุมฯ ให้เอเปคและอาเซียนพิจารณากระชับความร่วมมือกันในรูปแบบ “หุ้นส่วนเชิงสร้างสรรค์” โดยเฉพาะการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยต่อยอดจากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคไปสู่การจัดตั้ง FTAAP ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เน้นความสำคัญของการศึกษาที่มีคุณภาพควบคู่กับการเสริมสร้างทักษะด้านดิจิทัลของคนทุกกลุ่ม รวมถึงการส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16090 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 29 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 25 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุน | พณ | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๙ และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๕ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการค้าและการลงทุน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ระหว่างวันที่ ๘-๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ นครดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งสาระสำคัญของการประชุมครอบคลุมประเด็นสำคัญ ได้แก่ การสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค การพัฒนาศักยภาพและนวัตกรรมสำหรับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย และวิสัยทัศน์เอเปค ทั้งนี้ การประชุมมีประเด็นที่ต้องดำเนินการต่อเนื่องและมอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวกับการค้าและการลงทุน เพื่อผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เช่น การสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี การก้าวสู่การรวมกลุ่มเศรษฐกิจในภูมิภาค การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไปสู่ตลาดโลก และการลงทุนในการพัฒนามนุษย์ เป็นต้น รวมทั้งประเด็นที่ควรพิจารณาในการกำหนดท่าทีของไทย ได้แก่ การแสดงจุดยืนในการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี การเร่งดำเนินการทบทวนและประเมินผลการดำเนินการเพื่อเปิดเสรีการค้าการลงทุน (เป้าหมายโบกอร์) ในปี ๒๕๖๑ การกำหนดท่าทีและพิจารณาใช้ประโยชน์จากความร่วมมือเอเปคในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายการค้าดิจิทัล เศรษฐกิจอินเทอร์เน็ต และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสนับสนุนการดำเนินนโยบายของไทยไปสู่ Thailand 4.0 และการร่วมมือกับเขตเศรษฐกิจกำลังพัฒนาเพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16091 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16092 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ | ศธ | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๐ เรื่อง การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และมีมติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามลำดับ ดังนี้
๑. พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ ๒. นายอุดม คชินทร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16093 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายถาวร พรหมมีชัย และ นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ) | นร04 | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายถาวร พรหมมีชัย ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ๒. นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16094 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (สิงหาคม พ.ศ. 2560) | ดศ | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๐) เพื่อติดตาม ประเมินผล และวางแผนการดำเนินงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การพบเห็นปัญหายาเสพติด ร้อยละ ๕๒.๘ ระบุว่าไม่พบเห็นและไม่ทราบว่าในชุมชน/หมู่บ้านมีปัญหายาเสพติด ร้อยละ ๔๒.๑ ระบุว่าไม่พบเห็นแต่ทราบว่าในชุมชน/หมู่บ้านมีปัญหายาเสพติด และร้อยละ ๕.๑ ระบุว่าพบเห็นปัญหายาเสพติดในชุมชน/หมู่บ้านด้วยตนเอง ๒. การพบเห็นการซื้อขายยาเสพติด ร้อยละ ๖๕.๔ ระบุว่าไม่พบเห็นและไม่ทราบว่ามีการซื้อขายยาเสพติด ร้อยละ ๓๑.๗ ระบุว่าไม่พบเห็นแต่ทราบว่ามีการซื้อขายยาเสพติด ๓. การพบเห็นผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดที่ยังมีพฤติการณ์การใช้ยาเสพติด ร้อยละ ๕๔.๒ ระบุว่าไม่พบเห็นและไม่ทราบว่ามีผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ร้อยละ ๔๑.๕ ระบุว่าไม่พบเห็นแต่ทราบว่ามีผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดที่ยังมีพฤติกรรมการใช้ยาเสพติดอยู่ ๔. ความเดือดร้อนจากปัญหายาเสพติด ร้อยละ ๒๒.๗ ระบุว่าคนในชุมชน/หมู่บ้านได้รับความเดือดร้อนจากปัญหายาเสพติด โดยได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ การส่งเสียงดังก่อความรำคาญ และกลุ่มแข่งรถจักรยานยนต์ ๕. ความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานในการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ประชาชนให้คะแนนความพึงพอใจ ๗.๒๖ คะแนน จากคะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน ๖. ความเชื่อมั่นต่อนโยบายรัฐบาลในการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ประชาชนให้คะแนนความเชื่อมั่น ๗.๒๘ คะแนน จากคะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน ๗. ข้อเสนอแนะแนวทางในการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด รวมถึงการติดตามช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดรักษาหรือผู้ต้องขังในคดียาเสพติดที่พ้นโทษออกมาในชุมชน/หมู่บ้าน (๑) ร้อยละ ๕๖.๐ เห็นควรปราบปรามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง (๒) ร้อยละ ๔๘.๒ ให้ใช้กฎหมายลงโทษอย่างเด็ดขาด และ (๓) ร้อยละ ๒๖.๖ การตั้งจุดตรวจหรือจุดสกัดเพื่อเฝ้าระวังในชุมชน/หมู่บ้าน ๘. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เช่น (๑) ควรมีการประชาสัมพันธ์และให้ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับการปรับนโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดแนวใหม่ที่ให้ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย (๒) ควรรณรงค์ประชาสัมพันธ์/ปลูกฝังให้ครอบครัวและชุมชนช่วยกันสอดส่องดูแล โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน และ (๓) ควรมีการปราบปรามและลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16095 | ผลการเลือกตั้งตำแหน่งเลขาธิการองค์การโทรคมนาคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (APT) | ดศ | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเลือกตั้งตำแหน่งเลขาธิการองค์การโทรคมนาคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (Asia-Pacific Telecommunity หรือ APT) เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ โดยมีผู้สมัครในตำแหน่งเลขาธิการ ๑ คน คือ นางสาวอารีวรรณ ฮาวรังษี และผู้สมัครในตำแหน่งรองเลขาธิการ ๑ คน คือ Mr. Masanori Kondo จากประเทศญี่ปุ่น ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าผู้สมัครทั้งสองคนได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ ๒ ทั้งนี้ วาระการดำรงตำแหน่งดังกล่าวจะเริ่มวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16096 | เป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2561 | กค | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี ๒๕๖๑ พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี ๒๕๖๑ ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีที่ร้อยละ ๒.๕ ? ๑.๕ เช่นเดียวกับเมื่อปี ๒๕๖๐ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและ กนง. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินควรให้ความสำคัญกับการสื่อสารเพื่อยึดเหนี่ยวการคาดการณ์เงินเฟ้อของสาธารณชน รวมทั้งรักษาระดับการผ่อนคลายนโยบายการเงินจนกว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะสามารถกลับเข้าสู่ค่ากลางของเป้าหมายการเงินได้อย่างชัดเจนควบคู่ไปกับการดูแลรักษาเสถียรภาพในระบบการเงิน และหากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวอยู่นอกกรอบเป้าหมาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นสำหรับการบริโภคและการลงทุน ให้ กนง. เร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16097 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2560 ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 | กค | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ มียอดหนี้สาธารณะคงค้าง จำนวนทั้งสิ้น ๖,๓๖๙,๓๓๑.๓๑ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๒.๓๙ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) โดยเป็นหนี้รัฐบาล จำนวน ๔,๙๕๙,๑๖๔.๔๑ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๙๗๐,๒๑๖.๓๑ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ จำนวน ๔๒๖,๓๒๑.๐๔ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน ๑๓,๖๒๙.๕๕ ล้านบาท ๒. ผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ เพื่อใช้เป็นกรอบในการบริหารจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ โดยได้มีการปรับปรุงแผนฯ แล้ว ๒ ครั้ง มีวงเงินรวมในแผนฯ ๑,๗๓๙,๐๐๗.๔๔ ล้านบาท โดย ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ กระทรวงการคลังและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๑,๖๙๕,๘๖๕.๔๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๙๗.๕๒ ของแผนฯ ๓. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการลงทุนตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๕ แห่ง ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ การเคหะแห่งชาติ และการประปาส่วนภูมิภาค พบว่ามีโครงการที่มีการดำเนินการล่าช้ากว่าแผน จำนวน ๘ โครงการ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ๕ สายทาง โครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟระหว่างไทย-จีน ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา และโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๗ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16098 | ขอรับการจัดสรรเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (สำนักงานอัยการสูงสุด) | อส | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานอัยการสูงสุดปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และ/หรือโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่าย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ต่างคดี รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการแก้ต่างคดีของพนักงานอัยการ ในโอกาสแรกก่อน หรือเสนอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ รองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16099 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 10 (The 10th AMRDPE) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | มท | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ ๑๐ (ASEAN Ministerial Meeting on Rural Development and Poverty Eradication : AMRDPE) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒-๖ ตุลาคม ๒๕๖๐ ณ ประเทศมาเลเซีย โดยมีผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย (นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ ๑๔ (Senior Officials Meeting on Rural Development and Poverty Eradication : SOMRDPE) และการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน+๓ ด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ ๑๐ (SOMRDPE+3) รวมทั้งเสวนาอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ ๖ (ASEAN Forum on Rural Development and Poverty Eradication) ๑.๒ เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ ๑๐ มีสาระสำคัญเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกอาเซียนในการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน โดยสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกอาเซียนดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ฉบับปี ๒๐๑๖-๒๐๒๐ เพื่อยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชนในอาเซียนให้หลุดพ้นจากความยากจน ตลอดจนสนับสนุนให้มีการพูดคุยกันแบบมีส่วนร่วมมากขึ้นระหว่างอาเซียนและประเทศ+๓ เพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16100 | ขออนุมัติร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเซเชลส์ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ | กต | 19/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเซเชลส์ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ (Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of Seychelles on Exemption of Visas for Diplomatic and Official Passports) ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่างความตกลงฯ ในเดือนมกราคม ๒๕๖๐ แล้ว โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการยกเว้นการตรวจลงตราแก่บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการของแต่ละฝ่ายในการเดินทาง เข้า-ออก เดินทางผ่าน และพำนักอยู่ในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่งโดยได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๙๐ วัน ตามปฏิทินนับจากวันเดินทางเข้ามา โดยมีเงื่อนไขว่า บุคคลเหล่านั้นจะต้องไม่มีส่วนร่วมในการทำงาน การทำธุรกิจและการทำกิจกรรมอื่นที่มีค่าตอบแทน ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ๓. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ๔. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งฝ่ายเซเชลส์เพื่อให้ความตกลงฯ มีผลบังคับต่อไป ๕. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ โดยไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้ โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
|
.....