ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 381 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 7601 - 7620 จากข้อมูลทั้งหมด 124006 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7601 | ร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 28 | กค. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ครั้งที่ ๒๘ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ครั้งที่ ๒๘ ในวันศุกร์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๔
ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
โดยมีประเด็นครอบคลุมการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
(โควิด-๑๙) และสนับสนุนให้เกิดความเข้มแข็ง ยั่งยืน ในทุกภาคส่วน
ควบคู่กับการดำเนินนโยบายทางการคลังและนโยบายอื่น ๆ
ตลอดจนการกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันในอนาคต ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยปรับปรุงร่างคำแปลฯ ย่อหน้าที่ ๑๕ แก้ไขจาก
เราตระหนักถึงผลลัพธ์ของรัฐมนตรีการค้าเอเปค เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๔
ที่มีการยกระดับวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปค ซึ่งได้รับการรับรองโดยรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง
เป็น เรายินดีกับการรับรองการยกระดับวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปคโดยรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง
และตระหนักถึงผลลัพธ์ของรัฐมนตรีการค้าเอเปค เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๔...
เนื่องจาก การยกระดับวาระการปฏิรูปโครงสร้างเอเปคไม่ได้เป็นผลลัพธ์จากการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค แต่ได้รับการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง
และย่อหน้าที่ ๒๓ แก้ไขจาก เรามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ เป็น
เรามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ซึ่งเป็นชื่อภาษไทยของ Economic
Committee ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ครั้งที่ ๒๘ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7602 | ขอความเห็นชอบการร่วมรับรองร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมแรงงานในอาเซียนให้มีความสามารถในการแข่งขัน ปรับตัวได้ และมีความคล่องตัวเพื่อรองรับอนาคตของงาน | รง. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการร่วมรับรองร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมแรงงานในอาเซียนให้มีความสามารถในการแข่งขัน
ปรับตัวได้ และมีความคล่องตัวเพื่อรองรับอนาคตของงาน และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ โดยร่างปฏิญญาฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของอาเซียนในการประสานงานและส่งเสริมในประเด็นต่าง
ๆ ได้แก่
การจัดทำมาตรฐานการพัฒนาฝีมือแรงงานที่สอดคล้องกันกับระบบการรับรองวิชาชีพ
การเพิ่มผลิตภาพแรงงานของประเทศสมาชิกอาเซียน
ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมและภาคธุรกิจ การเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการเจรจาทางสังคมและแรงงานสัมพันธ์
เป็นต้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมแรงงานในอาเซียนให้มีความสามรถในการแข่งขัน
ปรับตัวได้ และมีความคล่องตัวเพื่อรองรับอนาคตของงาน ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7603 | การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP 26) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 16 (CMP 16) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 3 (CMA 3) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบท่าทีเจรจาของไทยในการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔
เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการเจรจาสำหรับคณะผู้แทนของประเทศไทยในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖ (COP 26) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต
สมัยที่ ๑๖ (CMP 16) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๓
(CMA 3) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๙ ตุลาคม-๑๒
พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร และรับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนของประเทศไทยในการประชุมรัฐภาคีฯ
โดยกรอบท่าทีเจรจาฯ
มีสาระสำคัญครอบคลุมหลักการภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความตกลงปารีสที่ประเทศไทยให้ความสำคัญบนหลักการความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่าง
โดยคำนึงถึงขีดความสามารถของแต่ละประเทศ ที่คำนึงถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
การค้าและสังคม ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ส่วนองค์ประกอบคณะผู้แทนของประเทศไทยในการประชุมรัฐภาคีฯ ประกอบด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
รวมทั้งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ทรงคุณวุฒิ
และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดให้มีการเผยแพร่ผลการประชุมต่อสาธารณะภายหลังจากการประชุมรัฐภาคีฯ
เสร็จสิ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7604 | (ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย (Thailand's Long-Term Low Greenhouse Gas Emission Development Strategy) | ทส. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ
(ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย (Thailand’s Long-Term Low Greenhouse Gas Emission
Development Strategy) และเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแงดล้อม
โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยประสานงานกลางของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
จัดส่ง (ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ
ต่อสำนักเลขาธิการกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดย
(ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อเป็นกรอบดำเนินงานของประเทศไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
โดยกำหนดเป้าหมายที่จะมีระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดในปี ค.ศ. ๒๐๓๐
มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero GHG emissions) โดยเร็วที่สุดภายในครึ่งหลังของศตวรรษนี้ และมีความพยายามในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
(carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ. ๒๐๖๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า
เพื่อให้การดำเนินงานภายใต้ (ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ เกิดประสิทธิผลสูงสุด
ควรมีการเสริมสร้างขีดความสามารถและความตระหนักรู้ให้กับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ
(ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการเตรียมการและการกำหนดมาตรการเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว
นอกจากนี้ ประเทศพัฒนาแล้วกำลังพัฒนาส่วนใหญ่มุ่งไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี
ค.ศ. ๒๐๕๐ การที่ประเทศไทยกำหนดเป้าหมายไว้ในปี ค.ศ. ๒๐๖๕
อาจทำให้ได้รับผลกระทบจากกฎระเบียบทางการค้าใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นก่อนปี ค.ศ. ๒๐๕๐
และอาจทำให้ประเทศไทยพัฒนาไม่ทันประเทศอื่น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7605 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-ญี่ปุ่น (HLJC) ครั้งที่ 5 | กต. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7606 | รายงานการประเมินผลการดำเนินงานของเขตสุขภาพเพื่อประชาชน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 - 2564 | สช. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบรายงานการประเมินผลการดำเนินงานของเขตสุขภาพเพื่อประชาชน
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้การสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน
(กขป.) ต่อไป ซึ่งประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินงานของ กขป. เช่น ประเด็นสุขภาวะกลุ่มชาติพันธุ์และกลุ่มเปราะบางทางสังคม
ประเด็นอาหารปลอดภัย (๒) ข้อค้นพบสำคัญ กรรมการผู้แทนส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐมีแนวโน้มการมีส่วนร่วมในการประชุมน้อย
ส่งผลให้การบูรณาการขับเคลื่อนงานเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพในเขตพื้นที่เป็นการทำงานของ
กขป. ร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชนและภาคประชาสังคม
ทำให้การบูรณาการภารกิจและบทบาทหน้าที่เพื่อแก้ไขปัญหาเชิงระบบยังไม่เกิดขึ้นมากนัก
รวมทั้งยังไม่สามารถผลักดันเป็นนโยบายของหน่วยงานภาครัฐได้ (๓)
ปัจจัยความสำเร็จของเขตสุขภาพเพื่อประชาชน เช่น ความเข้าใจเรื่องบทบาทหน้าที่ของ
กขป. และ (๔) ข้อเสนอแนะสำหรับพัฒนา เช่น ควรสนับสนุนให้เกิดการแก้ไขปัญหาเชิงระบบ
ตามที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
ข้อเสนอของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เช่น ควรมีกระบวนการสนับสนุนให้ กขป. เกิดความเป็นเจ้าของในการดำเนินงานตามบทบาทหน้าที่
ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสุขภาพเชิงระบบ สนับสนุนงบประมาณในการจัดทำโครงการ ๆ
ของภาคเอกชนและภาคประชาสังคม และควรดำเนินการให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
โดยเน้นการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ
รวมถึงควรมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7607 | ผลการประชุมระดับสูงเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง (Asia and Pacific High-Level Conference on Belt and Road Cooperation) | กต. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับสูงเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยความร่วมมือสายแถบและเส้นทาง
(Asia and Pacific High-Level Conference on
Belt and Road Cooperation) เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายดอน ปรมัตถ์วินัย)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมฯ
และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่ เกี่ยวข้องตามผลการประชุมฯ
โดยมีเรื่องที่สำคัญ เช่น การส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยวัคซีนโควิด-๑๙
การเคลื่อนย้ายวัคซีนข้ามพรมแดน การดำเนินความร่วมมือเพื่อการพัฒนาสีเขียว
และการส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7608 | รายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 51 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.07 | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณพ.ศ.
๒๕๖๑ มาตรา ๕๑ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ในระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓-๓๐
กันยายน ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้รายงานต่อรัฐสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7609 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายการชนิดพันธุ์ไม้หวงห้ามเพิ่มเติมอีก
๒ ชนิด ได้แก่ (๑) เพิ่มไม้กฤษณาเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไม้หวงห้ามธรรมดา และ (๒)
เพิ่มไม้เทียนทะเลเป็นไม้หวงห้ามประเภท ข. ไม้หวงห้ามพิเศษ
เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้ดังกล่าวที่ขึ้นตามธรรมชาติ และปกปักษ์รักษาไม้ดังกล่าวให้คงอยู่ต่อไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรจัดให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจข้อบังคับทางกฎหมาย
ตลอดจนให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้สามารถยกระดับการดูแลรักษาพันธุ์ไม้ทั้งสองชนิดให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7610 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การเข้าถึงบทบัญญัติของกฎหมายตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ วุฒิสภา | สว. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การเข้าถึงบทบัญญัติของกฎหมายตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และการตำรวจ วุฒิสภา ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปผลการพิจารณาได้ว่า พระราชบัญญัตินี้ไม่ได้กำหนดสภาพบังคับไว้
โดยหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติดังกล่าว
รวมทั้งอนุบัญญัติที่ออกตามกฎหมายดังกล่าวถือเป็นหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด
ซึ่งหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม
หากไม่ปฏิบัติย่อมมีความผิดทางอาญาและทางวินัย ส่วนการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้ด้านกฎหมายให้กับประชาชน
ปัจจุบันระบบกลางดำเนินการระยะที่ ๑ เสร็จ และเปิดให้บริการแล้ว
สำหรับการดำเนินการในระยะที่ ๒
เกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลกฎหมายให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวกนั้น
มีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ในส่วนของการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องการรับรู้
การเข้าถึง และการเข้าใจกฎหมายให้กับประชาชน โดยจัดแบ่งกลุ่มกฎหมายให้เหมาะสมกับกลุ่มประชาชนนั้น
อาจใช้วิธีการดำเนินการจัดกลุ่มข้อมูลตามหมวดหมู่ของกฎหมายนั้น เช่น สวัสดิการ
แรงงาน และการขนส่ง และจัดกลุ่มโดยวิธีการใช้ป้ายคำ (ระบบ tag) เพื่อให้การจัดกลุ่มกฎหมายยืดหยุ่นขึ้น นอกจากนี้
การประเมินผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากการบังคับใช้กฎหมายและอนุบัญญัติที่ออกตามกฎหมายนั้น
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นหน่วยงานกลางที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ติดตาม
และเร่งรัดการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
รวมถึงการดำเนินการเกี่ยวกับระบบกลางด้วย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7611 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหอการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหอการค้า
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติหอการค้า
พ.ศ. ๒๕๐๙
โดยแก้ไขเพิ่มเติมหน้าที่ของหอการค้าให้ดำเนินภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการค้า
การเพิ่มข้อยกเว้นเพื่อให้หอการค้าสามารถประกอบวิสาหกิจเพื่อส่งเสริมการค้าได้มากขึ้น
และแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การเลิกหอการค้าเพื่อให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งยกเลิกการกำหนดเพดานอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าว
ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7612 | การดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศและการจัดทำกฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ | นร. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า แผนการปฏิรูปประเทศ รวม ๑๓ ด้าน
ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การประกาศแผนการปฏิรูปประเทศ ลงวันที่ ๖ เมษายน
พ.ศ. ๒๕๖๑ และแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง การประกาศแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ลงวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
มีระยะเวลาการใช้บังคับ ๕ ปี นับแต่วันที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ
ซึ่งจะครบกำหนดใช้ในวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๕ แต่โดยที่ยังมีกิจกรรมปฏิรูป
และข้อเสนอในการมีหรือแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย ภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ
ซึ่งหน่วยงานของรัฐยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จจึงมีมติ ๑. ให้ทุกหน่วยงานของรัฐที่จะต้องดำเนินการตามข้อเสนอภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศแต่ละด้านตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศที่ผ่านมา
รวมทั้งพิจารณาความสอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศกับสถานการณ์ของประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปว่ามีความจำเป็นเหมาะสมที่จะดำเนินการให้บรรลุผลหรือไม่
อย่างไร หากเห็นว่าการดำเนินการกิจกรรม/โครงการ/การดำเนินงานใดมีความสำคัญจำเป็นเร่งด่วนนั้น
เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7613 | รายงานงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 (เพิ่มเติม) ของการยางแห่งประเทศไทย | กษ. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (เพิ่มเติม)
ของการยางแห่งประเทศไทย จำนวนทั้งสิ้น ๑๔,๑๘๒.๕๐๗๙ ล้านบาท
โดยการยางแห่งประเทศไทยได้ปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (เพิ่มเติม)
ในส่วนของงบทำการกองทุนพัฒนายางพารา ส่งผลให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ ของการยางแห่งประเทศไทย ในส่วนของงบทำการ เพิ่มขึ้น ๑๐๘.๘๖๐๐ ล้านบาท
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7614 | การพิจารณาขยายเวลาการปรับลดอัตราเงินนำส่งจากสถาบันการเงินเป็นการชั่วคราวในปี 2565 | กค. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการพิจารณาขยายเวลาการปรับลดอัตราเงินนำส่งจากสถาบันการเงินเป็นการชั่วคราวในปี
๒๕๖๕ จากเดิมอัตราร้อยละ ๐.๔๖ ต่อปี
เป็นร้อยละ ๐.๒๓ ต่อปี จนถึงสิ้นปี ๒๕๖๕
เพื่อลดภาระต้นทุนทางการเงินของสถาบันการเงินและส่งผ่านต้นทุนที่ลดลงดังกล่าวไปช่วยบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชน
เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ มีความยืดเยื้อและมีความไม่แน่นอนสูง
ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประเมินแล้ว ไม่ส่งผลกระทบต่อการชำระดอกเบี้ยเงินกู้ FIDF 1 และ FIDF 3 แต่อย่างใด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7615 | รายงานประจำปี 2563 และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา | ศธ. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๓ มีผลการดำเนินงานจำแนกตามพันธกิจต่าง
ๆ เช่น พัฒนามาตรฐานวิชาชีพ และกำกับ ดูแลการประกอบวิชาชีพ พัฒนาวิชาชีพ
และส่งเสริมครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพ ประสาน
ส่งเสริม การศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพ
พัฒนาระบบบริหารจัดการโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
งบแสดงผลการดำเนินการทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7616 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2564 | กค. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน
(กนง.) ประจำครึ่งแรกของปี พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ เช่น (๑)
เป้าหมายนโยบายการเงิน กำหนดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ในช่วงร้อยละ ๑-๓ เป็นระดับที่เหมาะสมกับพลวัตเงินเฟ้อที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยเฉพาะจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย
รวมทั้งเอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับศักยภาพของระบบเศรษฐกิจไทย (๒)
ภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้ม ในช่วงครึ่งแรกของปี
๒๕๖๔ เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ ๑ หดตัวร้อยละ ๒.๖ จากระยะเดียวกันของปีก่อน แต่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่หดตัวสูงร้อยละ
๔.๒ คาดว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ ๑.๘ ในปี ๒๕๖๔
และจะกลับมาขยายตัวได้ที่ร้อยละ ๓.๙ ในปี ๒๕๖๕ และ (๓) การดำเนินนโยบายการเงิน
(อัตราดอกเบี้ย) ในช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๔ กนง. ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ
๐.๕๐ ต่อปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7617 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การบริหารจัดการฐานข้อมูลแห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน “สร้างความเท่าเทียม ดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง ช่วยเหลือทันท่วงที” ของคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา | สว. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง การบริหารจัดการฐานข้อมูลแห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
“สร้างความเท่าเทียม ดูแลประชาชนอย่างทั่วถึง ช่วยเหลือทันท่วงที”
ของคณะกรรมาธิการการแรงงาน วุฒิสภา ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า
การเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลด้านการเกษตรควรดำเนินการโดยศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมควรกำหนดหน่วยงานกลางที่จะดูแลการบริหารจัดการฐานข้อมูลแห่งชาติและกำหนดมาตรฐานการเชื่อมโยงข้อมูลของทุกกระทรวงรวมถึงการออกแบบและสร้าง
Digital Platform เดียวในการให้บริการประชาชน การกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารจัดการฐานข้อมูลแห่งชาติเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักในการรวบรวม
ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล
จะต้องไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ในการจัดเก็บข้อมูลใหม่ทั้งหมดควรพิจารณาถึงความเชื่อมโยงข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน
โดยตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการข้อมูลตามกรอบธรรมาภิบาลข้อมูล (Data
Governance) เพื่อกำกับดูแลข้อมูล
สำหรับข้อมูลของหน่วยงานที่ต้องเชื่อมโยงนั้นควรวางมาตรฐานกลาง
และระบบสนับสนุนการในเชื่อมโยงบูรณาการระบบข้ามหน่วยงาน
โดยคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเป็นหลัก
นอกจากนี้ ควรจัดทำฐานข้อมูลพื้นฐานครอบคลุมประชาชนไทยทุกคนโดยไม่จำกัดอายุ
เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงสิทธิที่พึงจะได้รับตลอดช่วงอายุ และเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐมีข้อมูลเพียงพอต่อการเสนอแนะนโยบายรัฐบาล
และหน่วยงานเจ้าของข้อมูลต้องมีการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน
รวมทั้งมีการตรวจสอบความถูกต้องเพื่อความพร้อมในการใช้งานได้ตลอดเวลา ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7618 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การเก็บอากรศุลกากรตามมาตรการปกป้องพิเศษ ตามความตกลงการเกษตรขององค์การการค้าโลก และความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน สำหรับสินค้ามะพร้าว พ.ศ.2564 | กค. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การเก็บอากรศุลกากรตามมาตรการปกป้องพิเศษ
ตามความตกลงการเกษตรขององค์การการค้าโลก และความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน
สำหรับสินค้ามะพร้าว พ.ศ. ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการปกป้องพิเศษ (SSG) สำหรับสินค้ามะพร้าวที่นำเข้ามาในประเทศไทยปี
๒๕๖๔ ตามประเภทพิกัด ๐๘๐๑.๑๒.๐๐ (มะพร้าวทั้งกะลา) ๐๘๐๑.๑๙.๑๐ (มะพร้าวอ่อน) และ
๐๘๐๑.๑๙.๙๐ (มะพร้าวอื่น ๆ) ภายใต้ความตกลงการเกษตรขององค์การการค้าโลก (WTO)
อัตรานอกโควตา และความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) รวมกันเกินกว่าปริมาณที่กำหนด (Trigger Volume) โดยให้กรมศุลกากรจัดเก็บภาษีอากรในอัตราที่เพิ่มขึ้น
มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ประกาศกำหนดให้เริ่มใช้มาตรการปกป้องพิเศษ จนถึงวันที่
๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7619 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสมศักดิ์ เพิ่มเกษร) | กปร. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายสมศักดิ์ เพิ่มเกษร
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7620 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (1. นายวิจารย์ สิมาฉายา ฯลฯ รวม 6 คน) | ทส. | 19/10/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก รวม ๖ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายวิจารย์ สิมาฉายา ประธานกรรมการ ๒. นายสมชาย รังษีธนานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจ ๓. นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน ๔. นายสุธา ขาวเธียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นายขวัญชัย ดวงสถาพร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านป่าไม้ ๖ นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอุตสาหกรรม
|