ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 386 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 7701 - 7720 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7701 | การขยายระยะเวลาการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) | กก. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ รวม ๒ ฉบับ ได้แก่
ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ Special Tourist VISA (STV)
และ เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
เข้ามาท่องเที่ยวโดยเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช) โดยการขยายระยะเวลาการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) ไปอีก ๑ ปี
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕
เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ
และบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวได้บางส่วน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในการอำนวยความสะดวกและกำกับดูแลนักท่องเที่ยว
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้ง
ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ประเมินผลกระทบจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษดังกล่าว
เพื่อนำไปสู่การกำหนดทิศทางและนโยบายการท่องเที่ยวในระยะต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7702 | การยกเลิกการกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี | นร.08 | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ตามที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓ และขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปเป็นระยะต่อเนื่อง
โดยได้มีประกาศ เรื่อง
การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ ๓)
ลงวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ กำหนดให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงตามกฎหมาย
หรือที่เป็นผู้รักษาการตามกฎหมายหรือที่มีอยู่ตามกฎหมาย จำนวน ๓๑ ฉบับ
โอนมาเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราวเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการอนุญาต
อนุมัติ สั่งการ บังคับบัญชา หรือช่วยในการป้องกัน แก้ไข ปราบปราม
ระงับยับยั้งในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือฟื้นฟูหรือช่วยเหลือ ประชาชน นั้น
เพี่อให้ส่วนราชการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายที่ได้โอนเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว
สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามหน้าที่และอำนาจตามเช่นเดิม อันจะเป็นประโยชน์ในการเตรียมการให้สอดคล้องกับการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินในระยะต่อไป
จึงเห็นควรยกเลิกประกาศ เรี่อง
การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี
(ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔
ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
และมอบหมายให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยศูนย์ปฏิบัติการ
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7703 | การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) เพื่อสนับสนุนการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | รง. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7704 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน (เงินกู้เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่อง) วงเงิน 13,500.000 ล้านบาท และวงเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 800.000 ล้านบาท (วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ 2565 | คค. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทยจะดำเนินการกู้เงินได้ภายหลังจากวงเงินกู้ได้รับการบรรจุไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ที่ผ่านความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว สำหรับการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการกู้เงิน ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับเงินกู้เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ วงเงิน ๑๓,๕๐๐.๐๐๐ ล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้น (วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) วงเงิน ๘๐๐.๐๐๐ ล้านบาท โดยให้ดำเนินการคัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการขอเจรจาต่ออายุสัญญาเงินกู้ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๐๗๒๐/๑๔๒๒๕ ลงวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (หนังสือสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ นร ๑๑๒๔/๓๙๐๒ ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔) ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7705 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 4/2564 | นร.04 | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
(กตน.) ครั้งที่ ๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ และมอบหมายให้ส่วนราชการรับประเด็นและมติของที่ประชุม
กตน. เพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยผลการประชุมฯ ประกอบด้วย
(๑) การบูรณาการมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการสังคม (๒) การขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ
เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (๓) แผนงานและผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการบูรณาการและประสานการเชื่อมโยงฐานข้อมูลสารสนเทศด้านการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
และ (๔) รายงานการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี และงบประมาณที่เกินกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7706 | ขอยกเลิกพื้นที่แหล่งหินอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และจัดตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ในภาคใต้ | อก. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในการยกเลิกพื้นที่แหล่งหินอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และจัดตั้งโรงงานปูนซีเมนต์ในภาคใต้
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๓๘ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ และ ๑ บี
ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์
และอยู่ในเขตพื้นที่ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตอุทยานแห่งชาติขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้
จึงไม่สามารถประกาศเป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองแร่ได้ ตามพระราชบัญญัติแร่
พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรมีการตรากฎหมายเพื่อคุ้มครองพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เป็นการเฉพาะ รวมทั้งกำหนดคำนิยามแหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึมไว้ในกฎหมายให้ชัดเจน
เพื่อให้การคุ้มครองพื้นที่แหล่งต้นน้ำลำธารทั้งหมดของประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ในการกำหนดแนวทางการพัฒนาและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรรมชาติ
ควรเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการ
เพื่อป้องกันมิให้เกิดกรณีพิพาท และความขัดแย้งรุนแรง
ตลอดจนสร้างความเป็นธรรมในการจัดสรรทรัพยากร เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7707 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) | กค. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) (โรคโควิด ๑๙) โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ
เช่น (๑) ปรับวัตถุประสงค์การกู้ให้ครอบคลุมถึงการลงทุน ขยาย และปรับปรุงกิจการ
เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจ (๒) ขยายระยะเวลากู้เงิน
จากเดิมไม่เกิน ๕ ปี เป็นไม่เกิน ๑๐ ปี (ปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน ๒ ปี) และ
(๓) ปรับเงื่อนไขการชดเชยของรัฐบาล
โดยรัฐบาลจะชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing
Loans : NPLs) ร้อยละ ๑๐๐ สำหรับ NPLs ไม่เกินร้อยละ
๔๐
ของวงเงินสินเชื่อที่อนุมัติตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ ๑.๒ อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมจำนวนไม่เกิน
๑๓๕ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พร้อมทั้งมอบหมายให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
(ธพว.) ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมและความจำเป็นต่อไป
เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดย่อมสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น
และแบ่งเบาภาระในการผ่อนชำระหนี้เพื่อประคับประคองและฟื้นฟูภาคธุรกิจให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้
รวมถึงช่วยให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ ที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ๒. ให้กระทรวงการคลัง
โดย ธพว. รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรดำเนินการตามนัยมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้ครบถ้วน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7708 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ค่าวัสดุอาหารไม่เพียงพอ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | ยธ. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าวัสดุอาหารไม่เพียงพอ
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๓,๘๑๐,๖๘๖,๓๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรม
(กรมราชทัณฑ์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพลังงาน สำนักงานศาลยุติธรรม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๑
(เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าวัสดุอาหาร ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐)
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าวัสดุสาธารณูปโภค
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐) ที่ให้ดำเนินการตามแนวทางต่าง
ๆ เพื่อลดภาระงบประมาณค่าวัสดุอาหารของเรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานกักขังต่าง ๆ
ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรมติดตามและประเมินผลการดำเนินการดังกล่าว
และรายงานผลความก้าวหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยด่วนต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7709 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีเอเชียเรื่องความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการเติบโตสีเขียว (Chair's Summary of Asia Green Growth Partnership Ministerial Meeting) | พน. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7710 | ขอความเห็นชอบในหลักการโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบและผู้บ่มอิสระที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย ฤดูการผลิต 2562/2563 และรายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการส่งเสริมเกษตรกรให้เพาะปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนการปลูกยาสูบ | กค. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบและผู้บ่มอิสระที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย
ฤดูการผลิต ๒๕๖๒/๒๕๖๓ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบเนื่องจากขาดรายได้เพื่อใช้ในการดำรงชีวิต
และรับทราบรายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการส่งเสริมเกษตรกรให้เพาะปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนการปลูกยาสูบ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง การยาสูบแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรเร่งดำเนินโครงการในส่วนของการเพาะปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนการปลูกยาสูบ
เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่ต่อเนื่องและดำรงชีพได้อย่างยั่งยืนต่อไป
และการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ควรพิจารณาให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
พ.ศ. ๒๕๖๒
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการให้การยาสูบแห่งประเทสไทยจัดทำรายละเอียด
หลักเกณฑ์ และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือ
พร้อมทั้งตรวจสอบสิทธิของเกษตรกรผู้ปลูกต้นยาสูบที่จะได้รับความช่วยเหลือให้เกิดความโปร่งใส
ตรวจสอบได้
โดยปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี
พ.ศ. ๒๕๕๙ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7711 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสาร ASEAN Protocol for Preparedness and Response to a Nuclear or Radiological Emergency | อว. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสาร
ASEAN Protocol for Preparedness and Response to a
Nuclear or Radiological Emergency และมอบหมายให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ แจ้งการเห็นชอบร่างเอกสาร ASEAN Protocol for Preparedness and Response to a Nuclear or
Radiological Emergency ของประเทศไทยต่อเครือข่าย โดยร่างเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารทางวิชาการสำหรับหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสีในภูมิภาคอาเซียนใช้เป็นคู่มือในการเตรียมการรับมือและตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์หรือเหตุฉุกเฉินทางรังสีได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสาร ASEAN Protocol for Preparedness and Response to a Nuclear or
Radiological Emergency
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7712 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ยธ. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผู้กพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓๗๐,๐๖๖,๒๐๐ บาท
และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓๖๖,๘๖๕,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7713 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ของสำนักงานอัยการสูงสุด | อส. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ของสำนักงานอัยการสูงสุด วงเงิน ๑๑๙,๑๓๗,๘๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินงานสำหรับค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการ
ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับค่าครุภัณฑ์โครงการจัดหาอุปกรณ์ดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์
โครงการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบรักษาความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ เพื่อรองรับการดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์
และรายการรถยนต์หุ้มเกาะป้องกันกระสุน วงเงิน วงเงิน ๓๖๖,๒๓๐,๐๘๙ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
โดยพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานหรือแผนการใช้จ่าย
และให้สำนักงานอัยการสูงสุดสอบถามความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาและคำนึงถึงความเท่าเทียมของค่าตอบแทนระหว่างข้าราชการทุกประเภทด้วย
ตามความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ
และให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแลดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
และเร่งรัดการใช้จ่ายเงินให้ทันภายในปีงบประมาณเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7714 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2565 | กค. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติและรับทราบตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
ตามมติที่ประชุม ครั้งที่ ๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๔
ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
ที่ประกอบด้วย แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน ๑,๓๔๔,๗๘๓.๘๔ ล้านบาท
แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน ๑,๕๐๕,๓๖๙.๖๔ ล้านบาท และแผนการชำระหนี้ วงเงิน
๓๓๙,๒๙๑.๘๗ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๔ แห่ง
ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย การเคหะแห่งชาติ
และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ที่มีสัดส่วน DSCR ต่ำกว่า ๑ สามารถกู้เงินและบริหารหนี้ภายใต้แผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
โดยให้รัฐวิสาหกิจทั้ง ๔
แห่งดังกล่าวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการฯ ไปดำเนินการด้วย ๑.๓ รับทราบแผนความต้องการเงินกู้ระยะปานกลาง
๕ ปี (ปีงบประมาณ ๒๕๖๕-๒๕๖๙) และมอบหมายให้กระทรวงเจ้าสังกัดประสานงานกับรัฐวิสาหกิจที่เป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการในกลุ่มโครงการที่ยังขาดความพร้อมในการดำเนินการ
เพื่อเร่งรัดการดำเนินการและการลงทุนเพื่อเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐในระยะต่อไป ๑.๔
อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะฯ มาตรา ๗
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๗ แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ และมาตรา ๓
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕
และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข
และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกัน
และการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้
หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง
ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรติดตามและเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้
และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะแผนการกู้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
คุ้มค่า และเกิดประสิทธิผลต่อการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอย่างแท้จริง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7715 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กค. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๑,๐๐๘ ล้านบาท ให้แก่กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดสรรสวัสดิการแบบไม่กำหนดระยะเวลาสำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแก่ผู้มีรายได้น้อยภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ
(รอบใหม่) ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7716 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการและเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าปรับปรุงอาคารเรือนเจ้าจอมมารดาเลื่อนให้เป็นหอประวัติ ราชบัณฑิตยสภาและค่าควบคุมงานปรับปรุงอาคารฯ | นร. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานราชบัณฑิตยสภาเพิ่มวงเงินงบประมาณรายการค่าปรับปรุงอาคารเรือนเจ้าจอมมารดาเลื่อนให้เป็นหอประวัติราชบัณฑิตยสภา
ภายในกรอบวงเงิน ๔๙,๕๗๑,๙๐๐ บาท
โดยวงเงินค่าปรับปรุงอาคารที่เพิ่มขึ้น จำนวน ๒,๙๑๓,๐๐๐ บาท ดังกล่าว ให้สำนักงานราชบัณฑิตยสภาโอนเงินจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ แผนงานพื้นฐานด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
ผลผลิตการสร้างองค์ความรู้ในศาสตร์สาขาต่าง ๆ และกำหนดมาตรฐานการใช้ภาษา
งบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายโครงการ รู้ รัก ภาษาไทย ไปสมทบให้ครบค่างาน
สำหรับค่าควบคุมงานปรับปรุงอาคารเรือนเจ้าจอมมารดาเลื่อนให้เป็นหอประวัติราชบัณฑิตยสภา
ขอให้สำนักงานราชบัณฑิตยสภาจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่สอดคล้องกับระยะเวลาการปฏิบัติงานที่ชัดเจนและเหมาะสม
เพื่อให้สำนักงบประมาณพิจารณาให้ความเห็นชอบความเหมาะสมของราคาค่าควบคุมงานดังกล่าว
ก่อนเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7717 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ | ศธ. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์
(Memorandum of Understanding on Cooperation in the Field of Education between the Ministry of Education of the Kingdom of Thailand
and the Ministry of Education and Culture of the Republic
of Finland) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือด้านการศึกษาเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ
โดยมีรูปแบบความร่วมมือที่หลากหลาย อาทิ
การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการออกแบบและพัฒนาหลักสูตรการศึกษา ระบบการประเมินผล
และงานวิจัยทางการศึกษา
การส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือเพื่อพัฒนาการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานตั้งแต่ระดับปฐมวัย
ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา รวมถึงการอาชีวศึกษา การศึกษานอกระบบ
การศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษาตลอดชีวิต ตลอดจนความร่วมมือในการฝึกอบรมครูและบุคลากรทางการศึกษา
เป็นต้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7718 | ขอความเห็นชอบกรอบวงเงินกู้เงินระยะสั้น (Credit Line) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติกรอบวงเงินกู้ระยะสั้น (Credit Line) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
(กฟภ.) จำนวน ๕,๐๐๐ ล้านบาท เป็นระยะเวลา ๓ ปี
เพื่อให้ กฟภ. สามารถบริหารสภาพคล่องทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมหากมีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม
ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ.
รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรพิจารณาดำเนินการกู้เงินให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบหลักเกณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรา ๔๙
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย
โดย กฟภ.
เร่งประสานและเร่งรัดให้ส่วนราชการที่ค้างชำระค่าไฟฟ้าให้ดำเนินการชำระค่าไฟฟ้าให้กับ
กฟภ. โดยเร็ว รวมทั้งให้ กฟภ.
จัดเตรียมแผน/มาตรการรองรับในกรณีที่ยังไม่สามารถติดตามหนี้ค่าไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็วและครบถ้วน
เพื่อลดผลกระทบทางการเงินและปัญหาสภาพคล่องที่อาจเกิดขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7719 | การพิจารณารับรองร่างปฏิญญาของกลุ่ม 77 และจีน (Ministerial Declaration of the Group of 77 and China to UNCTAD XV: From inequality and vulnerability to prosperity for all) และร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม UNCTAD XV (The Bridgetown Covenant: From inequality and vulnerability to prosperity for all) | กต. | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาของกลุ่ม ๗๗ และจีน (Ministerial Declaration of the Group of 77 and China to
UNCTAD XV : From inequality and vulnerability to
prosperity for all) และร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม UNCTAD
XV (The Bridgetown Covenant : From
inequality and vulnerability to prosperity for all) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างเอกสารทั้ง
๒ ฉบับ โดยร่างปฏิญญาของกลุ่ม ๗๗ และจีน (Ministerial Declaration of the Group of 77 and China to
UNCTAD XV : From inequality and vulnerability to
prosperity for all) เป็นเอกสารท่าทีที่แสดงความมุ่งมั่นของกลุ่ม
๗๗ และจีนต่อบทบาทและภารกิจของ UNCTAD ตลอดจนผลการประชุม UNCTAD XV ที่จะมีการรับรองในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม UNCTAD XV (The Bridgetown Covenant : From inequality and vulnerability to prosperity for all) ที่จะมีการรับรองระหว่างวันที่ ๕-๗ ตุลาคม ๒๕๖๔ โดยร่างเอกสารดังกล่าวมีสาระสำคัญ เช่น ผลบกระทบโควิด-๑๙
ต่อการค้าและการพัฒนา การท้าทายระดับโลก การส่งเสริมความเข้มแข็ง (resilience) ความทั่วถึง
และความยั่งยืน การพัฒนาบทบาทของ UNCTAD ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาของกลุ่ม
๗๗ และจีน (Ministerial Declaration of the Group of 77 and
China to UNCTAD XV : From inequality and vulnerability to
prosperity for all) และร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม UNCTAD
XV (The Bridgetown Covenant : From
inequality and vulnerability to prosperity for all)
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7720 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์) | นร.10 | 28/09/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปิยวัฒน์
ศิวรักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ. สำนักงาน ก.พ. ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ. สำนักงาน ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม
๒๕๖๔ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|