ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 73 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 1441 - 1460 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1441 | การประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานของรัฐบาลและของกระทรวง | นร. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
กระทรวงต่าง ๆ ได้ดำเนินนโยบายสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในเรื่องต่าง ๆ
มาอย่างต่อเนื่อง
แต่อาจขาดการประชาสัมพันธ์และการสื่อสารให้เป็นที่เข้าใจอย่างถูกต้องและทั่วถึงกับภาคประชาชนและสื่อมวลชนอย่างเหมาะสมและเพียงพอ
จึงขอให้ทุกกระทรวงเร่งรัดการแต่งตั้งโฆษกประจำกระทรวงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อให้เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินการเผยแพร่ผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ
ในภารกิจและอำนาจหน้าที่ของแต่ละกระทรวงผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ เช่น
สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ให้ถูกต้อง รวดเร็ว และต่อเนื่อง โดยให้ประสานและบูรณาการข้อมูลในเรื่องสำคัญต่าง
ๆ กับโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย
เพื่อให้การประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ผลการดำเนินงานในภาพรวมของรัฐบาลมีความถูกต้อง
สอดคล้อง และเป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1442 | การกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี 2568 | กค. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงิน
ประจำปี ๒๕๖๘ พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการการเงิน (กนง.)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง
และเป้าหมายสำหรับปี ๒๕๖๘
ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑ - ๓ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา
๒๘/๘ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๘๕
ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการนโยบายการเงินรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าหากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวอยู่นอกกรอบเป้าหมาย
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นสำหรับการบริโภคและการลงทุน ควรให้ กนง.
เร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวและรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี
รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้กับสาธารณชนถึงแนวทางในการแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้เข้าสู่กรอบเป้าหมายของธนาคารกลางถือเป็นภารกิจที่สำคัญเนื่องจากเป็นการสะท้อนถึงความตั้งใจที่จะดำรงเสถียรภาพด้านราคาและเศรษฐกิจ
ธนาคารแห่งประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้เข้าสู่กรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสื่อสารต่อสาธารณชนถึงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการคลังประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้สามารถดำเนินนโยบายการเงินเพื่อรักษาอัตราเงินเฟ้อทั่วไปให้อยู่ภายในกรอบเป้าหมายฯ
ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อไม่ให้ผันผวนจนส่งผลกระทบต่อการลงทุน
การส่งออก และการรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1443 | สรุปผลการพิจารณามาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ | รง. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณามาตรการป้องกันการทุจริตในกระบวนการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ
ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณามาตรการฯ
พร้อมทั้งจัดทำสรุปผลการพิจารณาดำเนินการในภาพรวมด้วยแล้ว เช่น
ข้อเสนอแนะด้านนโยบาย กระทรวงแรงงาน (กรมการจัดหางาน) ได้ดำเนินนโยบายโดยกำหนดให้แรงงานข้ามชาติทุกคนต้องอยู่ในระบบการจ้างงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย
และข้อเสนอแนะด้านการบริหารจัดการ เช่น การสนับสนุนนายจ้าง/สถานประกอบการสามารถจ้างคนต่างด้าวทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
การต่ออายุใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวที่ถือหนังสือเดินทาง
หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ได้รับอนุญาตทำงานถึงวันที่
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ในลักษณะ MOU โดยคนต่างด้าวจะได้รับอนุญาตให้ทำงานเป็นเวลา
๒ ปี ต่ออายุได้อีกเป็นระยะเวลา ๒ ปี เป็นต้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1444 | ขอความเห็นชอบการร่วมรับรองปฏิญญาทางการเมืองว่าด้วยการเสริมสร้างการปกป้องพลเรือนจากผลกระทบด้านมนุษยธรรมอันเกิดจากการใช้อาวุธระเบิดในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น | กต. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทย
โดยกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองปฏิญญาทางการเมืองว่าด้วยการเสริมสร้างการปกป้องพลเรือนจากผลกระทบด้านมนุษยธรรมอันเกิดจากการใช้อาวุธระเบิดในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น
(Political
Declaration on Strengthening the Protection of Civilians from the Humanitarian
Consequences arising from the use of Explosive Weapons in Populated Areas :
EWIPA) ซึ่งปฏิญญาทางการเมืองฯ
มีเนื้อหาย้ำความสำคัญของการปกป้องพลเรือนจากการใช้อาวุธระเบิดในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป
โดยให้เป็นไปตามขอบเขตกฎหมายภายในประเทศไทยและพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1445 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุน การพัฒนาการแพทย์และการสาธารณสุข) | กค. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
(จะสิ้นสุดในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗) โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒
เท่าของจำนวนเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร
สำหรับการบริจาคเพื่อกิจกรรมหรือโครงการสาธารณกุศลหรือสาธารณประโยชน์ให้แก่หน่วยรับบริจาค
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยให้หักลดหย่อนหรือหักรายจ่ายบริจาคได้
๒ เท่า สำหรับการบริจาคแก่องค์การหรือสถานสาธารณกุศลด้านสาธารณสุขบางแห่งอาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมกับสถานสาธารณกุศลอีกหลายแห่งซึ่งได้รับสิทธิหักลดหย่อนหรือหักรายจ่ายบริจาคได้
๑ เท่า ดังนั้น ในระยะต่อไปกระทรวงการคลังควรพิจารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โดยอาจพิจารณากำหนดให้บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคให้แก่องค์การหรือสถานสาธารณกุศล
ได้รับสิทธิหักลดหย่อนหรือหักรายจ่ายบริจาคได้ ๑ เท่า
เพื่อจูงใจให้ประชาชนและภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการบริจาคเพื่อการพัฒนาการแพทย์และการสาธารณสุขของประเทศ
โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาความลักลั่นในเชิงนโยบาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1446 | เป้าหมายทางเศรษฐกิจและแผนการคลังของรัฐ | นร. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่
รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในเรื่องต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการประกอบการของภาคธุรกิจและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลประมาณการทางเศรษฐกิจในหลายตัวชี้วัดตามแผนการคลังระยะปานกลาง
(ปีงบประมาณ ๒๕๖๙ - ๒๕๗๒) ยังอยู่ในระดับที่ต้องปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการคลังรับไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาปรับปรุงประมาณการทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต
รวมทั้งจัดทำมาตรการทางการคลังในเรื่องต่าง ๆ
ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บรายได้
การปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น และการลงทุนของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ แล้วให้ดำเนินการตามขั้นตอนโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1447 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม 2567 | ปสส. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๗ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน
พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม
๒๕๖๗ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๕
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๗ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1448 | ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม 2567) | ปสส. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๓ ธันวาคม
๒๕๖๗
ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน
พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1449 | ร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา
พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยเพิ่มเติมการคุ้มครองผู้ต้องหาและจำเลยในชั้นสอบสวน
ขยายระยะเวลาในการยื่นคำขอรับเงินค่าตอบแทน
ค่าทดแทน และค่าใช้จ่าย รวมทั้งลดขั้นตอนการดำเนินงาน
ตลอดจนกำหนดให้สามารถยื่นคำขอผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
เพื่อให้ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา และจำเลยได้รับการช่วยเหลือเยียวยาที่สะดวก รวดเร็ว
ทั่วถึง และเป็นธรรมยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๓.
ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นควรบังคับใช้กฎหมายนี้ควบคู่กับการแก้ไขระบบและกระบวนการยุติธรรมในมิติต่าง
ๆ อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น
มีทัศนคติที่ดีต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำ
และความไม่เป็นธรรมที่อาจเกิดขึ้นให้น้อยลง และควรจัดให้มีนักสังคมสงเคราะห์เข้าไปคุ้มครองสวัสดิภาพประชาชน
ครอบครัว และผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตกเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาทั้งทางตรงและทางอ้อม
เพื่อให้สามารถเข้าถึงสิทธิสวัสดิการและได้รับการดูแลที่เหมาะสม
อันจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้เสียหายต่อไป สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรเพื่อรองรับภารกิจเกี่ยวกับการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่เป็นผู้เสียหาย
ผู้ต้องหา และจำเลยในคดีอาญาไว้แล้ว
และ/หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีเพื่อมาดำเนินการตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1450 | การดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2568 ให้แก่ประชาชน | นร. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่กำลังจะมาถึงนี้ ขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจัดเตรียมนโยบายหรือการดำเนินการในความรับผิดชอบที่เห็นสมควรดำเนินการให้มีผลในช่วงเทศกาลปีใหม่เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๘ เพื่อสร้างความสุขและขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชนต่อไป ทั้งนี้
ขอให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โฆษกประจำกระทรวงทุกกระทรวง รวมทั้งทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสารในเรื่องดังกล่าว
เพื่อสร้างการรับรู้แก่ประชาชนและภาคส่วนต่าง ๆ ให้ถูกต้องและทั่วถึงโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1451 | การแก้ไขข้อขัดข้องให้กับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 และการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว | รง. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
๑.๑ การแก้ไขข้อขัดข้องให้กับคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓
ตุลาคม ๒๕๖๖
ที่ดำเนินการครบทุกขั้นตอนแต่ไม่สามารถจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
๑.๒
แนวทางการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
ให้กับคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานตามมติคณะรัฐมนตรี
๑.๓ ให้กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจให้นายจ้าง/ผู้ประกอบการ
แรงงานต่างด้าว และผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบข้อมูลการดำเนินการดังกล่าวอย่างทั่วถึง ๒. เห็นชอบร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
๒.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖
กรณีคนต่างด้าวไม่สามารถจัดทำหรือปรับปรุงทะเบียนประวัติได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ....................................
๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ..)
๒.๓ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานถึงวันที่
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ (ฉบับที่ ..) ๓.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีแนวทางการปรับปรุงกระบวนการที่เกี่ยวข้องสำหรับแรงงานที่ต้องการจะเข้ามาทำงานยังประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
รวมถึงแนวทางความร่วมมือกับประเทศต้นทางในการลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการดำเนินการในแต่ละขั้นตอน
เพื่อให้การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวของประเทศมีความยั่งยืนในระยะยาว
และควรพิจารณาจัดทำรายงานสังเกตการณ์/เฝ้าระวัง
สถานการณ์และมาตรการด้านแรงงานของประเทศเพื่อนบ้าน
เพื่อประมาณการและประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
รวมทั้งควรเร่งพัฒนาฐานข้อมูลแรงงานข้ามชาติและผู้ติดตาม
เพื่อนำมาใช้ประกอบการพิจารณาออกมาตรการ
และแนวทางในการบูรณาการกำลังแรงงานข้ามชาติที่มีศักยภาพเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตลาดแรงงานของไทยอย่างเหมาะสมในอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1452 | ขออนุมัติเป็นหลักการให้จ่ายเงินอุดหนุนสำนักเลขาธิการอาเซียนสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของหน่วยงานสนับสนุนความตกลง RCEP | พณ. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติเป็นหลักการให้จ่ายเงินอุดหนุนแก่สำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการของหน่วยงานสนับสนุนความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
(Regional
Comprehensive Economic Partnership : RCEP) (RCEP Support Unit : RSU) ตั้งแต่ปี ๒๕๖๗ เป็นต้นไป วงเงินปีละ ๓๖,๕๑๑ ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ ๑,๓๘๗,๔๑๘
บาท) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
ค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินอุดหนุนสำนักเลขาธิการอาเซียนประจำปี ๒๕๖๗ และประจำปี ๒๕๖๘
รวมจำนวน ๗๓,๐๒๒ ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๒,๗๗๔,๘๓๖ บาท เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์
(กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ)
พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์
(กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ) รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนแก่สำนักเลขาธิการอาเซียนให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งควรพิจารณาติดตามความก้าวหน้าและประเมินผลการดำเนินงานของ
RSU
เพื่อประเมินความคุ้มค่าของการสนับสนุนงบประมาณดังกล่าว
และรายงานต่อคณะรัฐมนตรีให้ทราบเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1453 | อนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรนอร์เวย์เพื่อการขจัดการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ และการป้องกันการหลบหลีกและการหลีกเลี่ยงรัษฎากร | กค. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างอนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักไทยและราชอาณาจักรนอร์เวย์
เพื่อการขจัดการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้และการป้องกันการหลบหลีกและการหลีกเลี่ยงรัษฎากร
(ฉบับภาษาอังกฤษ) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างอนุสัญญาฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย
โดยร่างอนุสัญญาฯ เป็นการแก้ไขเพื่อแทนที่อนุสัญญาฉบับเดิม
และทำให้อนุสัญญาฉบับใหม่สอดคล้องกับกรอบความร่วมมือเพื่อป้องกันการกัดกร่อนฐานภาษีและโอนกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำที่ไทยเข้าร่วม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอนุสัญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1454 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดสงขลา | นร. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีกำหนดจะจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ณ จังหวัดสงขลา ในวันอังคารที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
และตรวจราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ ๕ (จังหวัดชุมพร พัทลุง นครศรีธรรมราช
และสุราษฎร์ธานี) ด้วย นั้น
ขอมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปประสานกับหน่วยงานต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำโครงการต่าง ๆ ตามหน้าที่และอำนาจ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและให้ความช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจการค้าในพื้นที่ดังกล่าวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา
รวมถึงการฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการต่าง ๆ เช่น น้ำประปา ไฟฟ้า
เส้นทางคมนาคมต่าง ๆ ให้เหมาะสมและครบถ้วน เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1455 | โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 5 สายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต-บางปะอิน ของกรมทางหลวง | คค. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมทางหลวงดำเนินโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข
๕ สายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต - บางปะอิน ตามหลักการของโครงการฯ
ที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนได้พิจารณาให้ความเห็นชอบ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณ รวมทั้งความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรจัดทำแผนการบริหารจัดการจราจรระหว่างการก่อสร้างอย่างรอบคอบและรัดกุม |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1456 | อนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์เพื่อการขจัดการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ และการป้องกันการหลบหลีกและการหลีกเลี่ยงรัษฎากร | กค. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างอนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักไทยและราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์
เพื่อการขจัดการเก็บภาษีซ้อนในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้และการป้องกันการหลบหลีกและการหลีกเลี่ยงรัษฎากร
(ฉบับภาษาอังกฤษ)
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างอนุสัญญาฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย
โดยร่างอนุสัญญาฯ เป็นการแก้ไขเพื่อแทนที่อนุสัญญาฉบับเดิม
และทำให้อนุสัญญาฉบับใหม่สอดคล้องกับกรอบความร่วมมือเพื่อป้องกันการกัดกร่อนฐานภาษีและโอนกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำที่ไทยเข้าร่วม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอนุสัญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1457 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 | นร.05 | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีจะลากิจในวันอังคารที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗ ตั้งแต่เวลา ๑๕.๓๐ น.
เป็นต้นไป ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรี ให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1458 | การเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและมีความสำคัญ | นร. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบัญชีร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายและมีความสำคัญ
จำนวน ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์ ศิรินิล)
ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลรายงานว่า
ในคราวประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๗
ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบบัญชีร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและมีความสำคัญ
จำนวน ๑๖ ฉบับ ได้แก่ ๑.
ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน
พ.ศ. .... (สำนักงาน ก.พ.ร.) ๒. ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดียาเสพติด
พ.ศ. .... (สำนักงานศาลยุติธรรม) ๓. ร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... (กระทรวงการคลัง) ๔. ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม
พ.ศ. .... (กระทรวงคมนาคม) ๕. ร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. ....
(กระทรวงสาธารณสุข) ๖.
ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... (กระทรวงการคลัง) ๗. ร่างพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... (สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา) ๘. ร่างพระราชบัญญัติโรงแรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา) ๙.
ร่างพระราชบัญญัติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ. .... (กระทรวงสาธารณสุข) ๑๐. ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... (กระทรวงศึกษาธิการ) ๑๑. ร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พ.ศ. ....
(กระทรวงวัฒนธรรม) ๑๒. ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์
พ.ศ. .... [สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน)] ๑๓.
ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม) ๑๔. ร่างพระราชบัญญัติระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้
พ.ศ. .... (กระทรวงคมนาคม) ๑๕. ร่างพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
(ฉบับที่..) พศ. …. (กระทรวงสาธารณสุข)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1459 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน เพื่อให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองกะลาเส และป่าคลองไม้ตาย ท้องที่ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง เพื่อใช้ประโยชน์ด้านการศึกษาตามภารกิจของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย | อว. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1460 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง. | 24/12/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน
พ.ศ. ๒๕๕๓ บางประการให้มีความเหมาะสมและสอดดล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการการกฤษฎีกา ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นควรให้มีการกำหนดระยะเวลาในงานที่รับไปทำที่บ้านหรือการส่งมอบงานหลังจากที่ดำเนินการแล้วเสร็จ
ให้มีความเหมาะสมตามลักษณะของงานที่รับไปทำที่บ้านแต่ละประเภท การกำหนดให้ผู้จ้างงานต้องจัดทำหลักฐานเกี่ยวกับการรับงานไปทำที่บ้าน
ควรให้ปรับรูปแบบการจัดทำและจัดเก็บเอกสารเป็นในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สามารถเรียกดูข้อมูลได้ตลอดเวลา
เป็นต้น ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ๓.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรยังให้คงผู้แทนของกรมการปกครองเป็นกรรมการในคณะกรรมการคุ้มครองการรับงานไปทำที่บ้าน
และเห็นว่าการแก้ไขบทนิยามให้พนักงานตรวจแรงงานไม่จำเป็นต้องเป็นข้าราชการอาจทำให้บุคคลที่ไม่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าวได้ |