ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 718 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 14341 - 14360 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
14341 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561)] | นร | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14342 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามข้อผูกพันที่ได้ทำขึ้น) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561)] | นร | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามข้อผูกพันที่ได้ทำขึ้น) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14343 | ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโนยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561)] | นร | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ส่งร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ รวม ๒ ฉบับ ไปเพื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไปแล้ว ๒. เห็นชอบกับหลักการของร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป ทั้งนี้ มอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติใน ๓ ประเด็น คือ การจัดที่ดินในลักษณะแปลงรวมโดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ การพิจารณาให้ความเห็นกรณีอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามกฎหมายอื่นหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินซ้ำซ้อนหรือขัดแย้งกัน และการพิจารณาแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐ หรือมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐเสนอคณะรัฐมนตรี ไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อประกอบการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดเสนอร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดตั้งสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ) ซึ่งได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว เพื่อให้มีผลใช้บังคับพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14344 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561)] | นร | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14345 | สรุปความก้าวหน้าในการดำเนินการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐเพื่อการปฏิรูปประเทศ | นร10 | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปความก้าวหน้าในการดำเนินการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐเพื่อการปฏิรูปประเทศ สำหรับใช้เป็นแบบอย่างที่ดีและนำไปสร้างการรับรู้เพื่อให้ส่วนราชการเกิดความตระหนักและมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐให้เป็นพลังขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. นิทรรศการของสำนักงาน ก.พ. เน้นความก้าวหน้าในการดำเนินการเตรียม สร้าง และพัฒนากำลังคนภาครัฐให้เป็นพลังขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ได้แก่ ทิศทางกำลังคนภาครัฐเพื่อการปฏิรูปประเทศ มาตรฐานจริยธรรม การสอบเข้ารับราชการ ระบบทุนรัฐบาล การรักษากำลังคนคุณภาพ กลุ่มหลักสูตรการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) การสร้างและพัฒนากำลังคนภาครัฐเพื่อไปสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ ทะเบียนประวัติข้าราชการอิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐเพื่อรองรับสังคมสูงอายุ ๒. นิทรรศการของส่วนราชการ ประกอบด้วย กรมศุลกากร และกรมชลประทาน แสดงความก้าวหน้าในการนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงและพัฒนาระบบงานบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลดิจิทัล ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ส่วนราชการอื่น ๆ ๓. นิทรรศการของหน่วยงานเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบด้วย สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ICDL Thailand IC3 Digital Literacy Certification ศูนย์พัฒนาผู้นำและผู้บริหารระดับสูง และบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ไอทีดี จำกัด เน้นนวัตกรรมในการพัฒนากำลังคนภาครัฐให้มีทักษะที่สอดคล้องกับการปฏิบัติราชการยุคใหม่ เช่น ระบบการออกแบบความคิด (Design Thinking) ระบบการเป็นพี่เลี้ยง (Coaching) เครื่องมือในการประเมินทักษะดิจิทัล และเครื่องมือประเมินสมรรถนะในการเป็นผู้นำในยุคประเทศไทย ๔.๐ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14346 | การขยายปริมาณการจัดสรรโควตาส่งออกข้าวไปสหภาพยุโรปสำหรับให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร | กษ | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการขยายปริมาณการจัดสรรโควตาส่งออกข้าวไปยังสหภาพยุโรป (EU) ให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์ ภายใต้โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าวที่มีการปฏิบัติตามระบบการเกษตรที่ดี (GAP) ครบวงจร ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร โดยกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ร่วมกันดำเนินงานโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร ปี ๒๕๖๐/๖๑ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้จัดสรรโควตาการส่งออกข้าวไป EU ให้กับโครงการ จำนวน ๒,๐๐๐ ตัน (ร้อยละ ๑๐ ของปริมาณโควตาทั้งหมด) สำหรับเป็นแรงจูงใจ (Incentive) ให้ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์กับกลุ่มเกษตรกร ทั้งนี้ ผู้ประกอบการค้า จำนวน ๒๘ ราย ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงซื้อขายข้าว (MOU) และรับซื้อข้าวจากเกษตรกร เป็นข้าวอินทรีย์ จำนวน ๑,๗๑๖.๓๒ ตัน และข้าว GAP จำนวน ๔,๙๗๕.๑๕ ตัน โดยมีผู้ประกอบการค้าข้าว จำนวน ๙ ราย ได้รับการจัดสรรโควตาการส่งออกข้าวไป EU ปริมาณ ๒,๐๐๐ ตัน โดยส่งออกข้าวปริมาณ ๑,๙๖๒.๓๖ ตัน (ร้อยละ ๙๘) คงเหลือ ๓๗.๖๔ ตัน ซึ่งมีปริมาณคงเหลือจะนำไปรวมเป็นโควตากองกลางสำหรับการจัดสรรต่อไป ๒. การพิจารณาการขยายปริมาณการจัดสรรโควตา โดยข้าวเปลือกตั้งแต่ปี ๒๕๖๑-๒๕๖๔ จะมีปริมาณรวมสูงถึง ๙๙๗,๐๐๐ ตันข้าวเปลือก และเพื่อให้ปริมาณข้าวอินทรีย์มีตลาดรองรับปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้ขอขยายปริมาณการจัดสรรโควตาการส่งออกข้าวไปยัง EU ให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์ ภายใต้โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร จากเดิมร้อยละ ๑๐ (๒,๐๐๐ ตัน) ของปริมาณโควตาทั้งหมด เป็นร้อยละ ๒๕ (๕,๐๐๐ ตัน) ของปริมาณโควตาทั้งหมด ภายในปี ๒๕๖๔ เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกร นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวได้มีมติเห็นชอบการขยายปริมาณการจัดสรรโควตาดังกล่าว รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาสัดส่วนโควตาที่เหมาะสมตามการประเมินผลผลิตข้าวในโครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสถิติการส่งออกข้าวที่กระทรวงพาณิชย์ประมวลได้เป็นรายปีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14347 | รายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2561 | อก | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมการแปรรูปและพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา และแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ผลิตสินค้าและวัตถุดิบต่าง ๆ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. แนวทางการส่งเสริมการแปรรูปและพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา โดยผักตบชวามีองค์ประกอบของเส้นใยธรรมชาติ สามารถแปรรูปเป็นเส้นด้ายและนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์จักสานต่าง ๆ ได้ ส่วนการแปรรูปผักตบชวาไปเป็นกระเบื้องปูหลังคา พบว่าไม่มีความเหมาะสมเนื่องจากผักตบชวามีสารไฟเบอร์น้อย เบา ผิวมีความมัน หากนำไปเป็นส่วนผสมกับปูนซีเมนต์จะไม่เกาะตัว จึงควรนำไปพัฒนาเป็นสินค้าตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ และงานหัตถกรรมจักสานต่าง ๆ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างประสานงานกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อหาแนวทางส่งเสริมพัฒนานำผักตบชวาไปใช้ประโยชน์มากขึ้นต่อไป ๒. แนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ผลิตสินค้าและวัตถุดิบต่าง ๆ ได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ผลิตสินค้าและวัตถุดิบต่าง ๆ เช่น มาตรการภาษีและการเงินเพื่อสนับสนุนกิจการขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) การให้ความรู้ในการเตรียมความพร้อมและสร้างศักยภาพในการแข่งขัน การส่งเสริมและสนับสนุนเกี่ยวกับการให้บริการตรวจรับรองสินค้าเกษตรด้านพืช และการพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ OTOP เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14348 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลจากการเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๗-๑๓ กันยายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้นำคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมรับเสด็จพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ซึ่งทรงเสด็จมาเป็นประธานเปิดนิทรรศการส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในมุมมองใหม่ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ โดยงานนิทรรศการฯ แบ่งเป็น ๒ ส่วน ได้แก่ Welcome to Thailand จัดแสดงนิทรรศการแสดงภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์สินค้าไทยมากกว่า ๓๓ แบรนด์ และ Universe of Sirivannavari จัดแสดงสินค้าแบรนด์ Sirivannavari โดยนิทรรศการฯ เป็นการยกระดับภาพลักษณ์สินค้าของไทย และส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศในมิติใหม่ที่สะท้อนพลวัตทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การค้าการลงทุน และการท่องเที่ยวของไทยไปยังกลุ่มตลาดบน (ระดับพรีเมี่ยม) ๒. การหารือความร่วมมือกับหน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ได้เข้าพบหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ สถาบัน Institut Francais de la Mode ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูง โดยกระทรวงพาณิชย์มีความสนใจในบริการด้านงานวิจัย เพื่อแสวงหาแนวทางในการพัฒนานักออกแบบไทย และผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางแฟชั่นของภูมิภาคต่อไป และหน่วยงาน La French Tech ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง ตั้งอยู่ที่ศูนย์รวมสตาร์ทอัพ โดยมีบริษัทและหน่วยงานภาครัฐรวมอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบการให้บริการของไทยที่เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและจุดแข็งของไทยต่อไป ๓. การพบปะหารือผู้ประกอบการไทยในงานแสดงสินค้าด้านแฟชั่น เครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับ ได้แก่ งานแสดงสินค้าเมซองแอนด์ออพเจ็ค งานแสดงสินค้า Who’s Next & Premiere Class และงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับบีจอร์ก้า โดยกระทรวงพาณิชย์ได้หาแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการไทย ซึ่งแนะนำให้ใช้ประโยชน์จากโครงการ SME-Proactive และเชิญชวนให้ผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติที่จัดในประเทศไทยเพื่อขยายช่องทางการเข้าสู่ตลาดใหม่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14349 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ 5/2561 | นร04 | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๑ ตามที่ กขร. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการธนาคารต้นไม้ กขร. มีมติมอบหมายสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) เร่งดำเนินการจัดทำแนวทางการขับเคลื่อนโครงการธนาคารต้นไม้ให้แล้วเสร็จ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๑ ๒. การแก้ไขปัญหาหมอกควัน กขร. มีมติ เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำข้อเสนอ “แม่แจ่มโมเดลพลัส” ของคณะอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเชิงพื้นที่ ไปพิจารณา โดยกำหนดระยะเวลาภายใน ๑ เดือน (ภายในเดือนตุลาคม ๒๕๖๑) ๓. โครงการทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจ กขร. มีมติเห็นควรให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักในการรับจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการ โดยให้หารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจ ภายใต้คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อคำนวณความคุ้มค่าในการดำเนินโครงดังกล่าวว่า จะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการนำคดีขึ้นสู่ศาลได้เพียงใด ทั้งนี้ ให้พิจารณาแนวทางการจัดให้มีการบริการให้คำปรึกษาทางคดีผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้วย โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๒ เดือน (ภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๑) ๔. ร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมให้ทันสมัย ๖ ประเด็น) กขร. มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. ๒๕๓๕ ของคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน ในเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และสามารถแก้ไขปรับปรุงได้โดยไม่กระทบกับบทบัญญัติอื่นใน ๖ เรื่อง คือ (๑) การเพิ่มช่องทางโฆษณาทางอื่นนอกจากทางหนังสือพิมพ์ (๒) การส่งเอกสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (๓) อำนาจของรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย (๔) การประชุมกรรมการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (๕) การเรียกประชุมคณะกรรมการ และ (๖) การมอบฉันทะให้บุคคลอื่นเข้าประชุมผู้ถือหุ้นแทนในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (e-proxy) ทั้งนี้ เห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการดำเนินการเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๑ เพื่อเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๑ ๕. โครงการโซลาร์ภาคประชาชน กขร. มีมติเห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทยดำเนินการจัดทำโครงการโซลาร์ภาคประชาชนในส่วนที่เกี่ยวข้องให้อยู่ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP) เพื่อนำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๑ (ภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๑)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14350 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงมหาดไทย) (นายมนตรี ศักดิ์เมือง) | มท | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมนตรี ศักดิ์เมือง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการผังเมือง (นักผังเมืองทรงคุณวุฒิ) กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14351 | การแต่งตั้ง Governor ผู้แทนไทยคนใหม่ประจำสภาบริหารศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลตามความตกลง ว่าด้วยความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อการต่อต้านการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธในเอเชีย (Regional Cooperation Agreement on Combating Piracy and Armed Robbery against Ships in Asia Information Sharing Centre: ReCAAP ISC) | กต | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนแปลงหน่วยงานที่ดำรงตำแหน่ง Governor (ผู้แทนไทย) คนใหม่ประจำสภาบริหารศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือระดับภูมิภาคเพื่อการต่อต้านการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธในเอเชีย (Regional Cooperation Agreement on Combating Piracy and Armed Robbery against Ships in Asia Information Sharing Centre : ReCAAP ISC) จากกระทรวงการต่างประเทศ เป็น กระทรวงกลาโหม (กองทัพเรือ) โดยให้ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักกิจการความมั่นคง กรมยุทธการทหารเรือ และรองหัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผน ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เป็นผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14352 | รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | สว | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ สิ้นสุดปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้รับจัดสรรงบประมาณภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ ยุทธศาสตร์ที่ ๖ ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ จำนวน ๑,๘๗๒,๓๘๖,๘๐๐ บาท และได้ดำเนินการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามหลักเกณฑ์การวัดของตัวชี้วัดตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามที่ได้ตกลงกับสำนักงบประมาณ โดยมีผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ สิ้นสุดปีงบประมาณ จำนวน ๑,๗๔๔,๘๑๗,๔๕๓.๑๔ บาท คิดเป็นร้อยละ ๙๓.๑๙ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14353 | สรุปผลการประชุมระดับรัฐมนตรีของการประชุมมหาสมุทร (Oceans Meeting) 2018 | คค | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมระดับรัฐมนตรีของการประชุมมหาสมุทร (Oceans Meeting) ๒๐๑๘ ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๓ กันยายน ๒๕๖๑ ณ กรุงลิสบอน สาธารณรัฐโปรตุเกส การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ (Theme) “Blue Economy, Port Tech Clusters and Green Shipping” โดยเป้าหมายของการประชุม คือ “Routing the Future” เพื่อให้ประชาคมระหว่างประเทศได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy) ในระดับโลกซึ่งครอบคลุมกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ ประมง การขนส่ง พลังงานทดแทน และเทคโนโลยีชีวภาพ โดยมีประเด็นที่สำคัญ ดังนี้ ๑) เชิญชวนให้นานาชาติร่วมกันสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ แสวงหาพลังงานทางเลือกที่สะอาด และให้การร่วมมือในการยับยั้งปัญหามลพิษทางทะเล และย้ำเป้าหมายของยุทธศาสตร์ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากเรือ (IMO 1st GHG Reduction Strategy) ที่กำหนดให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อยร้อยละ ๕๐ ภายในปี ๒๐๕๐ รวมทั้งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างน้อยร้อยละ ๗๐ ภายในปี ๒๐๕๐ เทียบจากปี ๒๐๐๘ ๒) ยืนยันเจตนารมณ์ในการให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy) ภายใต้บริบทการพัฒนาที่ยั่งยืนในการรักษาแหล่งทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศในการสร้างเสริมความเข้มแข็งของกิจการทางทะเลและมหาสมุทร ๓) ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม (นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ) ในฐานะผู้แทนประเทศไทย นำเสนอในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสีน้ำเงิน เช่น โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของประเทศไทย (Thailand’s Eastern Economic Corridor : EEC) การยืนยันเจตนารมณ์ของประเทศไทยในการปฏิบัติตามพันธกรณีของความตกลงปารีส และยุทธศาสตร์ขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Manritime Organization : IMO) ว่าด้วยการลดการปล่อยทิ้งของเสียจากเรือเพื่อคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล ๔) ผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมฯ ได้ให้การรับรองปฏิญญาสำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีของการประชุมดังกล่าว และให้ตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้ประโยชน์จาก Blue Economy อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การสร้างงาน และการลงทุน ในขณะเดียวกันก็ต้องปกป้องมหาสมุทรให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ผ่านความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศด้วย ๕) กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้วเห็นว่า ในส่วนของการบังคับใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเรือกำมะถันต่ำกว่าร้อยละ ๐.๕ ซึ่งเป็นข้อกำหนดของ IMO ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเลและจะส่งผลให้ราคาน้ำมันมีต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ผู้ประกอบการอาจมองเห็นโอกาสจากอุปสรรคที่เกิดขึ้นนี้ไปพัฒนาองค์ความรู้นำไปสู่นวัตกรรมด้านพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกที่ยั่งยืน เช่น การใช้ก๊าซ LNG การพัฒนาต้นแบบอุปกรณ์ด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ล้างถังสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อุปกรณ์บำบัดอากาศเสีย (Scrubber) เป็นต้น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14354 | รายงานประจำปี 2560 คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๐ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การจัดทำและทบทวนร่างแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. ฉบับที่ ๓ การส่งเสริมส่วนราชการให้เป็นพี่เลี้ยงให้แก่ อปท. การกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรรายได้ให้แก่ อปท. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินอุดหนุนเพื่อเป็นรางวัลสำหรับ อปท. ที่มีการบริหารจัดการที่ดี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และการติดตามผลการดำเนินงานตามภารกิจถ่ายโอนของ อปท. เป็นต้น ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการ ก.ก.ถ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14355 | รายงานผลการเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล เพื่อเข้าร่วมพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบไฟฟ้าภายใต้กรอบ BIMSTEC | พน | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเข้าร่วมการประชุมผู้นำความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายทางวิชาการและเศรษฐกิจ (The Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation : BIMSTEC) ครั้งที่ ๔ ณ กรุงกาฐมาณฑุ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและคณะ ระหว่างวันที่ ๓๐-๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ โดยมีประเด็นสำคัญคือ การเข้าร่วมพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบไฟฟ้าภายใต้กรอบ BIMSTEC (Memorandum of Understanding for Establishment of the BIMSTEC Grid Interconnection) ซึ่งมีสาระสำคัญคือ การตระหนักถึงความต้องการเสริมสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า และด้านเทคนิคในระดับภูมิภาคทางด้านพลังงาน รวมทั้งกำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานการเชื่อมโยงระบบโครงข่าย BIMSTEC หรือ BIMSTEC Grid Interconnection Coordination Committee (BGICC) เพื่อประสานงานและเป็นตัวแทนในการมีส่วนร่วมของกลุ่มประเทศสมาชิกเพื่อให้การดำเนินการของการเชื่อมโยงระบบโครงข่ายและการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าบรรลุผลสำเร็จ ทั้งนี้ ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ คือ (๑) การเชื่อมโยงโครงข่ายระบบไฟฟ้าภายใต้กรอบ BIMSTEC จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าระหว่างประเทศสมาชิก BIMSTEC และ (๒) สร้างโอกาสให้ประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงด้านพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ในประเทศสมาชิกยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14356 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดทำเอกสารที่เกี่ยวกับการกำหนดราคาโอน โดยให้กรมสรรพากรเป็นผู้ให้คำปรึกษาในเรื่องการจัดทำเอกสารที่เกี่ยวกับการกำหนดราคาโอน และเอกสารการรายงานข้อมูลความสัมพันธ์และมูลค่ารวมของธุรกรรมระหว่างกันของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน ซึ่งจะต้องมีความชัดเจนและไม่มีการตีความแตกต่างกัน รวมถึงบทบัญญัติตามร่างมาตรา ๔ จะไม่ใช้บังคับแก่ภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนการออกกฎกระทรวง ให้พิจารณายกเว้นการจัดทำเอกสารหรือหลักฐานแสดงข้อมูลของธุรกรรม เว้นแต่มียอดขาดทุนสะสมทางบัญชี ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14357 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ .... | ศธ | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา รวมทั้งกำหนดสีประจำสาขาวิชาดังกล่าว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14358 | ร่างพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศย | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสำนักงานศาลยุติธรรม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ โดยกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของอนุญาโตตุลาการและผู้รับมอบอำนาจซึ่งเป็นคนต่างด้าวในราชอาณาจักรให้ชัดเจน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่บุคคลดังกล่าวในการเข้ามาดำเนินการทางอนุญาโตตุลาการในราชอาณาจักร และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14359 | การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปเพื่อแก้ไขความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และการจัดการพื้นที่คุ้มครองในอาเซียน | ทส | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรปเพื่อแก้ไขความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดการพื้นที่คุ้มครองในอาเซียน และอนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน รวมทั้งให้แจ้งความเห็นของประเทศไทยต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป โดยสาระสำคัญของการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนฯ จะมีการขอปรับแก้ไขความตกลงฯ ใน ๒ ประเด็น ได้แก่ การขอเพิ่มระยะเวลาในการดำเนินงานภายใต้ความตกลงฯ จากเดิม ๖๐ เดือน เป็น ๖๖ เดือน และการขอเพิ่มเชิงอรรถ ๒ ข้อ ในภาคผนวก ๑ ข้อบทที่ ๒.๒ ข้อกำหนดด้านเทคนิคและการบริหารจัดการของความตกลงฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำหนดแผนปฏิบัติการที่มีความสอดคล้องกับระยะเวลาดำเนินการที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อรองรับการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย ซี่งใช้จ่ายจากเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรปภายใต้กรอบอาเซียน-สหภาพยุโรป ไปดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14360 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 06/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ไว้บางประการ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..)พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
.....