ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 651 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 13001 - 13020 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13001 | การขอความเห็นชอบต่อร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของสำนักเลขาธิการอาเซียนในการต่ออายุ ครั้งที่ 2 ของบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลียกับอาเซียนว่าด้วยโครงการความร่วมมือ ด้านการพัฒนาระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลีย ระยะที่ 2 และการแก้ไขข้อความในบันทึกความเข้าใจฯ | กต | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของสำนักเลขาธิการอาเซียนในการต่ออายุ ครั้งที่ ๒ ของบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลเครือรัฐออสเตรเลียกับอาเซียนว่าด้วยโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลีย ระยะที่ ๒ (Memorandum of Understanding between the Association of Southeast Asian Nations and the Government of Australia on the Second Phase of the ASEAN Australia Development Cooperation Program : AADCP III) และการแก้ไขข้อความในบันทึกความเข้าใจฯเนื่องจากบันทึกความเข้าใจฯ โครงการ AADCP I จะหมดอายุในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ซึ่งโครงการดังกล่าวยังมีงบประมาณในกองทุนคงเหลือและสามารถนำไปใช้ดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนได้ ดังนั้น ฝ่ายออสเตรเลียจึงได้เสนอให้มีการต่ออายุบันทึกความเข้าใจฯ ออกไปอีก ๒ ปี เป็นครั้งที่ ๒ โดยสิ้นสุดในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ และได้เสนอขอแก้ไขข้อความในบันทึกความเข้าใจฯ เกี่ยวกับสาระของโครงการ AADCP II และวันที่มีผลบังคับใช้ เพื่อให้สอดคล้องกับการต่ออายุดังกล่าว ๑.๒ ให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ว่า รัฐบาลไทยให้ความยินยอมให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนลงนามในเอกสารดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13002 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 5 | กค | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ ๕ (Joint Statement of the 5th ASEAN Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและความท้าทายด้านนโยบาย การรวมตัวและการเปิดเสรีบริการด้านการเงิน การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน ความเชื่อมโยงระบบการชำระเงินและบริการทางการเงิน การระดมทุนโครงสร้างพื้นฐาน การเงินที่ยั่งยืน การเข้าถึงบริการทางการเงิน การระดมทุนเพื่อการบริหารจัดการภัยพิบัติ การสร้างภูมิคุ้มกันทางไซเบอร์ และความร่วมมือด้านการกำกับดูแลทรัพย์สินดิจิทัล โดยจะมีการรับรองในที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM) ครั้งที่ ๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ ๒-๕ เมษายน ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงราย ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่าเพื่ออำนวยความสะดวกในด้านการค้าการลงทุน การพัฒนากฎระเบียบในภูมิภาคให้เป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน ตลอดจนเพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของรัฐสมาชิกอาเซียน เห็นควรสนับสนุนให้มีการดำเนินการตามร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ให้เป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13003 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2558 เรื่อง ขอทบทวนแหล่งเงินลงทุนสำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน | กค | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการชำระคืนเงินกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ที่กระทรวงการคลังได้ยืมเงินจากกองทุนฯ ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ จำนวน ๑๔,๓๐๐ ล้านบาท โดยในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒ ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระคืนเงินกองทุนฯ จำนวนทั้งสิ้น ๔,๖๐๐.๐๐ ล้านบาท สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในเบื้องต้นสำนักงบประมาณคาดว่าจะจัดสรรงบประมาณสำหรับการชำระคืนเงินกองทุนฯ จำนวน ๑,๓๐๐.๐๐ ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้คงเหลือยอดคงคงค้างที่ต้องชำระคืนเงินกองทุนฯ อีก จำนวน ๘,๔๐๐.๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ขอทบทวนแหล่งเงินทุนสำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน) โดยให้กระทรวงการคลังขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกองทุนฯ ออกไปอีก ๕ ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ และให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13004 | การเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การทำประกันสุขภาพสำหรับคนต่างด้าวผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว Non-Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ 1 ปี) | สธ | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้เพิ่มเติมหลักเกณฑ์การทำประกันสุขภาพสำหรับคนต่างด้าวผู้ขอรับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว Non-Immigrant Visa รหัส O-A (ระยะ ๑ ปี) โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตให้คนต่างด้าวที่ขอรับการตรวจลงตรา กรณีใช้ชีวิตบั้นปลาย ครั้งละไม่เกิน ๑ ปี Non-Immigrant Visa รหัส O-A ให้มีการประกันสุขภาพของไทยคุ้มครองตลอดระยะเวลาที่พำนักในราชอาณาจักร โดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัยสำหรับค่ารักษาพยาบาลในกรณีผู้ป่วยนอกไม่น้อยกว่า ๔๐,๐๐๐ บาท กรณีผู้ป่วยในไม่น้อยกว่า ๔๐๐,๐๐๐ บาท โดยซื้อกรมธรรม์แบบออนไลน์ผ่าน www.longstay.tgia.org สำหรบผู้ซื้อประกันสุขภาพของบริษัทต่างประเทศจะต้องมีจำนวนเงินเอาประกันภัยไม่น้อยกว่าการทำประกันสุขภาพของไทยตามที่กำหนดด้วยเช่นกัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจที่เห็นควรพิจารณากำหนดแนวทางการติดตามและประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน และควรพิจารณาอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับหลักเกณฑ์กรณีที่สามารถใช้การประกันสุขภาพของต่างประเทศเพื่อขอรับการตรวจลงตราประเภทนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลการประกันได้ เพราะไม่มีระบบการตรวจสอบรองรับ และภาษาที่ใช้ในกรมธรรม์มีความหลากหลาย อีกทั้งโรงพยาบาลในไทยไม่สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยตรงกับบริษัทประกันภัยในต่างประเทศได้ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับจำนวนคนต่างด้าวที่เข้ารับการรักษาและหนี้สูญค่ารักษาพยาบาลคนต่างด้าวที่ไม่สามารถจัดเก็บได้อาจครอบคลุมทั้งการเข้ารักษาด้วยปัญหาสุขภาพหรือเจ็บป่วยจากอุบัติเหตุ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแหงชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งต่าง ๆ ในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานเพื่อรองรับการดำเนินการในเรื่องนี้ตามขั้นตอนของกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการการประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติทราบถึงการเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ฯ ในเรื่องนี้อย่างทั่วถึง และให้ขอความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการจัดเตรียมช่องทางสำหรับซื้อประกันสุขภาพในรูปแบบออนไลน์ให้มีความพร้อมต่อไป ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาศึกษาความเหมาะสมในการจัดทำประกันสุขภาพภาคบังคับให้ครอบคลุมนักท่องเที่ยวและคนต่างด้าวทุกกลุ่มให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อมิให้เป็นภาระค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13005 | การออกเอกสารหลักฐานของทางราชการผ่านระบบดิจิทัล | นร12 | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการออกเอกสารหลักฐานของทางราชการผ่านระบบดิจิทัล โดยอาจพิจารณาให้มีการนำร่องดำเนินการในภารกิจของหน่วยงานที่มีผลกระทบต่อประชาชน ผู้ประกอบการ และนักลงทุนเป็นสำคัญก่อน ตามความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม ทั้งนี้ หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความจำเป็นต้องออก/ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับการดำเนินการดังกล่าว ก็ให้ดำเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) และร่างพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. .... ตามความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมด้วย ๒. ในกรณีที่หน่วยงานใดไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบเพื่อรองรับการดำเนินการผ่านระบบดิจิทัลได้ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือไม่สามารถพัฒนางานบริการให้เป็นระบบการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) หรือยกเลิกการใช้กระดาษได้ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ตลอดจนในกรณีที่มีปัญหาในทางปฏิบัติ ให้หน่วยงานดังกล่าวเร่งประสานงานกับสำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อพิจารณาขยายระยะเวลาการดำเนินการเป็นรายกรณี โดยจัดลำดับความสำคัญ เร่งด่วน และความพร้อมของหน่วยงาน รวมถึงระยะเวลาที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็น (๑) ความพร้อมของหน่วยงานในการออกเอกสารผ่านระบบดิจิทัล เช่น ความพร้อมของระบบอินเทอร์เน็ต เป็นต้น (๒) การบูรณาการร่วมกันเพื่อการพัฒนาระบบและการเชื่อมโยงข้อมูล และ (๓) ความปลอดภัยทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ไปพิจารณาให้ได้ข้อยุติและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแนวปฏิบัติที่ชัดเจนและซักซ้อมความเข้าใจกับบุคลากรของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนผู้รับบริการ เพื่อให้การพัฒนางานบริการภาครัฐให้เป็นระบบการให้บริการอิเล็กทรอนิกส์และการออกเอกสารของทางราชการผ่านระบบดิจิทัลมีมาตรฐานในการดำเนินงานในแนวทางเดียวกันและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13006 | ร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับรัฐบาลมณฑลเหอหนานและคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษอากาศยานเจิ้งโจว | นร63 | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจที่จะมีการลงนามในระหว่างการเข้าร่วมงาน the 13th China Henan International Investment & Trade Fair ระหว่างวันที่ ๘-๑๑ เมษายน ๒๕๖๒ ณ เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ดังนี้ ๑.๑.๑ ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับรัฐบาลมณฑลเหอหนาน มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการพัฒนาโครงการศูนย์การบินคู่ขนาน (Aviation Dual Hub Project) ระหว่างจีนตอนกลางและภูมิภาคอาเซียน เสริมสร้างความร่วมมือในการวางแผนพัฒนาพื้นที่สนามบิน และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการบิน เช่น โลจิสติกส์การบิน การซ่อมบำรุงอากาศยาน หลักสูตรอบรมบุคลากร การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี เป็นต้น ตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันภายใต้กรอบข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ๑.๑.๒ ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษอากาศยานเจิ้งโจว มีสาระสำคัญเป็นความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลการวางแผนและการบริหารจัดการมหานครการบินระหว่างกัน โดยจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความร่วมมือในกิจกรรมการพัฒนาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น เที่ยวบิน การค้า และการลงทุน ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับรัฐบาลมณฑลเหอหนาน ๑.๓ อนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษอากาศยานเจิ้งโจว ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ทั้ง ๒ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13007 | การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ (จำนวน 26 คน) | ทส | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ โดยมีองค์ประกอบรวม ๒๖ คน ประกอบด้วย คณะที่ปรึกษา จำนวน ๔ คน คณะกรรมการ จำนวน ๒๒ คน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ และอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ แนวทางในการใช้ประโยชน์ การบริหารจัดการถ้ำ และแนวทางในการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของท้องถิ่น และบูรณาการการบริหารจัดการการท่องเที่ยวถ้ำ โดยมีความเชื่อมโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ (๑) การแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ ควรพิจารณาถึงความจำเป็น เหมาะสม รวมทั้งรูปแบบการบริหารและดำเนินการในภาพรวม เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนในการบริหารจัดการงานเรื่องดังกล่าว และไม่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณในภาพรวม (๒) การสำรวจ ศึกษา วิจัย จัดทำข้อมูลและประเมินศักยภาพถ้ำ ควรจะต้องมีการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินการอนุรักษ์พื้นที่ถ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในการดำเนินการควรคำนึงถึงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๓๕ และ (๓) หากมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นภายหลังมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว เช่น ค่าเบี้ยประชุม ควรกำหนดให้ได้รับเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรก สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13008 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (จำนวน 5 คน 1. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ฯลฯ) | พณ | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ แทนตำแหน่งที่ว่างรวม ๕ คน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรี (๙ เมษายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ประธานกรรมการ ๒. นายชายพงษ์ นิยมกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายเธียรพันธุ์ บุญทรงษีกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายรังสรรค์ ตุลชีวิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ขจีพร วงศ์ปรีดี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13009 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (จำนวน 4 คน 1. นายประสาท สืบค้า ฯลฯ) | วท | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ เมษายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. นายประสาท สืบค้า ประธานกรรมการ ๒. นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายสุวิชญ โรจนวานิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายสัญชัย นิลสุวรรณโฆษิต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13010 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (จำนวน 5 คน 1. นางสาวจุฬารัตน์ สุธีธร ฯลฯ) | กค | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน รวม ๕ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งจะครบวาระสี่ปีในวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวจุฬารัตน์ สุธีธร ประธานกรรมการ ๒. นายเสรี นนทสูติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายธงทอง จันทรางศุ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายจักร บุญ-หลง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายวิสุทธิ์ จันมณี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13011 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการมาตรฐานในคณะกรรมการการมาตรฐานแห่งชาติ (จำนวน 7 คน 1. นางปัทมา เธียรวิศิษฎ์สกุล ฯลฯ) | อก | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการมาตรฐานแห่งชาติ จำนวน ๗ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ เมษายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นางปัทมา เธียรวิศิษฎ์สกุล ๒. นายสุวิทย์ อมรนพรัตนกุล ๓. นางอัจฉรา เจริญสุข ๔. นางรัชดา อิสระเสนารักษ์ ๕. นายธวัช ผลความดี ๖. นางพรรณี อังศุสิงห์ ๗. นายเขมทัต สุคนธสิงห์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13012 | การเตรียมความพร้อมในการทำน้ำอภิเษกของจังหวัด | มท | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเตรียมความพร้อมในการทำน้ำอภิเษกของจังหวัด โดยกระทรวงมหาดไทยได้ประสานแจ้งจังหวัดเพื่อรับทราบเกี่ยวกับกำหนดการพิธีพลีกรรมตักน้ำ พิธีทำน้ำอภิเษก พิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำอภิเษก การเชิญคนโทน้ำอภิเษกไปเก็บรักษาไว้ที่กระทรวงมหาดไทย การซักซ้อมการเดินริ้วขบวน การเดินริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำอภิเษก และรายละเอียดต่าง ๆ อาทิ เครื่องบวงสรวง บทเจริญพระพุทธมนต์ คาถาพลีกรรมตักน้ำ คาถาจุดเทียนชัย คาถาดับเทียนชัย คาถาตักน้ำใส่คนโท คำกล่าวโองการบวงสรวง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13013 | แนวทางการรณรงค์ เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2562 (สงกรานต์วิถีไทย ใช้น้ำคุ้มค่า ชีวาปลอดภัย) | วธ | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการรณรงค์ เพื่อสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรม เนื่องในประเพณีสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๒ ดำเนินการภายใต้แนวคิด “สงกรานต์วิถีไทย ใช้น้ำคุ้มค่า ชีวาปลอดภัย” โดยมีแนวทางในการจัดกิจกรรมภาพรวมของประเทศ ๓ แนวทาง ได้แก่ (๑) การรณรงค์จัด “สงกรานต์แบบไทย” (๒) การรณรงค์ “ใช้น้ำคุ้มค่า” และ (๓) การรณรงค์ “ทุกชีวาปลอดภัย” ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13014 | การปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมายและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี | นร04 | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๖๗/๒๕๖๒ เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13015 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2562 | นร | 02/04/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๒ ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
๑. ที่ประชุมรับทราบเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ (๑) ผลการดำเนินงานคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จำนวน ๔ คณะ ประกอบด้วยคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง วิเคราะห์โครงการ และติดตามประเมินผลการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ คณะอนุกรรมการยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ และคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (๒) ความก้าวหน้าแผนงานโครงการที่เสนอในคณะรัฐมนตรีสัญจร และงานนโยบายที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ (๓) แผนและผลการดำเนินงานของคณะกรรมการลุ่มน้ำ และ (๔) ความก้าวหน้าการจัดทำกฎหมายลำดับรอง และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณา กลั่นกรองข้อกฎหมายเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำ ๒. ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการแผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ทั้งระบบ ประกอบด้วยแผนหลัก ๖ ด้าน งบประมาณรวม ๕,๗๐๑.๕ ล้านบาท (ปี ๒๕๖๓-๒๕๗๒) และแผนปฏิบัติการเร่งด่วน ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๕ จำนวน ๙ โครงการ งบประมาณรวม ๑,๕๑๓.๕ ล้านบาท พร้อมทั้งหน่วยงานรับผิดชอบ และเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบและดำเนินการตามระเบียบงบประมาณต่อไป รวมทั้งมอบหมายกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมประมง เป็นหน่วยงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในบึงบอระเพ็ด และมอบให้กรมส่งเสริมการเกษตรและกรมพัฒนาที่ดินเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการปรับปฏิทินปลูกพืช พื้นที่บึงบอระเพ็ด ๓. ที่ประชุมรับทราบการจัดงานวันน้ำโลกและสัปดาห์อนุรักษ์ทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๒ และเรียนเชิญกรรมการทุกท่านและหน่วยงานเข้าร่วมงานดังกล่าวในวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ Westgate hall ชั้น ๔ Central Plaza Westgate จังหวัดนนทบุรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13016 | รายงานผลการตรวจติดตามการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2561/62 ด้านการตลาด | นร01 | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจติดตามการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๑/๖๒ ด้านการตลาด ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีได้ตรวจติดตามการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๑/๖๒ ด้านการตลาด ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๑-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (ยกเว้นภาคใต้) ประกอบด้วย ๓ มาตรการ ได้แก่ (๑) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๑/๖๒ (๒) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยสถาบันเกษตรกร และ (๓) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ๒. สรุปผลการดำเนินโครงการฯ เกษตรกรมีความพึงพอใจในนโยบายของรัฐบาลในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเป็นทางเลือกให้เกษตรกรในการเก็บรักษาข้าวไว้ขายในช่วงที่กลไกตลาดมีความต้องการให้ข้าวเข้าสู่ตลาดเพื่อให้ได้รับราคาขายที่สูงขึ้น และมีความต้องการให้รัฐบาลเข้ามาสนับสนุนกระบวนการผลิตในการลดความชื้นของข้าว เพื่อให้ได้ข้าวที่มีคุณภาพและราคาขายสูงขึ้น รวมทั้งต้องการให้สนับสนุนการสร้างลานตากข้าว เครื่องอบความชื้นที่มีขนาดใหญ่ให้กับสถาบันเกษตรกร (มีราคาสูงเกินกำลังการจัดซื้อของสถาบันเกษตรกรในพื้นที่) และต้องการให้ชลประทานจังหวัดมีการดำเนินการระบบชลประทานให้เข้าถึงการทำการเกษตรที่มีพื้นที่ห่างไกลจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อเป็นการเพิ่มผลผลิตข้าวและลดความเสียหายจากภัยแล้งให้แก่เกษตรกร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13017 | รายงานสรุปผลการประชุม UNWTO/UNESCO World Conference on Tourism and Culture : For the Benefit of All ครั้งที่ 3 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กก | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมองค์การการท่องเที่ยวโลก (United Nations World Organization : UNWTO) และองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific, and Cultural Organization : UNESCO) World Conference on Tourism and Culture : For the Benefit of All ครั้งที่ ๓ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ นครอิสตันบลู สาธารณรัฐตุรกี ระหว่างวันที่ ๒-๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุม UNWTO/ UNESCO จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาแนวทางการพัฒนาด้านสังคมและการอนุรักษ์วัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นการสร้างหุ้นส่วนภาคการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมในรูปแบบใหม่ ภายใต้การเกื้อหนุนซึ่งกันและกันโดยการใช้ประโยชน์จาก Digital Transformation โดยประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐมอลตาได้กล่าวเปิดการประชุมอย่างเป็นทางการ โดยได้เน้นย้ำว่าวัฒนธรรมมีบทบาทสำคัญต่อการท่องเที่ยว และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างความเข้าใจและเชื่อมโยงคนทั่วโลก ๒. การประชุมระดับรัฐมนตรี จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “การสร้างเสริมความร่วมมือระหว่างประกอบการด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม” (Strengthening Collaboration between Tourism and Culture Stakeholders) โดยที่ประชุมรับทราบว่าวัฒนธรรมเป็นส่วนหนึ่งของความเจริญเติบโตของการท่องเที่ยวที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ ดังนั้น การปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมและส่งเสริมการท่องเที่ยวสามารถดำเนินการร่วมกันเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ ทั้งนี้ ความท้าทายหลัก คือ การสร้างความน่าสนใจให้กับแหล่งการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการบริหารจัดการนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากขึ้น ๓. การหารือระดับทวิภาคีกับฝ่ายตุรกี ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงแนวทางในการพัฒนาความร่วมมือ การส่งเสริมและแลกเปลี่ยนสินค้าด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันเพิ่มขึ้น โดยฝ่ายตุรกีได้แสดงความยินดีกับไทยเกี่ยวกับบทบาทของไทยในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและชื่นชมที่ไทยเป็นสถานที่ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ส่วนฝ่ายไทยได้แจ้งถึงผลงานการท่องเที่ยวของไทยประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมถึงนโยบายและแนวทางการดำเนินงานด้านการท่องเที่ยวในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ และแจ้งให้ทราบถึงโครงการรณรงค์ใช้ภาชนะหมุนเวียนในเขตอุทยาน โดยมีแคมเปญ “อเมซิ่ง ปิ่นโต” เพื่อสนับสนุนการลดใช้พลาสติกให้ฝ่ายตรุกีทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13018 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง และเป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑๕ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๔ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๔ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๗๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างจัดทำ จำนวน ๔๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๗ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการายงานครบแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13019 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. .... | สว | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งควรให้นายทะเบียนกลางหรือนายทะเบียนประจำจังหวัดพิจารณากำหนดแนวทางให้สภาองค์กรของผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมและสนับสนุนงานตามร่างมาตรา ๖ เร่งดำเนินการจัดทำแบบและวิธีการแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภคให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และตรวจสอบลักษณะขององค์กรของผู้บริโภคและเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดในการรับแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภค ตลอดจนควรให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคทำงานร่วมกับสภาองค์กรของผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดในกรณีการดำเนินคดีของสภาองค์กรของผู้บริโภค สำหรับการจัดสรรเงินอุดหนุนให้เพียงพอต่อการดำเนินงานของสภาองค์กรของผู้บริโภค ให้รวมถึงการดำเนินงานของสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภคกับหน่วยงานประจำจังหวัดด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13020 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... | สว | 26/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตว่า การสร้างความร่วมมือของเครือข่ายป่าชุมชนเพื่อการดูแลรักษาป่ามีความจำเป็น และคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัดควรอนุญาตให้คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนยืนยันการใช้แผนจัดการป่าชุมชนเดิมได้ หากแผนเดิมยังมีความเหมาะสมที่จะใช้เป็นแผนได้ในระยะต่อไป เพื่อเป็นการลดภาระของประชาชน รวมถึงควรคำนึงถึงพื้นที่ป่าชุมชนที่มีซากดึกดำบรรพ์มิให้ได้รับความเสียหายจากการใช้ประโยชน์ภายในพื้นที่ป่าชุมชนด้วย นอกจากนี้ ควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและกรมป่าไม้ได้เข้ามามีส่วนช่วยเหลือประชาชนในการจัดทำแผนจัดการป่าชุมชนด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
.....