ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 78 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 1541 - 1560 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1541 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 พ.ศ. .... | สธ. | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการอนุญาตจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท
๒ หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท ๒ หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท
๒ และกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1542 | ขออนุมัติทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ในการเปลี่ยนแปลงหน่วยรับการสนับสนุนงบประมาณการดำเนินโครงการ "สานใจไทย สู่ใจใต้" จากมูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็น มูลนิธิ "สานใจไทย สู่ใจใต้" | นร.52 | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการ “สานใจไทย
สู่ใจใต้” และเห็นชอบให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี
เป็นเงินอุดหนุนให้แก่มูลนิธิรัฐบุรุษ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ภายในกรอบวงเงิน ๑๑,๐๘๒,๐๐๐ บาทต่อปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นต้นไป เปลี่ยนเป็น เห็นชอบในหลักการสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการ “สานใจไทย
สู่ใจใต้” และเห็นชอบให้ ศอ.บต. เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี
เป็นเงินอุดหนุนให้แก่มูลนิธิ “สานใจไทย สู่ใจใต้” ภายในกรอบวงเงิน ๑๑,๐๘๒,๐๐๐ บาทต่อปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
เป็นต้นไป ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรให้ ศอ.บต.
ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1543 | นายกรัฐมนตรีลาป่วยในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 | นร.05 | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี
แจ้งว่า นายกรัฐมนตรีได้ลาป่วยในวันพฤหัสบดีที่
๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรีให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
และแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1544 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นางลาลีวรรณ กาญจนจารี และนายนิยม เติมศรีสุข) | นร.04 | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางลาลีวรรณ กาญจนจารี และนายนิยม
เติมศรีสุข เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1545 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (1. พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | นร.04 | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๓ ราย
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม
เวชยชัย) ๒. นายคารม พลพรกลาง ดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1546 | ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดียาเสพติด พ.ศ. .... | ศย. | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดียาเสพติด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดียาเสพติด
โดยยกฐานะแผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์ขึ้น
เพื่อพิจารณาพิพากษาคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในชั้นอุทธรณ์ในเขตตลอดท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ ๓. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรพิจารณาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมกับสถานการณ์
เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรพิจารณาเกลี่ยอัตรากำลังไปปฏิบัติงานในแผนกคดียาเสพติดในศาลอุทธรณ์เพิ่มเติมก่อนเป็นลำดับแรก
เพื่อรองรับปริมาณงานคดียาเสพติดที่ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงแรก
และควรพิจารณาเชื่อมโยงระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (Court Integral Online Service) เข้ากับแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการให้บริการประชาชนยิ่งขึ้นต่อไป
พร้อมทั้งสื่อสารและประชาสัมพันธ์ช่องทางในการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนทราบด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1547 | การเร่งรัดการดำเนินการและการบูรณาการการทำงานร่วมกันของกระทรวงต่าง ๆ | นร.04 | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
มีประเด็นหารือหลายเรื่องที่กระทรวงต่าง ๆ
จะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุผลตามนโยบายที่ได้กำหนดไว้
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑.
ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณของทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุน และให้สำนักงาน ก.พ.ร.
เร่งรัดติดตามผลการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัด (KPI) ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดังกล่าวในเรื่องเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณซึ่งจะเป็นกลไกในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ประการหนึ่ง
แล้วรายงานผลต่อนายกรัฐมนตรีโดยเร็วด้วย ๒.
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐระหว่างกันให้แล้วเสร็จ
ครบถ้วนโดยเร็ว เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายปฏิรูประบบราชการให้ทันสมัยในระบบดิจิทัล (Digital Government) ของรัฐบาลต่อไป ๓.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาและพิจารณากำหนดมาตรการรองรับการขยายตัวของเมืองและการปรับผังเมืองของพื้นที่จังหวัดต่าง
ๆ รวมถึงพื้นที่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วย เพื่อให้สามารถรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมได้อย่างเหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1548 | การรับรองร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ของการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 10 | กต. | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ของการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง ครั้งที่ ๑๐
(Vientiane Declaration of the
10th Ayeyawady - Chao Phraya - Mekong
Economic Cooperation Strategy : ACMECS) และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ฯ
ตามที่ประเทศสมาชิกมีฉันทามติ ในการประชุมผู้นำ ACMECS ครั้งที่
๑๐ โดยร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ฯ มีสาระสำคัญเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในระดับผู้นำของ
ACMECS ต่อพัฒนาการของกลไกภายใต้ ACMECS และเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมผู้นำ ACMECS ครั้งที่
๑๐
โดยไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
รวมทั้งไม่มีการลงนามในร่างเอกสารดังกล่าว จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1549 | กรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการและจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.12 | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบกรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการและจังหวัด ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการในการประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๗ เมื่อวันที่
๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๗ มีมติเห็นชอบกรอบการประเมิน ของส่วนราชการและจังหวัด
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘
ซึ่งเป็นการมุ่งเน้นการบูรณาการการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายนโยบายรัฐบาล
มติคณะรัฐมนตรี แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ และแผนระดับอื่น ๆ
ผ่านกลไกคณะกรรมการกำกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการและจังหวัด โดยมีรายละเอียดเช่นเดียวกับปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ แต่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางหัวข้อของกรอบการประเมินฯ ได้แก่
องค์ประกอบการประเมิน กลุ่มเป้าหมายการประเมิน และเกณฑ์การประเมิน ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1550 | การสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาบริหารและสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ในการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ 28 | ดศ. | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ประเทศไทยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาบริหารและสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ในการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์
สมัยที่ ๒๘ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขอเสียง/แลกเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกของสหภาพสากลไปรษณีย์
ในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาบริหารและสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ของประเทศไทย ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ
รวมถึงรายได้หรือเงินอื่นใดของหน่วยงานที่ดำเนินการมีอยู่ในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1551 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา สมัยพิเศษ และการประชุมครอบครัวแห่งเอเชีย (Special AFC-AMMSWD Meeting) | พม. | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ดังนี้
๑.๑
เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมสำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา
สมัยพิเศษ เรื่อง
“ความร่วมมือเพื่อความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับสถานภาพของครอบครัวในประเทศสมาชิกอาเซียน
(Joint
Statement of the Special ASEAN Ministerial Meeting on Social Welfare and
Development “Collaboration on Understanding the State of ASEAN Families”) โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการตระหนักรู้ถึงการเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรในระดับภูมิภาคอาเซียน
การสนับสนุนให้ประเทศอาเซียนได้ปฏิบัติงานร่วมกันเพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางประชากร
โดยมุ่งมั่นที่จะดำเนินการร่วมกันเพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ครอบครัวอาเซียนผ่านวิธีการต่าง
ๆ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนข้อมูล แนวโน้ม และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวอาเซียน
การส่งเสริมการวิจัยที่เน้นครอบครัวเป็นศูนย์กลาง
และการสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการทำงานร่วมกับหุ้นส่วนนักวิจัยในระดับภูมิภาคอาเซียนเพื่อให้เกิดความเข้าใจในเชิงลึกเกี่ยวกับสถานะของครอบครัวอาเซียนในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
๑.๒
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา
สมัยพิเศษ เรื่อง “ความร่วมมือเพื่อความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับสถานภาพของครอบครัวในประเทศสมาชิกอาเซียน
(Joint
Statement of the Special ASEAN Ministerial Meeting on Social Welfare and
Development “Collaboration on Understanding the State of ASEAN Families”) และการประชุมครอบครัวแห่งเอเชีย (Special AFC-AMMSWD Meeting) ให้การรับรอง (adopt) ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในวันอังคารที่
๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ๒.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสถิติแห่งชาติที่เห็นควรมีการสร้างข้อตกลงในเรื่องการแบ่งปันข้อมูล
โดยคำนึงถึงหลักการในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Privacy Principles) และควรมีการเตรียมกลไกสำหรับการให้ข้อมูลและความคิดเห็นอย่างต่อเนื่องในช่วงการทบทวนข้อกำหนด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1552 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสุดยอดผู้นำ ครั้งที่ 8 แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) | นร.11 สศช | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการรับรองในการประชุมสุดยอดผู้นำ
ครั้งที่ ๘ แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (Greater Mekong Subregion Economic Cooperation Program :
แผนงาน GMS) ได้แก่ ๑)
ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมสุดยอดผู้นำ ครั้งที่ ๘
แผนงาน GMS และ ๒)
ร่างยุทธศาสตร์นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง พ.ศ. ๒๕๗๓ โดยนายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเข้าร่วมการประชุมร่วมกับผู้นำประเทศลุ่มแม่น้ำโขงให้การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมทั้ง ๒
ฉบับ โดยไม่มีการลงนาม และให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
(นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
ปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีประจำแผนงาน GMS เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ
ครั้งที่ ๘ แผนงาน GMS โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการจัดเตรียมแผนปฏิบัติการเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัล
พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๗๐ การศึกษาเพื่อประเมินและปรับปรุงยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนในบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ของแผนงาน GMS การเปิดตัวความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงอีกครั้งและขยายระยะเวลาโครงการระยะแรกไปจนถึงสิ้น
พ.ศ. ๒๕๖๙ และการจัดทำแนวทางเชิงกลยุทธ์สำหรับการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในแผนงาน GMS
โดยเน้นแนวทางที่ส่งเสริมและขับเคลื่อนด้วยผลลัพธ์สำหรับการหารือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน
และร่างยุทธศาสตร์นวัตกรรมฯ มีสาระสำคัญเพื่อเร่งรัดกระบวนการที่มุ่งสู่การบรรลุกรอบยุทธศาสตร์แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
พ.ศ. ๒๕๗๓ ผ่านการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การส่งเสริมให้เกิดระบบนวัตกรรมที่สามารถจัดการกับความท้าทายของอนุภูมิภาคและการสนับสนุนการพัฒนาสภาพแวดล้อมที่มีพลวัต
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ การประชุมสุดยอดผู้นำ ครั้งที่
๘ แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ จำนวน ๒ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1553 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย พ.ศ. .... | มท. | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย
โดยจะกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมให้แตกต่างกัน โดยคำนึงถึงปริมาณสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย
ระยะเวลาการจัดเก็บ ลักษณะการเก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย
รวมทั้งต้นทุนและความคุ้มค่าในการจัดเก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย
เพื่อให้การจัดเก็บค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วนอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรี
ที่เห็นควรใช้มาตรการอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนคัดแยกขยะ เช่น ค่าธรรมเนียม
สำหรับขยะที่สามารถนำมาใช้ใหม่ควรกำหนดให้มีอัตราที่ต่ำกว่า
รวมทั้งรณรงค์และสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนมีระบบการคัดแยกขยะตามครัวเรือนและที่อยู่อาศัย
และส่งเสริมให้เอกชนที่เข้ามารับงานเก็บขยะแทนราชการส่วนท้องถิ่น
ใช้เทคโนโลยีเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการประหยัดพลังงานหรือการใช้พลังงานสะอาด
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลการออกข้อบัญญัติของราชการส่วนท้องถิ่น
โดยคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนเป็นสำคัญซึ่งต้องไม่ซ้ำซ้อนและเป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร
และมีความสอดคล้องกับกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาต
หนังสือรับรองการแจ้งและการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๕๙
ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น กระทรวงสาธารณสุข เห็นควรมีแผนเตรียมการรองรับการขับเคลื่อนและสนับสนุนราชการส่วนท้องถิ่นในการดำเนินการเก็บ
ขน หรือกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยให้ถูกต้องด้วยสุขลักษณะตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด
รวมถึงการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1554 | การศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการนำที่ดินในความครอบครองของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐมาสร้างที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน | นร. | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่มีที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ
ในขณะที่ยังมีที่ดินในความครอบครองของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ให้กับประชาชนในด้านที่อยู่อาศัยได้
ดังนั้น จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้งคณะทำงานขึ้น
เพื่อศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการนำที่ดินในความครอบครองของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐมาสร้างที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนโดยกำหนดให้กรรมสิทธิ์ยังคงเป็นของรัฐ
รวมถึงการอนุญาตให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐสามารถทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์อิงสิทธิได้เป็นระยะเวลายาวนานมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
เพื่อเพิ่มโอกาสที่สถาบันการเงินจะพิจารณาให้สินเชื่อกับประชาชนกลุ่มดังกล่าวได้มากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1555 | รายงานผลการเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน | พน. | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1556 | การขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐานในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 | นร.01 | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๙๘,๕๐๓,๗๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)
มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย
เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ โดยเบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1557 | การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 6 (6th Greater Mekong Subregion Environment Ministers' Meeting : GMS EMM-6) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส. | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
ครั้งที่ ๖ (6th
Greater Mekong Subregion Environment Ministers’ Meeting : GMS EMM-6) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) GMS 2030
Strategic Framework for Accelerating Climate Action and Environmental
Sustainability (๒)
ร่างแถลงการณ์ร่วมกรุงพนมเปญว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากพลาสติกในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
และ (๓)
ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม
GMS EMM-6 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องทั้ง ๓ ฉบับ โดยเอกสารผลลัพธ์การประชุม
GMS EMM-6 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องทั้ง ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความมุ่งมั่นของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในการส่งเสริมการดำเนินงานเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
การแก้ไขปัญหาและประเด็นความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมอื่น รวมถึงขยะพลาสติก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารผลลัพธ์การประชุม GMS EMM-6 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนรับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1558 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน (กรณีรายได้ไม่พอสำหรับจ่าย) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค. | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน (กรณีรายได้ไม่พอสำหรับรายจ่าย) ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ รวมจำนวน ๘,๕๔๐.๗๓ ล้านบาท
และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ กำหนดวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข
และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคม องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๐๗๐๙/๖๗๑๘ ลงวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๗)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ นร ๑๑๒๔/๓๒๑๐ ลงวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๗) ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรมอบหมายให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
(ขสมก.) เร่งดำเนินการปรับปรุงแผนขับเคลื่อนกิจการ ขสมก. โดยให้นำความเห็นของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจไปดำเนินการต่อไป
ให้กระทรวงคมนาคม
และกรมการขนส่งทางบกดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาฯ
ในประเด็นการกำหนดบทบาทของ ขสมก.
ให้ชัดเจนในกรณีที่มีผู้ประกอบการเอกชนสามารถให้บริการได้ดี และกำหนดเส้นทางเดินรถของ
ขสมก. ให้สอดคล้องกับบทบาทดังกล่าว และในระหว่างการจัดทำแผนขับเคลื่อนกิจการ ขสมก.
ขอให้กระทรวงคมนาคมกำกับให้ ขสมก. เร่งดำเนินมาตรการต่าง ๆ
เพื่อลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ขององค์กร เช่น การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ แผนการศึกษาพัฒนาพื้นที่เชิงธุรกิจ
ตลอดจนการปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความกระชับ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1559 | การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 29 (COP 29) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน | ทส. | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
1560 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (1. พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก ฯลฯ จำนวน 11 ราย) | นร.04 | 05/11/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี จำนวน ๑๑
ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก ๒. พลตำรวจตรี สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ๓. นางสาวณหทัย ทิวไผ่งาม ๔. นายนิยม เวชกามา ๕. นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ๖. นายเอกพร รักความสุข ๗. นายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ๘. นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ๙. นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ๑๐. นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์
|