ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 381 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 7601 - 7620 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7601 | การจัดทำข้อตกลงการบริหารจัดการกองทุนเสริมสร้างสันติภาพ (Peacebuilding Fund) ของสหประชาชาติ | กต. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบต่อการจัดทำข้อตกลงการบริหารจัดการกองทุนเสริมสร้างสันติภาพ [Peacebuilding
Fund (PBF)]
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับรายละเอียดการบริจาคเงินให้แก่ PBF และการบริหารจัดการ
PBF ตามข้อกำหนดและเงื่อนไข
ซึ่งจะบังคับกับองค์การที่เป็นผู้รับและตัวแทนบริหารจัดการให้ดำเนินการตามแนวทางที่สหประชาชาติกำหนดอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
โดยไม่มีการกำหนดพันธกรณีสำหรับผู้บริจาค โดยข้อตกลงฯ มีสาระสำคัญ เช่น (๑)
ผู้บริจาคโอนเงินสนับสนุน จำนวน ๑ แสนดอลลาร์สหรัฐ
ทันทีภายหลังจากการลงนามข้อตกลงฯ (๒) องค์การที่เป็นผู้รับดำเนินกิจกรรมตามแผนงานซึ่งผู้บริจาคได้ช่วยสนับสนุนทางการเงิน
(๓) ข้อตกลงฯ จะมีผลใช้บังคับเมื่อผู้เข้าร่วมได้ลงนาม
และอาจจะถูกยกเลิกได้โดยการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้า ๓๐ วัน
และจะมีผลใช้บังคับจนกว่าข้อตกลงจะสิ้นสุดหรือถูกยกเลิก ๑.๒ อนุมัติให้เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ
ณ นครนิวยอร์ก เป็นผู้ลงนามข้อตกลงฯ ของฝ่ายไทย ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7602 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ 1 บี และ 1 บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ และเพื่อใช้ประโยชน์ในการสร้างเส้นทางลำเลียงแร่ ทางตรวจการ พื้นที่รักษาความปลอดภัย และโครงการปลูกต้นไม้เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ระหว่างแปลงประทานบัตร ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดสระบุรี | อก. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ชี้แจงว่า พื้นที่ทั้งหมดที่เสนอขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ๑ บี และ ๑ บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่
รวมถึงพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ในการสร้างเส้นทางลำเลียงแร่ ทางตรวจการ
พื้นที่รักษาความปลอดภัย
และโครงการปลูกต้นไม้เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ระหว่างแปลงประทานบัตรที่ ๒๗๘๗๔/๑๔๗๖๖
และที่ ๒๗๘๙๓/๑๕๐๓๑ เนื้อที่ ๑๔๐ ไร่ ๒ งาน ๗๑ ตารางวา ของบริษัท ที่พีไอ โพลีน
จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดสระบุรี ในครั้งนี้
เป็นพื้นที่เดิมที่เคยได้รับการผ่อนผันให้ใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑
บี และ ๑ บีเอ็ม มาก่อนแล้ว สำหรับการดำเนินคดีอาญากับบริษัทฯ นั้น
พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องทุกคดีและคดีถึงที่สุดแล้ว
ส่วนคดีแพ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล
ซึ่งหากผู้ประทานบัตรกระทำผิดก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ทางราชการ ๒.
อนุมัติการขอผ่อนผันให้บริษัทฯ ใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑ บี และ ๑
บีเอ็ม
เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
ตามคำขอประทานบัตรที่ ๓-๗/๒๕๕๖ และที่ ๙-๑๑/๒๕๕๖
ซึ่งร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกัน และตามคำขอที่ ๒๗๓๔๐/๑๔๓๙๐ ๒๗๓๔๑/๑๔๓๙๑
และที่ ๒๗๓๔๘/๑๔๓๙๒ ของผู้ขอเอง และเพื่อใช้ประโยชน์ในการสร้างเส้นทางลำเลียงแร่ ทางตรวจการ พื้นที่รักษาความปลอดภัย
และโครงการปลูกต้นไม้เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ระหว่างแปลงประทานบัตร ตามคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าตามมาตรา ๕๔
แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ตามมติคณะรัฐมนตรี (วันที่ ๑๕
พฤษภาคม ๒๕๓๓ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ และวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔)
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำกับการประกอบกิจการของผู้รับประทานบัตรให้เป็นไปตามกฎหมาย
กฎ ระเบียบ และเงื่อนไขต่าง ๆ โดยเคร่งครัด รวมทั้งติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับบริษัทฯ
และกำกับดูแลให้บริษัทฯ ดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไป
ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม
เช่น สมควรผ่อนผันให้บริษัทฯ ใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑ บี และ ๑
บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่เฉพาะในพื้นที่ตามประทานบัตรเดิม ตามคำขอประทานบัตรที่
๓-๗/๒๕๕๖ และที่ ๙-๑๑/๒๕๕๖ คำขอที่ ๑๒-๑๗/๒๕๕๖ จำนวน ๑๔ แปลง (๓,๖๖๙ ไร่) เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7603 | รายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจำปี 2562 และรายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจำปี 2563 | นร.12 | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพัฒนาระบบราชการ
ประจำปี ๒๕๖๒ และรายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจำปี ๒๕๖๓ รวม ๒ ฉบับ
เป็นการรายงานผลการดำเนินงานที่สำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการ
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕)
พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๗๑/๑๐ (๑๐) ที่บัญญัติให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
มีอำนาจหน้าที่ในการจัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป ๒.
ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่เห็นควรเพิ่มความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการภาครัฐ
โดยเน้นการพัฒนาการทำงานของภาครัฐที่มีความสามารถสอดคล้องกับรูปแบบในฐานวิถีชีวิตใหม่
(New Normal)
และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้มาตรการการทำงานที่บ้าน (Work From Home) มาปรับใช้อย่างเหมาะสม
รวมทั้งมีการติดตามประเมินผลการทำงานในรูปแบบใหม่ดังกล่าวเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7604 | ร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติและวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ. .... (การพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ ในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2564) | ยธ. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระมหากษัตริย์ทรงมีแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์
โดยมีการตราพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ โดยในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ สมควรจะมีการพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์
เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี
อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
และให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องลับมาก ห้ามมิให้เสนอข่าว ให้ข่าว หรือให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้จนกว่าพระราชกฤษฎีกาจะประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระบบการรักษานอกเรือนจำ
เพื่อดูแลรักษาพยาบาลให้แก่ผู้ต้องโทษที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว
ซึ่งเป็นคนเจ็บป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เช่น
คนเจ็บป่วยซึ่งมีภาวะติดเตียงหรือมีโรคที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิต
คนเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และคนเจ็บป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
เป็นต้น ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7605 | แต่งตั้งประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (นายกุลเดช พัวพัฒนกุล) | กษ. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกุลเดช พัวพัฒนกุล เป็นประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย
แทนประธานกรรมการเดิม ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7606 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายธนา เวสโกสิทธิ์ ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | กต. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายธนา เวสโกสิทธ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๒. นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายจิตติพัฒน์ ทองประเสริฐ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ
กรุงเบิร์น สมาพันธรัฐสวิส ๔. นายภควัต ตันสกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพิธีการทูต ๕. นายนิพนธ์ เพ็ชรพรประภาส ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ
กรุงบูดาเปสต์ ฮังการี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7607 | การเปลี่ยนแปลงโฆษกหน่วยงาน (สำนักงาน ก.พ.) | นร.10 | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนแปลงโฆษกประจำสำนักงาน
ก.พ.
เป็นนายกิติพงษ์ มหารัตนวงศ์ ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการ ก.พ. แทนนายปิยวัฒน์
ศิวรักษ์ ตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ. (ในขณะนั้น)
เนื่องจากปัจจุบันได้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ. ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7608 | รายงานประจำปี 2563 ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) | สธ. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี
๒๕๖๓ ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานที่เด่น งบแสดงฐานะการเงินและงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้วเห็นว่า
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7609 | รายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี 2564 | สสว. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี
๒๕๖๔ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) สถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี ๒๕๖๔
เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross
Domestic Product : GDP) ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(Micro, Small and Medium-sized Enterprises : MSME) ปี ๒๕๖๓ มีมูลค่า ๕,๓๗๖,๐๖๖ ล้านบาท การค้าระหว่างประเทศของ MSME ปี ๒๕๖๓
การส่งออกของ MSME มีมูลค่า ๘๓๙,๗๕๐.๑๒
ล้านบาท ดัชนีความเชื่อมั่นของ MSME ปี ๒๕๖๓ อยู่ที่ระดับ
๔๒.๕ ซึ่งต่ำกว่าระดับค่าฐานที่ ๕๐ และการจ้างงานของ MSME
มีจำนวน ๑๒,๗๑๔,๙๑๖ คน คิดเป็นร้อยละ
๗๑.๗๐ ของการจ้างงานทั้งประเทศ (๒) สถานการณ์ MSME ในช่วง ๗
เดือนแรก (มกราคม-กรกฎาคม) ของปี ๒๕๖๔ เช่น มูลค่าการส่งออกของ MSME ในช่วง ๗ เดือนแรกใของปี ๒๕๖๔ มีมูลค่า ๖๐๘,๑๙๖.๒
ล้านบาท (๑๙,๙๒๑.๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขยายตัวร้อยละ ๓๐.๑
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและฐานที่ต่ำในปีก่อน
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7610 | การจัดทำแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. 2021-2023) | กต. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๓) โดยมีสาระสำคัญสรุปได้
ดังนี้ (๑) มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบกำหนดแนวทางการดำเนินความร่วมมือระหว่างไทยกับสาธารณรัฐฝรั่งเศสในระยะ
๓ ปี โดยเน้นความร่วมมือบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน
ภายใต้บริบทสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงยุทธศาสตร์ชาติของไทย การฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) และเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส
ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ภายในปี ๒๕๖๖ (๒) กรอบความร่วมมือ ๔ ส่วน ได้แก่
การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสันติภาพ เสถียรภาพและความมั่นคง
การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน
การเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชน
เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนผ่านการแลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์
ภาษาและวัฒนธรรม และการส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นระดับโลก
โดยให้ความสำคัญกับความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับทวิภาคี
ภูมิภาค และระหว่างประเทศ โดยให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เป็นผู้ลงนามร่างแผนการ (Roadmap)
สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๓) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
โดยปรับแก้ถ้อยคำในร่างแผนการฯ ฉบับภาษาไทย ส่วนที่ ๑ ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสันติ
เสถียรภาพและความมั่นคง ให้ตรงกับกฎหมายและหลักปฏิบัติภายในประเทศ ดังนี้ ๑. (ง)
คำว่า “การบ่มเพาะความรุนแรงและแนวคิดสุดโต่ง” ปรับแก้เป็น
“การบ่มเพาะแนวคิดสุดโต่ง” ๒. (ช) คำว่า “ขบวนการอาชญากรรม” ปรับแก้เป็น. “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ”
๓. (ช) คำว่า “การค้าอาวุธ” ปรับแก้เป็น “การลักลอบค้าอาวุธ” ทั้งนี้
เพื่อให้เป็นไปตามถ้อยคำจากร่างแผนการฯ
คู่ฉบับภาษาไทยและภาษาฝรั่งเศสเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับกฎหมายรวมถึงแนวปฏิบัติของหน่วยงานรับผิดชอบของฝ่ายไทย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๓) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหุตผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7611 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ... (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยื่นรายการ แบบ คำร้อง คำขอ หรือเอกสารอื่นใดตามประมวลรัษฎากร บนระบบอิเล็กทรอนิกส์ | กค. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ ... (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยื่นรายการ แบบ
คำร้อง คำขอ หรือเอกสารอื่นใดตามประมวลรัษฎากร บนระบบอิเล็กทรอนิกส์
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร ผู้มีหน้าที่นำส่งภาษี
ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือบุคคลใด สามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษี
แบบยื่นรายการนำส่งภาษี แบบยื่นรายการภาษี แบบนำส่งภาษี รายงาน บัญชีพิเศษ
บัญชีงบดุลหรือบัญชีอื่น ๆ ประกอบแบบแสดงรายการคำร้องคืนภาษีอากร คำร้องอุทธรณ์
คำร้อง คำขอ หรือเอกสารหรือหนังสืออื่นใดต่อกรมสรรพากร ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7612 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ
(กองทุนฯ)
ตามร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ พ.ศ. ....
ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งงที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้และสวัสดิการสำหรับแรงงานนอกระบบ
โดยมีข้อสังเกต ดังนี้ (๑) แผนรายรับของกองทุนฯ
ควรมีความชัดเจนและมีแหล่งรายได้ที่แน่นอน
พร้อมทั้งจัดทำแผนประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อหาสมาชิกให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม (๒)
แผนการดำเนินงานและวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ
จะต้องมีความชัดเจนและไม่ซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนอื่น และ (๓)
ไม่ควรกำหนดให้กองทุนฯ
เป็นแหล่งเงินงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานนโยบายแรงงานนอกระบบ
ควรดำเนินงานผ่านงบประมาณปกติของหน่วยงาน
รวมทั้งการกำหนดให้จ่ายเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีสิทธิอื่นใดแก่แรงงานนอกระบบ
ควรระบุสิทธิประโยชน์อื่นแก่แรงงานนอกระบบให้ชัดเจน ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้กระทรวงแรงงาน (สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เช่น ควรกำหนดแผนหรือมาตรการเพื่อรองรับกรณีรายรับไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ควรมีระบบติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายกองทุนฯ อย่างเนื่อง เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7613 | ถ้อยแถลงร่วมของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 1 (First Meeting of the International Forum on COVID-19 Vaccine Cooperation) | กต. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถ้อยแถลงร่วมของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ครั้งที่ ๑ (First Meeting of the International Forum on COVID-19
Vaccine Cooperation) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการผลิตวัคซีนและความร่วมมือด้านเทคโนโลยีในการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙
ให้วัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะที่สามารถเข้าถึงได้และมีราคาที่จัดหาได้มากขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาและเพื่อระดมความเห็นเพื่อสนับสนุนประชาคมโลกในการเอาชนะโควิด-๑๙
โดยถ้อยแถลงร่วมฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ครั้งที่ ๑ มีสาระสำคัญเพื่อเน้นย้ำว่าวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ เป็นสินค้าสาธารณะของโลก
และความสำคัญของแนวคิดวัคซีนพหุภาคีนิยม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7614 | การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร | นร.08 | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ขยายระเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๕ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ
ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่
๑๕) และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง
การให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนด
ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ รวม ๓ ฉบับ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน
แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7615 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคด้านสาธารณสุข) | กค. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคด้านสาธารณสุข)
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่า ของจำนวนเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาค
สำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร ให้แก่ศิริราชมูลนิธิ
หรือมูลนิธิจุฬาภรณ์ และยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ
และอากรแสตมป์ สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สินหรือการขายสินค้า
หรือสำหรับการกระทำตราสาร
อันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่มูลนิธิดังกล่าวที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับถึงวันที่
๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
โดยให้กำหนดวันเริ่มต้นการดำเนินการตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคด้านสาธารณสุขในร่างพระราชกฤษฎีกาตั้งแต่วันที่
๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
รับทราบหลักเกณฑ์เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคด้านสาธารณสุข
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
ตลอดจนติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7616 | ผลการประชุมความร่วมมือระดับสูงระหว่างไทย - มณฑลกวางตุ้ง ครั้งที่ 1 | กต. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมความร่วมมือระดับสูงระหว่างไทย-มณฑลกวางตุ้ง
ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานการประชุมฯ
ร่วมกับผู้ว่าการมณฑลกวางตุ้ง (นายหม่า ซิงรุ่ย)
ซึ่งฝ่ายกวางตุ้งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ และมีผู้แทนระดับสูงและผู้แทนจากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของทั้ง
๒ ฝ่ายเข้าร่วมประชุม
และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปฏิบัติตามผลการประชุมฯ
ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป โดยที่ประชุมฯ ได้หารือในเรื่องต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น
นโยบายและทิศทางความร่วมมือระหว่างไทยกับมณฑลกวางตุ้ง
การส่งเสริมความเชื่อมโยงเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกัน
เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ และการจัดตั้งกลไกการติดตามผลการประชุมฯ
ซึ่งฝ่ายไทยและฝ่ายกวางตุ้งมีข้อเสนอแนะในประเด็นต่าง ๆ เช่น
การเสริมสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม การส่งเสริมการค้าในรูปแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรหมแดนระหว่างกัน
และการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านกรอบเมืองพี่เมืองน้องมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7617 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
พ.ศ. ๒๕๓๙
โดยกำหนดให้กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการสามารถรับโอนเงินของสมาชิกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
หรือกองทุนอื่นที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายและมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันในกรณีการออกจากงานหรือชราภาพได้
แก้ไขเพิ่มเติมอัตราการส่งเสริมของสมาชิก โดยให้ส่งได้ไม่เป็นเกินร้อยละ ๓๐
ของเงินเดือน เพิ่มหลักเกณฑ์การบริหารเงินของสมาชิกผู้ถึงแก่ความตายในกรณีที่ผู้มีสิทธิรับมรดกยังไม่ยืนคำขอรับเงินที่สมาชิกมีสิทธิได้รับ
แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารเงินของสมาชิกซึ่งสิ้นสุดสมาชิกภาพ
และแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลงทุนของเงินของกองทุนในบัญชีเงินสำรองและบัญชีรายบุคคลของสมาชิกแต่ละคน
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7618 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (นายอิทธิพล คุณปลื้ม) ๒.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7619 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นางรัตนา จงสุทธานามณี) | นร.04 | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นางรัตนา จงสุทธานามณี เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7620 | ขอความเห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2565 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน ๒,๒๗๙.๗๘๑ ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
จำนวน ๓,๒๗๘.๘๖๖ ล้านบาท (รวมเป็นภาระที่รัฐต้องชดเชยทั้งสิ้น
๕,๕๕๘.๖๔๗ ล้านบาท) ตามมติคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔
เพื่ออุดหนุนทางการเงินโดยจ่ายชดเชยผลขาดทุนให้กับ ขสมก. และ รฟท. ในรูปของเงินงบประมาณ
ตามจำนวนส่วนต่างของประมาณการรายได้และต้นทุนการให้บริการสาธารณะ
เพื่อลดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของ ขสมก. และ รฟท ในการดำเนินการตามภารกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ขสมก. และ รฟท. ควรหาแนวทางในการลดกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
โดยเพิ่มรายได้ ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการให้บริการสาธารณะ
และปรับตัวแปรตามอัตราที่ใช้ในการคำนวณรายได้และต้นทุนค่าใช้จ่ายในการให้บริการสาธารณะตามผลที่เกิดขึ้นจริง
ให้ ขสมก. เร่งดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการที่สอดคล้องกับแผนการปฏิรูประบบรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร
และจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ให้ รฟท.
เร่งดำเนินการฟื้นฟูกิจการ โดยเฉพาะการหารายได้เพิ่มจากการถ่ายโอนสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทลูกของ
รฟท. เพื่อให้มีเงินสดเพียงพอต่อการดำเนินกิจการได้อย่างยั่งยืน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในครั้งต่อ ๆ ไป
ในกรณีที่กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย) มีความประสงค์จะปรับปรุงการให้บริการสาธารณะเพื่อคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะพิจารณาไม่น้อยกว่า
๕ เดือน ก่อนสิ้นปีงบประมาณ ตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๔ อย่างเคร่งครัด
|