ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 719 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 14361 - 14380 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
14361 | รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการของคณะอนุกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการกลุ่มจังหวัด (อ.ค.ต.ป. กลุ่มจังหวัด) เรื่อง การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ | นร12 | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการของคณะอนุกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการกลุ่มจังหวัด (อ.ค.ต.ป. กลุ่มจังหวัด) เรื่อง การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ โดย อ.ค.ต.ป. กลุ่มจังหวัดได้ตรวจสอบและประเมินผลการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง ๑๐ แห่ง (ตาก เชียงราย มุกดาหาร สระแก้ว สงขลา ตราด หนองคาย นราธิวาส นครพนม และกาญจนบุรี) และได้ทราบถึงปัญหาอุปสรรคในการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ อ.ค.ต.ป. กลุ่มจังหวัดจึงได้ศึกษาและวิเคราะห์ปัญหา รวมถึงได้เปรียบเทียบกับกรณีการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ ตลอดจนได้วิเคราะห์และเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จึงได้มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อให้การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษบรรลุตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด ได้แก่ (๑) การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนของพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ (๒) การกำหนดให้มีกฎหมายเฉพาะรองรับเพื่อบริหารจัดการภายในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และ (๓) การกำหนดเจ้าภาพรับผิดชอบเต็มเวลา โดยจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นมาเพื่อรับผิดชอบ กำกับดูแล และติดตามการดำเนินการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษในแต่ละพื้นที่เป็นการเฉพาะ นอกจากนี้ มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในประเด็นอื่น ๆ เช่น การกำหนดมาตรการจูงใจให้มีการลงทุนเพิ่มเติม การสร้างความรู้ความเข้าใจกับส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และประชาชนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมทวิภาคีหรือพหุภาคีระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีแนวชายแดนเชื่อมต่อกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการจัดทำข้อตกลงระหว่างประเทศที่เอื้อประโยชน์ต่างตอบแทนซึ่งกันและกัน ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของ อ.ค.ต.ป. กลุ่มจังหวัด รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงาน ก.พ. เช่น ควรกำหนดเป้าหมายของแต่ละเศรษฐกิจพิเศษ โดยคำนึงถึงความได้เปรียบเสียเปรียบในเชิงการค้า และศักยภาพของกลุ่มจังหวัดทั้งของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ควรสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเป้าหมายเชิงนโยบายของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้แก่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และอาจพิจารณาตัดโอนอัตราข้าราชการที่เพิ่มใหม่เพื่อรองรับการปฏิบัติภารกิจที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษมากำหนดเป็นอัตรากำลังของสำนักงานพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. สำหรับกรณีที่ อ.ค.ต.ป. กลุ่มจังหวัด มีข้อเสนอแนะให้จัดตั้งสำนักงานพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในแต่ละพื้นที่เป็นการเฉพาะ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ เสนอคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสำนักงานดังกล่าว ทั้งนี้ ในกรณีที่พิจารณาแล้วเห็นว่า มีความเหมาะสมในการจัดตั้งสำนักงานดังกล่าว ให้ดำเนินการให้ถูกต้องและเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้คำนึงถึงแนวทางการจัดตั้งองค์กรหรือหน่วยงานใหม่ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง การขอจัดตั้งหน่วยงานตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14362 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนามระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 24 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | คค | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑. เห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนามระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ ๒๔ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ ๘-๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร โดยเป็นเอกสารที่จะมีการรับรอง จำนวน ๔ ฉบับ และเอกสารที่จะมีการลงนาม จำนวน ๒ ฉบับ รวม ๖ ฉบับ ได้แก่ (๑) แนวทางการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยของเรือที่ไม่อยู่ภายใต้การบังคับของอนุสัญญา (๒) แผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันของภูมิภาคอาเซียน (๓) มาตรฐานและวิธีการปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (๔) แผนงานความร่วมมือด้านการขนส่งอาเซียน-จีน ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๓ (๕) ร่างพิธีสาร ๔ ว่าด้วยสิทธิการบินเชื่อมจุดในประเทศสมาชิกอาเซียน และ (๖) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยและการตรวจควบคุมเรือที่ไม่อยู่ภายใต้การบังคับของอนุสัญญาระหว่างประเทศในประเทศสมาชิกอาเซียน ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารฯ ตามข้อ ๑.๑ (๑)-(๔) ๑.๓ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมลงนามในเอกสารฯ ตามข้อ ๑.๑ (๕) แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบเอกสารดังกล่าว ก่อนแสดงเจตนาการมีผลผูกพันของเอกสารต่อไป ๑.๔ ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Power) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ๑.๕ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการมอบสัตยาบันสารของเอกสารตามข้อ ๑.๑ (๕) ให้แก่เลขาธิการอาเซียนเพื่อรับทราบการให้สัตยาบัน เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบเอกสารดังกล่าวแล้ว ๑.๖ ให้อธิบดีกรมเจ้าท่าหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามเอกสารตามข้อ ๑.๑ (๖) ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่าร่างเอกสารส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนาม ซึ่งเป็นเอกสารที่มิได้ใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศกับเป็นเอกสารการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งเป็นเพียงเอกสารที่แสดงเจตนาเพื่อความร่วมมือระหว่างอาเซียน และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย จึงไม่เข้าลักษระการเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สำหรับร่างพิธีสาร ๔ ว่าด้วยสิทธิการบินเชื่อมจุดในประเทศสมาชิกอาเซียน เป็นเอกสารที่มีการใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้ให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ จึงเข้าลักษณะการเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนั้นต้องได้รับความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม ในชั้นการให้สัตยาบันร่างพิธีสารฯ ซึ่งเป็นการแสดงเจตนาเพื่อให้มีผลผูกพัน คณะรัฐมนตรีจะต้องเสนอร่างพิธีสารฯ เพื่อขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติก่อนการให้สัตยาบันร่างพิธีสารฯ ไปดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14363 | ขอความเห็นชอบและลงนามร่างพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ว่าด้วยการขยายเส้นทางบิน | คค | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ว่าด้วยการขยายเส้นทางบิน มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายความเชื่อมโยงทางอากาศระหว่าง ๓ ประเทศ เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของการให้บริการเดินอากาศภายในอนุภูมิภาค โดยให้มีการขยายเส้นทางบิน การให้สิทธิและการทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกันกับเส้นทางภายในประเทศ และการอนุญาตการแต่งตั้งสายการบินที่กำหนดหลายสายการบิน โดยมีกำหนดการลงนามร่างพิธีสารฯ ในการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ ๒๔ ระหว่างวันที่ ๘-๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ร่วมลงนามในร่างพิธีสารฯ และเมื่อลงนามแล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบเอกสารดังกล่าว ก่อนแสดงเจตนาการมีผลผูกพันของเอกสารต่อไป ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย สำหรับการลงนามในร่างพิธีสารฯ ๑.๔ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งยืนยันการมีผลใช้บังคับของร่างพิธีสารฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างความเข้าใจให้แก่สายการบินเกี่ยวกับประโยชน์และผลกระทบที่จะได้รับจากการแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการแข่งขันที่อาจเกิดขึ้น และขยายโอกาสในการทำการบินไปยังเส้นทางในอนุภูมิภาค รวมถึงพิจารณากำหนดมาตรการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสายการบินของไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันและการให้บริการรับขนผู้โดยสาร รวมทั้งกำหนดกลไกการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นต่ออุตสาหกรรมสายการบินภายในประเทศจากการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศด้านการขนส่งทางอากาศต่าง ๆ ที่มีการลงนามแล้ว เพื่อนำไปสู่การพิจารณากำหนดแนวทางการทบทวนความตกลงฯ ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการบินและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของไทยในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14364 | กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรี (ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2561) | นร04 | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีมีบัญชาเกี่ยวกับการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๑ ดังนี้
๑. โดยที่นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๓ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันอังคารที่ ๑๓-วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ดังนั้น การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) จะทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมแทน ทั้งนี้ ตามนัยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๒๒/๒๕๖๐ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน ลงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ ๒. สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ นั้น โดยที่นายกรัฐมนตรีมีกำหนดจะเดินทางเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันอังคารที่ ๒๗-วันพุธที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ จึงให้เลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ไปเป็นวันจันทร์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14365 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมผู้นำ RCEP ครั้งที่ 2 ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 และขออนุมัติเป็นหลักการให้จ่ายเงินอุดหนุนสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ในการดำเนินโครงการจัดทำระบบรักษาความลับข้อมูลเกี่ยวกับ RCEP | พณ | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมผู้นำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Joint Leaders’ Statement on the Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) ครั้งที่ ๒ รวมทั้งเอกสารประกอบที่แนบหรือที่อ้างอิง ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๓ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของ RCEP ว่าเป็นความตกลงที่ทันสมัยเพื่ออำนวยความสะดวก สร้างสภาวะแวดล้อมทางการค้าและการลงทุน และเร่งสรุปผลการเจรจา RCEP ให้แล้วเสร็จโดยเร็วในประเด็นต่าง ๆ เช่น การค้าสินค้า พิธีการศุลกากร มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช เป็นต้น ๑.๒ เห็นชอบการเข้าร่วมการแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายในการประชุมผู้นำ RCEP ครั้งที่ ๒ ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๓ ๑.๓ อนุมัติให้จ่ายเงินอุดหนุนสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการจัดทำระบบรักษาความลับข้อมูลเกี่ยวกับ RECP (RCEP Secured Online Platform) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบออนไลน์ในการสนับสนุนด้านความปลอดภัยในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวกับการเจรจา RCEP โดยจะดำเนินการช่วงเดือนมกราคม-เมษายน ๒๕๖๒ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินโครงการจัดทำระบบรักษาความลับข้อมูลเกี่ยวกับ RCEP งวดแรก จำนวน ๑,๖๒๕ ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๕๓,๖๒๕ บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๓ บาท) เห็นควรให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ส่วนงวดถัดไป (ทุก ๒ ปี) จำนวน ๒๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๘,๒๕๐ บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๓ บาท) เพื่อเป็นค่าบำรุงรักษาระบบ เห็นควรให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14366 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมตามมาตรา 12 (1) ประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียวเป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... | ตช | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมตามมาตรา ๑๒ (๑) ประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว เป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราของคนต่างด้าวซึ่งประสงค์จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยวเป็นเวลาไม่เกินสิบห้าวัน ในกรณียื่นขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa On Arrival) โดยจากให้มีการเก็บอัตราค่าธรรมเนียมประเภทนักท่องเที่ยว ชนิดใช้ได้ครั้งเดียว จำนวนเงิน ๒,๐๐๐ บาท ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๐ (พ.ศ. ๒๕๕๙) ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ เป็นให้ยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นการชั่วคราว ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปประเมินผลดีและความคุ้มค่าในการยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นการชั่วคราวตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14367 | แก้ไขเพิ่มเติมประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง | กษ | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การออกหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะ มายื่นคำขอรับหนังสือคนประจำเรือ เพื่ออยู่ในราชอาณาจักรและทำงานกับนายจ้างในกิจการประมงทะเล ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ .. พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณาเกี่ยวกับบทอาศัยอำนาจในการออกกฎหมายลำดับรองตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) เป็นหน่วยงานหลัก และให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) กระทรวงแรงงาน (กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน) กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดชายทะเล ๒๒ จังหวัด และศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ให้การสนับสนุนการเปิดศูนย์เพื่อจดทะเบียนและออกหนังสือคนประจำเรือสำหรับแรงงานต่างด้าวเพื่อทำงานในเรือประมง ๓. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมอบอำนาจในการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว (Non-immigrant) รหัส L-A ให้กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในการดำเนินการตรวจลงตราให้กับแรงงานต่างด้าวที่ถือหนังสือเดินทาง เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือหนังสือรับรองสถานะบุคคลของคนต่างด้าวที่ได้รับหนังสือคนประจำเรือตามกฎหมายว่าด้วยการประมง ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงแรงงาน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินกระบวนการและสนับสนุนเพื่อให้การขออนุญาตทำงานและการอนุญาตให้ทำงานของแรงงานต่างด้าวในเรือประมงสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนแรงงานทำงานในเรือประมง โดยเฉพาะในช่วงภายหลังจากการสิ้นสุดอายุของหนังสือคนประจำเรือในระยะเวลาหนึ่งปีที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14368 | การดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 | ทส | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ เกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติในร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ควรเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ตามร่างมาตรา ๑๐ (๔) จากเดิม “กำหนดมาตรการหรือแนวทางการแก้ไขปัญหา การคุ้มครองป้องกันที่ดิน การกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม เพื่อให้การใช้ที่ดินของประเทศเกิดประโยชน์สูงสุด” แก้ไขเป็น “กำหนดมาตรการหรือแนวทางการแก้ไขปัญหา การคุ้มครองป้องกันที่ดิน การกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม รวมถึงการจัดที่ดินในลักษณะแปลงรวมโดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ เพื่อให้การใช้ที่ดินของประเทศเกิดประโยชน์สูงสุด” ๑.๒ ควรเพิ่มเติมร่าง “มาตรา ๑๐ (๖/๑) พิจารณาให้ความเห็นกรณีอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามกฎหมายอื่นหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินซ้ำซ้อนหรือขัดแย้งกัน” ๑.๓ ควรเพิ่มเติมร่าง “มาตรา ๑๐ (๖/๒) กำหนดนโยบายและพิจารณาแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับแนวเขตที่ดินของรัฐหรือมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐเสนอคณะรัฐมนตรี” ๒. มอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับประเด็นการแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติในร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อประกอบการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14369 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง(จำนวน 5 ราย 1. นายอิทธิพล สูงแข็ง ฯลฯ) | สธ | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายอิทธิพล สูงแข็ง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายธงชัย กีรติหัตถยากร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายพิทักษ์พล บุณยมาลิก ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14370 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพิ่มเติมเกี่ยวกับคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (จำนวน 6 คณะ) | กต | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 6 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการความร่วมมือไทย-สหภาพยุโรป คณะกรรมการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่าง ๆ คณะกรรมการฝ่ายไทยสำหรับคณะกรรมการร่วมด้านเศรษฐกิจไทย-เยอรมนี คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-รัสเซีย คณะกรรมการร่วมฝ่ายไทยว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการไทย-ตุรกี และคณะกรรมาธิการฝ่ายไทยสำหรับคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับยูเครน และอนุมัติองค์ประกอบของคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย-อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี 2561 จำนวน 7 คน เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของไทยกับกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (6 พฤศจิกายน 2561) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14371 | รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย (นายอี อุก-ฮ็อน) | กต | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอี อุก-ฮ็อน (Mr. Lee Wook-heon) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายโน ควังอิล (Mr. Noh Kwang-il) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14372 | สรุปผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ | กษ | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ ห้วงระหว่างวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่แก้ไขปัญหาหนี้สินและความเดือดร้อนเกษตรกรที่มีความจำเป็นเร่งด่วน รวมทั้งการเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาและการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๖/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ เรียบร้อยแล้ว ๑.๒ การยุติภารกิจของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๖/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๘ และให้มีการดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นการดำเนินการตามภารกิจปกติต่อไป ทั้งนี้ คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจจะพิจารณาดำเนินการเจรจากับสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องต่อไปจนกว่าจะมีคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ตามพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรฯ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า ในห้วงเวลาที่จะได้มาซึ่งคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรฯ คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจควรดำเนินการเท่าที่จำเป็นในส่วนที่เกี่ยวกับการเจรจากับสถาบันการเงิน เพื่อประโยชน์ต่อเกษตรกรและไม่ทำให้ราชการเสียหาย รวมถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับผลการแก้ไขปัญหาหนี้สินและความเดือดร้อนของเกษตรกรดังกล่าวให้กับเกษตรกรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรกด้วย ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14373 | เอกสารสำคัญที่จะมีการรับรองในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 26 และการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 30 | กต | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๖ และภาคผนวก และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๖ ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ กรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ๑.๒ เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๓๐ และภาคผนวก และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๓๐ ในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ กรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ และร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14374 | การแก้ไขปัญหาตลาดนัดจตุจักร | นร04 | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ค้าในตลาดนัดจตุจักรและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนผู้ใช้บริการในตลาดนัดดังกล่าว จึงขอให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) ประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เพื่อเร่งรัดการดำเนินการโอนความรับผิดชอบการบริหารจัดการตลาดนัดจตุจักรไปเป็นความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในสัปดาห์หน้า และให้กระทรวงคมนาคมรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14375 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงซึ่งออกตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคบางฉบับที่ไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร03 | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ และร่างกฎกระทรวงยกเลิกกฎกระทรวงซึ่งออกตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคบางฉบับที่ไม่เหมาะสมกับกาลปัจจุบัน พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมการกำหนดลักษณะข้อความโฆษณาที่ถือว่าเป็นข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือเป็นข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ประกอบธุรกิจ และยกเลิกกฎกระทรวงว่าด้วยการโฆษณาเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่ผสมกาเฟอีนในโรงภาพยนตร์และทางป้ายโฆษณา พ.ศ. ๒๕๔๗ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขบทจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลและปรับรูปแบบการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงบางส่วน เป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงทั้งฉบับแทน ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14376 | ข้อเสนอแนะของคณะมนตรีความร่วมมือทางศุลกากรเกี่ยวกับการแก้ไขอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยระบบฮาร์โมไนซ์เพื่อการจำแนกประเภทและการกำหนดรหัสสินค้า (Recommendation of the Customs Co-operation Council Concerning the Amendment of the International Convention on the Harmonized Commodity Description and Coding System) | กค | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอแนะของคณะมนตรีความร่วมมือทางศุลกากรเกี่ยวกับการแก้ไขอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยระบบฮาร์โมไนซ์เพื่อการจำแนกประเภทและการกำหนดรหัสสินค้า (Recommendation of the Customs Co-operation Council concerning the Amendment of the International Convention on the Harmonized Commodity Description and Coding System) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขข้อความในข้อ ๘ ของอนุสัญญาดังกล่าว จากเดิม ประเทศสมาชิกที่ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการระบบฮาร์โมไนซ์สามารถตั้งข้อสงวนเพื่อร้องขอให้คณะกรรมการทบทวนประเด็นดังกล่าวได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง เป็น ประเทศสมาชิกสามารถยื่นขอให้มีการทบทวนประเด็นหนึ่ง ๆ ได้ไม่เกิน ๒ ครั้ง และคณะกรรมการระบบฮาร์โมไนซ์จะทำการทบทวนประเด็นหนึ่ง ๆ ได้ไม่เกิน ๒ ครั้ง (ไม่นับรวมการพิจารณาในครั้งแรก) โดยเมื่อคณะกรรมการระบบฮาร์โมไนซ์ได้ทบทวนประเด็นนั้น ๆ ครบตามจำนวนครั้งที่กำหนดแล้ว ให้ถือว่ามติของคณะกรรมการเป็นที่สิ้นสุด และให้ประเทศสมาชิกนำมติของคณะกรรมการระบบฮาร์โมไนซ์ในประเด็นดังกล่าวไปใช้เป็นแนวปฏิบัติในการกำหนดพิกัดอัตราศุลกากรต่อไป เพื่อให้กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการระบบฮาร์โมไนซ์เป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ในการตีความและการใช้ระบบฮาร์โมไนซ์ให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกัน รวมถึงเป็นการปฏิบัติให้ถูกต้อง ครบถ้วน ตามพันธกรณีระหว่างประเทศเพื่อเป็นการเร่งรัดกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการระบบฮาร์โมไนซ์ตามที่ที่ประชุมคณะมนตรีความร่วมมือทางศุลกากร [World Customs Organization (WCO) Council Sessions] ครั้งที่ ๑๓๒ ได้ให้การรับรอง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14377 | ร่างพระราชบัญญัติสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....[สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม 2561)] | นร | 30/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14378 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการปล่อยชั่วคราว )[สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม 2561)] | นร05 | 30/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการปล่อยชั่วคราว) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14379 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม 2561)] | นร | 30/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14380 | ขออนุมัติโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา [ถูกยกเลิกโดย 15207/68 (มติ ครม. 17/06/68)] | นร63 | 30/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภาไม่เข้าข่ายประเภทและขนาดของโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ ๒. อนุมัติในหลักการโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา ตามมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ กองทัพเรือ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้โครงการฯ เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๓. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน ๖,๓๓๓ ล้านบาท ให้กับกองทัพเรือเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการฯ หากกองทัพเรือมีความพร้อมและความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้กองทัพเรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ มาดำเนินการเป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอก็ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความจำเป็นและเหมาะสม รวมทั้งพิจารณาอำนาจและหน้าที่ของหน่วยงาน เป้าหมาย ผลประโยชน์และผลสัมฤทธิ์ที่ได้รับ ฐานะเงินนอกงบประมาณ รายได้หรือเงินอื่นใดที่หน่วยงานของรัฐนั้นมีอยู่ หรือสามารถนำมาใช้จ่ายได้ โดยต้องคำนึงถึงความโปร่งใส คุ้มค่า ประหยัด และประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กองทัพเรือ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น ให้กองทัพเรือ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และการท่าเรือแห่งประเทศไทยร่วมกันพิจารณาดำเนินการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงในกรณีที่โครงการฯ ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามเป้าหมาย การคัดเลือกเทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมและจำเป็นสำหรับการดำเนินกิจการเพื่อลดผลกระทบต่อต้นทุนโครงการฯ การฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรทั้งในเชิงนโยบายและคุณภาพให้สามารถรองรับการดำเนินงานของศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานและกิจกรรมการบินที่เกี่ยวเนื่องได้ทันทีเมื่อเปิดให้บริการ การกำหนดส่วนแบ่งรายได้ของโครงการฯ การกำหนดแนวทางการดำเนินการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานในระยะต่อไป โดยเปิดโอกาสในการคัดเลือกเอกชนรายอื่น ๆ ที่มีศักยภาพเข้าร่วมด้วย การพิจารณารูปแบบการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ที่จะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกควรประสานกระทรวงอุตสาหกรรมในการกำหนดแนวทางการพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้มีขีดความสามารถในการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |