ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 388 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 7741 - 7760 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7741 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 38/2564 | นร.11 สศช | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๔ โดยให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดกระบี่ จังหวัดยโสธร จังหวัดอ่างทอง จังหวัดมุกดาหาร
จังหวัดพังงา จังหวัดพิจิตร และจังหวัดกาฬสินธุ์ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการหรือยกเลิกโครงการ/กิจกรรมที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
พร้อมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการโดยเร็ว
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
รายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลัง
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตามข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ.
๒๕๖๓ ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7742 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | กต. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้แทนฝ่ายไทยในการลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการสานต่อและใช้แทนที่บันทึกความเข้าใจฉบับที่มีการลงนามแล้วเมื่อวันที่
๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘ (ตามข้อ ๒) เพื่อกำหนดกรอบการดำเนินความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศในระยะ
๕ ปีข้างหน้า โดยให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหุตผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7743 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเเลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างกระวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างปี พ.ศ. 2564 - 2569 | วธ. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวัฒนธรรม
กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๙
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย
กับกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๙ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญมุ่งเน้นความร่วมมือทางวัฒนธรรมในทุกระดับผ่านความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนบุคลากร
การสัมมนา การประชุมเชิงปฏิบัติการ
การเพิ่มพูนการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างกันที่หลากหลาย เช่น ศิลปะการแสดง
วิจิตรศิลป์และศิลปกรรม มรดกทางวัฒนธรรม และภาพยนตร์ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวัฒนธรรม
กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๙ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหุตผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์กรระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและหมาะสมต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7744 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....[สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564)] | ปสส. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7745 | (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 - 2570) | นร.11 สศช | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบสาระสำคัญ
(ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐) และกรอบแนวคิดของการขับเคลื่อน
ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ การนำความคิดเห็นจากภาคส่วนต่าง
ๆ มาพิจารณาปรับปรุง (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐) ให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ ก่อนนำเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และคณะรัฐมนตรีพิจารณา
นั้น เป็นเรื่องที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต้องดำเนินการตามมาตรา
๑๕ และ ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑
อยู่แล้ว ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานงานกับสำนักงบประมาณ
เพื่อกำหนดกลไกที่เหมาะสมในการจัดสรรงบประมาณสำหรับสนับสนุนการขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
เพื่อให้การขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐) สามารถบรรลุผลตามเป้าหมายที่กำหนด ๓. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณและข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่าควรจัดทำประเด็นหรือจุดเน้นสำคัญตาม (ร่าง) แผนดังกล่าว
ที่ต้องเร่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ และจัดส่งให้สำนักงบประมาณเพื่อเป็นข้อมูล
และให้ความสำคัญแก่การสื่อสารและการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเนื้อหาของ (ร่าง)
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๓ แก่ทุกส่วนของสังคม ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7746 | โครงการสำคัญประจำปี 2566 ที่ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (ปี 2566 - 2570) | นร.11 สศช | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑
เห็นชอบโครงการสำคัญประจำปี ๒๕๖๖ ที่ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
(ปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐) จำนวน ๔๐๖ โครงการ
และเห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินการโครงการสำคัญ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางการดำเนินงานร่วมกันภายใต้แผนแม่บทย่อย
รวมทั้งพิจารณาความสอดคล้องกับประเด็นที่ต้องเร่งรัดดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ ตาม (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
โดยสำนักงบประมาณจะพิจารณารายละเอียดแผนงาน/โครงการ ตามแนวทาง/หลักเกณฑ์การพิจารณาจัดสรรงบประมาณต่อไป
และควรส่งข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมการพัฒนาการผลิตพืชสมุนไพรของจังหวัดสงขลามาเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินโครงการสำคัญฯ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปได้ด้วย ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์
ติดตามการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำโครงการต่าง ๆ
เพื่อรองรับการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนายุทธศาสตร์ชาติให้ครอบคลุมทุกมิติอย่างครบถ้วน
ร่วมทั้งเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่และความเชื่อมโยงในการขับเคลื่อนเป้าหมายแผนแม่บทย่อยทั้ง
๑๔๐ เป้าหมาย เพื่อให้การจัดทำโครงการสำคัญประจำปี ๒๕๖๖
ที่ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (ปี
๒๕๖๖-ปี ๒๕๗๐)
มีความต่อเนื่องและสามารถสนับสนุนการขยายตัวและต่อยอดห่วงโซ่คุณค่าของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7747 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | สธ. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบโครงการแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอกเมษายน ๒๕๖๔ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และอนุมัติการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จำนวนทั้งสิ้น ๑,๓๓๔,๙๔๕,๐๐๐ บาท และขยายระยะเวลาการดำเนินกิจกรรมและใช้จ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีและเงินเหลือจ่ายจากโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบไว้แล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔ วันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔ และวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7748 | ร่างพระราชบัญญัติอาหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....[สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2564)] | ปสส. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติอาหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7749 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาชนะและเครื่องใช้พลาสติกสำหรับอาหารต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาชนะและเครื่องใช้พลาสติกสำหรับอาหารต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมภาชนะและเครื่องใช้พลาสติกสำหรับอาหาร
ที่ผลิตจากสารเคมี เช่น พอลิเอทิลีน พอลิพรอพิลีน พอลิสไตรีน พอลิเอทิลีนเทเรฟแทเลต
พอลิไวนิลแอลกอฮอร์ และพอลิเมทิลเพนทีน เป็นต้น ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้มีความปลอดภัยจากสารเคมีปนเปื้อนที่อาจส่งผลต่อสุขภาพ
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7750 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุด และการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุด
และการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาการกำหนดจำนวนเงินสะสมสูงสุด
และการนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยเพิ่มหลักเกณฑ์การคำนวณจำนวนเงินสะสมสูงสุดในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการบริหารการคลังของรัฐ
และการกำหนดให้ทุนหมุนเวียนที่ใช้จ่ายเงินบรรลุตามวัตถุประสงค์หรือแผนการดำเนินงานของทุนหมุนเวียนแล้วและมีเงินคงเหลือหรือมีเงินคงเหลือเกินความจำเป็นในรอบบัญชีนั้น
ให้นำเงินดังกล่าวส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าในการใช้จ่ายเงินของทุนหมุนเวียนต่าง
ๆ ตามภารกิจ จะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่าและประหยัด
รวมถึงการใช้จ่ายของทุนหมุนเวียนจะต้องเป็นไปตามความจำเป็นของภารกิจ
ตลอดจนความสำคัญกับการจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7751 | การกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งที่รัฐวิสาหกิจนั้นอาจดำเนินการเองได้ ตามมาตรา 13 (2) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 กรณีการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) | รง. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดขอบเขตสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งที่รัฐวิสาหกิจนั้นอาจดำเนินการเองได้
ตามมาตรา ๑๓ (๒) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓
กรณีการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่
๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๔ ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงาน
รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ควรจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งจะได้รับเป็นสำคัญ
ตามความจำเป็น ความคุ้มค่า และประหยัด ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และจัดให้มีระบบการกำกับ ติดตาม และตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข อัตราที่กำหนด
และสามารถตรวจสอบได้ในทุกกรณี ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและครบถ้วนด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7752 | การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติ | นร.11 สศช | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแนวทางการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล
เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติ
ตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเสนอ
และให้ส่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เห็นว่า
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติควรจัดการประชุมชี้แจงให้ผู้ตรวจราชการของทุกส่วนราชการรับทราบรายละเอียด
ควรกำหนดค่าเป้าหมายของแผนย่อยของแผนแม่บทฯ เป็นรายปี
และควรพิจารณากำหนดประเด็นหรือจุดเน้นสำคัญตาม (ร่าง)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง
ชัดเจน
เพื่อให้การดำเนินการตามแนวทางการติดตามดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
โดยให้กำกับดูแลและบริหารจัดการฐานข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อให้ฐานข้อมูลของกลไกต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องมีมาตรฐานเดียวกัน
และสามารถบูรณาการและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันสำหรับการติดตาม ตรวจสอบ
และประเมินผล (Check) และการปรับปรุงการดำเนินงาน (ACT) ได้อย่างครอบคลุมและรวดเร็ว
รวมทั้งให้เร่งพัฒนากระบวนการทำงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามหลักการบริหารงานคุณภาพ
(PLAN DO CHECK ACT : PDCA) โดยเฉพาะการส่งเสริมให้เกิดกระบวนการเรียนรู้
การถ่ายทอดและการแลกเปลี่ยนข้อมูล/องค์ความรู้ที่สมบูรณ์
จากขั้นตอนการปรับปรุงการดำเนินการ (ACT) เพื่อนำไปสู่การพัฒนานโยบายหรือแนวทางต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในขั้นตอนการวางแผน (PLAN) ได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7753 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 5/2564 | นร.04 | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
(กตน.) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๔
และมอบหมายให้ส่วนราชการรับประเด็นและมติของที่ประชุม กตน. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยผลการประชุมฯ ประกอบด้วย (๑) การบริหารจัดการขยะติดเชื้อ
(ต้นทาง-กลางทาง-ปลายทาง) (๒) การขับเคลื่อนการเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ ๒๑ และ (๓)
(ร่าง) รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปีที่
๒ (๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓-๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔) (ฉบับที่ ๑)
ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7754 | การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความยากลำบากของเกษตรกร | นร. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
ปัจจุบันมีเกษตรกรจำนวนมากที่ประสบความเดือดร้อนและมีความยากลำบากในการประกอบอาชีพอันเนื่องมาจากปัญหาต่าง
ๆ หลายประการ เช่น ต้นทุนทางการผลิตสูง ราคาผลผลิตตกต่ำ
ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง
ขาดแคลนปัจจัยการผลิตและอุปกรณ์เครื่องมือทางการเกษตร
ขาดความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งในด้านของการผลิตและการตลาด เป็นต้น ดังนั้น
เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ดังกล่าว
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ)
เป็นประธานในการบูรณาการการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกระทรวงมหาดไทย เพื่อกำกับ
ติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในภาพรวม
ให้สามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างเป็นระบบและเกิดผลเป็นรูปธรรมได้อย่างรวดเร็วภายในฤดูการผลิตครั้งต่อไป
ทั้งนี้ ให้รายงานผลให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7755 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ (กปช.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | กปส. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ
(กปช.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และมอบหมายหน่วยงานภาครัฐรับข้อเสนอของประชาชนไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแนวทางการพัฒนาด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนของประเทศภายใต้นโยบายและแผนประชาสัมพันธ์แห่งชาติ
ฉบับที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งสรุปผลการดำเนินงานได้ ดังนี้
๑) สร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจของประชาชนต่อเรื่องสื่อสารที่สำคัญ ๒)
สร้างความตระหนักรู้ ทัศนคติเชิงบวก และการมีส่วนร่วมของประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศต่อการต่างประเทศ
๓) บริหารจัดการข้อมูลข่าวสาร พัฒนาสื่อสร้างสรรค์
สร้างการรู้เท่าทันและการมีส่วนร่วม ๔)
พัฒนาบุคลากรด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารมวลชนของประเทศในยุคดิจิทัล และ ๕)
ผลการดำเนินงานตามแนวทางการพัฒนาทั้ง ๔
แนวทางภายใต้นโยบายและแผนประชาสัมพันธ์แห่งชาติในระดับจังหวัด ทั้งนี้
ให้ทุกหน่วยงานร่วมดำเนินการส่งเสริมค่านิยมที่ดีของสังคมไทยโดยเน้นประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเทิดทูนสถาบันหลักของชาติน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอพียงเป็นแนวทางปฏิบัติในการดำรงชีวิต
ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7756 | การติดตามการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ของส่วนราชการโดยใช้กลไกประชารัฐตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีและการดำเนินงานเรื่องไทยนิยม ยั่งยืน | นร.12 | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบให้ใช้ระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR) เป็นระบบหลักในการรายงานและติดตามผลการดำเนินการของส่วนราชการตามยุทธศาสตร์ชาติ
แผนการปฏิรูปประเทศ นโยบายรัฐบาล รวมถึงการดำเนินนโยบายต่าง ๆ
ของส่วนราชการโดยใช้กลไกประชารัฐตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีและการดำเนินงานเรื่องไทยนิยม
ยั่งยืน ต่อไป ๑.๒ ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒
มกราคม ๒๕๕๙ (เรื่อง กลไกประชารัฐ) เฉพาะในส่วนของข้อ ๒
ที่มอบหมายให้ส่วนราชการรายงานความก้าวหน้าการใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายต่าง
ๆ ทุกเดือน โดยให้ทุกส่วนราชการส่งรายงานให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ภายในวันที่ ๕ ของทุกเดือน เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป ๑.๓ ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ (เรื่อง การทบทวนภารกิจการรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี)
เฉพาะในส่วนของข้อ ๑ ที่มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร.
รวบรวมและสรุปประมวลผลการรายงานความก้าวหน้าในเรื่องกลไกประชารัฐ
และการดำเนินงานเรื่องไทยนิยม ยั่งยืน ต่อนายกรัฐมนตรี ๒. ให้สำนักงาน
ก.พ.ร. ส่วนราชการ
และหน่วยงานของรัฐรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนำเข้าข้อมูลโครงการ/การดำเนินงาน
(M๑-M๕) ในช่วงไตรมาสที่
๑ ของปีงบประมาณ และรายงานผลการดำเนินงาน (M๖) เป็นรายไตรมาส ภายใน ๓๐ วันหลังสิ้นสุดแต่ละไตรมาสในระบบ eMENSCR อย่างเคร่งครัด และเห็นควรให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการใช้ระบบ eMENSCR ในการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลนโยบายหรือการดำเนินการอื่น ๆ
เพื่อเป็นการลดภาระในการรายงานผลและเป็นการบูรณาการช่องทางการรายงานผลของส่วนราชการในช่องทางเดียว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7757 | แผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงาน การจัดเก็บรายได้
และการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เช่น
การออกมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) การออกระเบียบและการประกาศรับซื้อไฟฟ้าโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา
(Solar Rooftop) เป็นต้น การจัดเก็บรายได้
และการใช้จ่ายงบประมาณ เป็นต้น ๑.๒ เห็นชอบแผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย
และประมาณการรายได้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ วงเงินงบประมาณรายจ่าย ๙๐๔.๗๖๙
ล้านบาท และประมาณการรายได้ ๑,๐๐๒.๗๗๑ ล้านบาท
ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามความในมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน
พ.ศ. ๒๕๕๐ ๒.
ให้กระทรวงพลังงาน (สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร.
เช่น เห็นควรที่กระทรวงพลังงาน (สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน)
จะได้รายงานผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินงานตามแผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดและเป้าหมายของแผนย่อยภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติในแต่ละระดับ
รวมถึงแผนการปฏิรูปด้านพลังงาน ตามที่กำหนดด้วย เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7758 | รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง ปี 2553 | ยธ. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองปี ๒๕๕๓ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔ และวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7759 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนามในการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 27 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | คค. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนามในการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน
ครั้งที่ ๒๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๗ ฉบับ ได้แก่ (๑)
ร่างแนวทางการดำเนินงานสำหรับการพัฒนาแผนการขนส่งในเมืองอย่างยั่งยืนในเมืองภูมิภาคขนาดใหญ่ของอาเซียน
(๒) ร่างชุดเครื่องมือสำหรับการจัดตั้งคณะเจ้าหน้าที่บริหารด้านการขนส่งในเมืองภูมิภาคขนาดใหญ่ของอาเซียน
(๓) ร่างปริญญาพนมเปญว่าด้วยการขนส่งในเมืองอย่างยั่งยืน (๔)
ร่างแนวปฏิบัติอาเซียน-ญี่ปุ่น
ในการตรวจประเมินมาตรฐานการบริหารจัดการโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (๕) ร่างรายงานผลการศึกษาการทดสอบระบบสาธิตการควบคุมยานพาหนะที่บรรทุกน้ำหนักเกินด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ
(๖) ร่างแผนปฏิบัติการ ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘
ของแผนยุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านการขนส่งอาเซียน-จีน ฉบับปรับปรุง และ (๗)
ร่างพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๑๒ ของบริการขนส่งทางอากาศ
ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน
ซึ่งจะมีการรับรองและลงนามในลักษณะเวียนภายหลังการประชุมฯ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองและลงนามเอกสารดังกล่าว
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนามในการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน
ครั้งที่ ๒๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องข้างต้น ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหุตผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่
๑๒ ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน ๓.
เมื่อลงนามในพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๑๒ ของบริการขนส่งทางอากาศ
ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียนแล้ว
ให้ส่งพิธีสารดังกล่าวให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
แล้วเสนอให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง
แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๔.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำสัตยาบันสารของพิธีสารดังกล่าว
และส่งมอบให้สำนักงานเลขาธิการอาเซียน
เมื่อรัฐสภามีมติเห็นชอบต่อพิธีสารดังกล่าวแล้ว ๕.
ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7760 | ผลการคัดเลือกเอกชน ผลการเจรจา และร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F | สกพอ. | 09/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๔
เกี่ยวกับผลการคัดเลือกเอกชนและผลการเจรจาของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่
๓ ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ซึ่งเป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยเอกชนที่ผ่านการคัดดเลือก ได้แก่
กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
กระทรวงคมนาคม การท่าเรือแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับให้เอกชนคู่สัญญาของโครการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง
ระยะที่ ๓ ในส่วนของท่าเทียบเรือ F
ดำเนินการตามสัญญาร่วมลงทุนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการลงทุนพัฒนาท่าเทียบเรือ F2 เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังในภาพรวม
รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรเร่งรัดการดำเนินโครงการฯ
ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลที่กำหนดไว้ ควบคุมต้นทุนการดำเนินโครงการฯ อย่างใกล้ชิดเพื่อให้การลงทุนเกิดความคุ้มค่า
ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามสัญญา
โดยกำหนดกลไกการตรวจสอบข้อมูลผลประกอบการที่เกิดขึ้นจริงของภาคเอกชน เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
การท่าเรือแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมเพิ่มมูลค่า (Value added Activities) การพัฒนาท่าเรือบก (Dry
Port) การเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยระบบขนส่งที่หลากหลายรวมถึงการบริหารจัดการขนส่งหลายรูปแบบ
(Multimodal Transportation) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนค่าขนส่ง
ซึ่งจะช่วยพัฒนาและขยายพื้นที่ของท่าเรือแหลมฉบังได้อย่างเต็มศักยภาพ |