ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 449 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 8961 - 8980 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8961 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดฐานทำให้แท้งลูก) | สผ. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดฐานทำให้แท้งลูก) ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
มีข้อสังเกตเห็นสมควรแก้ไขเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
รวมทั้งควรให้แพทยสภาปรับปรุงข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหามาตรา
๓๐๑ และมาตรา ๓๐๕ โดยเร่งด่วน
ตลอดจนกระทรวงสาธารณสุขควรกำหนดมาตรการการบริการให้กับผู้หญิงที่มารับบริการโดยให้ศูนย์บริการภาครัฐทุกแห่งจัดให้มีบริการปรึกษาทางเลือกและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์
การยุติการตั้งครรภ์อย่างทั่วถึงและเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
และจัดให้มีศูนย์บริการในโรงพยาบาลของรัฐอย่างน้อยจังหวัดละหนึ่งแห่งเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาสุขภาพด้านอนามัยเจริญพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับการยุติการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย
สำหรับรัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณสนับสนุนช่วยเหลือดูแลผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม และควรกำหนดให้มีการจัดทำรายงานติดตามและประเมินผลการดำเนินงานทุกปีเสนอต่อกรรมการที่กระทรวงสาธารณสุขจะจัดตั้งขึ้น
นอกจากนี้ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องควรกำหนดมาตรการควบคุมการจำหน่ายยาที่ผิดกฎหมายที่จะนำมาใช้ในการทำแท้งเองหรือการทำแท้งเถื่อนและดำเนินการกับหมอเถื่อนหรือคลินิกเถื่อนอย่างจริงจัง
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒.
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ
แพทยสภา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8962 | การเลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรี (วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564) | นร. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรี
โดยที่วันอังคารที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
เป็นวันเริ่มต้นการชี้แจงญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
ตามมาตรา ๑๕๑ ของรัฐธรรมนูญ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น
นายกรัฐมนตรีจึงมีบัญชาให้เลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรีจากวันอังคารที่ ๑๖
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ เป็นวันจันทร์ที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8963 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง “แนวทางการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ” ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ” ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย
การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณารายงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะและข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ
แล้ว สรุปผลการพิจารณาได้ว่า การนำเอาหลักความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional
Justice) และความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (Restorative Justice) มาใช้ในการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์
ต้องมีการศึกษาให้รอบด้านและเหมาะสมกับช่วงสถานการณ์
โดยเฉพาะกลไกทางกฎหมายจะต้องพิจารณาให้รอบด้านและมีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องก่อนจะตรากฎหมาย
เพื่อให้สามารถยุติปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง
อันเป็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านมาและช่วยสร้างให้เกิดบรรยากาศของการปรองดอง
สมานฉันท์ในบ้านเมือง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8964 | ขอความเห็นชอบท่าทีของฝ่ายไทยต่อการเสนอขอภาคยานุวัติสนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญาในภูมิภาคอาเซียนของสาธารณรัฐคาซัคสถานและสาธารณรัฐอินเดีย | อส. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบท่าทีของประเทศไทยที่จะพิจารณาร่วมสนับสนุนฉันทามติให้สาธารณรัฐคาซัคสถานและสาธารณรัฐอินเดียภาคยานุวัติเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญาในภูมิภาคอาเซียน
พ.ศ. ๒๕๔๗ (Treaty on Mutual Legal Assistance in Criminal Matters 2004) ในการประชุมของที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของผู้ประสานงานกลางด้านความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องอาญา
(Senior Officials’ Meeting of the Central
Authorities on Mutual Legal Assistance in Criminal Matters : SOM-MLAT) และในการประชุมของที่ประชุมอัยการสูงสุด/รัฐมนตรีของผู้ประสานงานกลางด้านความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องอาญา
(ASEAN Ministers/Attorneys-General
Meeting of the Central Authorities on Mutual Legal Assistance in Criminal
Matters : AMAG-MLAT) ต่อไป
ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8965 | รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 (ไตรมาสที่ 1) | นร.07 | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ
และผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ (ไตรมาสที่ ๑) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (ไตรมาส ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๓,๒๘๕,๙๖๒.๔๗๙๗ ล้านบาท มีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๙๔๒,๗๐๗.๔๒๙๘ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๑,๐๒๘,๔๓๔.๒๑๙๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๘.๖๙ และ ๓๑.๓๐ ตามลำดับ ๒. ปัญหาและอุปสรรค เช่น หน่วยรับงบประมาณดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ หน่วยรับงบประมาณจัดสรรเงินไปยังสำนักงานในภูมิภาคล่าช้าหลังจากได้รับการจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณ และรายการผูกพันใหม่ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่มีวงเงินเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท บางรายการยังไม่เข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น ๓. ข้อเสนอแนะ เช่น
หน่วยรับงบประมาณควรเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายและหรือแผนที่กำหนดไว้
และให้หัวหน้าส่วนราชการกำกับดูแลการรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณ
รวมทั้งปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไขโดยเคร่งครัด เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8966 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายใต้โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทย โดยการจองล่วงหน้า (AstraZeneca) | สธ. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายละเอียดการดำเนินงานจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) สำหรับประชาชนไทย โดยการจองซื้อล่วงหน้า (AstraZeneca) ในส่วนของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ๑.๒ อนุมัติการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ วงเงิน
๒,๗๔๑,๓๓๖,๐๐๐ บาท ภายใต้โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) สำหรับประชาชนไทยโดยการจองล่วงหน้า
(AstraZeneca) ในส่วนที่กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข
เกี่ยวข้อง ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8967 | ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ | สผ. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย
กับคณะ รวม ๒๐๘ คน ได้เข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
ตามมาตรา ๑๕๑ ของรัฐธรรมนูญ นั้น
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีความพร้อมจะไปชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ตั้งแต่วันอังคารที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
จึงได้ลงมติมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับไปประสานประธานสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับกำหนดวันที่คณะรัฐมนตรีจะไปชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8968 | การขยายวาระการดำรงตำแหน่งประธานร่วมของการประชุม Steering Group Meeting of OECD Southeast Asia Regional Programme (SEARP) | กต. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยขยายวาระการดำรงตำแหน่งประธานร่วมของการประชุม
Steering Group Meeting (SGM) of
OECD Southeast Asia Regional Programme (SEARP) ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔ ไปจนถึงสิ้นสุดการประชุม SEARP
Ministerial Conference ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี
๒๕๖๕ และให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพการประชุม OECD Southeast Asia (SEA) Regional Forum ในปี
๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประธานร่วมของการประชุม SGM
of OECD SEARP และเป็นเจ้าภาพการจัดประชุม OECD SEA Regional
Forum ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ รายการค่าใช้จ่ายในการเจรจาและการจัดประชุมนานาชาติที่เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้วเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม
ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8969 | การปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบอาชีพในที่หรือทางสาธารณะในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร | นร15 | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน
เรื่อง
การปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบอาชีพในที่หรือทางสาธารณะในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ซึ่งความเห็นและข้อเสนอแนะเรื่องดังกล่าวเป็นผลการพิจารณาที่ได้ดำเนินการศึกษาภายใต้คณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน
ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๓๑/๒๕๖๐
ซึ่งมีรายละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์และได้มีการปรึกษาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้เสียอย่างครอบคลุมแล้ว
พร้อมนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ตามที่สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดองเสนอ ๒.
มอบหมายให้กรุงเทพมหานครเป็นหน่วยงานหลักรับความเห็นและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วนในเรื่องนี้ไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้รับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ
เครืองาม) ที่ให้รับประเด็นการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ใต้ทางด่วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดองรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรให้มีการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม ได้แก่
นโยบายการบริหารจัดการในที่หรือทางสาธารณะที่ชัดเจนที่เกี่ยวข้องกับผู้ค้าหาบเร่แผงลอยและผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ
ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมการขนส่งทางบก
ซึ่งพร้อมให้ความร่วมมือสนับสนุนตามที่กฎหมายให้อำนาจกรมการขนส่งทางบกในการควบคุมกำกับดูแล
และดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบอาชีพในที่หรือทางสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานคร
เพื่อให้ผู้ประกอบอาชีพหาบเร่แผงลอยหรือผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะสามารถใช้ที่หรือทางสาธารณะเป็นสถานที่ประกอบอาชีพ
และต้องคำนึงถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัยของคนเดินเท้าและผู้ใช้ทางเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8970 | แนวปฏิบัติจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ (Thailand AI Ethics Guideline) | ดศ. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบแนวปฏิบัติจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์
(Thailand AI Ethics Guideline)
และให้หน่วยงานราชการใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการพัฒนา ส่งเสริม
และนำไปใช้ในทางที่ถูกต้องและมีจริยธรรมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมต่อไป
โดยแนวปฏิบัติจริยธรรมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานราชการนำไปใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริม
สนับสนุน รวมถึงกำกับดูแลเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ให้มีความน่าเชื่อถือ
มั่นคงปลอดภัย และมีจริยธรรม โดยมุ่งเน้นให้องค์กรนำแนวปฏิบัติจริยธรรมฯ ไปปรับใช้
โดยพิจารณาตามความเหมาะสมของทรัพยากร และระบบการบริหารจัดการภายในองค์กร
รวมถึงความสามารถในการปฏิบัติตามแนวปฏิบัติจริยธรรมฯ
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
โดยให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวปฏิบัติจริยธรรมฯ
ทั้งในประเด็นของหลักคิด นิยาม และแนวทางการแปลงแนวปฏิบัติจริยธรรมฯ
ไปสู่การปฏิบัติ
โดยให้พิจารณากำหนดหน่วยงานที่มีความพร้อมเพื่อเป็นหน่วยงานนำร่องในการดำเนินการในระยะแรก
แล้วประเมินผลการดำเนินการก่อนขยายผลการดำเนินการในระยะต่อไป ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงอุตสาหกรรม
เช่น (๑) ควรให้มีการสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ไปสู่ภาคอุตสาหกรรม
(๒) ควรนำหลักการของมาตรฐานทางจริยธรรมตามพระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรม พ.ศ.
๒๕๖๒ มาใช้ประกอบการพิจารณา และ (๓)
ควรมีการกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์ให้ประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสมและมีจริยธรรม เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8971 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 2/2564 | นร. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๔ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒)
ความคืบหน้าการจัดหาและการเตรียมความพร้อมการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 (๓) การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามแนวชายแดน
(๔) การดำเนินการให้เป็นไปตามข้ออนุมัติของนายกรัฐมนตรีตามการเสนอของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
(๕)
แนวปฏิบัติในการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ระลอกใหม่ และ (๖) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8972 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประจำปี พ.ศ. 2562 | นร.09 | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒.
ให้หน่วยงานของรัฐ ทั้งราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น
รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่นของรัฐ
ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมการอบรมด้านการบังคับคดี จากกรมบังคับคดี ทั้งนี้
เพื่อให้การบังคับทางปกครองโดยเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐมีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานเดียวกัน
และกระทบกระเทือนต่อผู้อยู่ในบังคับของคำสั่งทางปกครองน้อยที่สุด ๓.
ให้หน่วยงานของรัฐที่หารือต่อคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองถือปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองเช่นเดียวกับการให้ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๒ ว่า
“...เมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นทางกฎหมายเป็นประการใดแล้ว
โดยปกติให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา นั้น” ๔.
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับข้อเสนอแนะของกระทรวงกลาโหมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม เช่น (๑) การจัดอบรมด้านการบังคับคดี
ควรจัดทำเนื้อหาเพื่อเพิ่มเติมทักษะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานจริงในขั้นตอนต่าง ๆ
ของการบังคับคดีด้วย และ (๒) การจัดหลักสูตรอบรมด้านการบังคับคดี
อาจพิจารณาจัดการฝึกอบรมผ่านระบบ online และระบุช่องทางสำหรับการค้นหาความเห็นของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองเพื่อให้สามารถค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8973 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (พ.ศ. 2563 – 2565) | วธ. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ (ร่าง)
แผนปฏิบัติการด้านส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยของไทย
โดยมีกลไกในการขับเคลื่อนประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) ส่งเสริมการวิจัย
องค์ความรู้นวัตกรรมด้านศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
และการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ (๒)
ส่งเสริมให้มีการพัฒนาพื้นที่ทางศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยเพื่อการเรียนรู้และการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม
(๓) ส่งเสริมการสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยที่สร้างคุณค่าทางจิตใจ สังคม
และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการบนฐานของทุนทางวัฒนธรรม และ (๔)
ส่งเสริมความร่วมมือภาคีเครือข่ายด้านศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยทั้งในและต่างประเทศบนฐานมรดกทางวัฒนธรรม
โดยมีกรอบวงเงินในการดำเนินการ รวมทั้งสิ้น ๒๙,๕๖๕.๙๕ ล้านบาท
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อน (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงอุตสาหกรรม และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม เช่น
กระทรวงอุตสาหกรรมแจ้งขอปรับปรุงวงเงินงบประมาณของโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
จำนวน ๑ โครงการ ได้แก่
โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาสู่สากล จากเดิม ๓๓.๑๖
ล้านบาท เป็น ๑๑ ล้านบาท เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามแผนปฏิบัติการฯ
เห็นควรให้ดำเนินการในลักษณะบูรณาการของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและความครอบคลุมของทุกแหล่งเงินที่มีอยู่หรือสามารถมาใช้จ่ายได้
นำไปเป็นแนวทางในการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสม ตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8974 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 4/2564 | นร.11 | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๔ ซึ่งพิจารณาอนุมัติให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
กระทรวงการคลัง ปรับปรุงเงื่อนไขการดำเนินโครงการเราชนะ รวมทั้งรับทราบผลการจัดทำข้อเสนอโครงการองค์กรภาคประชาชนผ่านหน่วยงานของรัฐเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
โดยกำหนดเงื่อนไขไม่ให้มีการใช้สิทธิตามโครงการเราชนะในการซื้อสินค้าอันมิใช่สินค้าจำเป็นเพื่อการดำรงชีพเพิ่มเติม
ได้แก่ สินค้าประเภททองคำ รวมถึงร้านค้าที่ขึ้นทะเบียนการขายทอดตลาดและการค้าของเก่าประเภทเพชร
พลอย ทอง นาก เงิน หรืออัญมณี ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งพิจารณากำหนดรูปแบบการใช้สิทธิ์ของประชาชนกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตและไม่มีโทรศัพท์ที่สามารถรองรับการใช้แอปพลิเคชันได้ให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวัตถุประสงค์
วิธีการเข้าร่วมและการใช้สิทธิ์ของประชาชน ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินโครงการเราชนะ
สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
เห็นชอบให้กระทรวงการคลังหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการสนับสนุนการประชาสัมพันธ์โครงการเราชนะ
การยืนยันข้อมูลการประกอบกิจการ และการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน เพื่อดำเนินการต่อไป ๓. ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการ
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์
สร้างความรับรู้ ความเข้าใจ ให้ถูกต้องครบถ้วน
ถึงสิทธิและข้อจำกัดของการเข้าร่วมโครงการ ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8975 | การเตรียมการด้านงบประมาณสำหรับการเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 และการประชุมที่เกี่ยวข้องในปี 2565 | กต. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำบิมสเทค
ครั้งที่ ๖ และการประชุมที่เกี่ยวข้องในปี ๒๕๖๕ จำนวน ๒๗๕,๐๒๖,๓๐๐ บาท โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นดังกล่าวขอให้กระทรวงการต่างประเทศและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็นตามภารกิจ
เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป โดยคำนึงถึงความประหยัดและประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงวัฒนธรรมที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแล และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดจากการจัดประชุมดังกล่าว
รวมทั้งหารือรายละเอียดและรูปแบบในการจัดงานอย่างชัดเจนเพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดหลักในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าว
เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8976 | แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2545 – 2565) ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2563 | พม. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ
ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๔๕-๒๕๖๕) ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๖๓ และให้หน่วยงานรับผิดชอบดำเนินงานด้านผู้สูงอายุนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป
โดยแผนปฏิบัติด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ ๒ฯ พ.ศ. ๒๕๖๓
ได้ปรับปรุงตามมติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๓ และคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่
๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ ได้เห็นชอบด้วยแล้ว
โดยสาระสำคัญของแผนปฏิบัติด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ ๒ฯ พ.ศ. ๒๕๖๓
ยังคงรักษาเค้าโครงเดิม แต่มีการปรับปรุงดัชนี โดยเพิ่มดัชนีชี้วัด ๒ ดัชนี
(ดัชนีสัดส่วนของประชากรอายุ ๒๕-๕๙ ปี ที่มีการออมที่เพียงพอเพื่อวัยสูงอายุ
และดัชนีร้อยละของผู้สูงอายุที่มีความพร้อมด้านสุขภาพต้องการทำงานแต่ไม่มีงานทำ)
และตัดออก ๑ ดัชนี (ดัชนีสัดส่วนจังหวัดที่จัดตั้งคลังปัญญากลาง) เนื่องจากบรรลุเป้าหมายแล้ว
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีความเข้าใจและมีความรู้ความสามารถในการเข้าถึงและเท่าทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
เพื่อให้ผู้สูงอายุมีช่องทางในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและองค์ความรู้ต่าง ๆ
ได้อย่างเหมาะสมต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร.
เช่น การกำหนดหน่วยงานผู้รับผิดชอบหลักตามยุทธศาสตร์และมาตรการหลักต่าง ๆ
การบูรณาการการดำเนินงานทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น
การจัดทำฐานข้อมูลผู้สูงอายุที่จำแนกตามกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน
และการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จในการบูรณาการความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนแผนไปสู่การปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8977 | ขออนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร | กษ. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร
สำหรับค่าชดใช้ราคาสุกรที่ถูกทำลาย ตามมาตรา ๑๓ (๔)
แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๒๗๙,๗๘๒,๓๗๔ บาท
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีมาตรการยกระดับการจัดการฟาร์มเลี้ยงสุกรให้ได้มาตรฐานในการป้องกันโรค
เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับเกษตรกรในการรับมือกับโรคระบาดสัตว์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยที่มีการเลี้ยงแบบเปิดที่เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ
และอาจเป็นพาหะในการแพร่กระจายเชื้อโรคไปในวงกว้างได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8978 | แนวทางการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีทางการเงิน (Financial Technology: FinTech) | กค. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๑
เพื่อยกเลิกการใช้เงินกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ตามความในมาตรา ๑๙
แห่งพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๖๕๐
ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการจัดตั้งสถาบันนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเงิน (Institute
for Financial Innovation and Technology : InFinIT) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า
ในภาพรวมจำเป็นต้องมีการบูรณาการความช่วยเหลือ รวมทั้งสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็น
และส่งเสริมความรู้ความเข้าใจต่าง ๆ ให้ FinTech Startups สามารถต่อยอดเพื่อขยายธุรกิจในวงกว้างได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8979 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายดิสทัต คำประกอบ) | นร.04 | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายดิสทัต คำประกอบ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8980 | การขยายระยะเวลาความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการ Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in ASEAN | ทส. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียนเพื่อแก้ไขความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการ
Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in ASEAN และอนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน
และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งความเห็นชอบของประเทศไทยต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป
โดยร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาความตกลงให้การสนับสนุนทางการเงินภายใต้โครงการ
Sustainable Use of Peatland and Haze Mitigation in
ASEAN ออกไปอีก ๒ ปี โดยไม่เพิ่มเงินสนับสนุน (no-cost extension) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือตอบรับของฝ่ายอาเซียน ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|