ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 74 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 1461 - 1480 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1461 | ขออนุมัติผ่อนผันการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ระมาด เพื่อสร้างวัดดอยภูกาล่าง ท้องที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก | พศ. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๔
ไร่ ๓ งาน ๒๑ ตารางวา เพื่อสร้างวัดดอยภูกาล่าง ตำบลพะวอ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าจะต้องกำกับดูแลการดำเนินกิจกรรมต่าง
ๆ ให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะตามมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำ
และมาตรการที่นำเสนอไว้ในรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม (EAR) อย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะการอนุรักษ์ดูแลรักษาพื้นที่ป่าต้นน้ำตามวิถีพุทธ การปลูกต้นไม้ทดแทนในบริเวณที่ขออนุญาตและพื้นที่ข้างเคียงที่มีสภาพเสื่อมโทรม
และการปลูกพืชคลุมดินบริเวณที่มีความลาดชัน เป็นต้น
รวมทั้งควรมีมาตรการป้องกันการลักลอบเข้าไปตัดไม้ทำลายป่าบริเวณใกล้เคียงที่ยังมีสภาพป่าไม้สมบูรณ์
และมาตรการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินตามแนวเส้นทางเข้าสู่โครงการ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1462 | พิธีสารฉบับที่หนึ่งเพื่อแก้ไขความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง (First Protocol to Amend ASEAN–Hong Kong, China Free Trade Agreement) | พณ. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1463 | ร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานที่ใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอทในกระบวนการผลิตและห้ามใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอทในกระบวนการผลิต พ.ศ. .... | อก. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง
ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานที่ใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอทในกระบวนการผลิตและห้ามใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอทในกระบวนการผลิต
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการห้ามตั้งหรือขยายโรงงานที่ใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอทในกระบวนการผลิตและห้ามใช้ปรอทหรือสารประกอบปรอทในกระบวนการผลิตในโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานเพื่อเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1464 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีในการสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศ) | กค. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการลดอัตราภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยที่เคยทำงานอยู่ในต่างประเทศและเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยในสาขาตามความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมายและยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ได้จ่ายเงินเดือนให้แก่บุคคลธรรมดาที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย
เพื่อดึงดูดคนไทยที่มีศักยภาพสูงและมีความเชี่ยวชาญในสาขาตามความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ตามกฎหมายว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน กฎหมายว่าด้วยเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศ
ซึ่งจะทำให้มีบุคลากรที่มีศักยภาพและมีความเชี่ยวชาญในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น
กระตุ้นให้เกิดการลงทุนและการจ้างงาน
ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1465 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.01 | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
1466 | มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี 2567/2568 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง และฝนทิ้งช่วง ปี 2568 | นร.14 | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี
๒๕๖๗/๒๕๖๘
และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง
และฝนทิ้งช่วง ปี ๒๕๖๘ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวแล้วรายงานให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบต่อไป
โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑.๑ มาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบการดำเนินการให้หน่วยงานของรัฐอันได้รับการปรับปรุงมาจากการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำฤดูแล้ง
ปี ๒๕๖๖/๒๕๖๗
แต่การดำเนินการของมาตรการส่วนใหญ่ยังคงเดิมและปรับลดมาตรการที่มีความซ้ำซ้อนกัน
ยกเว้นมาตรการที่ ๒ ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จากเดิม “ปฏิบัติการเติมน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ”
เป็น
“สร้างความมั่นคงน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตรพร้อมปฏิบัติการเติมน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ”
และเพิ่มกลไกย่อยภายใต้มาตรการเพื่อให้สามารถรองรับพื้นที่ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากปีที่ผ่านมา
รวมทั้งนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้มาตรการมีประสิทธิภาพมากขึ้น
๑.๒ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงปี
๒๕๖๘ เป็นการกำหนดแนวทางให้หน่วยงานต่าง ๆ
เสนอโครงการช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ
ที่มีความสอดคล้องกับมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณ
โดยมีข้อกำหนดในการเสนอแผนงานโครงการ เช่น
ต้องเป็นแผนงานโครงการที่ในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลน้ำต้องระบุที่ตั้งพร้อมพิกัดของโครงการได้ชัดเจน
ต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัดและแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี
เป็นต้น ๒. ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดลำดับความสำคัญของพื้นที่และโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อให้สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวได้ตรงตามความต้องการและทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งควรประสานส่วนราชการจังหวัดและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นให้เร่งรัดดำเนินการเตรียมแผนงานโครงการให้มีความพร้อมโดยเร็ว และควรเพิ่มช่องทางในการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายและภาคส่วนต่าง ๆ ให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการรองรับฤดูแล้ง ปี ๒๕๖๗/๒๕๖๘ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1467 | ประเทศไทยตอบรับเชิญเข้าเป็นประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (BRICS Partner Country) | กต. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
1468 | ขออนุมัติในหลักการเพื่อจ่ายเงินค่าชดเชยเป็นกรณีพิเศษแก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปะทาว จังหวัดชัยภูมิ | พน. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการเพื่อจ่ายเงินค่าชดเชยเป็นกรณีพิเศษในรูปค่าขนย้ายให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปะทาว
จังหวัดชัยภูมิ โดยอนุมัติจ่ายเงินค่าชดเชยฯ ไร่ละ ๓๒,๐๐๐ บาท
ตามมติคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปะทาว
จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งประกอบด้วยบัญชีรายชื่อราษฎรที่ได้รับผลกระทบฯ จำนวน ๔ บัญชี
(บัญชีที่ ๓, ๔, ๕ และ ๖) จำนวน ๑๓๑
ราย เนื้อที่รวม ๑,๖๙๑.๔๗ ไร่ เป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๔๘,๘๘๗,๘๔๐ บาท ปรับเนื้อที่ผลการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศของผู้ที่ครอบครองและทำประโยชน์ของราษฎรที่มีเนื้อที่ไม่ถึง
๑ ไร่ ให้ปรับเป็น ๑ ไร่ หากมีเนื้อที่เกิน ๑ ไร่ ให้คิดตามความเป็นจริง และให้กระทรวงพลังงานใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อจ่ายเงินค่าชดเชยเป็นกรณีพิเศษในรูปค่าขนย้ายให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนลำปะทาว
จังหวัดชัยภูมิ เป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๔๘,๘๘๗,๘๔๐ บาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงพลังงาน
(กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงาน
(กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าหากพื้นที่ดำเนินโครงการอยู่ในเขตพื้นที่ป่า
ขอให้ดำเนินการยื่นขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1469 | การเข้าร่วมเป็นสมาชิก Climate Market Club ของประเทศไทย | ทส. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1470 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียและกลุ่มอัล ชาบับ (Al - Shabaab) | กต. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
1471 | ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการประกอบธุรกิจให้บริการออกใบรับรองลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... | ดศ. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมถอนร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการประกอบธุรกิจให้บริการออกใบรับรองลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตามที่เสนอได้
และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1472 | ขออนุมัติผ่อนผันการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูแลนคาด้านทิศเหนือ เพื่อสร้างวัดชัยภูมิพิทักษ์ (ผาเกิ้ง) ท้องที่ตำบลกุดชุมแสง อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ | พศ. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ตามมติคณะรัฐนตรีที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๑๕ ไร่ เพื่อสร้างวัดชัยภูมิพิทักษ์
(ผาเกิ้ง) ตำบลกุดชุมแสง อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าหากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้รับอนุญาตให้เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่แล้ว
ขอให้จำกัดพื้นที่ดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
และจะต้องปฏิบัติตามมาตรการการใช้ที่ดินในเขตลุ่มน้ำและมาตรการที่นำเสนอไว้ในรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1473 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ครั้งที่ 1/2567 | นร.01 | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๗ ยกเว้นในส่วนของเรื่อง
เห็นชอบการขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการโดยรัฐ ด้านสวัสดิการกลุ่มเปราะบาง และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
ตามที่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม คณะอนุกรรมการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงยุติธรรมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการดำเนินการใด
ๆ ในพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย กระทรวงยุติธรรม เห็นว่าประเด็นที่ ๑ และประเด็นที่
๒ เห็นพ้องให้คณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย คดีความและกระบวนการยุติธรรม
ดำเนินการตามมติของการประชุมคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม (เดิม)
และเห็นควรให้ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมต่อไป ๒ ในส่วนของเรื่อง เห็นชอบการขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการโดยรัฐ
ด้านสวัสดิการกลุ่มเปราะบาง เห็นชอบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับไปพิจารณาให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและข้อเสนอนโยบายตามมติคณะรัฐมนตรี
(๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งต่อไป
ตามความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของของมนุษย์ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1474 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด พ.ศ. .... | มท. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
ในท้องที่ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
แปลง “ตะกาดคลองเจดีย์สาธารณประโยชน์” ในท้องที่ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่
จังหวัดตราด เนื้อที่ประมาณ ๓๖ ไร่ ๑ งาน ๖๑ ตารางวา เพื่อมอบหมายให้องค์การบริหารส่วนตำบลไม้รูดใช้เป็นพื้นที่ดำเนินโครงการระบบจัดการขยะ
เพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงและปุ๋ยอินทรีย์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรจัดเตรียมสถานที่แหล่งรับซื้อเชื้อเพลิงขยะบริเวณใกล้เคียงไว้ด้วย
เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการดำเนินโครงการและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1475 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดเพชรบุรี เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ พ.ศ. .... | ทส. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดเพชรบุรี
เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตามที่เสนอได้
และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1476 | ความตกลงว่าด้วยกรอบข้อบังคับด้านความปลอดภัยอาหารอาเซียน (ASEAN Food Safety Regulatory Framework Agreement; AFSRF Agreement) | กษ. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบความตกลงว่าด้วยกรอบข้อบังคับด้านความปลอดภัยอาหารอาเซียน (ASEAN Food
Safety Regulatory Framework Agreement ; AFSRF Agreement) ซึ่งได้มีการลงนามแล้ว
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางการดำเนินการทั้งหมดที่ครอบคลุมและมีการบูรณาการเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหารของประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองสุขภาพของผู้บริโภคและอำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายอย่างเสรีของอาหารปลอดภัยในอาเซียนบนพื้นฐานของหลักการ
๑๐ ข้อ ของนโยบายความปลอดภัยอาหารของอาเซียน (ASEAN Food Safety Policy :
AFSP) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการมอบสัตยาบันสารของความตกลงฯ
ให้แก่เลขาธิการอาเซียนเพื่อรับทราบการให้สัตยาบัน
เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบความตกลงฯ ดังกล่าวแล้ว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1477 | การแต่งตั้งประธานผู้แทนการค้าไทย | นร.04 | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้ง นางนลินี ทวีสิน
ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย เป็นประธานผู้แทนการค้าไทย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๔๓๘/๒๕๖๗ เรื่อง แต่งตั้งประธานผู้แทนการค้าไทย ลงวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1478 | การแต่งตั้งผู้ว่าการการประปานครหลวง (นางสาวสุวรา ทวิชศรี) | มท. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางสาวสุวรา ทวิชศรี
เป็นผู้ว่าการการประปานครหลวง โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในปีแรกอัตราเดือนละ ๓๘๐,๐๐๐ บาท
และสิทธิประโยชน์อื่นตามที่กระทรวงการคลัง ให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้
ตามมติคณะกรรมการการประปานครหลวง ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๗
สิงหาคม ๒๕๖๗ และครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1479 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการ "Easy E-Receipt 2.0") | กค. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการ “Easy E-Receipt 2.0”)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในราชอาณาจักรจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้สูงสุดรวม
๕๐,๐๐๐ บาท สำหรับค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการทั่วไป
(รวมค่าซื้อสินค้า OTOP และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจเพื่อสังคม)
ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ หากเกิน
๓๐,๐๐๐ บาท ให้ลดหย่อนสำหรับค่าซื้อสินค้า OTOP ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชน และวิสาหกิจเพื่อสังคมที่ได้จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนและกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
ได้อีกตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้
มาตรการดังกล่าวมีผลใช้บังคับได้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๒๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ และจะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์
(e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากรเท่านั้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงการคลังสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1480 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (ศาสตราจารย์ชูกิจ ลิมปิจำนงค์) | อว. | 24/12/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง ศาสตราจารย์ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ เป็นผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(ตามมติคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการประชุม ครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๗
เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) ตามความในมาตรา ๑๓
แห่งพระราชบัญญัติพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. ๒๕๓๔ ต่อไปอีก ๑ วาระ ตั้งแต่วันที่
๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๗๑ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. ที่เห็นว่า ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
(สวทช.) จะต้องปฏิบัติงานตามวัตถุประสงค์ เป้าหมาย
ตัวชี้วัดและผลผลิตตามที่คณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติเห็นชอบ
เพื่อให้การดำเนินภารกิจของ สวทช. บรรลุผลสัมฤทธิ์และตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนและพัฒนาระบบนิเวศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (S&T Ecosystem) ซึ่งต้องมีกลไกการทำงานที่สอดคล้อง
เชื่อมโยง ลดความซ้ำซ้อน และมุ่งเน้นการบูรณาการระหว่างหน่วยงาน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|