ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 444 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 8861 - 8880 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8861 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 - | กค. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล
และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ประกอบด้วย รายงานผลการดำเนินงานปีบัญชี
๒๕๖๒ เปรียบเทียบกับปีบัญชี ๒๕๖๑ และทิศทางการดำเนินงานปี ๒๕๖๓ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้รับรองและได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี
๒๕๖๓ แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการคลังพิจารณาดำเนินการเก็บข้อมูลของการให้สินเชื่อของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการให้สินเชื่อและป้องกันการเกิดปัญหาหนี้สูญต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8862 | รายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2563 เรื่อง กลไกเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | ปปท. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ เรื่อง
กลไกเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.)
ได้จัดตั้ง “ศูนย์ไทยเฝ้าระวัง” ในสำนักงาน ป.ป.ท.
เพื่อปฏิบัติการเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณตามพระราชกำหนดฯ และเป็นศูนย์กลางประสานการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยได้ดำเนินการตามกลไกในการเฝ้าระวังตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน
๒๕๖๓ เช่น (๑) จัดทำเว็บไซต์ “ไทยเฝ้าระวัง” เพื่อเผยแพร่ข้อมูลการดำเนินงานให้ประชาชนและภาคส่วนต่าง
ๆ เพื่อร่วมเฝ้าระวังการทุจริต
และเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงาน รับเรื่องร้องเรียน
และแจ้งเบาะแสการทุจริตในโครงการ และ (๒)
วิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นในโครงการ จัดทำมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตในโครงการ
และเผยแพร่ประเด็นความเสี่ยงการทุจริตในแต่ละโครงการ เป็นต้น ตามที่สำนักงาน ป.ป.ท.
เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8863 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการสนับสนุนการปฏิบัติงานติดตามคนหาย พิสูจน์คนนิรนามและศพนิรนาม พ.ศ. .... | ยธ. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการสนับสนุนการปฏิบัติงานติดตามคนหาย พิสูจน์คนนิรนามและศพนิรนาม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการสนับสนุนการปฏิบัติงานติดตามคนหายและพิสูจน์ศพนิรนาม พ.ศ. ๒๕๕๘
โดยปรับปรุงให้ครอบคลุมการปฏิบัติงานด้านคนนิรนาม
เพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
อันจะเป็นการขยายโอกาสในการติดตามคนหายได้มากยิ่งขึ้น
รวมทั้งปรับปรุงชื่อและองค์ประกอบคณะกรรมการพัฒนาระบบการติดตามคนหายพิสูจน์คนนิรนามและศพนิรนามให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นด้วย
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เห็นว่า
ยังมีคนนิรนามอีกประเภทหนึ่ง คือ ผู้ป่วยที่สิ้นสุดการรักษาจากโรงพยาบาล
แต่ไม่สามารถติดตามครอบครัวได้
และอยู่ในการดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ซึ่งบุคคลดังกล่าวนี้ ควรได้รับการดูแลและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ
เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8864 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศการค้าและการพัฒนาแห่งแคนาดา | ศธ. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศ
การค้าและการพัฒนาแห่งแคนาดาว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษา (Memorandum of Understanding between the Ministry of
Education of the Kingdom of Thailand and the Department of Foreign Affairs,
Trade and Development of Canada Concerning Cooperation in Education) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการจัดหาครูชาวแคนาดาเข้ามาสอนในสถานศึกษาไทย
และเพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์ของโครงการครูชาวต่างประเทศ ได้แก่ (๑)
เพื่อปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนโดยรวมในสาขาวิชาภาษาต่างประเทศและอาชีวศึกษา
และ (๒) เพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ และสมรรถนะของนักเรียนในสาขาวิชาภาษาต่างประเทศและอาชีวศึกษา
โดยมีรูปแบบความร่วมมือที่หลากหลาย อาทิ การประชาสัมพันธ์โครงการฯ
การช่วยเหลือด้านการรับรองเอกสารการศึกษา และการเข้าร่วมในกระบวนการคัดเลือก
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่กับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8865 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2563 | นร.14 | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
(กนช.) ครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๓ ซึ่ง กนช.
ได้รับทราบและพิจารณาเรื่องที่หน่วยงานเสนอ รวมทั้งข้อสั่งการเพิ่มเติมของประธาน
กนช. ได้แก่
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการและนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดไว้ และแผนงานโครงการของหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณแล้ว
ขอให้เร่งดำเนินการและรายงานให้ กนช. ทราบด้วย และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติ
กนช. และข้อสั่งการของประธาน กนช. ครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ ตามที่ กนช. เสนอ ๒. ให้ กนช.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ประเด็นการดำเนินโครงการการหารือระดับประเทศด้านน้ำในไทย
ฝ่ายไทยควรต้องคำนึงถึงการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของโครงการต่าง ๆ
ในพื้นที่เขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor :
EEC) จากหน่วยงานฝ่ายเกาหลี
และองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organisation for
Economic Co-operation and Development : OECD) เป็นต้น
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8866 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ครั้งที่ 24 (The 24th GMS Ministerial Conference) | นร.11 | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
๖ ประเทศ ครั้งที่ ๒๔ (The 24th GMS
Ministerial Conference) โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายถาวร เสนเนียม) เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล
เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ซึ่งการประชุมมีหัวข้อหลัก คือ “มุ่งปูทางเพื่อการบูรณาการที่เพิ่มขึ้น
เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อความยั่งยืนและความเจริญมั่งคั่งในอนุภูมิภาค GMS” และมีผลการประชุมที่สำคัญ
เช่น รัฐมนตรี ๖ ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงได้รับรองแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีแผนงาน GMS
ครั้งที่ ๒๔ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ ๓
พฤศจิกายน ๒๕๖๓ และรับทราบรายงานของการประชุมเวทีหารือต่าง ๆ รวมทั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
(นายถาวร เสนเนียม) ได้มีข้อเสนอต่อที่ประชุมฯ เพื่อเน้นย้ำเจตนารมณ์ของไทยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
การพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-๑๙ และการพัฒนาความเชื่อมโยงทางด้านกฎระเบียบในอนุภูมิภาค
GMS และมอบหมายหน่วยงานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามผลการประชุม
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงแรงงานที่เห็นควรผลักดันให้ประเทศสมาชิก GMS เร่งใช้ประโยชน์จากระบบการอำนวยความสะดวกทางการค้าที่มีอยู่ภายใต้กรอบอาเซียน
อาทิ ระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน (ASEAN Single Window)
ระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (ASEAN Wide Self-Certification)
เป็นต้น รวมถึงเร่งพัฒนาระบบการอำนวยความสะดวกทางการค้าให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงอีกทางหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8867 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... | อก. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กระทรวงอุตสาหกรรมถอนร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า
ยังไม่มีความจำเป็นในการตราพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ
โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสมควรดำเนินการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวทางของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ และเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ ไปพลางก่อน เมื่อดำเนินการไประยะหนึ่งจนทราบถึงเป้าหมาย
ทิศทาง ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ชัดเจนแล้ว
และกรณียังมีความจำเป็นต้องมีหรือแก้ไขปรับปรุงกฎหมายใด
จึงค่อยพิจารณาจัดให้มีหรือแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8868 | (ร่าง) นโยบายแห่งชาติด้านยาและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. 2563 - 2565 | สธ. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบ (ร่าง) นโยบายแห่งชาติด้านยาและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕
ที่คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติได้ดำเนินการจัดทำขึ้น เป็นไปตามวิสัยทัศน์ “ประชาชนเข้าถึงยาจำเป็นที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง
ใช้ยาสมเหตุผล ประเทศมีความมั่นคงด้านยา อย่างยั่งยืนภายใน ๒๐ ปี”
โดยมีเป้าประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ระบบควบคุมยามีประสิทธิภาพและมีธรรมาภิบาล
มุ่งเน้นให้ประเทศมีความมั่นคงด้านยา
รวมทั้งเพิ่มความสามารถของอุตสาหกรรมผลิตยาในประเทศในการแข่งขันสู่ระดับสากล
ซึ่งได้มีการวางกรอบการดำเนินการผ่านยุทธศาสตร์ พันธกิจ
และเป้าหมายตัวชี้วัดที่ครอบคลุมการส่งเสริมและพัฒนาทุกภาคส่วนอย่างรอบด้าน พร้อมทั้งได้กำหนดกลไกการติดตามความก้าวหน้าผ่านการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ
๓-๔ ครั้ง/ปี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงศึกษาธิการ
เช่น (๑) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า ต้นทุนและผลประโยชน์
เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ (๒)
ควรพิจารณาเพิ่มแผนงานการส่งเสริมการผลิตยาสามัญ (Generic drug) รวมถึงยาที่หมดการครอบครองทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศและสร้างฐานการผลิตยาสามัญในประเทศ
(๓) ควรพิจารณาแนวทางการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้แผนการเสริมสร้างความสามารถด้านการผลิตวัตถุดิบทางยา
(๔) ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในสัตว์ที่ป่วย
รวมถึงการพัฒนาระบบการควบคุมการกระจายยาให้ครอบคลุมทั้งในคนและสัตว์ (๕) ควรพัฒนาการศึกษาและการให้ความรู้ต่อเนื่องแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและประชาชนผ่านการให้ความรู้ในช่องทางที่หลากหลาย
และไม่ควรผ่านหลักสูตรขั้นพื้นฐานเพียงอย่างเดียว และ (๖) ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานและนำ
(ร่าง) นโยบายแห่งชาติด้านยาฯ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕
ไปใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้
๒.๑ เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการกรอบแนวทางการดำเนินงานและการจัดลำดับความสำคัญของแผนงานและโครงการต่าง
ๆ ภายใต้ (ร่าง) นโยบายแห่งชาติด้านยาฯ พ.ศ.
๒๕๖๓-๒๕๖๕ กับ (ร่าง) ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG
Model) พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๙ ให้มีความสอดคล้อง เชื่อมโยง
และไม่ซ้ำซ้อนกัน ทั้งในระดับนโยบายและการปฏิบัติการ
รวมทั้งกำหนดตัวชี้วัดที่มีเป้าหมายร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ
เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรมได้โดยเร็ว
๒.๒ ประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการส่งเสริมการเพาะปลูกและใช้ประโยชน์จากพืชสมุนไพรที่มีศักยภาพในการผลิตยาอย่างเป็นระบบ
โดยให้ความสำคัญกับการขยายพื้นที่ปลูกพืชสมุนไพร พัฒนาทักษะของเกษตรกร
เพิ่มช่องทางการตลาด และส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าพืชสมุนไพร
รวมทั้งเป็นทางเลือกที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรด้วย
๒.๓ ศึกษาพฤติกรรมการจ่ายยาของสถานพยาบาลและการใช้ยาของประชาชนแต่ละกลุ่มในระบบบริการปฐมภูมิเพื่อนำข้อมูลไปประกอบการกำหนดแนวทางการพัฒนาระบบและกลไกการดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
การเข้าถึงยาจำเป็นของประชาชน และการควบคุมการกระจายยาภายใต้ (ร่าง)
นโยบายแห่งชาติด้านยาและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕
ที่ชัดเจนและสอดคล้องกับความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงอย่างรอบด้าน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8869 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2563/2564 | อก. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๓/๒๕๖๔ ทั้ง ๙ เขตคำนวณราคาอ้อย เป็นราคาเดียวทั่วประเทศ
ในอัตราตันอ้อยละไม่เกิน ๙๒๐ บาท ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส.
หรือเท่ากับร้อยละ ๙๘.๑๗ ของประมาณการราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ ๙๓๗.๑๙
บาทต่อตันอ้อย และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ ๕๕.๒๐ บาท ต่อ ๑ หน่วย
ซี.ซี.เอส และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๓/๒๕๖๔
เท่ากับ ๓๙๔.๒๙ บาทต่อตันอ้อย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม
(สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย) รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรพิจารณาทบทวนระเบียบมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และแนวทางการจัดเก็บรายได้เพื่อให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายมีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงพอในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
ควรพิจารณาถึงความจำเป็นและภารกิจของหน่วยงาน เป้าหมาย
ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับ ฐานะเงินนอกงบประมาณ
รายได้หรือเงินอื่นใดที่หน่วยงานของรัฐนั้นมีอยู่ หรือสามารถนำมาใช้จ่ายได้
และควรพิจารณามาตรการให้ความชวยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ชาวไร่อ้อยให้ได้ราคาอ้อยที่เหมาะสมกับต้นทุนการผลิตและมีผลตอบแทนที่สูงขึ้น
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8870 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (ครั้งที่ 2) (นายธัญญา เนติธรรมกุล) | ทส. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายธัญญา เนติธรรมกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๒)
ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8871 | การใช้ประโยชน์จากส่วนเกินหรือสิ่งเหลือใช้จากผลิตผลทางการเกษตรและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าทางการเกษตร | นร. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
โดยที่รัฐบาลได้กำหนดให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน
และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green
Economy : BCG Model) : โมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติ
ประกอบกับปัญหาสภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องที่นานาชาติให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น
เพื่อเป็นการส่งเสริมการขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG ดังกล่าว รวมทั้งเป็นการจูงใจเกษตรกรให้งดการจุดไฟเผาในพื้นที่การเกษตร
เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) และลดปัญหาสภาวะโลกร้อน
ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการป้องกันการกีดกันทางการค้าอันอาจอ้างเหตุมาจากการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อนด้วย
จึงมีมติ ดังนี้ ๑.
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เร่งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่/ประสานงานกันในการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการนำส่วนเกินหรือสิ่งเหลือใช้จากผลิตผลทางการเกษตรชนิดต่าง
ๆ เช่น ใบอ้อย ชานอ้อย กากน้ำตาล ฟางข้าว และซังข้าวโพดมาใช้ในด้านต่าง ๆ
ให้เกิดประโยชน์หรือเกิดมูลค่าสูงสุด เพื่อมิให้สิ่งของเกินหรือเหลือใช้เหล่านั้นต้องกลายเป็นขยะหรือของสูญเปล่าที่ต้องเผาทำลายไปโดยเปล่าประโยชน์
และก่อมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เช่น
การนำใบอ้อยไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าชีวมวล
การนำชานอ้อยไปผลิตเป็นวัสดุ/บรรจุภัณฑ์
๒. ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม
และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เร่งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่/ประสานงานกันในการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปรับปรุง
พัฒนา และยกระดับสินค้าส่งออกของประเทศในปัจจุบันในส่วนที่เป็นพืชผลทางการเกษตรและสินค้าแปรรูปขั้นพื้นฐานชนิดต่าง
ๆ โดยนำองค์ความรู้จากการวิจัย เทคโนโลยี
และนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ให้สามารถต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม
หรือเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งสามารถสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ
รวมทั้งลดภาระการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8872 | การเพิ่มจำนวนกรรมการของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) | พน. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะกรรมการของบริษัท
ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) มีจำนวนไม่เกิน ๑๕ คน
(นับรวมกรรมการซึ่งเลือกตั้งโดยที่ประชุมผู้ถือหุ้น
และประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
ซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ) ตามมาตรา ๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์
พันธ์มีเชาว์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8873 | รัฐบาลสาธารณรัฐตุรกีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทย (นางแซรัป แอร์ซอย) | กต. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางแซรัป แอร์ซอย (Mrs. Serap Ersoy) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายเอฟเรน ดาเดเลน อักกุน (Ms. EVren Dagdelen Akgun) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8874 | แต่งตั้งกรรมการอื่น (ผู้แทนกองทัพอากาศ) ในคณะกรรมการกำกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย | คค. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นาวาอากาศเอก วุฒิ
น้อยเชี่ยวกาญจน์ เป็นกรรมการอื่น (ผู้แทนกองทัพอากาศ)
ในคณะกรรมการกำกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย แทนกรรมการอื่นเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8875 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการบินพลเรือน | คค. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการบินพลเรือน
แทนกรรมการอื่นเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8876 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย (1. นายพรพจน์ เพ็ญพาส) | มท. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
ดังนี้ ๑. ให้คณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสียมีจำนวนทั้งสิ้น ๑๔ คน (นับรวมประธานกรรมการและกรรมการอื่นซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
กรรมการโดยตำแหน่ง และผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสียซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการโดยตำแหน่ง
ตามนัยมาตรา ๖ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒.
แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย รวม ๖ คน
เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ดังนี้ ๒.๑
นายพรพจน์ เพ็ญพาส ประธานกรรมการ ๒.๒
นายธงรบ ด่านอำไพ กรรมการอื่น
(ภาคธุรกิจ) ๒.๓ นายฆนัท ครุฑกูล กรรมการอื่น (ภาคธุรกิจ) ๒.๔ นายปริญญา
ยมะสมิต กรรมการอื่น (ภาคธุรกิจ) ๒.๕ นายวิชัย
โภชนกิจ กรรมการอื่น
๒.๖ พลเรือเอก
สุชีพ หวังไมตรี กรรมการอื่น (ภาคธุรกิจ)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8877 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายพรชัย ฐีระเวช และนายปิยกร อภิบาลศรี) | กค. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒.
นายปิยกร อภิบาลศรี ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต
(นักวิชาการสรรพสามิตทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพสามิต ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8878 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายใบน้อย สุวรรณชาตรี) | อก. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายใบน้อย สุวรรณชาตรี
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8879 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายจำเริญ โพธิยอด ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แทนนางปานทิพย์ ศรีพิมล ที่ลาออก และผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งแทนนี้ให้อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พ.ศ. ๒๕๐๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8880 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายเสข วรรณเมธี) | กต. | 23/02/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. นายเสข วรรณเมธี ตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต หัวหน้า คณะผู้แทนไทยประจำสหภาพยุโรป
ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม
อีกตำแหน่งหนึ่ง ๒. นางมาฆวดี
สุมิตรเหมาะ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ
กรุงธากา สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ๓. นายนนทวัฒน์
จันทร์ตรี ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ
กรุงราบัต ราชอาณาจักรโมร็อกโก
|