ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 384 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 7661 - 7680 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7661 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 39/2564 | นร.11 สศช | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๙/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ โดยให้จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดลำพูน จังหวัดนนทบุรี
จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดกาญจนบุรี
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ หรือยกเลิกกิจกรรมภายใต้โครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
พร้อมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการโดยเร็ว
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
รายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลัง และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้ความสำคัญกับการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทั้งในช่วงระหว่างดำเนินโครงการและภายหลังสิ้นสุดโครงการ
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานตามข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ พ.ศ.
๒๖๕๓ ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7662 | ร่างปฏิญญาทางการเมืองเรื่องการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการระดับโลกของสหประชาชาติเพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์ | กต. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาทางการเมืองเรื่องการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการระดับโลกของสหประชาชาติเพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์
ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ที่นครนิวยอร์ก ผ่านระบบออนไลน์ มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำถึงแผนปฏิบัติการระดับโลกของสหประชาชาติเพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์และคำมั่นในแผนดังกล่าว
และพิสูจน์ให้เห็นถึงเจตจำนงทางการเมืองที่เข้มแข็งในการดำเนินการร่วมกันอย่างเด็ดขาดเพื่อยุติอาชญากรรมร้ายแรงนี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใด
โดยมิได้ใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ
จึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาทางการเมืองเรื่องการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการระดับโลกของสหประชาชาติเพื่อปราบปรามการค้ามนุษย์ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7663 | การเข้าร่วมเป็นประเทศหุ้นส่วนด้านพลังงานภายใต้ยุทธศาสตร์สายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Energy Partnership: BREP) ของสาธารณรัฐประชาชนจีน | พน. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7664 | ขอความเห็นชอบแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (นายสมพร ศรีเมือง) | กษ. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสมพร ศรีเมือง เป็นผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ
๑๗๐,๐๐๐ บาท
และให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7665 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุม ครั้งที่ 15/2564 | นร.11 สศช | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการดำเนินการและคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการฯ
รวมถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของทางราชการโดยเคร่งครัด
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรซักซ้อมความเข้าใจร่วมกับผู้เสนอโครงการตั้งแต่ตอนการเสนอโครงการ
การอนุมัติและเบิกจ่ายเงินกู้และการรายงานผลการติดตามและประเมินผลโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในกรอบการดำเนินการและคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ โดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้ (๑)
อนุมัติให้กรมการจัดหางาน
ปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ
SMEs (๒) มอบหมายให้กรมสรรพากร
พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการภาษีที่กำหนดให้เงินอุดหนุนที่รัฐจ่ายให้นายจ้างจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้วแต่กรณีตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
(๓) เห็นชอบกรอบการดำเนินการและคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการ
รวมถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของทางราชการโดยเคร่งครัด
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
ที่ควรซักซ้อมความเข้าใจร่วมกับผู้เสนอโครงการตั้งแต่ตอนการเสนอโครงการ
การอนุมัติและเบิกจ่ายเงินกู้และการรายงานผลการติดตามและประเมินผลโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของกรอบการดำเนินการและคู่มือแนวปฏิบัติการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ปี ๒๕๖๕ ให้เป็นไปตามข้อ ๑ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7666 | การเพิ่มจำนวนกรรมการของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) | ดศ. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) มีกรรมการบริษัท จากเดิม ๑๑ คน
เป็น ๑๕ คน เป็นการเฉพาะราย ทั้งนี้
ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๖ วรรคสองประกอบกับข้อบังคับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ข้อ ๑๓
กำหนดให้คณะกรรมการของบริษัทประกอบด้วยกรรมการอย่างน้อยห้า (๕) คน แต่ไม่เกินสิบห้า (๑๕) คน ต่อไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และให้บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ
จำกัด (มหาชน) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่จะต้องพิจารณาดำเนินการคัดเลือกกรรมการที่มีสมรรถนะและความรู้ที่จำเป็นที่สอดคล้องกับภารกิจขององค์กรโดยเคร่งครัดต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7667 | ขอรับการสนับสนุนการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการด้านบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระยะที่ 4 (พ.ศ. 2566 - 2570) ของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ | นร.01 | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7668 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP 26) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 16 (CMP 16) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 3 (CMA 3) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร | ทส. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบสรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖ (COP 26)
การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๖ (CMP 16)
การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 3 (CMA 3) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร และถ้อยแถลงนายกรัฐมนตรีในการประชุมระดับผู้นำ
(World Leaders Summit) ในห้วงการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖ และมอบหมายให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องเร่งจัดเตรียมการดำเนินงานตามภารกิจเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของประเทศด้านการลดก๊าซเรือนกระจกและการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามถ้อยแถลงนายกรัฐมนตรีในการประชุมระดับผู้นำ
(World Leaders Summit)ในห้วงการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๖ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7669 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มมิตรประเทศลุ่มน้ำโขง | กต. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มมิตรประเทศลุ่มน้ำโขง เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วมการประชุม
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จาก ๑๓
ประเทศสมาชิก/ประเทศผู้สังเกตการณ์ และผู้แทนจาก ๔ องค์กรสมาชิกเข้าร่วม ซึ่งที่ประชุมฯ
ได้หารือเรื่องสำคัญ เช่น
การสนับสนุนบทบาทของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงและยุทธศาสตร์การพัฒนาลุ่มน้ำโขง ค.ศ.
๒๐๒๑-๒๐๓๐ การเข้าถึงพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน การพัฒนาขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
การฟื้นฟูที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การสอดประสานกับกรอบความร่วมมืออื่น
ๆ และการดำเนินการตามฉันทามติ ๕ ข้อ ของอาเซียนในการแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมา
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7670 | ข้อเสนอเชิงนโยบายของที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล ปี 2563 | พม. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเชิงนโยบายของที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล
ปี ๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน
๒๕๖๓ ได้พิจารณารับรองความเห็นและข้อเสนอแนะ
รวมทั้งสรุปปัญหาที่ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ประสบ
และข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยในส่วนของข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการตามนัยมาตรา
๓๒ (๓) แห่งพระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๑ นั้น ประกอบด้วย ๔ ประเด็น
สำคัญ เช่น ๑) ให้ทบทวนโครงการจะนะเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต
จังหวัดสงขลา และยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๒)
ควรจัดให้มีนโยบายการมีส่วนร่วมเพื่อบูรณาการการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่อ่าวบ้านดอน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี อย่างสมดุลและเป็นธรรม ๓)
ควรชดเชยทรัพย์สินให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่อาศัยในเขตพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่
จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดนครราชสีมา และ ๔) ผลกระทบจากโรงงานประกอบกิจการขยะ ๕
จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และสระแก้ว เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงอุตสาหกรรม ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำความเห็นและข้อเสนอแนะจากที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบลปี
๒๕๖๓ รวมทั้งความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่เห็นว่าการพัฒนาเศรษฐกิจ
สังคม
และสิ่งแวดล้อมในระดับมหาภาคมีหน่วยงานรับผิดชอบและมีบทบาทในการกำกับดูแลในเรื่องต่าง
ๆ ดังนั้น
หากมีการสนับสนุนทรัพยากรและองค์ความรู้ที่มีอยู่เพื่อนำนโยบายสู่การปฏิบัติเฉพาะเรื่อง
จะทำให้เกิดผลดีอย่างเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายข้อเสนอเชิงนโยบายดังกล่าว และคำนึงถึงหลักความเป็นธรรมในสังคมและประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
รวมถึงปฏิบัติตามความจำเป็นและภารกิจของหน่วยงานต่อไป
ไปพิจารณาประกอบการกำหนดนโยบายและแผนการพัฒนาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7671 | มาตรการสินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ | กค. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการสินเชื่อสร้างงาน
สร้างอาชีพ รวมถึงอนุมัติงบประมาณวงเงินรวม ๑,๕๐๐ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเยียวยาฟื้นฟูให้แก่ประชาชน ผู้เริ่มประกอบการ
ผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบการขนาดย่อม
และผู้ขับขี่รถสาธารณะที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเริ่มต้นในการประกอบอาชีพหรือเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ
ให้สามารถกลับมาประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารออมสิน) รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป
จัดลำดับความสำคัญของผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งติดตามดูแล
และควบคุมการดำเนินมาตรการให้เป็นไปตามคำสั่งและระเบียบภายในของธนาคาร
และพิจารณาเพิ่มกรอบวงเงินของมาตรการ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณให้ธนาคารออมสินดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7672 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3 | กค. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
(กองทุนฯ) เข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดเชยความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
(บัญชีสะสมฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๒,๕๐๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ
ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ
เนื่องจากจำนวนเงินดังกล่าวมีความเหมาะสมกับประมาณการกระแสเงินรับ-จ่ายของกองทุนฯ
ซึ่งจะทำให้กองทุนฯ มีเงินสดคงเหลือพอเพียงเพื่อสำรองเป็นการใช้จ่ายดำเนินงาน
และภาระชดเชยที่ต้องดำเนินการ อย่างไรก็ดี หากกองทุนฯ ได้รับเงินที่มีนัยสำคัญให้พิจารณาทบทวนเพื่อขออนุมัตินำส่งเงินเข้าบัญชีสะสมฯ
เพิ่มเติม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7673 | ขอความเห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลกสมัยสามัญครั้งที่ 12 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบข้อเสนอท่าทีไทยสำหรับการประชุมรัฐมนตรีขององค์การการค้าโลก
(World Trade Organization : WTO) สมัยสามัญ ครั้งที่ ๑๒ (the Twelfth Ministerial Conference :
MC12) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓๐
พฤศจิกายน-๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย พิจารณาใช้ดุลยพินิจตามสถานการณ์ ตามความเหมาะสม
ในเรื่องที่จะเป็นประโยชน์ของไทยต่อไป และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
ร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุม MC12 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ร่วมรับรองแถลงการณ์ของการประชุมรัฐมนตรีกลุ่มเคร์นส์
ในเรื่องเกษตรของ WTO โดยท่าทีไทยสำหรับการประชุม MC12
มีสาระสำคัญ เช่น การจัดทำความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนประมง
การปรับปรุงความตกลงเกษตร แผนการดำเนินการด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
การค้ากับการพัฒนา และการปฏิรูป WTO โดยยังไม่มีการทำความตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างกัน
สำหรับร่างแถลงการณ์ฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของสมาชิกเพื่อผลักดันให้มีข้อสรุปหรือมีความคืบหน้าในการเจรจาการเกษตรที่เป็นรูปธรรมภายในการประชุม
MC12 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารผลลัพธ์การประชุม MC12 และร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7674 | การจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้า | นร. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า ปัจจุบันมีการขยายโครงข่ายโทรคมนาคมเพื่อให้บริการแก่ประชาชนเพิ่มมากขึ้นในทุกพื้นที่ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ส่งผลให้มีการพาดสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าของทั้งการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอย่างหนาแน่น ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุและอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอยู่บ่อยครั้ง สมควรที่จะปรับปรุงพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคมดังกล่าวให้ทันสมัย มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เกิดภูมิทัศน์ที่สวยงาม สะอาดตา และประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากยิ่งขึ้น คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ดำเนินการ ดังนี้ ๑. ร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการกิจการโทรคมนาคม
และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนบูรณาการการจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าในเส้นทางหลัก
ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด โดยให้มีการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน
เพื่อลดจำนวนการพาดสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าโดยเร่งด่วน
รวมทั้งปรับปรุงระบบสายสื่อสารของผู้ประกอบกิจการให้มีสายสื่อสารปลายทางเพียงรายเดียว
(Single Last Mile) ๒. กำกับและติดตามผลการดำเนินการตามแผนบูรณาการฯ
อย่างต่อเนื่อง และรายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7675 | ขอขยายกลุ่มเป้าหมายในการรับรองหลักสูตรเพื่อพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐ | ดศ. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
โดยสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.)
รับผิดชอบดำเนินการรับรองหลักสูตรการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลในข้าราชการและบุคลากรของรัฐ
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๐ เรื่อง ร่างแนวทางการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐเพื่อการปรับเปลี่ยนเป็นรัฐบาลดิจิทัล
สำหรับข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ ๖ กลุ่ม ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูง
ผู้อำนวยการกอง ผู้ทำงานนโยบายและวิชาการ ผู้ทำงานด้านบริการ
ผู้ปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยี และผู้ปฏิบัติงานอื่น ๆ ทั้งนี้
ตามมติคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๔
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงาน ก.พ.ร. อาทิ
กระบวนการพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรต้องสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของดิจิทัลเทคโนโลยี
ไม่ควรดำเนินการไปในลักษณะของงานปกติประจำ
ควรมีการทบทวนและปรับปรุงมาตรฐานให้เป็นไปตามรอบระยะเวลาที่เหมาะสมและต่อเนื่อง
และหากมีการพัฒนาระบบการยื่นขอรับรองหลักสูตรในรูปแบบออนไลน์ได้จะช่วยลดระยะเวลาและขั้นตอนในการดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดย สดช.
เร่งกำหนดมาตรฐานของหลักสูตรการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลสำหรับข้าราชการและบุคลากรของรัฐในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
กำหนดกลไกการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ
และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นที่ยอมรับในสาขาที่เกี่ยวข้อง
อาทิ การพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลและด้านเทคโนโลยีดิจิทัล
เพื่อสร้างการยอมรับในฐานะหน่วยงานรับรองหลักสูตรการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล
รวมทั้งให้ร่วมกับสำนักงาน ก.พ.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐจัดฝึกอบรมในหลักสูตรการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลสำหรับข้าราชการและบุคลากรของรัฐที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
โดย สดช. เป็นลำดับแรก
เพื่อให้ข้าราชการและบุคลากรภาครัฐได้รับการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลภายใต้มาตรฐานเดียวกัน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7676 | ร่างข้อตกลงการขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันเพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโลก กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างข้อตกลงการขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันเพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโลก
กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงฯ
เพื่อดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยร่างข้อตกลงการขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจออกไปจนถึงวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๘ การแก้ไขปรับปรุงขอบเขตความร่วมมือตามพัฒนาการดำเนินงานให้เป็นปัจจุบัน
และการปรับปรุงข้อมูลรายละเอียดผู้ประสานงานภายใต้บันทึกความเข้าใจของทั้งสองฝ่าย
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่เห็นว่าหากมีประเด็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำในร่างข้อตกลงฯ
ให้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ โดยให้ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และมีการหารือสร้างความเข้าใจในการดำเนินงานร่วมกันเพื่อให้เกิดความชัดเจนและบูรณาการความร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมการพัฒนาโครงการเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวจากการปรับเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
และให้พิจารณาเรื่องการประเมินปริมาณการใช้ทรัพยากรน้ำทั้งภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อตกลงการขยายระยะเวลาบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันเพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโลก
กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7677 | ขอความเห็นชอบโครงการอาชีวะ สร้างช่างฝีมือ ตามแนวทางโรงเรียนพระดาบส | ศธ. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติโครงการอาชีวะ
สร้างช่างฝีมือ ตามแนวทางโรงเรียนพระดาบส จำนวน ๓๐ แห่ง ระยะเวลาดำเนินโครงการ ๑๐
ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๕ ในกรอบวงเงินทั้งสิ้น ๑,๐๖๐.๒๒ ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการดังกล่าว
เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)
จัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้
หากพิจารณาค่าใช้จ่ายตามกรอบวงเงินดังกล่าวจะพบว่ามีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอาคารเพื่อเป็นหอพัก
ค่าก่อสร้างหอพัก ตลอดจนค่าตอบแทนครูดูแลหอพัก วงเงิน ๓๗๑.๔๒ ล้านบาท ซึ่งจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดูแลอาคารภายหลังการปรับปรุงหรือก่อสร้างแล้วเสร็จ
ให้ สอศ. พิจารณาสถานศึกษาที่จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าวที่มีความพร้อมของสถานที่และบุคลากรครู
โดยร่วมกับชุมชนและท้องถิ่นเข้ามาส่วนร่วมในการบริหารจัดการ
เพื่อลดภาระงบประมาณในระยะยาว และเพื่อให้การดำเนินโครงการมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อนักเรียนที่เข้าร่วมโครงงการอาชีวะฯ
เห็นควรให้ สอศ. ติดตามผลการดำเนินงานและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการทุกปีการศึกษา
เพื่อนำผลการติดตามและประเมินผลดังกล่าว
ใช้เป็นแนวทางในการเสนอขอตั้งงบประมาณและการดำเนินโครงการในระยะต่อไปด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อสังเกต
และข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรพิจารณาจัดให้มีการศึกษาแนวโน้มสถานการณ์
ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อปะกอบการออกแบบและพัฒนาหลักสูตรให้มีความทันสมัย
ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน พิจารณาทบทวน
พัฒนาหลักสูตรเพื่อให้ผู้ที่จบการศึกษามีทักษะและสมรรถนะที่ตรงกับความต้องการของตลาดงาน
ติดตามและประเมินผลโครงการทุกปีการศึกษา เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7678 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-รัสเซีย สมัยพิเศษ | กต. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-รัสเซีย
สมัยพิเศษ ในโอกาสครบรอบ ๒๕ ปี ความสัมพันธ์คู่เจรจาอาเซียน-รัสเซีย เมื่อวันที่ ๖
กรกฎาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป โดยมีสาระสำคัญ เช่น
การหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าของความร่วมมือภายใต้แผนปฏิบัติการอย่างครอบคลุมเพื่อดำเนินการความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อาเซียน-รัสเซีย
ฉบับใหม่ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘)
ความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีนและยารักษาโรคโควิด-๑๙
การนำเสนอรายชื่อโครงการความร่วมมืออาเซียน-รัสเซีย ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
และนวัตกรรม เพื่อนาคตที่มั่งคั่งร่วมกัน และการย้ำความสำคัญของความเป็นแกนกลางของอาเซียนในสถาปัตยกรรมภูมิภาค
และกลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7679 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประสานความร่วมมือของส่วนราชการในการสำรวจและศึกษาวิจัยสมุนไพรและถิ่นกำเนิดของสมุนไพรในเขตอนุรักษ์ พ.ศ. .... | สธ. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการประสานความร่วมมือของส่วนราชการในการสำรวจและศึกษาวิจัยสมุนไพรและถิ่นกำเนิดของสมุนไพรในเขตอนุรักษ์
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการประสานความร่วมมือของส่วนราชการที่มีอำนาจหน้าที่
ในการสงวนและรักษาสภาพธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด
เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
พ.ศ. ๒๕๖๔
มีอำนาจเข้าไปในพื้นที่ได้มีการกำหนดเป็นเขตอนุรักษ์ในการสำรวจและศึกษาวิจัยสมุนไพรและถิ่นกำเนิดของสมุนไพร
เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการตามแผนการจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพร
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เช่น ในข้อ ๑๐ รายละเอียดของสมุนไพร ในเรื่อง ชื่อ (Name) เป็นคำที่กว้าง
ควรระบุให้ชัดเจนว่าเป็นชื่อใด เช่น ชื่อวิทยาศาสตร์ (scientific name) ชื่อท้องถิ่น
(local name) ชื่ออื่นหรือชื่อทั่วไป (vernacular
name) หรือชื่อสามัญ (common name) เพิ่มเติมคำนิยาม
คำว่า “การเข้าถึง” ให้ครอบคลุม กฎหมาย ระเบียบ ข้อตกลงและอนุสัญญาระหว่างประเทศ
และการดำเนินการใด ๆ ในพื้นที่ป่า ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าเมื่อมีการนำผลสำรวจและงานศึกษาวิจัยไปจัดทำแผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรแล้ว
ควรมีการวางแผนเผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการของสมุนไพรเพื่อให้ภาคส่วนต่าง ๆ
สามารถนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศต่อไป ควบคู่กับการนำสมุนไพรออกมาใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมและรัดกุม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7680 | ผลการหารือระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับนายชอง อึย-ยง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ | กต. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||