ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 79 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 1561 - 1580 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1561 | รัฐบาลมาเลเซียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งมาเลเซียประจำประเทศไทย (ดาโตะ กาเนซน ซีวากูรูนาทัน) | กต. | 05/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1562 | รัฐบาลสาธารณรัฐโคลอมเบียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโคลอมเบียประจำประเทศไทย (นายดานิเอล เอมิลิโอ เมนโดซา เลอัล) | กต. | 05/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายดานิเอล เอมิลิโอ เมนโดซา เลอัล (Mr. Daniel Emilio Mendoza Leal) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐโคลอมเบียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางอานา มาเรีย ปริเอโต อาบัด (Mrs.
Ana Maria Prieto Abad) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1563 | รัฐบาลสาธารณรัฐไซปรัสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐไซปรัสประจำประเทศไทย (นายเอวาโกรัส วรีโอนีเดส) | กต. | 05/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเอวาโกรัส วรีโอนีเดส (Mr. Evagoras Vryonides) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐไซปรัสประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย สืบแทน นายอะยิส ลุยซู (Mr.
Agis Loizou) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1564 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 | กษ. | 05/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย
ปี ๒๕๖๗ กรอบวงเงิน ๒,๕๕๓,๐๐๙,๘๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๗/๓๐๕
ลงวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๗)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าว ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1565 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดตำแหน่งพนักงานอื่นเพื่อช่วยเหลือผู้อำนวยการสถานพินิจหรือผู้ดูแล หรือผู้ปกครองสถานที่ที่กำหนดในหมวด 4 พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการอนุญาตดำเนินการหรือจัดตั้งสถานศึกษา สถานฝึกและอบรม หรือสถานแนะนำทางจิต พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ยธ. | 05/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดตำแหน่งพนักงานอื่นเพื่อช่วยเหลือผู้อำนวยการสถานพินิจหรือผู้ดูแล
หรือผู้ปกครองสถานที่ที่กำหนดในหมวด ๔ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดตำแหน่งพนักงานอื่น
เช่น พยาบาล นักวิชาการอบรมและฝึกวิชาชีพ เจ้าพนักงานอบรมและฝึกวิชาชีพ บรรณารักษ์
พนักงานพินิจ พนักงานพิทักษ์ ฯลฯ (นอกเหนือจากแพทย์ จิตแพทย์ นักจิตวิทยา
พนักงานคุมประพฤติ นักสังคมสงเคราะห์ ครู) เพื่อช่วยเหลือผู้อำนวยการสถานพินิจตามสมควร
หรือผู้ปกครองสถานที่ในหมวด ๔ เช่น การช่วยเหลือเมื่อมีสถานการณ์ฉุกเฉิน
การก่อเหตุจลาจล กรณีเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน
ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น กระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าจากเดิมกำหนดตำแหน่งแพทย์
จิตแพทย์ เห็นควรปรับเป็นแพทย์ เนื่องจากจิตแพทย์ถือเป็นแพทย์สาขาหนึ่ง สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรทบทวนการกำหนดตำแหน่งเจ้าพนักงานให้มีเฉพาะเท่าที่สำคัญ
จำเป็น และเหมาะสมต่อการปฏิบัติงานในสถานการณ์ฉุกเฉินได้
โดยควรพิจารณาจากหน้าที่ความรับผิดชอบ หรือลักษณะงานของแต่ละตำแหน่งงานเป็นสำคัญ ๒.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงการอนุญาตดำเนินการหรือจัดตั้งสถานศึกษา สถานฝึกและอบรม หรือสถานแนะนำทางจิต
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการออกใบอนุญาต
และการเพิกถอนใบอนุญาตให้ส่วนราชการดำเนินการ หรือให้เอกชนจัดตั้งสถานศึกษา
สถานฝึกและอบรม หรือสถานแนะนำทางจิตเกี่ยวกับเด็กหรือเยาวชน
ซึ่งเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดเป็นจำเลย หรือเป็นผู้ต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ลงโทษหรือใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชน
ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปไปได้ ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงาน ก.พ.ร.
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงกลาโหม เห็นควรมีการจัดทำแผนเผชิญเหตุ
รวมถึงแจ้งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบว่าหน่วยอาจถูกขอให้สนับสนุนทางด้านบุคลากรเป็นผู้ช่วยเหลือในการปฏิบัติหน้าที่หรือภารกิจต่าง
ๆ ในกรณีที่มีเหตุวิกฤติหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้หน่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1566 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือองค์การเอกชนที่ต้องรายงานสถิติข้อมูล พ.ศ. .... | นร.53 | 05/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
หรือองค์การเอกชนที่ต้องรายงานสถิติข้อมูล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
หรือกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือองค์การเอกชนประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงนี้ซึ่งได้รับความช่วยเหลือ
ส่งเสริม หรือสนับสนุนจากส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ
หรือรัฐวิสาหกิจที่มีหน้าที่ตามแผนปฏิบัติการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ต้องรายงานสถิติข้อมูลต่อส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจที่มีหน้าที่ตามแผนปฏิบัติการดังกล่าว
เพื่อจัดทำและรับรองสถิติข้อมูลของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและจัดส่งให้แก่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
เพื่อเก็บรวบรวมไว้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำนโยบายและงบประมาณด้านการส่งเสริม SME ของประเทศ ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นควรให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ
หารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการกำหนดแบบรายงาน
และรายละเอียดของข้อมูลที่จัดเก็บ เพื่อไม่ให้เป็นการเพิ่มภาระกับหน่วยงาน รวมถึงกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ที่เกี่ยวข้องในการรายงานข้อมูลดังกล่าว และจัดให้มีมาตรการเพื่อกระตุ้นให้กิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมดำเนินการตามร่างกฎกระทรวงอย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1567 | ขอความเห็นชอบต่อแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่ 16 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | สธ. | 05/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน
ครั้งที่ ๑๖ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง [16th ASEAN Health Ministers
Meeting (AHMM) and Related Meetings] จำนวน ๖ ฉบับ
ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมที่แสดงความมุ่งมั่นของรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนในการเพิ่มความเข้มแข็งของระบบสุขภาพของอาเซียนและไม่มีประเด็นอ่อนไหวทางการเมือง
ประกอบด้วย (๑) แถลงการณ์ร่วมการประชุม AHMM ครั้งที่ ๑๖ (๒)
แถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนกับประเทศบวกสาม (จีน ญี่ปุ่น
เกาหลี) ครั้งที่ ๑๐ (๓) แถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
ครั้งที่ ๙ (๔) แถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลี
ครั้งที่ ๒ (๕)
แถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีกระทรวงการคลังและกระทรวงสาธารณสุขอาเซียน ครั้งที่
๒ และ (๖) แถลงการณ์ร่วมการประชุมพิเศษรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนกับสหรัฐอเมริกา ๒.
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขร่วมรับรองแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน
ครั้งที่ ๑๖ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๖ ฉบับ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1568 | ตัวชี้วัดขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมกัน (Joint KPIs) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.12 | 05/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตัวชี้วัดขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมกัน
(Joint
KPIs) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
ดังนี้
๑.๑ ประเด็นการจัดทำ Joint KPIs ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ทั้ง ๖ ประเด็น ได้แก่ (๑) การบริหารจัดการและอนุรักษ์ฟื้นฟูน้ำทั้งระบบ (๒)
การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (๓) รายได้จากการท่องเที่ยว (๔)
รายได้ของผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP (๕)
การลดปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 และ (๖)
การยกระดับผลการประเมินสมรรถนะนักเรียนตามมาตรฐานสากล (Programme of
International Student Assessment : PISA) รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเป้าหมาย
และมอบหมายให้ ก.พ.ร. พิจารณาการกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายของ Joint
KPIs
๑.๒ ให้ ก.พ.ร. นำ Joint
KPIs ไปขับเคลื่อนส่วนราชการ จังหวัด
และองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
รวมทั้งองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะที่ไม่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน
พ.ศ. ๒๕๕๘
๑.๓ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจนำ Joint KPIs ไปขับเคลื่อนหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ
และส่งผลการดำเนินงานหรือผลการประเมินให้สำนักงาน ก.พ.ร. ในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘
๑.๔ ให้กรมบัญชีกลางนำ Joint KPIs ไปขับเคลื่อนองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะที่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน
พ.ศ. ๒๕๕๘ และทุนหมุนเวียนอื่นภายใต้ระบบการประเมินของกรมบัญชีกลาง
และส่งผลการดำเนินงานหรือผลการประเมินให้สำนักงาน ก.พ.ร. ในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘
๑.๕ ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นนำ Joint KPIs ไปขับเคลื่อนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และส่งผลการดำเนินงานหรือผลการประเมินให้สำนักงาน ก.พ.ร. ในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘
๑.๖ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำ Joint KPIs ไปขับเคลื่อนในมหาวิทยาลัย (ยกเว้นสถาบันวิทยาลัยชุมชน)
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล มหาวิทยาลัยราชภัฏ และมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ
(ยกเว้นสถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา และสภากาชาดไทย)
และส่งผลการดำเนินงานหรือผลการประเมินให้สำนักงาน ก.พ.ร. ในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
๑.๗
ให้องค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะที่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน
พ.ศ. ๒๕๕๘ และไม่อยู่ในระบบการประเมินของกรมบัญชีกลาง กรุงเทพมหานคร
และหน่วยงานอื่น ๆ นำ Joint
KPIs ไปขับเคลื่อนภายในหน่วยงาน
และส่งผลการดำเนินงานหรือผลการประเมินให้สำนักงาน ก.พ.ร. ในสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘ ๒. ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงาน ก.พ.ร.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น การจัดทำ Joint
KPIs ให้บรรลุเป้าหมาย
ควรกำหนดเป้าหมายตัวชี้วัดให้มีความสอดคล้องกับงบประมาณและสะท้อนกับภารกิจ
อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่สามารถดำเนินการได้
เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล
และการบูรณาการการทำงานร่วมกันของส่วนราชการสามารถตอบสนองเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของคณะรัฐมนตรีเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1569 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบเพื่อเป็นทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบที่จะต้องส่งให้แก่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดกลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับนายจ้างจัดให้มีการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในกรณีที่ลุูกจ้างออกงานหรือตาย พ.ศ. .... | รง. | 05/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบเพื่อเป็นทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
พ.ศ. ....
ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบที่จะต้องส่งให้แก่กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดกลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับนายจ้างจัดให้มีการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกงานหรือตาย
พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ
เกี่ยวกับการดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมจากลูกจ้างและเงินสมทบจากนายจ้าง
รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อเป็นทางเลือกให้นายจ้างที่จัดให้มีการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดจะได้รับการยกเว้นให้ลูกจ้างไม่ต้องเป็นสมาชิกกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
โดยให้แก้ไขร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับดังกล่าว
ในส่วนของวันเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างและวันใช้บังคบให้เป็นไปตามข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรี
ดังนี้
๑.๑ แก้ไขวันเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบฯ
ในร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
พ.ศ. .... จาก “ให้ดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป” เป็น
“ให้ดำเนินการจัดเก็บเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ตั้งแต่วันที่ ๑
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นต้นไป”
๑.๒
แก้ไขวันใช้บังคับร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสะสมและเงินสมทบกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
พ.ศ. .... จาก “กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘
เป็นต้นไป” เป็น “กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๘
เป็นต้นไป”
โดยกำหนดอัตราเงินสะสมจากลูกจ้างและเงินสมทบจากนายจ้างที่แต่ละฝ่ายจะต้องนำส่งเข้ากองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
ดังนี้ ๑.๒.๑ จาก “ตั้งแต่วันที่ ๑
เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๗๓” เป็น “ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๗๓” ลูกจ้างและนายจ้าง (แต่ละฝ่าย)
ต้องนำส่งเข้ากองทุนฯ ในอัตราร้อยละ ๐.๒๕ ของค่าจ้าง ๑.๒.๒ จาก “ตั้งแต่วันที่ ๑
เมษายน พ.ศ. ๒๕๗๓ เป็นต้นไป” เป็น “ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๗๓ เป็นต้นไป”
ลูกจ้างและนายจ้าง (แต่ละฝ่าย) ต้องนำส่งเข้ากองทุนฯ ในอัตราร้อยละ ๐.๕ ของค่าจ้าง
๑.๓
แก้ไขวันใช้บังคับร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการสงเคราะห์แก่ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงานหรือตาย
พ.ศ. .... จาก “กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๘
เป็นต้นไป” เป็น “กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๘
เป็นต้นไป” ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงบประมาณที่เห็นว่า (๑)
ในระยะยาวควรพิจารณาผลกระทบและภาระที่จะเกิดขึ้นกับลูกจ้างและนายจ้างที่ต้องจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบเข้าทั้งกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างและกองทุนประกันสังคม
และควรบริหารกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างให้มีประสิทธิภาพ ทั้งแนวทางการจัดหารายได้
การบริหารความเสี่ยงกองทุนเพื่อให้กองทุนมีความยั่งยืนในระยะยาว (๒)
ควรคำนึงถึงภาระทางการเงินของนายจ้างที่จะเพิ่มขึ้น
และในกรณีลูกจ้างถึงแก่ความตายหรือศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ
และลูกจ้างมิได้กำหนดบุคคลจะพึงได้รับเงินสะสมและเงินสมทบไว้
ให้เงินสะสมและเงินสมทบ
รวมทั้งดอกผลตกทอดแก่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น
ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑
ที่กำหนดให้จ่ายเงินจากกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างให้แก่บุตร สามี ภรรยา บิดา มารดา
ที่มีชีวิตอยู่คนละส่วนเท่า ๆ กัน (๓) ร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้
รวม ๓ ฉบับ ไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ของรัฐ แต่จะมีผลกระทบโดยตรงต่อลูกจ้างและนายจ้างซึ่งอาจมีภาระทางการเงินเพิ่มขึ้น
เพราะต้องส่งเงินสมทบและเงินสะสมเข้าทั้งกองทุนประกันสังคม และ/หรือกองทุนอื่นๆ
แล้ว รวมถึงส่งผลต่อต้นทุนของผู้ประกอบการที่อาจมีการปรับเพิ่มราคาสินค้าและบริการ
ดังนั้น จึงควรศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ และ (๔)
ควรจัดทำรายงานสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นในส่วนของการปรับปรุงหรือไม่ปรับปรุงร่างกฎหมายตามผลการรับฟังความคิดเห็น
พร้อมเหตุผล
รวมถึงชี้แจงให้ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องเข้าใจถึงการกำหนดอัตราเงินสะสมและเงินสมทบดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาศึกษากลไกในการช่วยเหลือและออมเงินของลูกจ้างที่เหมาะสมในระหว่างที่กฎหมายในเรื่องนี้ยังไม่มีผลใช้บังคับ
ว่าควรมีกลไกหลักเพียงกองทุนเดียวดังเช่นในต่างประเทศ อาทิ
ประเทศสิงคโปร์ที่มีกองทุน Central Provident Fund (CPF) เป็นกองทุนหลักเพียงกองทุนเดียว
หรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันมีกองทุนเกี่ยวกับลูกจ้าง ๓ กองทุน ได้แก่
กองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
จึงอาจเป็นภาระสำหรับลูกจ้างและนายจ้างในการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ
ตามข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรี และให้รายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓
เดือน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1570 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางเพลินพิศ โพธิสัตย์) | นร.01 | 05/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางเพลินพิศ
โพธิสัตย์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ
กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านข้อมูลข่าวสารของราชการ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1571 | ร่างกฎกระทรวงค่าธรรมเนียมใบอนุญาตโฆษณายาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ และค่าธรรมเนียมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหรือค่าตอบแทนตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... | สธ. | 05/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงค่าธรรมเนียมใบอนุญาตโฆษณายาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์
และค่าธรรมเนียมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหรือค่าตอบแทนตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตโฆษณายาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์
และค่าธรรมเนียมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหรือค่าตอบแทนตามประมวลกฎหมายยาเสพติด เช่น
ค่าธรรมเนียมการขึ้นบัญชีที่จะจัดเก็บจากผู้เชี่ยวชาญ
องค์กรผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและต่างประเทศ หรือองค์กรเอกชน ค่าธรรมเนียมการประเมินเอกสารทางวิชาการ
กรณีส่งให้ผู้เชี่ยวชาญหรือองค์กรผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประเมิน
ค่าธรรมเนียมการตรวจสถานประกอบการ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1572 | สาธารณรัฐคาซัคสถานขอเปิดสถานกงสุลสาธารณรัฐคาซัคสถาน ณ จังหวัดภูเก็ต | กต. | 05/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรณีการเปิดสถานกงสุลสาธารณรัฐคาซัคสถาน
ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม ๑๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต ชุมพร
กระบี่ นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ระนอง สตูล สงขลา
สุราษฎร์ธานี ตรัง และยะลา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1573 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ | สธ. | 05/11/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ
จำนวน ๗ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่คณะกรรมการอาหารแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑. ศาสตราจารย์พิเศษภักดี โพธิศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านคุณภาพอาหาร ๒. นางอรทัย ศิลปนภาพร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านความปลอดภัยด้านอาหาร ๓. นายยุคล ลิ้มแหลมทอง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านความมั่นคงด้านอาหาร ๔. นายสุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านอาหารศึกษา ๕. นายโกมล จิรชัยสุทธิกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมาย ๖. นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านเศรษฐกิจและการค้า
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1574 | ร่างกฎกระทรวงการแจ้งการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ พ.ศ. .... | อว. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการแจ้งการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาในการแจ้งการครอบครองวัสดุนิวเคลียร์
ที่ไม่ต้องขอรับใบอนุญาต ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1575 | ร่างกฎกระทรวงวัสดุนิวเคลียร์ที่ผู้ดำเนินการไม่ต้องขอรับใบอนุญาต พ.ศ. .... | อว. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงวัสดุนิวเคลียร์ที่ผู้ดำเนินการไม่ต้องขอรับใบอนุญาต
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดวัสดุนิวเคลียร์ที่ผู้ดำเนินการไม่ต้องขอรับใบอนุญาตมีไว้ในครอบครอง
ใช้ นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่าน ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1576 | ร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. .... | พน. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไข เกี่ยวกับการประกอบกิจการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ
เพื่อให้ครอบคลุมถึงการประกอบกิจการทั้งท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกและท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเล
รวมถึงท่อส่งก๊าซธรรมชาติเหลว และให้สอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อในปัจจุบันและเป็นตามมาตรฐานสากล
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1577 | ร่างกฎกระทรวงความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์ พ.ศ. .... | อว. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์
เพื่อให้ผู้รับใบอนุญาตและผู้มีไว้ในครอบครองวัสดุนิวเคลียร์ต้องปฏิบัติ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1578 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทวัสดุนิวเคลียร์ที่บุคคลธรรมดาขอรับใบอนุญาตได้ พ.ศ. .... | อว. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทวัสดุนิวเคลียร์ที่บุคคลธรรมดาขอรับใบอนุญาตได้
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดวัสดุนิวเคลียร์
ที่บุคคลธรรมดาสามารถขอรับใบอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองหรือใช้ นำเข้า ส่งออก
หรือนำผ่านซึ่งวัสดุนิวเคลียร์นั้นได้ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1579 | การขอรับจัดสรรงบเงินอุดหนุนแก่ศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (ASEAN Centre for Sustainable Development Studies and Dialogue) | กต. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศตั้งคำของบประมาณ
เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบเงินอุดหนุน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานและการดำเนินโครงการ/กิจกรรมต่าง
ๆ ของศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา
๕ ปี ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๗๒ ไม่เกินปีละ ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๖๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท
โดยเห็นสมควรให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน
ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของศูนย์อาเซียนฯ
ในช่วงเวลาดังกล่าวให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม
เพื่อประกอบการพิจารณาขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายในระยะถัดไป
สำหรับการกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณให้เป็นตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
โดยต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กำหนดตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด สำนักงาน ก.พ.
เห็นควรให้มีการจัดทำรายละเอียดการใช้จ่ายและกำหนดผลผลิต
และผลลัพธ์ในการดำเนินการที่ชัดเจน และการขอรับจัดสรรงบเงินอุดหนุนแก่ศูนย์อาเซียนฯ
ควรมีความยึดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามบริบท
ความจำเป็นและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี
เพื่อให้การดำเนินการของศูนย์อาเซียนฯ เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสอดรับกับวิสัยทัศน์ของประชาคมอาเซียนอย่างยั่งยื่น ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับข้อสังเกตของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายชูศักดิ์ ศิรินิล) เห็นว่า
แม้การจัดตั้งศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนขึ้นเป็นมูลนิธิจะทำให้ศูนย์อาเซียนฯ
มีสถานะเป็นนิติบุคคลและมีอิสระในการบริหารจัดการตนเองมากยิ่งขึ้น
แต่ในขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศอาจมีข้อจำกัดในการกำกับดูแลศูนย์อาเซียนฯ
รวมถึงการนำเงินงบประมาณไปสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์อาเซียนฯ ที่เปลี่ยนสถานะไปแล้ว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปให้เหมาะสม ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1580 | ร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยและความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสีในการขนส่ง พ.ศ. .... | อว. | 29/10/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยและความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสีในการขนส่ง
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ เงื่อนไขเกี่ยวกับความปลอดภัยและความมั่นคงปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสี
ในการขนส่งวัสดุกัมมันตรังสี วัสดุนิวเคลียร์ กากกันมันตรังสี
เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ และเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ใช้แล้ว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และดำเนินการต่อไปได้
|