ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 447 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 8921 - 8940 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8921 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564) | ปสส. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
ซี่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่
ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. ....
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๓
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันอังคารที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
รวมทั้งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๑
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ และครั้งที่ ๒๒
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
ตามที่ฝ่ายเลขานุการวิปรัฐบาล สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8922 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขาวิชาชีพวิศวกรรมและวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8923 | ขออนุมัติการเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย ตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร | ศย. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมเพิ่มวงเงินค่าเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.) ตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร จากเดิมวงเงิน ๒๒,๐๔๖,๐๐๐ บาท เป็นภายในกรอบวงเงิน
๘๑,๙๙๗,๘๐๑ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๗๕ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้สำนักงานศาลยุติธรรมใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว สมทบกับเงินรายได้ค่าธรรมเนียมศาล
ส่วนภาระงบประมาณในปีต่อไปเห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีให้ครบถ้วนตามวงเงินในสัญญาเช่าที่ดินต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมและกระทรวงคมนาคม
โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นว่า ค่าเช่าที่ดินที่ รฟท.
เรียกเก็บจากสำนักงานศาลยุติธรรมในครั้งนี้
ได้กำหนดให้มีการปรับปรุงค่าเช่าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕ ทุกปี
ซึ่งไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑
ที่เห็นชอบการกำหนดแนวทางการดำเนินการกรณีหน่วยงานของรัฐผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้จัดให้ส่วนราชการเช่าใช้ประโยชน์
โดยปรับปรุงอัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้นไม่เกินร้อยละ ๓ ต่อปี
จึงเห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมขอความร่วมมือจากการรถไฟแห่งประเทศไทยในการปรับปรุงค่าเช่า
จากร้อยละ ๕ ทุกปี เป็นไม่เกินร้อยละ ๓ ต่อปี เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8924 | ขอปรับค่าอาหารกลางวันของนักเรียน | ศธ. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการของการปรับค่าอาหารกลางวันของนักเรียน
เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ค่าใช้จ่าย
และค่าวัตถุดิบในการประกอบอาหารที่มีราคาสูงขึ้น
โดยให้ปรับอัตราค่าอาหารกลางวันของนักเรียนทุกคน
ตั้งแต่เด็กเล็ก-ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ จากอัตรา ๒๐ บาท/คน/วัน เป็นอัตรา ๒๑
บาท/คน/วัน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้รับจัดสรรงบประมาณเป็นค่าอาหารกลางวัน
ปรับมาใช้ในอัตราดังกล่าวด้วยเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
โดยแต่ละหน่วยงานสามารถบริหารจัดการได้ตามความเหมาะสม
สอดคล้องกับขนาดโรงเรียนและจำนวนนักเรียนในขั้นตอนการบริหารงบประมาณ
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา เช่น
การกำหนดแนวทางให้ชัดเจนในทุกขั้นตอนสำหรับการบริหารโครงการอาหารกลางวันให้มีคุณภาพ
การให้ความสำคัญกับการควบคุม กำกับ ดูแลโครงการดังกล่าวให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
การพิจารณาการใช้จ่ายให้ครอบคลุมจากทุกแหล่งเงิน การกำหนดมาตรการและกลไกในการบริหารจัดการให้มีความชัดเจนและทันการณ์
โปร่งใส และตรวจสอบได้ การพิจารณาแนวทางการจัดสรรอาหารกลางวันตามสถานการณ์ที่เหมาะสม
การทำงานร่วมกันเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักเรียนด้อยโอกาสที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาแนวทางและมาตรการในการดำเนินการเพื่อส่งเสริม สนับสนุน
หรือขอความร่วมมือจากภาคเอกชนและผู้ปกครองของนักเรียนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดหาอาหารกลางวันแก่นักเรียน
เพื่อให้นักเรียนได้รับอาหารกลางวันที่เหมาะสม เพียงพอ
และถูกหลักโภชนาการมากยิ่งขึ้น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8925 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการการศึกษาหลักสูตรอาชีวศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และโรคอุบัติใหม่ที่เกิดจากเชื้อไวรัสในอนาคตของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา | สว. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง
แนวทางการบริหารจัดการการศึกษาหลักสูตรอาชีวศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) และโรคอุบัติใหม่ที่เกิดจากเชื้อไวรัสในอนาคต
ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา โดยกระทรวงศึกษาธิการพิจารณาแล้วเห็นว่า
กรณีที่ไม่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) หรือโรคติดเชื้อไวรัสชนิดอื่น สถานศึกษาอาชีวศึกษาทุกแห่งดำเนินการจัดการศึกษาในรูปแบบ
Onsite เพื่อให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับครูผู้สอนซึ่งเป็นการจัดการศึกษาในลักษณะเต็มรูปแบบตามหลักสูตรอาชีวศึกษา
และกรณีที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) หรือโรคติดเชื้อไวรัสชนิดอื่น สถานศึกษาอาชีวศึกษาดำเนินการจัดการศึกษาโดยวิธีการที่หลากหลาย
ทั้งในรูปแบบ Onsite ควบคู่ไปกับรูปแบบ On-Air และแบบ Online โดยสถานศึกษาบูรณาการจัดการศึกษาตามหลักสูตรในรูปแบบต่าง
ๆ ซึ่งคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมและความพร้อมของสถานศึกษาอาชีวศึกษาแต่ละแห่ง
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8926 | ร่างประกาศคณะกรรมการปิโตรเลียม เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดพื้นที่ที่จะดำเนินการสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมในรูปแบบของสัมปทาน สัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือสัญญาจ้างบริการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | พน. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการปิโตรเลียม
เรื่อง
หลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดพื้นที่ที่จะดำเนินการสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมในรูปแบบของสัมปทาน
สัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือสัญญาจ้างบริการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเอกสารหมายเลข ๑ ท้ายประกาศคณะกรรมการปิโตรเลียม เรื่อง
หลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดพื้นที่ที่จะดำเนินการสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมในรูปแบบของสัมปทาน
สัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือสัญญาจ้างบริการ ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๐
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8927 | ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น พ.ศ. .... | นร.09 | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นและไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบันหรือมีความซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่นที่ตราขึ้นในภายหลัง
รวม ๗ ฉบับ ได้แก่ (๑) พระราชบัญญัติจัดการฝึกและอบรมเด็กบางจำพวก พุทธศักราช ๒๔๗๙
(๒) พระราชกำหนดควบคุมและดำเนินงานภารธุระการทำเหมืองแร่ทองคำ พุทธศักราช ๒๔๘๓ (๓)
พระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการไฟฟ้า พุทธศักราช ๒๔๘๔ (๔)
พระราชบัญญัติกำหนดวิธีปฏิบัติแก่บุคคลซึ่งเผยแพร่ข่าวอันเป็นการทำให้เสียสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยกับประเทศที่มีสนธิสัญญาทางไมตรีกับประเทศไทย
ในภาวะสงคราม พุทธศักราช ๒๔๘๘ (๕)
พระราชบัญญัติกำหนดวิธีการระงับการค้ากำไรเกินสมควรจากราชการ พ.ศ. ๒๔๙๑ (๖)
พระราชบัญญัติจัดการฝึกและอบรมเด็กบางจำพวก (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๑ และ (๗)
พระราชบัญญัติการผลิตผลิตภัณฑ์ซีดี พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งการยกเลิกกฎหมายดังกล่าวจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายในภาพรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน
รวมทั้งลดอุปสรรคในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
และยังเป็นการลดภาระต่อรัฐในเรื่องงบประมาณในการบังคับใช้กฎหมายและลดภาระต่อประชาชนผู้อยู่ภายใต้บังคับกฎหมาย
ตลอดจนเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับบทบัญญัติในมาตรา ๗๗
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
๒.
มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และกระทรวงมหาดไทยรับข้อเสนอของคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วนที่ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติสำหรับรักษาช้างป่า
พระพุทธศักราช ๒๔๖๔ และพระราชบัญญัติสำหรับรักษาช้างป่า (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๓
ไปประกอบการพิจารณาในคราวเดียวกันด้วย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8928 | ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่น ๆ ของข้าราชการพลเรือนกลาโหม พ.ศ. .... | กห. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่น
ๆ ของข้าราชการพลเรือนกลาโหม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราเงินเดือน
อัตราเงินประจำตำแหน่ง การให้ได้รับเงินเดือน การให้ได้รับเงินประจำตำแหน่ง
การให้ได้รับเงินเพิ่มพิศษสำหรับตำแหน่งที่ประจำอยู่ในต่างประเทศหรือที่มีเหตุพิเศษ
เงินเพิ่มผู้ชำนาญงานและเงินเพิ่มอื่น เงินช่วยเหลือ
เงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการพลเรือนกลาโหมตามประเภทตำแหน่ง สายงาน
และระดับที่กำหนดไว้ ได้แก่ ประเภททั่วไป ประเภทวิชาการ ประเภทอำนวยการ
ประเภทบริหาร ประเภทสอนและวิจัย และกำหนดประโยชน์ตอบแทนอื่น ๆ
ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้ตรวจพิจารณาร่วมกับร่างพระราชกฤษฎีการะเบียบข้าราชการพลเรือนกลาโหม พ.ศ.
.... ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๓.
ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ
และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นว่า (๑)
การกำหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับการปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการพลเรือนกลาโหมให้เข้ากับระดับและขั้นใดตามบัญชีเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนกลาโหม
ควรกำหนดให้สอดคล้องกับการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการประเภทอื่น (๒)
การปรับอัตราเงินเดือนตามร่างมาตรา ๕ วรรคเจ็ด
ที่กำหนดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงกลาโหมกำหนด
อาจมีผลทำให้เกิดการปรับอัตราเงินเดือนที่แตกต่างไปจากข้าราชการประเภทอื่น
จึงเห็นควรกำหนดให้เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีในการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดังกล่าวเช่นเดียวกับข้าราชการประเภทอื่น
และ (๓)
การกำหนดเกี่ยวกับการได้รับเงินเพิ่มของข้าราชการพลเรือนกลาโหมตามร่างมาตรา ๖
ยังคงมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับผู้มีอำนาจในการกำหนดเงินเพิ่มแต่ละประเภท และจะต้องสอดคล้องกับระบบการบริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการพลเรือนกลาโหมซึ่งจะกำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีการะเบียบข้าราชการพลเรือนกลาโหม
พ.ศ. .... ที่ออกตามมาตรา ๖ วรรคสาม ของพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม
พ.ศ. ๒๕๕๑ จึงควรพิจารณาหลักการและร่างกฎหมายทั้งสองฉบับไปในคราวเดียวกัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8929 | การแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๑๘/๒๕๖๔ เรื่อง
แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
(กตน.) ลงวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๔ โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา
นาคาศัย) เป็นประธานกรรมการ และมีรองเลขาธิการฝ่ายบริหาร รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
และรองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ได้รับมอบหมายเป็นประธานกรรมการและเลขานุการร่วม
ซึ่ง กตน. มีอำนาจหน้าที่หลักในการติดตาม ขับเคลื่อน
และเร่งรัดส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้นำนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติ
เพื่อให้การดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีบรรลุผลสำเร็จและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล
รวมทั้งรวบรวมและจัดทำรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลเป็นประจำทุกปี
เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องใช้ประโยชน์ในการเผยแพร่และสร้างการรับรู้ของประชาชน
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8930 | มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพที่มีความซ้ำซ้อนกับสวัสดิการอื่น | พม. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบมติคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์
๒๕๖๔
เกี่ยวกับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพที่มีความซ้ำซ้อนกับสวัสดิการอื่น
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยมีมติ ดังนี้ ๑.๑
ชะลอการดำเนินการเรียกเงินเบี้ยยังชีพคืนจากผู้สูงอายุที่มีความซ้ำซ้อนกับสวัสดิการอื่น ๑.๒
แนวทางช่วยเหลือเยียวยาผู้สูงอายุที่รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุซ้ำซ้อนกับสวัสดิการอื่นและเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการโดยสุจริต
ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา
กำหนดเกณฑ์กลางในการพิจารณาว่าผู้ใดสุจริต ให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๒.
คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า
แนวทางการช่วยเหลือเยียวยาผู้สูงอายุที่รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุซ้ำซ้อนกับสวัสดิการอื่นและเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการโดยสุจริตที่ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกรุงเทพมหานคร
และเมืองพัทยา กำหนดเกณฑ์กลางในการพิจารณาว่าผู้ใดสุจริตให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
นั้น อาจเกิดปัญหาในทางปฏิบัติและการตีความข้อกฎหมายได้
สมควรที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติจะพิจารณาแนวทางปฏิบัติในประเด็นดังกล่าวให้ชัดเจน ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8931 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 5/2564 | นร.11 | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุม ครั้งที่ ๕/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการจัดหายาและวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ของหน่วยบริการสุขภาพ อนุมัติให้จังหวัดสุโขทัยยกเลิกการดำเนินโครงการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรชุมชนเพื่อสนับสนุนการผลิตสมุนไพรในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย
และให้จังหวัดนครปฐมยกเลิกการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาอาชีพด้านเกษตร
ภายใต้โครงการยกระดับคุณภาพผลผลิตทางการเกษตรสู่มาตรฐานการเกษตรปลอดภัยของจังหวัดนครปฐม
รวมทั้งรับทราบผลการดำเนินโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน
ของกรมการจัดหางาน และผลการติดตามการเบิกจ่ายเงินกู้ของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น (๑) ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการทุกโครงการตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินโครงการ
และรายงานให้คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณายุติโครงการภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
และกำชับให้หน่วยงานที่จะเสนอโครงการตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินงานให้เรียบร้อยก่อนที่จะเสนอโครงการต่อคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้และคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ
และ (๒) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานชี้แจงปัญหาและอุปสรรค
รวมถึงข้อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา
เพื่อเร่งรัดผลการเบิกจ่ายของโครงการที่รับผิดชอบให้สามารถเป็นไปได้ตามเป้าหมาย เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ให้หน่วยงานที่จะเสนอโครงการต่อคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินโครงการให้ถูกต้องเรียบร้อยก่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่มีผลกระทบต่อประชาชน ให้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วย
และเมื่อโครงการได้รับความเห็นชอบ/อนุมัติ จากคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้และคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนแล้ว
ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณให้ถูกต้อง โปร่งใส
และตรวจสอบได้อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8932 | ผลการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง - สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 2 และการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 12 | กต. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี
ครั้งที่ ๒ และการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๒ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยมีนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมฯ และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ ประกอบด้วย
การรับรองถ้อยแถลงร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี
ครั้งที่ ๒ และถ้อยแถลงร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น
ครั้งที่ ๑๒ ซี่งมีการเพิ่มเติมประเด็นต่าง ๆ เช่น
การแสดงความกังวลถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยเฉพาะเหตุการณ์น้ำท่วม ดินถล่ม
และความเสียหายจากพายุโซนร้อนที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในอนุภูมิภาค
รวมถึงขอบคุณสาธารณรัฐเกาหลีในการให้ความช่วยเหลือด้านอุปกรณ์และการเงินในการรับมือกับปัญหาทั้งด้านโรคระบาดและภัยธรรมชาติ
และการแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์พายุโซนร้อนหลิ่นฟา นังกา และไต้ฝุ่นโมลาเบ
ที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นต้น
รวมทั้งสาระสำคัญของถ้อยแถลงของผู้แทนจากประเทศต่าง ๆ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
เช่น การขับเคลื่อนการดำเนินความร่วมมือภายใต้สาขาวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว
และการพิจารณาประเด็นการดำเนินความร่วมมือที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง
เพิ่มเติม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8933 | ขออนุมัติดำเนินการตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2564 | พณ. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี ๒๕๖๔ วงเงินงบประมาณ
๔,๖๐๐,๘๕๐,๐๐๐ บาท สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระงบประมาณ
ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ส่วนค่าบริหารจัดการของ ธ.ก.ส. ให้คงอัตรา ๕ บาทต่อรายเกษตรกร
และค่าใช้จ่ายบริหารจัดการโครงการประกันรายได้ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔
เห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ หรือโอนงบประมาณรายจ่าย หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรแล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ
เช่น ควรตรวจสอบเกษตรกรผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ
และกลไกการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาเป้าหมายกับราคาตลาดอ้างอิงอย่างเหมาะสม
ควรพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันในระยะยาว
และควรกำหนดทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจนในระดับนโยบายเกษตรเพื่อจัดทำแผนการประกันรายได้ของแต่ละพืชเศรษฐกิจ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
และให้รายงานผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานดังกล่าวเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินการตามโครงการ
ฯ ในคราวต่อไปด้วย ๒.
ให้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติกำกับติดตามการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาและเป้าหมายที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์การปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ
ปี ๒๕๖๑-๒๕๘๐ อย่างเคร่งครัดด้วย ๓.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการเพาะปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารแสดงสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดินและตามกฎหมายอื่นให้เหมาะสมและชัดเจน
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8934 | ขอเพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 | พณ. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติเพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ปีการผลิต ๒๕๖๓/๖๔ ตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเบื้องต้น เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน
๒๕๖๓ จำนวน ๒๘,๐๔๖.๘๒ ล้านบาท โดยขอวงเงินเพิ่มเติมอีก ๒๘,๐๔๖.๘๑ ล้านบาท เป็น
๕๖,๐๙๓.๖๓ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณและขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ และปีถัด ๆ ไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐาน เพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้องและทันต่อสถานการณ์
คำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
ควรบูรณาการข้อมูลด้านการลงทะเบียนเกษตรกร จำนวนเกษตรกร ปริมาณผลผลิตต่อไร่
จำนวนพื้นที่เพาะปลูก สถาบันเกษตรกร ให้ถูกต้องครบถ้วน ไม่ซ้ำซ้อน ควรให้มีระบบการรายงาน
การติดตาม
และการประเมินผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากการดำเนินโครงการ
เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน และควรกำหนดให้มีการจัดทำแผนปรับโครงสร้างการผลิตพืชหลายชนิด
โดยมีการสร้างความรับรู้และความเข้าใจในทุกมิติให้แก่เกษตรกรและหน่วยงานี่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วนทันต่อสถานการณ์ทางการตลาด
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามยุทธศาสตร์ข้าวไทย
ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๗ รวมทั้งแผนยุทธศาสตร์ของพืชเกษตรอื่น ๆ เพื่อปรับปรุง พัฒนา
และเพิ่มศักยภาพให้เกษตรกร และผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ
และปลายน้ำ มีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยังยืน ซึ่งจะสามารถลดการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐได้ในระยะยาว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8935 | ขอความเห็นชอบการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนการออกแบบและก่อสร้างงานโยธา การจัดหาระบบรถไฟฟ้า การให้บริการการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี กรณีโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีศรีรัช – เมืองทองธานี | คค. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในส่วนของเรื่อง
การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และรายงานผลการดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่
๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของเรื่อง
การปรับปรุงรายละเอียดของโครงการที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ ม๓๓ เรารักกัน
ของสำนักงานประกันสังคม ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๓.
ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น
หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องเร่งดำเนินโครงการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้อง ครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะเวลาดำเนินการ
และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
โดยไม่มีความซ้ำซ้อนของกลุ่มเป้าหมาย หรือสิทธิที่พึงได้รับจากภาครัฐไปแล้ว
ผ่านกลไกการตรวจสอบจากเลขบัตรประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก
โดยจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนเพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภาครัฐ และในกรณีที่พบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น
ให้เร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ได้โดยเร็วด้วย ๔. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8936 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-บราซิล | คค. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-บราซิล
และเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทย
โดยมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจฯ
ต่อไป โดยผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-บราซิล มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงข้อบทและสิทธิการบินภายใต้ความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทยกับบราซิล
(ฉบับลงนามเต็มเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๓๔) ประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑) ปรับปรุงความจุความถี่ในการรับขนทางอากาศระหว่างกัน
จากเดิมให้ทำการบินได้ ๓ เที่ยว/สัปดาห์ เป็น ๑๔ เที่ยว/สัปดาห์ (๒) ปรับปรุงการอนุญาตให้ดำเนินการ
จากเดิมที่แต่ละฝ่ายสามารถกำหนดสายการบินได้ฝ่ายละ ๑ สายการบิน
เป็นให้สามารถกำหนดได้หลายสายการบิน และ (๓) ปรับเพิ่มข้อบทให้สามารถทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน
(Code Share) ได้ เป็นต้น
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่าบันทึกความเข้าใจฯ
ไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และเห็นว่าร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทยเป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ
และเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาด้วย
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของฝ่ายไทยในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8937 | ขออนุมัติดำเนินงานก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 82 สายบางขุนเทียน–บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย–บ้านแพ้ว ในส่วนของงานโยธา ของกรมทางหลวง | คค. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้กรมทางหลวงดำเนินงานก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข ๘๒ สายบางขุนเทียน-นแพ้ว
ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ในส่วนของงานโยธา วงเงินค่าก่อสร้าง ๑๙,๗๐๐ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทางตามแผนประมาณการรายจ่ายที่จะขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังภายหลังได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม
(กรมทางหลวง) พิจารณาแนวทางการดำเนินการเพื่อให้สามารถเปิดให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข
๘๒ สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว เมื่อการก่อสร้างสายทางในระยะที่ ๑
ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย แล้วเสร็จด้วย
เพื่อเป็นการบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดบนเส้นทางดังกล่าว ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม
(กรมทางหลวง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ
และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
กรณีที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแล้ว
ให้กรมทางหลวงขออนุมัติแผนประมาณการรายจ่ายเพื่อดำเนินโครงการฯ กับกระทรวงการคลังภายหลังจากที่กระทรวงคมนาคมได้ออกกฎกระทรวงกำหนดให้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข
๘๒ สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว
เป็นทางหลวงที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวง เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8938 | การจัดกิจกรรมพระมหาสมณานุสรณ์ รัฐบาลไทยและองค์การยูเนสโกร่วมฉลอง 100 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พุทธศักราช 2564 | ศธ. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กิจกรรมพระมหาสมณานุสรณ์
รัฐบาลไทยและองค์การยูเนสโกร่วมฉลอง ๑๐๐ ปี แห่งการสิ้นพระชนม์
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พุทธศักราช ๒๕๖๔ ๑.๒ ให้หน่วยราชการแต่ละหน่วยใช้งบประมาณของตนเองในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ในการดำเนินงาน
หรือทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อจัดทำงบประมาณเพิ่มเติมได้ ๑.๓
ให้แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดกิจกรรมพระมหาสมณานุสรณ์
รัฐบาลไทยและองค์การยูเนสโกร่วมฉลอง ๑๐๐ ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พุทธศักราช ๒๕๖๔ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
เป็นประธาน ๒.
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ
ให้หน่วยราชการแต่ละหน่วยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ มาดำเนินการ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓.
ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมที่ขอเสนอให้เพิ่มเติมอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
เป็นกรรมการในคณะกรรมการอำนวยการจัดกิจกรรมพระมหาสมณานุสรณ์ รัฐบาลไทยและองค์การยูเนสโกร่วมฉลอง
๑๐๐ ปี แห่งการสิ้นพระชนม์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส พุทธศักราช
๒๕๖๔ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8939 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ 2/2563 | กษ. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยมีผลการพิจารณาเกี่ยวกับ (๑) การใช้มาตรการปกป้องพิเศษ
(Special Safeguard Measure : SSG)
ภายใต้ความตกลงองค์การการค้าโลก (World Trade Organization :
WTO) และความตกลงการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade
Area : AFTA) สำหรับสินค้ามะพร้าว ปี ๒๕๖๓ (๒)
การบริหารนำเข้าน้ำมันถั่วเหลืองและแฟรกชันของน้ำมันถั่วเหลือง
มะพร้าวและมะพร้าวฝอย เนื้อมะพร้าวแห้ง
และน้ำมันมะพร้าวและแฟรกชันของน้ำมันมะพร้าว ปี ๒๕๖๔ และ (๓)
การบริหารการนำเข้ามะพร้าวผลตามกรอบความตกลง AFTA ปี ๒๕๖๔
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์)
ประธานกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น
ควรประชาสัมพันธ์ถึงแนวปฏิบัติของการบริหารจัดการการนำเข้าสินค้าพืชน้ำมันและน้ำมันพืชดังกล่าวให้ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องรับทราบอย่างทั่วถึง
เพื่อให้การนำเข้าสินค้าพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเกิดประโยชน์สูงสุดในการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8940 | ขออนุมัติงบประมาณโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก | พณ. | 09/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกจากงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้แก่กระทรวงพาณิชย์ จำนวน ๑๘๘.๙๕
ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแล
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งควรพิจารณาความครบถ้วนและความถูกต้องของเอกสารหลักฐานที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการเก็บสต็อกภายใต้โครงการชดเชยดอกเบี้ยฯ
เพื่อให้การเบิกจ่ายค่าชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกมีความถูกต้อง
โปร่งใส และสามารถใช้เป็นหลักฐานในการตรวจสอบการดำเนินโครงการชดเชยดอกเบี้ยฯ
ในภายหลังได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|